[นิยายแปล]ติดร่างแหไปต่างโลก แต่ต่างโลกดันสงบสุขซะงั้น - ตอนที่ 6
หลังจากที่ลิเลียซังเล่าเรื่องของจอมมารสุดอ่อนกับผู้กล้าในตำนานจบ เธอก็เปลี่ยนมาอธิบายเรื่องของราชอาณาจักรซิมโฟเนียกับบริเวณรอบๆแทน
「……ถ้าจะให้เล่าเรื่องที่สเกลกว้างๆติดต่อกันมันก็คงจะหนักไปหน่อย แถมทุกคนเองก็คงอยากจะจัดระเบียบความคิดด้วย เพราะงั้นขอเปลี่ยนมาอธิบายถึงเรื่องใกล้ๆตัวแทนนะคะ」
「นั้นสินะคะ。อีกอย่างเรื่องห้องเองก็น่าจะเตรียมไว้ใกล้เสร็จแล――อะ……」
「มีอะไรหรอลูน่า?」
「……ขอโทษด้วยคะคุณหนู。ดูเหมือนว่าฉันจะทำพลาดไปหน่อย เกี่ยวกับเรื่องของใช้ส่วนตัวของท่านมิยามะนะคะ คือว่า……」
「อะ……」
หลังจากที่ลิเลียซังอธิบายหลายๆอย่างจบ ลูน่ามาเรียซังก็ทำหน้าเหมือนกับจะนึกเรื่องอะไรออก และหลังจากที่เธอทำหน้าลำบากใจ เธอก็พูดออกมา ซึ่งก็เข้าใจได้ทันทีนั้นแหละ
โดยปกติที่คฤหาสน์ของลิเลียซังนั้นจะมีแต่ผู้หญิงอาศัยอยู่ เพราะงั้นเลยทำให้ไม่มีชุดสำหรับผู้ชายอยู่
「ลูน่า……ถ้าเป็นตอนนี้คิดว่ายังทันอยู่ไหม?」
「ยังทันคะ แต่ทว่า ต่อให้เป็นดิฉันเองก็คงไม่สามารถเลือกชุดที่จะใส่ให้ได้….」
「……คุณไคโตะ ขอโทษด้วยจริงๆนะคะ ดูเหมือนว่าฉันจะพลาดไปหน่อย พอดีที่บ้านหลังนี้นั้นไม่มีชุดสำหรับผู้ชายอยู่เลย เพราะงั้นเลยไม่สามารถเตรียมชุดสำหรับเปลี่ยนไว้ให้ได้นะคะ」
「……ผมไม่คิดมากหรอกครับ กะอีแค่เรื่องที่ต้องใส่ชุดเดิมซ้ำเพิ่มวันนึงนะ……」
「ไม่ได้คะ ยังดีที่ตอนนี้ไม่มืด เพราะงั้นซื้อใหม่ก็ได้คะ……ส่วนเรื่องชุดนอนหรือของใช้ส่วนตัวนั้นการจะให้ทางเราเป็นคนตัดสินใจเองมันก็ยังไงๆอยู่ ถึงจะทราบดีว่าอาจจะยังรู้สึกเหนื่อยๆอยู่ก็ตาม แต่ถ้าเป็นไปได้ช่วยไปซื้อชุดกับลูน่าหน่อยได้ไหมคะ?」
「เอ่อ、ครับ」
เอาจริงๆกะอีแค่ต้องใส่ชุดซ้ำวันนึงมันก็ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก……แต่ว่าสำหรับลิเลียซังที่บอกว่าตัวเองจะเป็นดูแลทุกอย่างให้คงไม่ยอมละมั้ง
「คุณหนูคะ มีงบประมาณไห้เท่าไรหรอคะ?」
「ก่อนอื่นก็ประมาณ100,000Rละกัน、ซื้อมาไว้สัก5ชุดสำหรับใส่สำรองด้วยนะ」
「หะ!?」
「เข้าใจแล้วคะ」
เดียวนะ 100,000Rนี่เท่า10ล้านเยนเลยไม่ใช่หรอ!?
นั้นมันไม่ใช่จำนวนที่มีไว้สำหรับซื้อเสื้อผ้าแล้ว!? เอ๊ะ? สำหรับขุนนางนี่เสื้อผ้า1ตัว นี่ราคา1ล้านเลยหรอ?
ในขณะที่ผมกำลังตกใจกับตัวเลขอยู่นั้น ลิเลียซังกับลูน่ามาเรียซังก็เตรียมเงินให้อย่างไว
「อะ เกือบลืมไป ไคโตะซัง อาโอยซัง ฮินะซัง ถ้าหากพกพวกอุปกรณ์ไฟฟ้าไว้ละก็ ขอรับฝากไว้ก่อนด้วยนะคะ พอดีว่าของพวกนั้นเป็นแหล่งรวมความรู้ของต่างโลกไว้ เพราะงั้นเลยต้องขอนำไปฝากให้กับเทพธิดาแห่งกฏก่อนนะคะ」
「อุปกรณ์ไฟฟ้า……หมายถึงพวกสมาร์ทโฟนสินะ」
「ถึงจะไม่ทราบว่า สมาร์ทโฟนที่พูดถึงมันคืออะไร แต่มันเคยมีเหตุการณ์ที่มีการจ้องจะขโมยอุปกรณ์ที่ผู้กล้าคนที่ก่อนๆนำมาด้วยนะคะ เพราะงั้นตอนนี้ก็เลยต้องเอาไปฝากให้กับเทพธิดาเพื่อเป็นหลักประกันความปลอดภัยก่อนคะ」
อย่างงี้นี่เอง สำหรับโลกนี้แล้วพวกอุปกรณ์ไฟฟ้านั้นเป็นเทคโนโลยีที่ไม่มีอยู่……เพราะงั้นอาจจะมีคนที่ต้องการมันอยู่ก็ได้ จะพูดว่าเป็นวิธีการรับมือที่ตรงจุดก็คงได้ แต่เอาเหอะ ถึงจะมีสมาร์ทโฟนไปก็ชาร์จแบตไม่ได้อยู่ดี แถมถ้าถ่ายรูปไว้ก็คงไม่ดีด้วยละมั้ง
หลังจากที่ลูน่ามาเรียซังเอากล่องที่มีลวดลายสวยงานมาให้ แต่ละคนก็ใส่สมาร์ทโฟนและนาฬิกาดิจิตอลลงไป ตอนแรกก็กังวลว่าแล้วจะดูเวลายังไงดี แต่ดูเหมือนว่าทางนั้นจะมีการให้ยืมนาฬิกาพกมาแทน แต่แค่ดูก็รู้นาฬิกาพกอันนี้ แม่งต้องราคาแพงโคตรๆชัว……รู้สึกว่าการพกไอ้นี้มันน่าจะอันตรายกว่าเห็นๆ
หลังจากนั่งรถม้ามาได้ประมาณ10นาที พวกเราก็มาถึงเมืองที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับยุโรปยุคกลาง และหลังจากที่ลงจากรถม้า พวกผมก็เดินไปยังร้านเสื้อผ้า และก็ได้ซื้อเสื้อผ้ามา5ชุด แล้วก็ซื้อพวกกับกางเกงในกับชุดนอนด้วย
คงต้องพูดว่าสมกับเป็นร้านที่มีไว้สำหรับขุนนางจริงๆ ไม่ว่าชุดไหนก็ให้สัมผัสที่ดีแถมยังให้ความรู้สึกว่าเป็นสินค้าที่ดูหรูหราอีกด้วย
ถึงจะพยายามเลือกชุดที่มันดูธรรมดาที่สุดแล้วก็ตาม แต่ราคารวมกันหมดนั้นก็ยัง 25,000R……2,500,000เยน ไม่อยากจะเชื่อเลยกะอีแค่การซื้อเสื้อผ้าถึงกับต้องใช้เงินถึง……2,500,000เยน เลยหรอ?
「……น่าจะซื้อชุดที่มันถูกกว่านี้จริงๆนั้นแหละ……」
「ท่านมิยามะ ท่านนะเป็นแขกของคุณหนู――แขกของขุนนาง ถ้าหากว่าท่านซื้อชุดที่ราคาถูกแล้วละก็ ภาพลักษณ์ของคุณหนูเองนั้นจะตกไปด้วยนะคะ」
「เป็นอย่างงั้นหรอครับ?」
「……สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าขุนนางก็เป็นแบบนั้นแหละคะ เป็นพวกที่ชอบอวดเบ่งกันไปมา แถมนี้ก็พามาร้านที่คิดว่าน่าเลือกได้ง่ายที่สุดแล้วด้วยนะคะ」
「นี้เรียกว่าง่ายหรอครับ……」
ในระหว่างที่พวกเราเดินเล่นพูดคุยกันอยู่บนถนนที่มีผู้คนพลุกผ่านเต็มไปหมดนั้น ผมก็สังเกตุเห็นคนที่ใส่ชุดที่มันดูเว่อวังแบบสุดๆอยู่ แต่ดูเหมือนว่าสำหรับขุนนางแล้วชุดนั้นโคตรจะธรรมดา
「แต่จะว่าไป ทำไมคนมันเยอะจังครับ」
「เหมือนว่าเราจะมาผิดเวลาจริงๆนั้นแหละคะ พอดีว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันปีใหม่พอดีด้วย」
อ่อเข้าใจละ สำหรับเราแล้วช่วงนี้น่ายังเป็นหน้าร้อนอยู่เลย……แต่สำหรับโลกนี้แล้วดูเหมือนว่าจะเป็นช่วงปีใหม่สินะ ถึงจะไม่รู้ว่าวันปีใหม่ที่โลกนี้เขาทำอะไรกันบ้าง แต่ถ้าที่นี่คือเมืองหลวง ก็น่าจะครึกครื้นกันน่าดูเลย
ในระหว่างที่คิดเรื่องอะไรพวกนั้นอยู่และช่วงที่กำลังเดินผ่านน้ำพุที่อยู่ใจกลางเมือง ก็หันไปเห็นรถม้าที่กำลังลอยอยู่
โอ้ รึว่านั้นคือเวทมนต์หว่า? ตอนที่ได้ฟังเรื่องเวทมนต์คงสภาพก็แอบคาดหวังไว้อยู่เหมือนกัน แต่ก็สมกับเป็นต่างโลกจริงๆ! การที่มีเวทมนต์มาข้องเกี่ยวกับชีวิตประจำวันแบบนี้มันน่าตื่นเต้นดีจริงๆ
「ลูน่ามาเรียซัง、ไอ้ที่กำลังลอยอยู่นั้นคือ――เอ๊ะ?」
ทั้งๆที่หันไปสนใจรถม้าที่กำลังลอยอยู่แค่แปปเดียวแท้ๆ พอหันกลับมาก็ไม่เห็นลูน่ามาเรียซังอยู่แล้ว ถึงจะมองไปรอบๆ แต่อาจจะเป็นเพราะมีผู้คนพลุกพล่านเต็มไปหมดก็เลยหาตัวลูน่ามาเรียซังไม่เจอ
อยู่ๆก็เกิดความรู้สึกใจหายขึ้นมาเฉย มันคือไอ้นั้นสินะ? แต่ถึงไม่ต้องบอกมันก็คงเป็นไอ้นั้นจริงๆนั้นแหละ?
「……หลงกันซะแล้ว?」
งานเข้างานเข้างานเข้า หาลูน่ามาเรียซังไม่เจอเลย!? จะไปตามหาก็มีคนเยอะแยะไปหมด แถมตอนขามาก็นั่งรถม้ามาด้วย เลยไม่รู้ทางกลับคฤหาสน์อีก
ทำไงดี!? ในเวลาแบบนี้มันไม่ควรเคลื่อนที่ตามใจชอบสินะ!? แต่ต่อให้รออยู่ตรงนี้ต่อไปก็คงโดนคลื่นฝูงชนพาไปที่ไหนสักแห่งแหงๆ……อะ ใช่แล้ว! ถ้าไปรออยู่ตรงหน้าน้ำพุอันใหญ่นั้นละก็!
เพราะต้องมาอยู่ในที่ที่ตัวเองไม่รู้จักคนเดียวมันทำให้รู้สึกกังวลจริงๆนั้นแหละ ไปอยู่แถวๆหน้าน้ำพุนั้นที่ค่อนข้างเด่นน่าจะดีกว่า
งานเข้าจนได้สินะ……ถึงจะเป็นต่างแดนก็เหอะ แต่อยู่ๆมากลายเป็นเด็กหลงแบบนี้ไม่ขำเลยนะ บางทีฝั่งลูน่ามาเรียซังเองก็น่าจะรู้ตัวและกำลังตามหาอยู่แน่ๆ แต่คนเยอะขนาดนี้จะหากันเจอไหมนิ? ชิบละ เริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมาอีกละ!? ทำยังไงดี……
「เป็นอะไรรึป่าว? เหมือนกำลังลำบากใจเรื่องอะไรสักอย่างอยู่?」
「……เอ๊ะ?」
ในขณะที่กำลังกุมขมับอยู่หน้าน้ำพุนั้น ทั้งๆที่มีผู้คนมากมายอยู่ขนาดนี้แต่ถึงอย่างงั้นกับไปยินเสียงนั้นชัดเจน ก็เลยหันไปทางต้นเสียงนั้น และเหมือนกับทุกอย่างถูกหยุดลง ถ้าจะให้พูดให้ถูกก็เหมือนกับว่าสายตาของผมนั้นถูกขโมยไปมากกว่า
ที่ด้านหน้าของผมนั้นมีเด็กที่น่าจะสูงไม่ถึง140เซนอยู่ แต่บรรยากาศรอบๆตัวเธอนั้นเหมือนกับอยู่คนละมิติเลย อาจจะเป็นเพราะแสงที่ส่องลงมากระทบโดนเส้นผมสีเงินตัดสั้นจนสะท้อนแสง แล้วก็ดวงตาสีทองที่งดงามดั่งอัญมณี อีกทั้งใบหน้าที่ดูน่ารักจนมองไม่ออกว่าเป็นเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชาย……แล้วก็เพราะเสื้อผ้าที่เด็กคนนั้นใส่ซึ่งดูคล้ายกับเสื้อโค้ด――เสื้อคลุมแขนยาวมันทำให้เหมือนกับเป็นงานศิลปะดีๆชิ้นนึงเลย เพราะงั้นผมเลยเผลอมองไปโดยไม่รู้ตัว
「เอ่อ? เป็นอะไรรึป่าว?」
「เอ่อ、คือ……」
「นี่เธอ、เป็นคนจากต่างโลกสินะ。หรือว่ากำลังหลงทางอยู่หรอ? ถ้าไม่ได้คิดมากละก็ปรึกษาผมได้นะ~」
「เอ๊ะ?」
รอยยิ้มของเด็กคนนั้นสดใสเหมือนกับดอกไม้ และน้ำเสียงที่ฟังดูเป็นมิตรนั้น……เอ๊ะ เดียวนะ คนต่างโลก? ทำไมถึงรู้เรื่องนั้นได้ละ?
「พลังเวทย์ที่รู้สึกได้มันคล้ายๆกับของผู้กล้านะ แล้วก็เสื้อผ้าที่ใส่อยู่ก็เป็นของที่ไม่ค่อยมีให้เห็นด้วย~เพราะงั้นก็เลยคิดว่าเป็นแบบนั้นนะ」
「เอ่อ……」
ถ้าเรื่องชุดก็พอเข้าใจอยู่ แต่พลังเวทย์นี่หมายถึงสิ่งจำเป็นสำหรับใช้เวทมนต์สินะ……ไอ้นั้นมันเป็นสิ่งที่เห็นได้ด้วยหรอ?
「จะพูดไงดีละ แทนที่จะบอกว่าเห็นน่าจะใช้คำว่ารู้สึกได้น่าจะเข้ากว่าแหะ」
「อ่อ、อย่างงี้นี่……เอ๊ะ?」
เมื่อกี้เราไม่พูดออกไปสินะ? หรือว่าเด็กคนนี้มีพลังจิตกัน?
「ahaha ก็สิ่งที่เธอคิดมันออกทางสีหน้าหมดเลย เพราะงั้นก็เลยเข้าใจง่ายสุดๆไปเลยนะ」
「อั๊ก……」
「อะ ขอโทษขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะล้ออะไรหรอกนะ แต่กลับกันผมกับชอบแบบนั้นมากกว่าซะด้วยซ้ำ」
พอได้เห็นรอยยิ้มที่น่ารักพร้อมกับการการแสดงสีหน้าที่หลากหลายของเด็กคนนั้นแล้วรู้สึกสบายใจขึ้นมายังไงไม่รู้แหะ แต่ว่า ทั้งๆที่น้ำเสียงกับรูปร่างดูน่าเป็นเด็กอยู่แท้ๆ แต่บรรยากาศรอบๆกลับให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นผู้ใหญ่เลย
「แต่เอาเถอะ เรื่องนั้นช่างมันไปก่อน……ถึงผมจะมีรูปร่างแบบนี้ แต่ผมก็มีชีวิตอยู่มายาวนานกว่าเธอเป็นร้อยๆเท่าเลยนะ เพราะงั้นถ้ากำลังลำบากละก็ผมช่วยได้นะ?」
「……หลายร้อยเท่า?」
「อืม! อะ เข้าใจละ เธอเพิ่งจะเคยเห็นเผ่ามารเป็นครั้งแรกสินะ? ผมมีชื่อว่าโครมเอน่า……แต่จะเรียกว่า โครม หรือ เอน่า หรือ คุโระ ก็ได้เรียกได้ตามใจชอบเลยนะ~」
เผ่ามาร!? เมื่อกี้พูดว่าเผ่ามารสินะ? ดูไม่เห็นต่างกับมนุษย์ปกติเลยนิ……
「ถ้ามีเขาด้วยน่าจะดีกว่าหรอ? ถ้างั้น แบบนี้ละเป็นไง!」
「แล้วทำไมต้องเป็นเขาตรงจมูกด้วยฟะ!?」
「หึหึหึ ถึงจะเห็นแบบนี้ก็เหอะ แต่ผมก็รู้เรื่องของต่างโลกดีเหมือนกันนะ! อย่างเช่นเรื่องที่ถ้าโกหกแล้วเขาตรงจมูกจะยาวขึ้น? อะไรแบบนั้นนะ!」
「ไม่ใช่ละ เรื่องนั้นมันต้องจมูกตั้งหากที่ยาวขึ้นนะ」
「เอ๊ะ?」
ถึงจะไม่รู้ว่าทำได้ยังไงก็ตาม แต่ก็เผลอไปตบมุกเรื่องเขางอกออกจากจมูกไปซะงั้น ทันใดนั้นมารที่ชื่อโครมเอน่าก็ลบเขาที่งอกตรงจมูกออกไป เธอก็หันมาพร้อมกับยิ้มอ่อนๆให้และพูดต่อ
「แล้วเธอละมีชื่อว่าอะไรหรอ?」
「อะ ฉันชื่อ มิยามะ ไคโตะ……」
「ไคโตะคุงสินะ! ยินดีที่ได้รู้จักนะ」
「ยิ ยินดีที่ได้รู้จักครับ เอ่อ โครมเอน่าซัง」
「ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ จะเรียกคุโระเฉยๆเลยก็ได้นะ」
「เอ่อ ถ้างั้นก็ฝากตัวนะ คุโระ?」
「อืม ฝากตัวด้วยนะ แล้วก็เพื่อเป็นหลักฐานของการได้เป็นเพื่อนกันจึงขอมอบ……อะนี่ ลองกินดูสิ」
พอแนะนำตัวกันเสร็จ คุโระก็ยิ้มร่าออกมาพร้อมกับหยิบถุงที่อยู่ในเสื้อออกมา เอ๊ะเดียวนะ เมื่อกี้ไม่ได้หยิบถุงนั้นออกมาจากเสื้อตรงๆเลยหรอ?
ภายในถุงที่หยิบออกมานั้น มันมีกลิ่นหวานๆลอยออกมา……และสิ่งที่อยู่ข้างในเป็นขนมที่เคยเห็นมาก่อน
「ขนมนี่ หรือว่าจะเป็น」
「ใช่แล้วละ มันเป็นขนมจากโลกของเธอสินะ? เบบี้ค๊อกเทล ยังไงละ!」
「เบบี้ คัสเทลล่าสินะ」
「อะเร๊? ช่างมันละกัน เอาเป็นว่าลองชิมดูสิ อร่อยนะ」
ดูเหมือนว่าคุโระจะมีความรู้เรื่องต่างโลกแบบครึ่งๆกลางๆ แถมเมื่อกี้ก็พูดถึงผู้กล้าคนอื่นอีกด้วย ถ้าดูแค่รูปร่างคงไม่อาจคาดเดาอายุได้แต่คิดว่าน่าจะอยู่มานานพอสมควร เพราะงั้นอาจจะรู้ข้อมูลมาจากผู้กล้าในอดีตก็ได้ละมั้ง
เพราะถูกรอยยิ้มที่ดูไร้เดียงสานั้นกดดันจึงได้ลองกินเบบี้ คัสเทลล่าดู ความหวานที่ฟุ้งกระจายไปทั่วปากนั้นทำให้รู้สึกสงบขึ้นมาเลย
หลังจากที่คุโระมองมาที่ผมเธอก็ยิ้มอย่างเริงร่า พร้อมกับกินเบบี้ คัสเดลล่าไปด้วยกัน แล้วก็พูดต่อ
「แล้วนี่ไคโตะคุงกำลังลำบากใจเรื่องอะไรอยู่หรอ? เห็นกระวนกระวายมาตั้งแต่เมื่อกี้ไปแล้ว……」
「คือว่าที่จริง ดันหลงกับคนที่มาด้วยนะ……อีกทั้งยังไม่รู้ทางกลับบ้านด้วย จะว่าไป! คุโระรู้ไหมว่าคฤหาสน์ของดยุกอัลเบลนี่อยู่ที่ไหนนะ?」
「อื~ม……ขอโทษนะ ผมเองก็ไม่ได้อาศัยอยู่ที่ประเทศนี้ด้วย เพราะงั้นเลยไม่รู้ว่ามันตั้งอยู่ตรงไหนกันนะ」
「งั้นหรอ……」
「แต่ว่า ไม่ต้องเป็นห่วงไปนะ ถ้าเป็นเรื่องของคนที่กำลังหาตัวอยู่ละก็ผมช่วยหาแทนได้นะ」
「เอ๊ะ!?」
หลังจากที่เธอยิ้มให้เพื่อปลอบใจผมที่กำลังรู้สึกหดหู่อยู่นั้น คุโระก็ล้วงมือเข้าไปในเสื้อโค้ดของตัวเองอีกครั้งและหยิบสร้อยคอที่มีอัญมณีสีดำออกมา
「อะนี่ ผมให้! ถือมันไว้ แล้วลองนึกภาพของคนที่เธอกำลังหาดูสิ~」
「เอ๊ะ?อืม」
พอลองกุมสร้อยคอเอาไว้ แล้วนึกถึงภาพของลูน่ามาเรียซังดู……ก็มีลำแสงสีดำพุ่งออกมาจากอัญมณีนั้น
「โอ้!?」
「สร้อยคออันนั้นได้เอนชานเวทมนต์ค้นหาเอาไว้ ถ้าตามแสงนั้นไปก็จะหาพบนะ~」
「ขะ ขอบคุณนะ! แต่ว่า ให้มา……แบบนี้มันจะดีหรอ?」
「ahaha ยังหนุ่มอยู่แท้ๆไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนั้นก็ได้ อีกอย่างตอนลำบากก็ต้องช่วยกันเข้าไว้สิ!」
「ยังหนุ่มหรอ……ถ้าดูจากรูปร่างภาพนอกอย่างเดียวละก็ คุโระน่าจะยังเด็กกว่าแท้ๆนะ……」
「จะว่าไปก็จริงแหละ」
ผมได้รอยยิ้มของคุโระช่วยเอาไว้หลายต่อหลายครั้ง ไม่รู้จะต้องขอบคุณเธอกี่ครั้งดี เท่านี้ก็น่าจะกลับได้แล้วละ
ในตอนที่กำลังจะแยกกับคุโระ เธอก็ยังบอกเสมอว่าไม่ต้องคิดมากก็ได้ ในตอนนั้นเองอยู่ๆก็มีคำถามนึงผุดขึ้นมา
「……จะว่าไปคุโระนี่ เป็นผู้ชาย หรือ ผู้หญิงหรอ?」
「ผมหรอ? 『จะเป็นเพศไหนก็ได้นะ』แต่ว่าตอนนี้เป็นผู้หญิงนะ」
「……เผ่ามารนี่ปกติสามารถเปลี่ยนเพศได้ตามใจชอบเลยหรอ?」
「ไม่หรอก มันก็มีอยู่หลายแบบนะ มีทั้งเผ่าที่มีชายหญิงเหมือนกับเผ่ามนุษย์ แล้วก็มีทั้งพวกที่ไม่ต้องทำการสืบพันธ์ก็เลยไม่มีเพศอยู่ ส่วนตัวผมสามารถเปลี่ยนได้ตามใจชอบนะ~」
「อ่อ ช่างแปลกดีแหะ」
ดูเหมือนว่าสามัญสัมนึกของผมจะใช้ที่โลกนี้ไม่ได้เลยแหะ แล้วก็มีแต่เรื่องที่ทำให้ตกใจเต็มไปหมด อีกอย่างลูน่ามาเรียซังก็คงกำลังตามหาอยู่รีบไปหาไปน่าจะดีกว่า
「เอาเป็นว่าขอบคุณจริงๆนะ」
「ไม่ต้องคิดมากหรอก~ถ้าเจอกันอีกไว้มาคุยกันใหม่นะ」
「ได้」
「แล้วเจอกันนะ~ไคโตะคุง」
หลังจากที่ขอบคุณคุโระเสร็จเธอก็ยิ้มให้พร้อมกับโบกมือลา ผมจึงวิ่งตามแสงพุ่งที่ออกมาจากสร้อยคอไป
ถึงคุณพ่อ คุณแม่ที่รัก――อยู่ๆก็หลงทางที่ต่างโลกซะงั้น แถมยังถูกช่วยไว้อีก เธอนั้นผู้ใหญ่ที่ดูเหมือนกับเด็ก เป็นคนที่รู้หลายเรื่อง แล้วก็ยังเป็นคนที่พออยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ――มันเป็นการพบกับเผ่ามารที่แปลกจริง
ที่ลานน้ำพุในขณะแสงแดดค่อยๆลับฟ้าไป หลังจากที่ยืนดูจนไม่เห็นถึงแผ่นหลังของเด็กหนุ่มคนนั้นแล้วอยู่ก็ๆมีเสียงมาจากด้านหลังของเผ่ามารตนนั้น
「มารับแล้วคะท่านโครม」
「หือ? เตรียมตัวกันเสร็จแล้วหรอ?」
「ค่ะ。『ราชาซิมโฟเนีย』กำลังคอยอยู่คะ」
「เข้าใจแล้ว ถ้างั้นไปกันเถอะ」
หลังจากที่อัศวินเกราะดำที่ปรากฏตัวออกมาพูดเสร็จ มารตนนั้นก็เริ่มออกเดินไปอย่างช้าๆ
「……ดู ท่าทางอารมณ์ดีจังนะคะ?」
「อืม พอดีเจอ『นิฮงจิน』ที่น่าสนใจเข้านะ~」
「……ถ้าเป็นผู้ที่ทำหน้าที่ผู้กล้าละก็ได้ยินมาว่าตอนนี้รออยู่ที่ปราสาทแล้ว……」
「การอัญเชิญมีปัญหารึป่าวนะ? เหตุผลที่อยู่ๆก็มาบอกว่าหากมีเวลาช่วยมาที่ปราสาทหน่อยได้ไหม คงเป็นเพราะเรื่องนั้นละมั้ง」
「อย่างงี้นี่เอง」
「เอาเถอะ สำหรับผมแล้วเป็นการพบกันครั้งนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากเลยละ」
เงาเล็กๆที่มีรอยยิ้มที่ดูไร้เดียงสานั้นกำลังเดินไปพร้อมกับอัศวินที่รับเธอ ถึงแม้ท่าทางตอนที่เธอกำลังกินเบบี้คัสเทลล่านั้นจะดูเหมือนเด็กก็ตาม แต่ว่าดวงตาสีทองที่ปกติจะจ้องมองอนาคตอย่างสงบนั้น――กลับเริ่มสั่นไหวอย่างช้าๆอีกครั้ง