นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) - ตอนที่ 198 ตัวตนของยางยาง
ตอนที่ 198 – ตัวตนของยางยาง
พูดตามสามัญสำนึก ถ้าอยากจะแอบอ้างเป็นคนขององค์กรหนึ่ง งั้นแอบอ้างเป็นคนที่ไม่สะดุดตาที่สุดจะดีที่สุด อย่างนี้โอกาสที่จะถูกค้นพบจะน้อยลงมาก
ดังนั้นตอนที่หลี่ซูถงบอกกับชิ่งเฉินว่า “ฉันต้องการให้เธอกวนน้ำให้ขุ่น” เด็กหนุ่มนึกว่าตอนนั้นทุกคนล้วนมีทัศนคติที่จริงจัง, จริงใจ, มีหลักการ
ชิ่งเฉินนึกว่าคนที่อาจารย์ให้เขาไปแอบอ้างก็จะต้องเป็นไปตามหลักการนี้ จากนั้นจึงได้เลือกบุคคลที่สอดคล้องกันออกมาหนึ่งคนแบบนี้จากในโพดำ
แต่เขาร้อยคิดไม่ถึงพันคิดไม่ถึงเลย ว่าอาจารย์ของตนเองไม่มีความจริงใจสักนิดเดียว
แล้วก็ไม่มีหลักการด้วย
ใครมันจะอยู่ว่าง ๆ ไม่มีงานการไปแอบอ้างเป็นบอสใหญ่ขององค์กรคนอื่นเขาล่ะ?!
ประเด็นคือ ตอนที่หลี่ซูถง, หลินเสี่ยวเสี้ยว, เยี่ยหว่านสามคนให้ตนเองดูคลิปของสูหลินเซิน สีหน้าสงบนิ่งขนาดนั้น
แม้แต่แม่เยี่ยที่คิ้วหนาตาโตยังเริ่มจะหลอกคนด้วยใบหน้าไร้อารมณ์แล้วเหรอ?!
สายตาอันเย็นชาของชิ่งเฉินกราดมองทุกคนช้า ๆ กลับเห็นว่าคนสามพันกว่าคนในลานกว้างนั้นถึงกับพากันหลบเลี่ยงสายตาออกไปทีละคน ๆ ตามที่สายตาของเขากวาดผ่าน
แทบจะไม่มีคนกล้าเผชิญกับสายตาของเขา
แค่เห็นปฏิกิริยาของคนเหล่านี้ ชิ่งเฉินก็สามารถเดาได้คร่าว ๆ แล้วว่าสูหลินเซินอยู่แรงก์อะไร……
เวลานี้ ปืนเมทัลสตอมบนโดมท้องฟ้ากำลังหมุนมุมกล้องไม่หยุด เหมือนกับตอนที่กัวหู่ฉานเข้ามาเป๊ะ ๆ คิดไม่ถึงว่าตอนที่หนึ่งแสดงละครก็จัดเต็มเหมือนกัน
กล้อง 210 ตัวทั่วทั้งเรือนจำ มีอย่างน้อยหนึ่งในสามที่เล็งใส่เขา ชิ่งเฉินถอนหายใจในใจ เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าแตงที่ทุกคนกินวันนี้จะถึงกับมาจากเขา
พัศดีจักรกลข้างกายไขกุญแจตรวนหลายชั้นที่อยู่บนมือเท้าของเขา กัวหู่ฉานมาตรงหน้าเขาเอ่ยเสียงเบา ๆ ว่า “บอสครับ ทำไมท่านก็มาแล้วล่ะครับ?”
ในแววตาของชายฉกรรจ์ศีรษะล้านมีประกายวูบขึ้น เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายระแวงตัวตนของชิ่งเฉินอยู่บ้าง ถึงอย่างไรเรื่องใหญ่อย่างการที่สูหลินเซินเข้าเรือนจำหมายเลข 18 อีกฝ่ายในฐานะสมาชิกโพดำถ้าหากไม่ทราบ งั้นก็จะต้องมีปัญหา
ถึงแม้ว่ากัวหู่ฉานก็ไม่รู้ว่าปัญหาเกิดจากตรงไหน
ชิ่งเฉินมองไปรอบ ๆ ช้า ๆ อยากจะหาดูว่าอาจารย์ตัวเองซ่อนอยู่ที่ไหน ถ้าเผื่อถูกกัวหู่ฉานค้นพบความจริง ตนเองก็จะได้รีบวิ่งไปที่ด้านอาจารย์
ผลคือ เขามองไม่เห็นเงาร่างของหลี่ซูถงเลยตั้งแต่ต้นจนจบ
ชิ่งเฉินความคิดหมุนวนเร็วจี๋ จู่ ๆ เขากล่าวว่า “กิจกรรมเดินขบวนที่พวกเราริเริ่มได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ถ้าหากเวลา 19 นาฬิกา กลุ่มคนเดินขบวนสามารถไปถึงสามเขตบนอย่างราบรื่น อย่างนั้นกำลังตำรวจ, กำลังทหารของเมืองหมายเลข 18 ล้วนจะรวมตัวกันปกป้องคนใหญ่คนโตของกลุ่มการเงิน ถึงเวลาพวกเราจะไม่ถูกมัดมือมัดเท้าอีก”
กัวหู่ฉานอึ้งไปแล้วลูบหลังศีรษะ “บอสครับ เมื่อกี้ผมยังนึกว่ามีคนปลอมตัวเป็นท่านเลยครับ….. อวี๋อวี่อวี๋บอกผมว่า ด้านการเดินขบวนนักเรียนขณะนี้ทุกอย่างราบรื่นดี มียางยางนำคนค่อยควบคุมอยู่ในทีม น่าจะสามารถดำเนินการตามแผนการของพวกเราได้”
ชิ่งเฉินผ่อนลมหายใจในใจทันที คนนอกไม่รู้เลยว่ากิจกรรมเดินขบวนครั้งนี้เป็นปฏิบัติการของโพดำ แต่เนื่องจากเขารู้จักยางยาง แล้วยังเดาได้ว่ายางยางเป็นสมาชิกโพดำ ดังนั้นจึงสามารถพูดอย่างมั่นใจขนาดนี้
ที่เขาเอ่ยถึง “โพดำริเริ่มการเดินขบวน” ก็เพื่อพิสูจน์ตัวตนของเขา
แต่ชิ่งเฉินจงใจไม่เอ่ยถึงยางยางในประโยคนี้ เพราะว่าถ้าหากเขาพูดตรง ๆ ว่ายางยางริเริ่ม หลังจากนี้ยางยางจะสามารถจำกัดวงตัวตนของ “ผู้แอบอ้าง” ได้อย่างรวดเร็ว
กัวหู่ฉานลูบศีรษะล้านกล่าวว่า “จริงสิครับบอส ช่วงนี้การส่งข้อมูลกลับมาของยางยางไม่ทันกาลมาก แน่นอนว่า อวี๋อวี่อวี๋บอกว่าเธอยุ่งอยู่กับเรื่องการริเริ่มการเดินขบวนปฏิรูปการศึกษามาตลอด ติดต่อไม่ได้เป็นครั้งคราวก็ปกติ……”
ชิ่งเฉินมองกัวหู่ฉานกล่าวว่า “ยางยางทำงานไม่เต็มที่ ไล่เธอออกเถอะ”
กัวหู่ฉานเอ่ยเสริมว่า “บอสครับ สกิลของยางยางร้ายกาจมากจริง ๆ ก็ไม่ถึงกับต้องไล่เธอออก……”
ชิ่งเฉินเอ่ยด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ว่า “ได้ งั้นก็ดูไปก่อน”
“จริงด้วยครับ” กัวหู่ฉานกล่าวต่อ “อวี๋อวี่อวี๋บอกว่าท่านวางแผนจะเร่งเดินทางเข้าไปสระอัคคีก่อนที่หิมะจะปิดภูเขา ข่าวอันนี้ของเขาก็เชื่อถือไม่ได้เลยนะครับ”
ชิ่งเฉินโล่งอกอยู่ในใจ บอสคุณไม่อยู่บริเวณนี้ งั้นก็จัดการง่ายแล้ว……
เขากล่าวด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ว่า “วันนี้ในคุกหมายเลข 18 ซ่อนผีสางเทวดาไว้เยอะเกินไป ฉันกลัวว่าคุณอยู่ในนี้จะรับมือไม่ไหว ดังนั้นเลยเข้ามา เรื่องของสระอัคคีสามารถรอได้ โอกาสได้รับวัตถุต้องห้ามกลับรอไม่ได้”
“อย่างนี้นี่เอง” กัวหู่ฉานเอ่ยด้วยอารมณ์ว่า “ยังคงเป็นบอสท่านที่คิดได้รอบด้าน ถึงหลี่ซูถงจะไม่อยู่ที่คุก แต่ช่วงนี้กลุ่มอำนาจต่าง ๆ นานาล้วนสอดคนเข้ามาไม่น้อยเลยครับ โพดำเราก็ไม่แน่ว่าจะครอบครองความได้เปรียบ แต่บอสท่านเข้ามาก็ไม่เหมือนกันแล้ว ครั้งนี้ วัตถุต้องห้าม ACE-002 กับ ACE-005 พวกเราจะเอามาพร้อมกันเลย!”
ชิ่งเฉินคิดในใจว่าไอ้หนูนายทะเยอทะยานนักนะ เอาหนึ่งชิ้นยังรองท้องคุณไม่อิ่ม ยังจะเอาสองชิ้น?
เขาถามอย่างไม่กระโตกกระตากว่า “ตลอดทางที่ผมมาค่อนข้างเร่งรีบ เกี่ยวกับข้อมูลของวัตถุต้องห้ามสองชิ้นนี้ เอาข้อมูลที่รับทราบมาล่าสุดบอกผมหน่อย”
กัวหู่ฉานกล่าวเสียงเบา ๆ ว่า “ผมสงสัยว่า ACE-005 ก็คือแมวตัวใหญ่ตัวนั้นที่อยู่ข้างกายหลี่ซูถงครับ”
“เพราะอะไร” ชิ่งเฉินถามอย่างสงบนิ่ง
“เพราะแมวใหญ่ตัวนั้นไม่เคยขนร่วง บอสครับ ผมสังเกตอยู่นานแล้ว แมวตัวนั้นขนไม่ร่วงจริง ๆ ครับ” กัวหู่ฉานกล่าว “ที่สระอัคคีนั่นก็เลี้ยงแมวไว้เยอะ แต่ว่าขนร่วงกันทุกตัว ผมแค่คิดก็หายใจติดขัดแล้ว ในโลกนี้มีแมวที่ขนไม่ร่วงที่ไหนกันครับ!”
ชิ่งเฉินคิดในใจว่านี่เป็นจุดบอดทางความรู้ของตัวเองจริง ๆ แต่ก่อนเขาแม้แต่ตัวเองยังเลี้ยงไม่ไหว ไหนเลยจะมีเงินเหลือไปเลี้ยงแมว ดังนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าแมวทั่วไปจะขนร่วงกันโหดขนาดนั้น
และต้าฝูแมวที่ขนไม่ร่วงโดยสิ้นเชิงเช่นนี้หายากขนาดไหน
ชิ่งเฉินคิดแล้วกล่าวว่า “วิเคราะห์ได้มีเหตุผล แต่หลี่ซูถงก็อาจจะพก ACE-005 ไว้กับตัว”
“ไม่ครับ” กัวหู่ฉานกล่าว “อวี๋อวี่อวี๋บอกผมว่า มีคนเคยเห็นหลี่ซูถงปรากฎตัวที่ชมรมเหิงข้างนอก อีกฝ่ายกับหลี่ตงเจ๋อพบหน้ากันครู่สั้น ๆ ข้างกายไม่ได้มีแมวอยู่ด้วยเลย จริงสิครับบอส ท่านบอกว่า แมวของสระอัคคีหน้าร้อนขนร่วง หน้าหนาวขนยาว งั้นคนจะผมยาวตอนไหนครับ?”
ชิ่งเฉินมองศีรษะล้านของอีกฝ่ายแวบหนึ่ง “ตอนเด็ก”
กัวหู่ฉาน “……”
ชิ่งเฉินขบคิดว่า ตรงนี้มีจุดข้องใจจริง ๆ ยืนยันได้แล้วว่ายางยางเป็นสมาชิกโพดำ งั้นเธอก็ทราบตัวตนของหลี่ซูถงแล้ว แล้วก็ทราบว่าหลี่ซูถงอยู่ที่ไหน
โพดำไม่ต้องประเมินสถานการณ์ผ่านข้อมูลประเภท “หลี่ซูถงเคยไปที่ชมรมเหิงพบหน้าหลี่ตงเจ๋อ” อะไรนี่เลย ถามยางยางตรง ๆ ก็พอแล้ว
หรือว่า ยางยางกำลังรักษาความลับให้เขา?
นี่ทำให้ชิ่งเฉินรู้สึกเหนือคาดอยู่บ้าง
“ACE-002 คุณเห็นว่าไง?” ชิ่งเฉินถาม
“อันนี้ไม่มีทางยืนยันเลยครับ” กัวหู่ฉานกล่าวพลางส่ายหน้า
กัวหู่ฉานลูบหลังศีรษะล้านเลี่ยนแล้วกล่าวต่อว่า “ตอนนี้ตระกูลหลี่, ตระกูลเฉินวางแผนสองอย่าง แผนที่หนึ่งคือพวกเขาวางแผนจะฝืนพังประตูเลื่อนไปตรวจดูว่ามีภาชนะที่รองรับอยู่หรือไม่ แผนที่สองคือวันนี้จับตัวหลินเสี่ยวเสี้ยวกับเยี่ยหว่านตรง ๆ ง้างปากพวกเขาถามตำแหน่งของวัตถุต้องห้าม ถึงเวลาพวกเราจะตีชิงตามไฟ รอหลังจากพวกเขาถามเบาะแสของวัตถุต้องห้ามออกมาแล้วแย่งมาตรง ๆ”
เวลานี้ชิ่งเฉินก็เข้าใจแล้ว: คนกลุ่มนี้ไม่มั่นใจว่า ACE-005, ACE-002 มีประโยชน์อะไร แล้วก็ไม่มั่นใจว่า ACE-005, ACE-002 สรุปแล้วเป็นอะไร
เพียงแต่ คนเหล่านี้ถ้าหากกล้าลงมือต่อหลินเสี่ยวเสี้ยวและเยี่ยหว่านจริง ๆ เกรงว่าวันนี้ล้วนต้องตายอยู่ที่นี่แล้วสินะ
แต่ว่า ดูปฏิกิริยาที่นักโทษคนอื่นไม่กล้าสบตาตอนที่เขามองวนไปหนึ่งรอบเมื่อครู่นี้ ชิ่งเฉินคิดในใจว่ากลุ่มอำนาจพวกนี้จะไม่กล้าลงมือแล้วรึเปล่า……
A โพดำมาเอง คนอื่นจะไม่ลังเลกันอยู่ในใจเหรอ?
แต่ว่า หลินเสี่ยวเสี้ยวกับเยี่ยหว่านมีชื่อเสียงมานานแล้ว คนเหล่านี้ในเมื่อรู้ว่าสองคนนี้เฝ้าเรือนจำหมายเลข 18 ยังกล้ามา งั้นก็จะต้องมีแผนสำรอง
อย่างน้อยก็เป็นแผนสำรองอันแข็งแกร่งที่สามารถต่อกรหลินเสี่ยวเสี้ยวกับเยี่ยหว่านสองคนนี้!
ชิ่งเฉินคิดแล้วพูดข้อมูลครึ่งจริงครึ่งเท็จขึ้นมาอย่างจริงจังว่า “อย่าเพิ่งเอ่ยว่า ACE-005 ยังอยู่ในคุกรึเปล่า เท่าที่ผมทราบ หลี่ซูถงไม่มีทางพก ACE-002 ออกไป แถมเบาะแสของ ACE-002 นี่ ผมก็มีเค้าลางบ้างแล้ว”
กัวหู่ฉานสีหน้าดีใจ รีบลดเสียงกล่าวว่า “บอสท่านมีเบาะแสของ ACE-002 แล้ว?”
“อืม” ชิ่งเฉินตอบรับด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ดุจเดียวกับสูหลินเซินในคลิป “ถึงเวลาคุณกับผมร่วมมือกัน ฉวยตอนที่พวกเขาไม่สนใจเอา ACE-002 ไป”
กัวหู่ฉานคึกคักขึ้นมาทันใด
พูดจบ ชิ่งเฉินสอดส่องโดยรอบสังเกตสภาพแวดล้อม
จู่ ๆ เขาค้นพบปัญหาข้อหนึ่ง เขาสอดส่องโดยรอบถึงกับไม่เห็นร่องรอยของคนคุ้นเคยสักคน หลิวเต๋อจู้ไม่เห็น อวี๋จวิ้นอี้ก็ไม่เห็น แม้แต่ลู่ก่วงอี้ยังไม่เห็น!
ประหลาด นักโทษทั้งหมดล้วนอยู่ที่นี่ เหตุใดคนมากขนาดนั้นล้วนหายไปไม่เห็นเลย?
ย้ายไปที่เรือนจำอื่นหรือว่าขังเดี่ยวพร้อมกันงั้นหรือ? แต่ก่อนหน้านี้พวกหลี่ซูถงกับหลินเสี่ยวเสี้ยวก็ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้นะ
ณ ขณะนี้ ในกลุ่มคนมีชายสองคนเดินมาหาเขาและกัวหู่ฉาน
ชิ่งเฉินสามารถรู้สึกได้ว่า กล้ามเนื้อตลอดทั้งร่างของกัวหู่ฉานจู่ ๆ เกร็งขึ้นมา ราวกับว่ามีสงครามใหญ่จวนจะปะทุ
เขาถอนหายใจในใจ เวลานี้ท่านอาจารย์ก็จะต้องชมดูที่นี่อย่างจดจ่อเลยสินะ
ไม่แน่ว่าในมือยังถือผลไม้
ชิ่งเฉินรู้สึกว่าตนเองช่างลำบากเกินไปจริง ๆ
……………………………………
คนอะไรชื่อ อวี๋อวี่อวี๋ (余与鱼)
ตอนที่ 199 – วัตถุต้องห้าม ACE-002!