[นิยายแปล]ติดร่างแหไปต่างโลก แต่ต่างโลกดันสงบสุขซะงั้น - ตอนที่ 1
ในวันนั้นมันไม่ได้มีสัญญาณหรืออะไรแตกต่างไปจากปกติ แต่ถ้าจะให้พูดถึงสิ่งที่ต่างไปจากทุกทีละก็ คงจะเป็นเรื่องที่ขากลับจากมหาลัยได้เห็นกลุ่มนักเรียนม.ปลายช-ญแค่นั้นแหละ
นักเรียนชาย2คน หญิง2คน ทั้ง4คนที่เดินคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่ข้างหน้านั้น สงสัยจะอยู่ชมรมเดียวกันละมั้ง สำหรับผมที่ไม่มีเพื่อนนั้นมันช่างเป็นทิวทัศน์ที่เจิดจร้าเกินไป โดยเฉพาะนักเรียนหญิง2คนนั้น พูดได้เลยว่าหน้าตาดีจนน่าจะติดอันดับในห้องเลยละมั้ง ชักรู้สึกอิจฉาผู้ชาย2คนนั้นที่มาด้วยเลยแหะ แถมมาเป็นคู่อีก สงสัยคงจะเป็นแฟนกันละมั้ง…… พวกมีแฟน ระเบิดไปซะก็คงดี……
ใช่แล้ว、 มันเป็นทางกลับบ้านที่ไม่ได้แตกต่างไปจากทุกที จนกระทั่งช่วงที่หยุดรอไฟแดงอยู่ด้านหลังกลุ่ม4คนนั้น อยู่ๆก็มีสิ่งที่คล้ายกับวงแหวนเวทย์แปลกๆปรากฏขึ้นมาที่เท้า
ก่อนที่จะรู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้น? ภาพมันก็ตัดไปเหมือนกับโทรทัศน์ทที่โดนปิดแล้วเปิดใหม่อีกครั้ง พื้นที่ควรจะเป็นยางมะตอยอยู่ๆก็กลายเป็นพื้นหิน แสงแดดยามบ่ายที่ควรให้ความสว่างจนทำให้รู้สึกรำคาญ อยู่ๆกลายเป็นแสงไฟสลัวๆจากโคมไฟไป? เดียวนะ ไม่เห็นเข้าใจเลย
「ยินดีต้อนรับคะ 『ท่านผู้กล้า』」
ก่อนที่จะรู้สึกสับสน เพราะไม่เข้าใจถึงสถานการณ์ตอนนี้อยู่ๆก็ได้ยินเสียงที่ใสราวกับกระดิ่งของใครสักคนเลยทำให้หันไปดู ที่ตรงนั้นมีหญิงสาวที่สวยอยู่ เธอมีผมยาวทอง ดวงตาสีฟ้างดงาม และสวมชุดเดรสสีขาวที่ไม่มีรอยเปื้อนเลยแม้แต่น้อยอยู่ แล้วพอมองดูดีๆก็ยังเห็นว่ามีกลุ่ม4คนเมื่อกี้อยู่ด้วย มีนักเรียนหญิง2คน กับ นักเรียนชาย1คน เอะ? หายไปไหนคนนึงหว่า?
「อาจจะกระทันหันไ……เอ๊ะ?」
หญิงสาวผมทองนั้นได้มองมาที่พวกเรา พร้อมกับส่งรอยยิ้มที่ดูน่าหลงไหลก่อนที่จะเอ่ยปากพูด……แต่แล้วอยู่ๆเธอก็หยุดพูดไป
ทุกสิ่งนั้นเงียบสงัด……แน่นอนว่าทั้งผมและนักเรียนอีก3คนเองก็กำลังสับสนกับสถานการณ์ตอนนี้อยู่เลยไม่ได้พูดอะไรแต่ว่า ทั้งหญิงสาวคนนั้นและผู้คนรอบข้างตัวเธอที่สวมผ้าคลุมแบบหลงยุคนั้นก็หยุดนิ่งเหมือนกับเวลามันหยุดเดินไปด้วย จึงทำให้บรรยากาศตอนนี้เหมือนโดนความเงียบครอบงำ
「……คุ、คุณหนูคะ?เหมือนว่าจะมี4คนยังไงไม่รู้?」
「……บังเอิญจังเลยนะลูน่า、ฉันเองก็เห็นเป็นแบบนั้นเช่นกัน」
หนึ่งในคนที่สวมผ้าคลุมเหมือนจะตั้งสติได้เลยทักหญิงสาวคนนั้นไป เธอคนนั้นเองก็ตอบกลับไปด้วยท่าทีที่สับสน น่าเสียดายที่สติของผมตอนนี้นั้นยังตามเรื่องนี้ได้ไม่ทัน ถ้าเป็นคอมละก็ตอนนี้ก็เมาส์คงเปลี่ยนเป็นไอคอนรูปนาฬิกาทรายอยู่ละมั้ง รู้งี้น่าไปซื้อแรมใส่…เดียวๆ คิดอะไรของตูฟะนี่
หลังจากที่มองไปรอบๆแล้วไปหยุดที่กลุ่มนักเรียน3คน ดูเหมือนว่าทางนั้นเองก็จะยังสับสนอยู่เหมือนกันสินะ
「ทะ ทะ ทำไงดีละ!? นะ นี่คงเป็นไอ้นั้นสินะ! บางทีทั้ง3คน อาจจะเป็นไอ้ที่เขาเรียกกันว่า『ติดร่างแหการอัญเชิญ』อะไรพวกนั้นสินะ!?」
「ก็คงจะเป็นเช่นนั้นแหละคะ……แล้วจะทำยังไงดีคะคุณหนู」
「จะไปบอกว่า『พลาดซะแล้ว แหะๆ๑´ڡ`๑』ก็คงไม่ได้ อันดับแรกคงต้องอธิบายสถานการณ์ให้ฟังก่อนน่าจะดีกว่า……อา แต่ว่าก่อนอื่นต้องหาก่อนว่าใครเป็นผู้กล้ากันแน่」
「คุณหนูคะ อายุขนาดนั้นแล้วยังมาทำ『 แหะๆ ๑´ڡ`๑ 』อีกเหมือนพยายามทำตัวให้ดูเป็นเด็กเกินไปยังไงๆอยู่นะคะ……」
「ทำไมถึงตบมุขโหดจัง!?」
ทำไมมันดูเป็นบทสนทนาที่บ้าบอจัง แต่เอาเถอะ มันก็ช่วยให้ทำให้ความรู้สึกอันตรายต่อเหตุการณ์ตอนนี้ลดลงไปนิดหน่อย……อีกอย่างนักเรียนหญิง2คนก็ทำหน้าเหว๋อไปแล้วด้วย ส่วนทางด้านผู้ชาย――ทำไมถึงทำท่าดีใจหว่า? ดีใจกับสถานการณ์แบบนี้เนี่ยนะ?
หือ? เดียวก่อนนะ ผู้กล้า? อัญเชิญ? ติดร่างแห? ทำไมเหมือนกับได้ยินศัพท์ที่มันคุ้นๆลอยมาเลยหว่า นึกให้ออกสิ เหมือนกับเคยได้ยินมาจากที่ไหน――
「อะแฮ่ม ขอแนะนำตัวอีกรอบ ยินดีต้อนรับสู่――」
「โทษทีนะ ตอนนี้กำลังใช้ความคิดอยู่ ช่วยเงียบหน่อยได้ไหมครับ?」
「อะ คะ ขอโทษด้วยคะ」
เหมือนได้ยินเสียงใครสักคนพยายามพูดขัดตอนที่กำลังใช้ความคิดอยู่ เพราะงั้นเลยขอให้รอแปปนึงแล้วเริ่มคิดใหม่ อ่อ ใช่แล้ว นิยายที่กำลังอ่านอยู่ช่วงนี้ไง
ถึงจะไม่ใช่เรื่องที่บอกคนอื่นไปทั่วได้ แต่เห็นอย่างงี้ตัวเองก็มีงานอดิเรกที่คนทั่วไปเรียกกันว่าโอตาคุอยู่เหมือนกัน ชอบเล่นเกม นิยายก็มีอ่านบ้าง ถึงจะไม่ได้ดูอนิเมะเลยก็ตามแต่ก็เป็นโอตาคุแหละ……ยังไงก็ตามสถานการณ์ปัจจุบันนี้ เหมือนกับฉากในนิยายเลย พวกอัญเชิญผู้กล้ามาต่างโลก แล้วก็ให้ไปสู้กับจอมมาร พอลองมาคิดดูดีๆแล้วเราเองก็อ่านนิยายมาพอสมควรเพราะงั้นเลยพอจำได้บ้าง
「……เออ คือว่า……」
แต่จะว่าไป ถ้าจำไม่ผิดพวกอัญเชิญไปต่างโลกนี้มันก็มีเนื้อเรื่องอยู่หลายแบบเหมือนกันแหะ เช่น พวกที่อัญเชิญผู้กล้ามาสู้กับจอมมาร หรือไม่ก็ ความจริงแล้วฝั่งราชาต่างหากที่เป็นตัวโกง ไม่ก็ คนธรรมดาที่ติดร่างแหมาด้วยดันไม่มีพลังอะไร แต่ความจริงแล้วโคตรโกง……
「……เอ่อ คือว่า~……」
ถ้าเป็นงั้นจริงก่อนอื่นสิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือการหาข้อมูล? ต่อให้มีคำพูดที่ว่า ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยายอยู่ก็เหอะ แต่สถานการณ์ตอนนี้จะให้ตัดสินใจว่านี้เป็นต่างโลกก็คงไม่ได้ แต่ถึงมันจะไม่ปกติอย่างเห็นได้ชัดก็เหอะ ยังไงก็ตามเราต้องรู้สถานการณ์ก่อน――เอะ? เหมือนลืมอะไรไปสักอย่างเลย?
「……คือว่า……」
「……เอะ?」
ในระหว่างที่กำลังคิดอะไรหลายๆอย่างอยู่ ก็รู้สึกตัวว่าหญิงสาวผมทองนั้นกำลังจ้องมองมาทางนี้ด้วยสีหน้าเป็นห่วงแล้วก็สับสนปนกันอยู่
ในตอนที่รู้สึกตัว ก็นึกถึงคำพูดของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมาได้ เลยทำให้เลือดในตัวก็สูบฉีดอีกครั้ง
「……ถ้าเป็นไปได้ อยากจะขอพูดต่อ……ได้ไหมคะ?」
「ทะ โทษทีครับ!? พอดีมีนิสัยที่ว่าพอคิดอะไรแล้วจะทำให้ไม่สนใจรอบข้างนะครับ……」
แล้วก็ตอบกลับไปด้วยท่าทีรีบร้อน ทำไปจนได้……เผลอทำนิสัยเสียออกไปอีกจนได้ ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วที่ว่าพอตัวเองสนใจอะไรเข้าสักหน่อยจะทำให้ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ถึงหลายๆคนจะพูดว่ามีสมาธิสูงก็เหอะ แต่มันก็คือการไม่สนใจสิ่งรอบข้างนั้นแหละ
ทำไปจนได้ ทำไมถึงรู้สึกว่านักเรียนหญิง2คนถึงมองมาทางนี้ด้วยสายตาเวทนาหว่า แล้วก็ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่าพวกที่สวมผ้าคลุมรอบๆหญิงสาวเองก็มองมาทางนี้พร้อมกับยิ้มเจื่อนๆหว่า ส่วนทางนักเรียนชาย……ทำไมถึงก้มหน้าแล้วก็พูดงุบงิบอยู่――อะ รู้สึกว่าจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ยังไงไม่รู้แหะ
「ไม่เป็นไรคะ ก็คงช่วยไม่ได้เพราะอยู่ๆก็เกิดเรื่องขึ้นจะรู้สึกสับสนก็ไม่แปลก ถ้างั้นขอเริ่มใหม่อีกครั้งนะคะ เหล่าผู้มาจากต่างโลกทุกท่าน ยินดีต้อนรับสู่『ราชอาณาจักซิมโฟเนีย』 」
แทนที่หญิงสาวจะโกรธแต่เธอกับตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน พร้อมกับจับชายกระโปรงและโค้งศีรษะด้วยท่าทางที่สง่างาม อย่างที่คิดเลยเลยแหะ ราชอาณาจักรต่างโลกจริงๆด้วย
อื~ม ดูจากกริยาที่ดูมีระดับนั้น บวกกับที่ถูกเรียกว่าคุณหนูแล้วด้วยสงสัยจะเป็นขุนนาง? หรือไม่ก็อาจจะเป็นเจ้าหญิงเลยก็ได้
「ฉันชื่อ ลิเลีย อัลเบลคะ ก่อนอื่นเลยต้องขอโทษด้วยจริงๆที่อยู่ๆก็อัญเชิญมาอย่างกระทันหัน เพราะงั้นเลยคิดว่าอาจจะยังสับสนอยู่บ้าง เพราะงั้นก่อนอื่นเลยคิดว่าควรที่จะอธิบายสถานการณ์ให้เข้าใจก่อนน่าจะดีกว่า แต่ก่อนที่จะขออธิบายถ้าเป็นไปได้ขอทราบชื่อของทุกท่านก่อนจะได้ไหมคะ」
「……อะ ครับ เอ่อ……ผมชื่อ มิยามะ ไคโตะ」
หญิงสาว――ดูเหมือนว่าเธอจะมีชื่อลิเลียสินะ ก่อนอื่นให้ผมที่มีอายุมากสุดในกลุ่ม เป็นคนตอบก่อนน่าจะดีกว่า ถ้าเป็นในนิยายละก็ปกติมันต้องมีคนที่หัวร้อนอยู่ในกลุ่ม หรือไม่ก็กรีดร้องออกมาบ้าง……แต่พอเอาเข้าจริงๆ ความสับสนกับกังวลมันเยอะกว่าจนทำให้สามารถตอบกลับไปแบบใจเย็นได้แทน
「……คุสึโนะกิ อาโอยคะ」
「……ยูซึกิ ฮินะ」
「……มิซึนากะ เซกิ」
นักเรียนทั้ง3คนเองก็บอกชื่อตัวเองตามไป แต่แม่งนักเรียนชายชื่อเท่สาสสส แสงสว่างแห่งความถูกต้องอันเป็นนิรันทร์ ให้เอ็งเป็นผู้กล้าเลยละกัน แม่งเป็นชื่อที่เกิดมาเพื่อเป็นผู้กล้าเลยไม่ใช่หรอวะ หน้าตาเองก็ดูไม่เลวเลย
「ท่านมิยามะ ท่านคุสึโนะกิ ท่านยูซึกิ ท่านมิซึนากะ ขอฝากตัวด้วยนะคะ ถ้างั้นขอตัวสักครู่นึง ช่วยรอหน่อยนะคะ 」
พอพูดเสร็จลิเลียซังก็หันไปทางคนที่สวมผ้าคลุมอีกคนนึงที่ไม่ใช่คนที่คุยด้วยเมื่อกี้ หลังจากนั้นเขาก็เอาสิ่งที่คล้ายๆกับลูกแก้วคริสตันออกมา
「……ดูเหมือนว่า ท่านมิซึนากะจะถูกอัญเชิญมาในฐานะผู้กล้านะคะ แล้วคนอื่นที่เหลือดูเหมือนว่าจะติดร่างแหมาด้วยนะครับ」
「เป็นแบบนั้นจริงๆด้วยสินะ」
ดูเหมือนว่า มิซึนากะ เซกิคุงจะเป็นผู้กล้าสินะ ไอ้ที่เดาไว้มันก็ถูกอยู่หรอก แล้วจะทำยังไงต่อละ? แต่ก่อนหน้านั้นมิซึนากะคุงนี่สุดยอดไปเลยแหะ ในสถานการณ์ที่ไม่รู้เหนือรู้ใต้แบบนี้ยังแอบทำท่าดีใจแบบนั้นได้อีก นายแม่งใจโคตรได้เลย พยายามเข้าละกัน
「ถ้างั้น คำอธิบายของท่านผู้กล้าขอฝากให้ทางนั้นจัดการด้วยนะคะ」
「ครับ แบบนั้นน่าจะดีกว่า ส่วนการอธิบายให้3ท่านที่ติดร่างแหมาขอฝากให้ท่านลิเลียจัดการด้วยนะครับ」
หลังจากที่ฟังริเรียซังพูดจบ เธอก็บอกว่าสถานการณ์ของมิซึนากะคุง――ผู้กล้านั้นมีเนื้อหาที่แตกต่างกัน เพราะงั้นเลยจะขอแยกตัวไปเพื่ออธิบายสถานการณ์
แน่นอนว่า คุสึโนะกิซัง กับยูซึกิซัง นั้นมีการแย้งอยู่บ้าง……ส่วนตัวผม? ตอนนี้มีเรื่องให้คิดในหัวอยู่เต็มไปหมดเลยไม่ได้สนใจเรื่องนั้น
เอาจริงๆตัวผมเองก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไรขนาดนั้น แค่เรื่องของตัวเองตอนนี้ก็เต็มที่แล้วไม่มีเวลาไปห่วงคนอื่นที่ไม่รู้จักหรอก ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดตอนนี้ก็คือ……ลิเลียซังที่กำลังมอง คุสึโนะกิซัง กับ ยูซึกิซัง อยู่ตอนนี้ เราไม่รู้ว่าเธอคนนั้นมีนิสัยอย่างไร และจะทำไมอะไรกับพวกเราหลังจากนี้มากกว่า
แต่จากภาพลักษณ์ที่ผ่านมาก็คิดว่าเป็นคนดีอยู่หรอกแต่ว่า จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่อธิบายถึงสาเหตุที่ต้องอัญเชิญผู้กล้ามา แถมเรายังไม่รู้ว่าเธอนั้นมีฐานะอะไรด้วย
แต่จะให้คิดว่าเนื้อเรื่องจะเหมือนกับนิยายทั้งหมดก็คงจะไม่ได้ จะว่าไปมันก็มีพวกเนื้อหาที่ฝ่ายราชาเป็นตัวโกงแล้วพยายามใช้ผู้กล้าเยี่ยงทาส หรือไม่ก็ทำตัวเย็นชาใส่คนอื่นหมดนอกจากผู้กล้าอยู่ด้วยเหมือนกันนี่หว่า
แถมตอนนี้ก็บอกว่าจะขอแยกมิซึนากะคุงที่เป็นผู้กล้ากับพวกเราออกจากกันเพื่อไปอธิบายอีก ทำให้คิดดีไม่ได้เลย
แถมในตอนนี้ที่อีกฝ่ายยังกุมข้อมูลทุกอย่างไว้ ตัวเลือกที่จะให้ไม่ทำตามมันก็เลือกไม่ได้ด้วย
「เข้าใจอยู่หรอกคะว่ารู้สึกกังวล แต่ขอสาบานในชื่อของฉันว่าจะไม่ทำอันตรายกับทุกท่านอย่างแน่นอน ถึงจะรู้ว่ามันเห็นแก่ตัวเกินไปหน่อย แต่ได้โปรดเถอะคะ」
หลังจากที่ลิเลียซังพูดเสร็จเธอก็ก้มศรีษะให้กับพวกเรา ถึงแม้ว่าคุสึโนะกิซัง กับ ยูซึกิซังจะยังทำใจยอมรับไม่ได้ แต่ก็เลิกแย้งไปแล้ว มิซึนากะคุงเองก็พยักหน้าแบบเงียบๆให้ แน่นอนว่าผมก็พนักหน้าให้เช่นกัน
ทั้ง3คนก็คงเข้าใจแหละ ว่าต่อให้ดื้อดึงต่อไปก็ไร้ความหมาย เพียงแค่มองผ่านๆก็รู้ว่าคนที่สวมผ้าคลุมนั้นมีมากกว่าพวกเราหลายเท่า อีกทั้งถ้าเรื่องที่เธอพูดเป็นความจริงว่านี้คือต่างโลกละก็……คิดว่าคงจะมีพวกเวทมนต์อยู่ด้วยไม่ผิดแน่
แน่นอนว่า มิซึนากะคุงที่เป็นผู้กล้าจะต้องมีพลังอะไรพิเศษอยู่แน่ๆ แต่กับพวกเราที่ติดร่างแหมาด้วยนั้นใช่ว่าจะมีไปด้วย ถ้าเป็นอย่างงั้นตัวเลือกเพื่อความปลอดภัยของตัวเองตอนนี้คือ เลือกที่จะฟังก่อนน่าจะดีสุด
หลังจากที่เดินตามริเรียซังออกมาจากห้องใต้ดินที่มืดสลัว มาสู่ห้องโถงที่กว้างขวางตกแต่งได้อย่างสวยหรูนั้น มิซึนากะคุงที่เป็นผู้กล้านั้นดูเหมือนว่าเขาจะต้องอยู่ที่ห้องนี้กับกลุ่มคนที่แต่งชุดสีขาวเหมือนกับนักบวชเพื่อฟังการอธิบายที่นี่สินะ ส่วนผมกับนักเรียนหญิง2คนนั้นถูกพาไปอีกห้อง
ถ้าให้เทียบกับห้องเมื่อกี้แล้วละก็ขนาดจะเล็กกว่าครึ่งนึงแต่ก็กว้างพอตัว
ตรงกลางนั้นมีโต๊ะกับเก้าอี้แบบยุคกลางตั้งอยู่――ไม่เห็นให้ความรู้สึกว่าเป็นต่างโลกเลยแหะ
「เชิญนั่งได้ตามสบายเลยคะ ลูน่า ช่วยเตรียมเครื่องดื่มให้ทั้ง3คนหน่อยนะ」
「รับทราบคะ」
ลิเลียซังนั้นไปนั่งตรงข้ามกับพวกเรา พร้อมกับสั่งให้ลูน่าซังที่ไม่รู้ว่าไปถอดผ้าคลุมแล้วเปลี่ยนเป็นชุดเมดตั้งแต่ตอนไหน อีกอย่างเพราะเมื่อกี้อยู่ในห้องที่มืดสลัวเลยไม่ทันได้สังเกตุ ลูน่าซังไว้ผมทรงประบ่า และ มีสีฟ้าอ่อน……เจอละ สิ่งที่ให้ความรู้สึกว่าเป็นต่างโลก
หลังจากที่ลูน่าซังออกจากห้องไป พวกเราเองก็เริ่มนั่งตรงข้ามอย่างกล้าๆกลัวๆ คุสึโนะกิซัง กับ ยูซึกิซัง นั่งห่างจากผมไป2ที่
「ก่อนอื่นก็ขอโทษด้วยนะคะ ที่อยู่ๆก็เรียกมาต่างโลกแบบนี้ อีกทั้งยังทำให้เสียเวลาอธิบายสถานการณ์แบบนี้ด้วย」
「ไม่หรอกครับ……」
「เอ่อ คือว่าพวกเรา……จะยังไงต่อไปคะ」
คนที่ถามออกไปตรงๆก็คือคุสึโนะกิซัง เธอนั้นสูงเพรียว และ มีผมดำยาวสลวย ถ้าให้เทียบก็คงคล้ายกับ ยามาโตะนาเดชิโกะ(สาวงามตามแบบฉบับญี่ปุ่น) ถ้าให้เทียบกับผมแล้วเธอนั้นดูสงบกว่า นี่สินะไอ้ที่เขาเรียกว่าสาวแกร่งนะ แน่นอนว่าไม่ได้หมายถึงว่าตัวเองห่วยด้วย
「ก่อนอื่น อย่างที่เคยบอกไปก่อนหน้านี้ว่าขอสาบานโดยใช้ชื่อตระกูลดยุค『อัลเบล』ว่าพวกเรานั้นจะไม่ทำอันตรายอันใดกับท่านมิซึนากิ และ ทุกคนที่อยู่ที่นี่อย่างแน่นอน」
「……ตระกูลดยุค……อัลเบล?」
「ขอโทษด้วยคะ ก่อนอื่นควรที่จะอธิบายตำแหน่งของตัวเองก่อนสินะ ขอแนะนำตัวใหม่อีกครั้งนะคะ ฉันชื่อริเรีย อัลเบล ในราชอาณาจักรซิมโฟเนียนี้มีตำแหน่งเป็นดยุค……จะบอกว่าเป็นขุนนางก็คงใช่」
「คุณหนูลิเลียนั้นเป็นน้องต่างมารดาของราชาองค์ปัจจุบัน ถึงจะมีตำแหน่งเป็นขุนนางอยู่ก็ตามแต่ก็เป็นผู้มีสิทธิ์ขึ้นครองบัลลังก์ลำดับที่ 4 อยู่ด้วย เพราะงั้นที่คุณหนูสาบานโดยใช้ชื่อตระกูลตัวเองไปนั้น จะคิดว่าเป็นคำพูดของราชาเองเลยก็ได้」
ดยุค!? ผู้มีสิทธิ์ขึ้นครองบัลลังก์!? ถึงจะเดาไว้บ้างแล้วก็เหอะ แต่ไม่นึกเลยว่าจะมีศักดิ์สูงขนาดนั้น
「นอกจากนี้ปัจจุบันอายุ22 โดยปกติทั่วไปแล้วราชอาณาจักรซิมโฟเนียจะแต่งงานกันตอน15~19 แต่น่าแปลกใจที่คุณหนูยังโสดอยู่」
「……ลูน่า? ทำไมถึงบอกข้อมูลพวกนั้นเพิ่มไปด้วยละคะ? อีกอย่าง ในที่นี้ขอมูลนั้นมันไม่จำเป็นไม่ใช่หรอคะ?」
「ไม่คะ บางทีการที่จะให้เรียกว่า『คุณหนู』ต่อไปมันก็เริ่มจะรู้สึกฝืนๆขึ้นมาบ้างแล้วนะคะ……」
「……สงสัยว่าหลังจากนี้เรามีเรื่องที่ต้องคุยกันหน่อยแล้วนะ」
ทำไมกันนะ ทั้งกริยาและคำพูดดูมีความเป็นผู้หญิงที่สูงส่งแท้ๆ……แต่ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกไม่ได้ความแบบแปลกๆ……แล้วก็ ลูน่าซังเองก็ไม่ปราณีเลยแหะ
「……เฮ้อ ถ้างั้นกลับมาเข้าเรื่องกันเถอะคะ ขอตอบเรื่องที่ท่านคุสึโนะกิถามเมื่อสักครู่นะคะ คิดว่าเรื่องที่น่าจะกังวลที่สุดน่าจะเป็นเรื่องที่จะสามารถกลับไปยังโลกเดิมได้หรือไม่สินะคะ ถ้าเป็นเรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงคะ」
「กะ กลับได้……จริงหรอคะ?」
คนที่ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงกล้าๆกลัวๆนั้นคือ ยูซึกิซัง เธอไว้ผมสั้น สีน้ำตาล ให้ความรู้สึกน่ารักเหมือนเป็นสัตว์ตัวเล็กๆเลยแหะ คุซึโนะกิซังเองก็กุมมือของยูซึกิซังที่กำลังสั่นอยู่ด้วยท่าทีที่อ่อนโยน ถ้ามองจากส่วนสูงแล้วเหมือนกับรุ่นพี่-รุ่นน้องเลย แต่ว่าหน้าอกดูเหมือนว่าทางยูซึกิซังจะให……เดียวๆ กำลังคิดอะไรของตูฟะเนี่ย
「คะ……เพียงแค่ ต้อง……」
หลังจากที่ยูซึกิซังถามกลับไปอยู่ๆริเรียซังก็ทำสีหน้าปวดใจขึ้นมา สงสัย ไอ้นั้นใช่ปะ? จะต้องไปปราบพวกจอมมารอะไรพวกนั้นก่อนถึงจะได้กลับ
ถ้าเป็นงั้นจริง ดูท่าจะเชื่อใจลิเลียซังไม่ได้ซะละมั้ง――
「กว่าที่วงแหวนอัญเชิญจะกลับมาใช้ได้ใหม่อีกครั้ง……มันต้องใช้เวลาอีก1ปีนะคะ」
「1 ปี!?」
เอะ? ผิดจากที่เดาไว้นิหว่า ดูเหมือนว่าทั้ง2คนดูเหมือนจะตกใจเรื่องระยะเวลา1ปีสินะ ส่วนผมตกใจเรื่องอื่นแทนมากกว่า ใช่แล้วเงื่อนไขมันง่ายเกิน……
ถ้าเป็นปกติ สถานการณ์แบบนี้มันต้อง จนกว่าจะปราบจอมมารได้จะไม่ได้กลับไม่ใช่หรอ? ไม่สิ บางทีเงื่อนไขของมิซึนากิคุงอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ เพราะงั้นเลยให้แยกไปคนเดียวแบบนั้น
อีกอย่างถึงจะพูดว่า1ปีก็ตามแต่อยู่ๆก็หายไป1ปี พอคิดถึงผลกระทบตอนกลับไปโลกเดียวแล้วก็คงพูดไม่ได้ว่ามันง่ายไป
「……เอ๊ะ ใกล้ถึงการแข่งขันแล้วแท้ๆ……」
「ฮินะจัง ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้นซะหน่อย……」
ยูซึกิซังนี่มันเป็นคนบ๊องๆหรือป่าวนะ นับถือเลยจริงๆแหะ กับสถานการณ์แบบนี้ยังเป็นห่วงเรื่องการแข่งได้อีก
「อะ ไม่ต้องกังวลไปคะ จากคำบอกกล่าวของ 『เทพธิดา』 ดูเหมือนว่าเวลาของโลกนี้กับโลกเดิมของทุกท่านจะไหลไม่ตรงกันนะคะ ในตอนที่กลับไปก็จะกลับไปยังช่วงเวลาเดิมก่อนที่จะโดนอัญเชิญมา แน่นอนว่าร่างกายเองก็จะกลับไปเป็นเหมือนก่อนถูกอัญเชิญมาเพราะงั้นไม่น่ามีปัญหาอะไรคะ」
「……」
พอรู้สึกเบาใจกับเรื่องที่หนักทีสุดไป ทำไมอยู่ๆถึงมีคำศัพท์ใหม่แปลกๆอย่าง เทพธิดา เพิ่มขึ้นมาอีกหว่า
ก็หมายความว่า กว่าจะกลับโลกเดิมได้ต้องใช้เวลา1ปี แล้วก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเวลาจะคลาดเคลื่อนไปด้วย ต่อให้อยู่ในโลกนี้แล้วอยู่ๆก็อ้วนขึ้นมาก็ตาม แต่เดียวเทพธิดาก็จะให้ทำให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม……
「แน่นอนว่า ในระหว่างที่ทั้ง3ท่านยังอยู่ขอยืนยันเรื่องความปลอดภัย และ อาหารการกินคะ ถึงจะไม่ถึงกับหรูหราแบบในวังก็ตาม แต่จะจัดการให้ทุกอย่างเองคะ」
ถึงจะเบาใจไปได้เปราะนึงแล้วก็ตาม แต่ทางนี้มีมันมีแต่ได้กับได้ พวกยูซึกิซัง กับ คุซึโนะกิซัง เองก็ยังสับสนอยู่ มันดีเกินไปจนเกือบจะพูดขอบคุณไปละ……
แต่ยังวางใจไม่ได้ ใช่แล้ว ยังไม่รู้สถานการร์ของมิซึนากิคุงเลย ถ้าหากผู้กล้าถูกอัญเชิญมาเพื่อสู้กับจอมมารละก็ แสดงว่าโลกนี้เองก็อันตรายในระดับนึงอยู่
「……ขอถามอะไรสักอย่างได้ไหมครับ?」
「แน่นอนคะ ท่านมิยามะ」
「เอ่อ เรื่องของมิซึนากิคุง……ที่อยู่อีกห้องนึงนะครับ เขาถูกอัญเชิญมาในฐานะผู้กล้าสินะ แสดงว่าโลกนี้เองก็ต้องมีสิ่งที่เรียกว่าจอมมารอยู่ด้วยสินะ เพราะงั้นอยากยืนยันให้แน่ใจว่าอัญเชิญมาให้สู้กับสิ่งนั้นรึเปล่า?」
ผมลองถามกลับไป ตรงนี้แหละที่เป็นจุดเปลี่ยนทั้งหมด ดูสิว่าริเรียซังจะตอบความจริง หรือ แก้ตัวกันแน่ แน่นอนว่าคำตอบนี้จะกำหนดทิศทางทั้งหมดว่าจะเชื่อได้หรือไม่ได้ เอาละ จะตอบยังไงกันนะ?
ตอนนี้ใจผมกำลังเต้นแรงสุดๆ แต่อีกด้านนึง ริเรียซัง กับ ลูน่าซัง นั้นกับทำท่าเอียงคอสงสัย
「จอมมารหรอคะ? 1000ปีก่อนโดนผู้กล้ารุ่นแรกโค่นไปเรียบร้อยแล้วละคะ」
「……เอ๊ะ?ถ้างั้น แล้วเรื่องที่เผ่ามารกับเผ่ามนุษย์เป็นศัตรูกันละ?」
「ไม่มีคะ มนุษย์กับมารนั้นมีสัมพันธ์อันดีต่อกัน แน่นอนว่าการค้าขายเองก็เป็นไปได้ด้วยดี」
「……แล้วสงครามละ」
「เท่าที่ฉันทราบ ตลอด800ปีมานี้ไม่เคยเกิดมาเลยคะ」
「……แล้วอย่างพวกมอนสเตอร์เกิดเต็มไปหมดละ」
「แน่นอนว่ามอนสเตอร์นั้นมีอยู่ แต่งานกำจัดพวกนั้นเป็นเรื่องของเหล่านักผจญภัยไม่ก็กองอัศวินคะ แน่นอนว่าท่านมิซึนากะ แล้วก็ทุกท่าน ไม่มีความจำเป็นที่ต้องออกไปสู้คะ」
「……」
เอ๊ะ? นี่มันอะไรหว่า? เดียวนะ แปปนะ ขอคิดแปปนึง!?
เอ่อ จอมมารไม่มีอยู่แล้ว? ความสัมพันธ์กับเผ่ามารก็เป็นไปด้วยดี? สงครามเองก็ไม่มีมา800ปีแล้ว? แน่นอนว่ามอนสเตอร์มีตัวตนอยู่แต่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกเรา
「……ถ้างั้น อัญเชิญผู้กล้ามาเพื่ออะไรหรอครับ?」
「เมื่อ1000ปีก่อน ถ้าให้เป๊ะเลยก็1009ปีก่อน หลังจากที่โค่นจอมมารลงไป ท่านผู้กล้ารุ่นแรกนั้นก็ได้กลายมาเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับเผ่ามาร เพื่อยกย่องถึงผลงานอันนั้น ก็เลยมีการจัดงานเทศกาลขนาดใหญ่ที่จะจัดขึ้นมา1ครั้งทุกๆ10ปี โดยจะทำการอัญเชิญคนจากโลกเดิมของผู้กล้ารุ่นแรกมายังเทศกาลนี้ เพื่อเป็นการขอพรให้ความสงบสุขนี้มีอยู่ต่อไปนะคะ」
「……งานเทศกาล?」
「ใช่แล้วคะ ส่วนท่านมิซึนากินั้น เพื่อที่จะเป็นตัวเอกใน『งานเลี้ยงผู้กล้า』ที่จะจัดขึ้น1ปีหลังจากนี้ ก็เลยให้ไปอยู่ห้องอื่นแทนเพื่ออธิบาย เรื่องการเข้าร่วมพิธีการ แล้วก็ การเข้าเยี่ยมประเทศอื่นๆ นะคะ แน่นอนว่าทางเราจะให้ความสำคัญกับเจ้าตัวที่สุด แน่นอนว่าจะไม่ทำก็ได้เช่นกัน」
「เอ๊ะ จะถอนตัวก็ได้หรอคะ」
「คะ ในอดีตเองก็มีตัวอย่างที่ใช้ตัวแทนขึ้นมาเป็นผู้กล้าแทนอยู่ด้วยเหมือนกัน แน่นอนว่าในกรณีที่ทำจะได้รับการปฏิบัติในฐานะแขกของราชอาณาจักรเป็นอย่างดีไปจนกว่าจะถึง งานเลี้ยงผู้กล้า ในกรณีที่ปฏิเสธเองก็จะได้รับความมั่นคงในการใช้ชีวิตคะ แต่หลังจากที่เที่ยวครบ1ปีแล้วก็จะขอให้กลับไปด้วยนะคะ」
「……เอ๋อ、ก็หมายความว่า……หลังจากนี้ไปพวกเราก็……」
「ใช่คะ……คิดว่ายังคงมีจุดที่ยังสงสัยอยู่บ้าง โอกาสครั้งเดียวในรอบ10ปี ถึงแม้ว่าโลกนี้จะมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันออกไป แต่ก็อยากจะขอให้สนุกให้เต็มที่ และไปเที่ยวชมให้หนำใจนะคะ แน่นอนว่าหลังจากที่ได้รับประสบการณ์เต็มอิ่มแล้ว ก็จะขอส่งกลับไปยังโลกเดิมโดยปลอดภัยคะ」
「……」
ถึง คุณพ่อ คุณแม่ ที่รัก――ดูเหมือนว่าจะติดร่างแหอัญเชิญมาต่างโลกซะแล้ว แต่ว่า โลกนี้――ดันสงบสุขซะงั้น