นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) - ตอนที่ 199 วัตถุต้องห้าม ACE-002!
ตอนที่ 199 – วัตถุต้องห้าม ACE-002!
กลับเห็นชายสองคนนั้นเดินช้า ๆ มาตรงหน้าชิ่งเฉิน หนึ่งในนั้นกล่าวอย่างสงบนิ่งว่า “สูหลินเซิน ไม่เจอกันนาน”
พร้อมกับที่สองคนนี้เดินออกมาจากฝูงชน ทุก ๆ คนในเรือนจำล้วนหยุดเรื่องที่อยู่ในมือตนเอง จับสังเกตทางนี้เงียบ ๆ
ทุกคนในที่แห่งนี้ล้วนรอชิ่งเฉินเปิดปากกล่าววาจา
ชิ่งเฉินมองดูชายเบื้่องหน้า เงียบงันไปครึ่งค่อนวัน “……คุณเป็นใคร?”
ชายคนนั้นหัวเราะเสียงเย็น “ได้ยินมานานว่า A โพดำสูหลินเซินหยิ่งผยอง คิดไม่ถึงว่าจะถึงกับหยิ่งผยองจนถึงขั้นนี้”
ในใจชิ่งเฉินหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ เขาก็ไม่ได้จงใจทำเป็นหยิ่งผยองขนาดนี้ อันที่จริงเขาไม่รู้จริง ๆ ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ได้แต่พูดออกไปแบบนี้
ในสถานการณ์ประเภทนี้ ไม่รู้แล้วแกล้งทำเป็นรู้จึงจะเกิดปัญหาได้ง่ายกว่า
กลับเห็นชายอีกคนด้านข้างก็หัวเราะเสียงเย็นขึ้นมา “ดูท่า A โพดำสูหลินเซินก็น่าจะจำผมไม่ได้”
ชิ่งเฉินหลังจากสำรวจอีกฝ่ายอย่างละเอียดก็เงียบไปสองวินาทีแล้วกล่าวว่า “ยังไม่ถึงกึ่งเทพ ไม่คู่ควรจะถูกผมจดจำ”
กัวหู่ฉานสูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บหนึ่งคำ
สีหน้าชายที่อยู่ตรงข้ามยิ่งมืดครึ้ม “คุณก็แค่เพิ่งจะเลื่อนขึ้นแรงก์ A เท่านั้น ไม่รู้คุณเอาความมั่นใจมาจากไหน แม้แต่ท่าน ‘เฉินอวี๋’ ก็ไม่กล้าพูดอย่างนี้เลยเถอะ”
ชิ่งเฉินถามว่า “เฉินอวี๋เป็นใคร?”
กัวหู่ฉานสูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บอีกครั้ง
ลมหายใจของทุกคนรอบด้านขาดห้วงทันที
เฉินอวี๋เป็นกึ่งเทพยุคนี้ของตระกูลเฉิน……
“ดี” ชายคนนั้นจู่ ๆ หัวเราะขึ้นมา “ผมจะเอาประโยคนี้ไปบอกเขา”
ชิ่งเฉินพูดขอโทษสูหลินเซินในใจเป็นอันดับแรก แต่ประเด็นสำคัญที่สุดคือเขาไม่รู้จริง ๆ ว่าเฉินอวี๋เป็นใคร
ณ ขณะนี้ กัวหู่ฉานที่อยู่ด้านข้างรู้สึกถึงเกียรติที่เพิ่มพูนขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุดอยู่ในใจ ที่แท้บอสบ้านตัวเองแข็งกร้าวขนาดนี้ แม้แต่กึ่งเทพตระกูลเฉินยังไม่อยู่ในสายตา!
อนาคตของโพดำภายใต้การนำของบอสจะต้องสว่างไสวโชติช่วงแน่นอน
……
……
“บอสครับ พวกเราไม่ใช่ว่าอยากเห็นเขาวุ่นวายเหรอ แต่นี่ทำไมผมรู้สึกว่าเขาต่อบทได้ซะเชี่ยวชาญเลยล่ะครับ”
ในมุมหนึ่งในเรือนจำ หลินเสี่ยวเสี้ยวงึมงำเบา ๆ
เยี่ยหว่านพยักหน้า “เสี่ยวเฉินไม่เคยเห็นสูหลินเซินด้วยซ้ำ ถึงกับแสดงออร่าอันหยิ่งผยองของสูหลินเซินออกมา แถมมีแต่ดีกว่าไม่มีด้อยกว่า”
หลี่ซูถง, หลินเสี่ยวเสี้ยว, เยี่ยหว่านสามคนยืนอยู่ในที่มือ มองดูโชว์ดีเงียบ ๆ
เดิมทีทุกคนปรึกษากันแล้วว่าอยากเห็นท่าทางมือเท้าปั่นป่วนของชิ่งเฉิน จากนั้นหลี่ซูถงจะทำตัวเป็นอาจารย์ลงมือช่วยคน อย่างนี้คุณค่าของเขาที่เป็นอาจารย์คนนี้จึงจะสามารถสะท้อนออกมาได้
ถึงอย่างไร นักเรียนในยามปกติสุขุมเกินไป ทำให้อาจารย์รู้สึกไม่ประสบความสำเร็จมากจริง ๆ
ก็เหมือนกับคุณแม่ในครอบครัวทั่วไป ถึงเธอจะดุด่าว่าคุณไม่พับผ้าห่ม, ไม่รักษาความอบอุ่นดี ๆ, ไม่เรียนดี ๆ, แต่ถ้าหากคุณทำทุก ๆ เรื่องได้ดีมากจริง ๆ ขึ้นมา เธอกลับจะรู้สึกทันใดว่าตนเองไร้ตัวตนมาก
หลี่ซูถงตอนนี้ก็มีความรู้สึกประเภทนี้ ดังนั้นอยากสร้างวิกฤติให้กับชิ่งเฉิน ถึงอย่างไรเขาที่เป็นกึ่งเทพคนนี้นั่งประจำเรือนจำ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เกิดอุบัติเหตุหรอก
เพียงแต่ ทิศทางการดำเนินเรื่องในตอนนี้ดูเหมือนจะกำลังดำเนินไปในทิศทางที่ทุกคนล้วนคาดคิดไม่ถึง……
หลี่ซูถงเงียบงันไปครึ่งค่อนวัน “ฉันถึงขนาดอยากจะเพิ่มระดับความยากให้เขาเลยเนี่ย”
ขณะนี้ ชายคนหนึ่งกล่าวว่า “สิ่งที่ทำให้พวกเราคิดไม่ถึงคือ A โพดำผู้ยิ่งใหญ่ถึงกับมาเสี่ยงอันตรายถึงคุกหมายเลข 18 ด้วยตัวเอง คุณไม่กลัวหลี่ซูถงจะสยบคุณจนตายอยู่ที่นี่เหรอ?”
ชิ่งเฉินเอ่ยอย่างสงบนิ่งว่า “ทุกคนล้วนทราบว่าหลี่ซูถงออกไปจากคุกหมายเลข 18 แล้ว ไม่ต้องพูดคำพูดที่ไม่มีประโยชน์พวกนี้ ถ้าไม่ได้รู้ว่าเขาจากไปแล้ว พวกคุณสองคนกล้าเข้ามาที่คุกแห่งนี้เหรอ? ที่ช่วงนี้คุกหมายเลข 18 ย้ายคนมาหลายร้อยคนมันเพื่ออะไร แต่ละฝ่ายล้วนรู้อยู่แก่ใจ”
ตู้ห้าวผู้รับผิดชอบของบ้านใหญ่ตระกูลชิ่งยิ้มเย็นเอ่ยว่า “งั้นพวกเรามาเปิดอกคุยกันเถอะ ไม่ว่าสูหลินเซินคุณจะหยิ่งผยองอีกแค่ไหน โพดำในคุกหมายเลข 18 ก็แค่ไม่กี่สิบคน ถ้าคุณอยากจะแย่งชิง ACE-002 โดยลำพัง ผมกับเซี่ยอิงเกิงสองคนร่วมมือกันก็สามารถทำลายแผนการของคุณได้แล้ว ดังนั้นไม่สู้พวกเราร่วมมือกัน จับหลินเสี่ยวเสี้ยวกับเยี่ยหว่านก่อนค่อยว่ากัน”
เซี่ยอิงเกิง คนของตระกูลเฉิน
“คุณรู้สึกว่าพวกคุณคู่ควรจะร่วมมือกับผมเหรอ?” ชิ่งเฉินมองทั้งสองคนอย่างเย็นชา แต่จู่ ๆ เขาค้นพบว่าทั้งสองคนมีสัญญาณอยากจะลงมืออย่างบางเบา “พวกคุณคู่ควร”
หัวข้อที่พลิกผันพูดจนคนทั้งกลุ่มมึน ตู้ห้าวอึ้ง ๆ ไม่เข้าใจว่าสูหลินเซินสรุปแล้วร่วมมือหรือไม่ร่วมมือ
ชิ่งเฉินมองไปทางทั้งสองคน “พวกคุณวางแผนจะลงมือต่อหลินเสี่ยวเสี้ยว, เยี่ยหว่านเวลาอะไร?”
“หัวค่ำ” เซี่ยอิงเกิงตอบอย่างสงบนิ่ง
ความวุ่นวายในเรือนจำหมายเลข 18 ค่อย ๆ สงบนิ่ง
ทุกคนล้วนกำลังรอกิจกรรมเดินขบวนนักเรียนข้างนอกก่อกวนความสงบเรียบร้อย เรื่องสองอย่างที่ดูไม่เกี่ยวข้องกันจู่ ๆ ก็เชื่อมโยงกันอย่างแน่บแน่น
บางที นี่ก็คือหนึ่งในเหตุผลที่การเดินขบวนนักเรียนสามารถได้รับการอนุมัติทางกฎหมาย มีคนหวังว่ามันจะสามารถทำให้สายตาของคนมากกว่านี้สับสน
นับถอยหลัง 14:00:00
ยังห่างจากหัวค่ำ 9 ชั่วโมง
ในกลุ่มคน นักโทษหลายคนแยกตัวออกจากกลุ่มอย่างไร้สุ้มเสียง แต่ละคนเดินเข้าไปในห้องน้ำ
พวกเขาหลายคนพบกันในห้องน้ำ แต่ล้วนไม่ได้พูดจากัน ทว่าแยกย้ายกันมุดเข้าไปในห้องส้วมต่าง ๆ
คนเหล่านี้อยู่ในองค์กรที่ไม่เหมือนกัน ปัจจุบันนี้ต้องการติดต่อกับภายนอกโดยด่วนที่สุด อย่างเช่นสอบถามว่าเบื้องบนทำไมไม่เอ่ยถึงเลยว่าสูหลินเซินจะเข้ามา หลี่ซูถงปรากฏตัวที่ภายนอกหรือไม่ ความคืบหน้าของการเดินขบวนนักเรียน
นักโทษคนหนึ่งถกแขนเสื้อ จากนั้นฝืนฉีกแยกแขนจักรกลที่เชื่อมเป็นหนึ่งชิ้นของตนเอง ดึงชิ้นส่วนหลายชิ้นออกมาจากข้างใน ประกอบใหม่เป็นอุปกรณ์ส่งสัญญาณอันสมบูรณ์หนึ่งเครื่อง
แต่ทว่าพริบตาถัดมา นักโทษที่รับผิดชอบการส่งข่าวสารในส้วมทุกคนล้วนค้นพบว่าอุปกรณ์สื่อสารของพวกเขาล้มเหลวแล้ว ตรวจจับสัญญาณใด ๆ ไม่ได้เลย
เรือนจำหมายเลข 18 ที่เป็นดั่งป้อมปราการแห่งนี้เหมือนจะกลายเป็นเมืองโดดเดี่ยวอันเป็นเอกเทศจากเมืองหมายเลข 18 ไปแล้ว
……
……
จนกระทั่งกลุ่มคนรอบด้านแยกย้ายกันไป ชิ่งเฉินจึงถอนหายใจโล่งอกในใจ
บนใบหน้าเขายังรักษาความนิ่งเฉย เพราะเขารู้ว่าขณะนี้ยังมีดวงตานับไม่ถ้วนจับจ้องตนเอง
A โพดำมาด้วยตัวเอง กระตุกเส้นประสาทของคนนับไม่ถ้วนจริง ๆ
แต่ชิ่งเฉินไม่คิดมากเกินไป ภารกิจของเขาในตอนนี้ก็คือการกวนน้ำให้ขุ่น
หลินเสี่ยวเสี้ยวเคยพูดก่อนหน้านี้ว่า: นักโทษที่ย้ายมาครั้งนี้มากเกินไป สั้น ๆ สิบวัน คุกหมายเลข 18 ก็เพิ่มขึ้นมา 1200 คน
ใน 1200 คนนี้ มีคนของกลุ่มอำนาจองค์กรต่าง ๆ แล้วก็มีคนบริสุทธิ์ที่ถูกบังคับย้ายมา พวกเขาปะปนกันจนไม่อาจแยกแยะได้เลย
ถึงหลี่ซูถงในฐานะกึ่งเทพต้องการจะล้างบางเรือนจำหมายเลข 18 ก็ไม่เต็มใจจะลงมือทำร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างไม่แยกแยะ
ดังนั้น มีเพียงการก่อกวนน้ำนิ่งบ่อนี้ขึ้นมา ให้พวกสัตว์ในบ่อน้ำว่ายขึ้นมา จึงจะสามารถรู้ได้ว่าในบ่อน้ำนี้ตัวไหนเป็นสัตว์กินเนื้อ ตัวไหนเป็นสัตว์กินพืช
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ชิ่งเฉินพากัวหู่ฉานทะลุผ่านกลุ่มคนเงียบ ๆ เดินตรงไปยังห้องของหลี่ซูถง
ในพริบตานั้น สายตาของทุกผู้คนล้วนมารวมตัวกัน อยากเห็นว่า ‘สูหลินเซิน’ คนนี้วางแผนจะทำอะไร
“บอสครับ พวกเราจะไปไหนครับ?” กัวหู่ฉานเอ่ยอย่างฉงน
“พาคุณไปเอาวัตถุต้องห้าม” ชิ่งเฉินตอบอย่างสงบนิ่ง
แต่ทว่าถัดจากนั้น ชิ่งเฉินจู่ ๆ เดินเข้าห้องขังที่เปิดอ้าห้องหนึ่ง หยิบหนังสือหนาหนักหนึ่งเล่มออกมาจากในนั้น ยัดเข้าไปในมือของกัวหู่ฉาน
ชิ่งเฉินกล่าวเสียงเบาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “วิ่ง! ผมคุ้มกันคุณ!”
กัวหู่ฉานตะลึงลาน หมุนตัวได้ก็วิ่งไปที่ประตูเลื่อนอัลลอยด์ทางทิศเหนือลานกว้าง
ถึงแม้เขาจะรู้สึกว่าทุกสิ่งนี้กะทันหันอยู่บ้าง แต่บอสส่ง ACE-002 ซึ่งมีความสำคัญขนาดนั้นมาถึงมือตนเอง และยังอยากคุ้มกันตนเองหนีออกจากเรือนจำหมายเลข 18 นี่ไหนเลยจะเป็นเวลาให้เขาพะวักพะวงเกินไป?
พริบตานั้น โทเท็มทั่วทั้งร่างกัวหู่ฉานปรากฏมาจนหมด คนทั้งคนตะบึงออกไปราวกับวัวป่า ค่อนข้างมีพลังสภาวะแบบเทพขวางฆ่าเทพ พุทธองค์ขวางฆ่าพุทธองค์
แล้วก็ในเวลานี้เอง ในลานกว้างมีคนเกือบพันคนเคลื่อนไหวตาม ในนั้นยังมีคนตะโกนดังลั่นว่า “ขวางเขาไว้ อย่าให้เขาเอาวัตถุต้องห้ามไป!”
“ชิงวัตถุต้องห้ามมาให้ฉัน!”
ในเรือนจำหมายเลข 18 อลหม่านขึ้นมาทันใด นักโทษกว่าครึ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเลย เห็นได้ชัดว่าสับสนมึนงงอยู่บ้าง ยังมีนักโทษไม่ถึงครึ่งที่ไล่ตามกัวหู่ฉานอย่างบ้าคลั่ง
คลื่นของผู้คนหือขึ้น ยังไม่ทันที่กัวหู่ฉานจะวิ่งไปถึงข้างประตูเลื่อนอัลลอยด์ก็มีคนนับร้อยขวางทางไปของเขาล่วงหน้าแล้ว!
“ไสหัวไปให้ฉัน!” กัวหู่ฉานคำรามแล้วพุ่งเข้าฝูงชน กอดหนังสืออันหนาหนักไว้กับอกแน่น
เพียงการต่อสู้ในพริบตาเดียวถึงกับมีนักโทษสิบกว่าคนลอยขึ้นกลางอากาศอย่างน่าอนาถราวกับถูกรถหุ้มเกราะที่แล่นด้วยความเร็วชน
แต่ว่า ตอนที่กัวหู่ฉานกำลังมุ่งหน้าอย่างห้าวหาญ กลับมีคนสองคนแทรกตัวมาถึงข้างหลังเขาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
ในนั้น ชายกลางคนที่ชื่อตู้ห้าวลงมือนิ่ง ๆ เห็นเพียงเขาเหยียดนิ้วเรียวยาวออกไปสองนิ้ว ฉวยตอนที่กัวหู่ฉานจัดการคนอื่น แทงเข้าไปในซี่โครงของบุรุษศีรษะล้านดุจสายฟ้าฟาด
กัวหู่ฉานถูกโจมตีซี่โครง ความเจ็บปวดถ่ายทอดไปทั่วร่างในพริบตา แม้แต่สองแขนก็คลายลงอย่างไม่ได้ตั้งใจไปชั่วขณะ
วินาทีถัดมา เซี่ยอิงเกิงที่อยู่อีกข้างจู่ ๆ ลงมือคว้าขอบหนังสือเอาไว้ ออกแรงกระชาก!
“อย่าคิด!” ฝ่ามือที่ใหญ่เท่าชามทองแดงของกัวหู่ฉานจับหนังสือไว้ในอ้อมอกแน่น ไม่ให้อีกฝ่ายแย่งไป
ระหว่างการยื้อยุดของสองฝ่าย……
แควก
วัตถุต้องห้าม ACE-002 ถึงกับถูกฉีกขาดแล้ว……
ทุกผู้คนพากันตกตะลึง ทุกคนมองดูกลางอากาศอย่างว่างเปล่า ชั่วขณะนั้นยังไม่ทันมีปฏิกิริยาว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น
วัตถุต้องห้ามเป็นผลิตผลของกฎ จะพังได้อย่างไรล่ะ?
วัตถุต้องห้ามมันเสียหายไม่ได้นะ!
เซี่ยอิงเกิงบื้อใบ้ไปเลย แล้วนี่ตัวเองกลับไปแล้วจะอธิบายกับบอสบ้านตัวเองอย่างไร? บอกว่าตัวเองทำภารกิจสำเร็จทำลายวัตถุต้องห้าม ACE-002 ไปแล้วเหรอ?
ถ้าพูดอย่างนี้จริง ๆ เกรงว่าจะถูกส่งเข้าป่าไปปลูกข้าวโพดแล้วกระมัง?!
ตู้ห้าวที่ก่อนหน้านี้ลงมือใส่กัวหู่ฉานยื่นสองนิ้วไปคีบหน้ากระดาษที่ฉีกขาดกลางอากาศ บนนั้นเขียนไว้อย่างน่าประทับใจว่า “คู่มือสุขภาพวัยกลางคน……”
หลี่ซูถงในที่มืด “……”
ตายทางสังคมแล้วอะ เรื่องที่ตนเองอ่านหนังสือประเภทนี้เปิดเผยแล้ว!
“นี่มันไม่ใช่วัตถุต้องห้ามเลย พวกเราถูกหลอกแล้ว!” เซี่ยอิงเกิงคำรามแล้วมองไปทางกัวหู่ฉาน
แต่ทว่า จู่ ๆ พวกเขาค้นพบว่า ณ ขณะนี้สีหน้าของกัวหู่ฉานก็ตื่นตกใจถึงสิบส่วน!
พวกนักโทษไม่ค่อยเข้าใจ พวกเขาตื่นตกใจก็ช่างเถอะ กัวหู่ฉานคุณทำไมก็ตื่นตกใจออกหน้าออกตาอย่างนี้ด้วยล่ะ……
กัวหู่ฉานผลักฝูงชนออกแล้วหันศีรษะกลับไปเสาะหาร่างของบอสบ้านตัวเอง แต่เขากลับค้นพบว่า “สูหลินเซิน” คนนั้นหายตัวไปแล้ว
แต่ประเด็นสำคัญที่สุดในละครตลกฉากนี้คือ ผู้มีเจตนาร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในนักโทษทั่วไปเหล่านั้นแทบจะเผยตัวตนออกมาหมดแล้ว
………………………………………..
ตอนที่ 200 – อยากหลอกฉันเป็นครั้งที่สอง?