นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) - ตอนที่ 195 ACE-005 ให้เธอแต่แรกแล้วนะ
- Home
- All Mangas
- นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature )
- ตอนที่ 195 ACE-005 ให้เธอแต่แรกแล้วนะ
ตอนที่ 195 – ACE-005? ให้เธอแต่แรกแล้วนะ
นับถอยหลัง 18:00:00
หกโมงเช้า นอกกระจกหน้าต่างเป็นหิมะผืนใหญ่และป่าไม้หนาทึบ ส่วนในห้องมีเสียงฟืนเผาไหม้แตกปะทุ
ไม่ใช่ว่านอกหน้าต่างมีหิมะตกหนักจริง ๆ ทว่าเป็นหนึ่งช่วยชิ่งเฉินเปลี่ยนเป็นโหมดนอน white noise
ก๊อก ๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นนอกประตูบ้าน ชิ่งเฉินลุกขึ้นนั่งบนเตียงทันที อยากจะไปเปิดประตู
เพียงแต่ตอนที่เขาเดินออกจากห้องนอนกลับเห็นหลี่ซูถงกำลังยิ้มแย้มนั่งอยู่บนโซฟา “ฉันไปเปิดประตูนะ”
ชิ่งเฉินไม่รู้ว่าท่านอาจารย์กลับมาเมื่อใด เขาถึงกับไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวสักนิด
กลับเห็นหลี่ซูถงดึงประตูห้องเปิด ยางยางที่อยู่นอกประตูอึดอัดอยู่บ้าง “สวัสดีค่ะคุณอา หนูมาหาชิ่งเฉิน”
“เขาเพิ่งตื่น เธอมาหาเขามีเรื่องอะไรเหรอ?” หลี่ซูถงยิ้มถาม
“เอ่อ หนูมาเรียกเขาไปเข้าร่วมเดินขบวนด้วยกันน่ะค่ะ ถ้ายังไงคุณอาก็ไปด้วยกันปะคะ?” ยางยางถาม
หลี่ซูถงยิ้ม หันหน้ากลับมาถามว่า “เสี่ยวเฉิน เธอไปเข้าร่วมเดินขบวนเถอะ เพื่อนนักเรียนยางยางมาเรียกเธอแล้ว”
“ฉันไม่ไป” ชิ่งเฉินกล่าวจากในห้อง “วันนี้ฉันยังต้องไปดูการแข่งขันที่ค่ายมวย”
“โอเค” ยางยางพยักหน้า “งั้นฉันกับเพื่อนนักเรียนเจิ้งอี้จะไปด้วยกัน คุณอากับชิ่งเฉินเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็มาได้ทุกเมื่อเลยนะคะ พวกเราจะออกตัวจากจตุรัสอวิ๋นซ่าง ตรงเข้าใจกลางเมือง ท่านวางใจเถอะค่ะ นี่เป็นกิจกรรมเดินขบวนที่ถูกต้องตามกฎหมาย”
“อืม” หลี่ซูถงยิ้ม มองส่งยางยางกับเจิ้งอี้จากไป จากนั้นจึงปิดประตู
ชิ่งเฉินเดินออกจากห้องนอนและเดาอย่างสงบนิ่งว่า “เธอพักที่นี่น่าจะเพื่อให้สะดวกใช้สกิลรับรู้สนามพลังของเธอ ยืนยันว่าท่านกับผมอยู่ที่อาคารลั่วเสินหรือไม่ในช่วงเวลาสุดท้าย”
ถึงอย่างไรกึ่งเทพอย่างหลี่ซูถงนั่งประจำที่เรือนจำหมายเลข 18 แล้วใครมันจะกล้าลงมือล่ะ
“หนึ่ง ยืนยันหน่อยว่าพวกเธอไปจริงรึเปล่า?” หลี่ซูถงถาม
“ยืนยัน นั่งรถรางเบาหมายเลข 22 มุ่งหน้าไปจตุรัสอวิ๋นซ่างแล้ว” หนึ่งตอบ
หลี่ซูถงหันหน้ากลับไปยิ้มให้ชิ่งเฉิน “งั้นตอนนี้เธอก็น่าจะล้มเลิกการเฝ้าดูพวกเราไปเองแล้วล่ะ ยังไงซะถ้าอยากจะเฝ้าดูจริง ๆ ก็น่าจะอยู่ที่อาคารลั่วเสินนี่ทั้งวันถึงจะถูก แบบนี้พวกเราไปตอนไหนเธอก็รู้ได้ บางทีตอนแรกเริ่มเธอทำเพื่อองค์กรโพดำ แต่ตอนนี้น่าจะไม่ใช่แล้ว”
ชิ่งเฉินขบคิด “อืม เป็นไปได้ครับ”
หลี่ซูถงยิ้ม “พวกเราก็เคลื่อนไหวเถอะ วันนี้องค์กรมากขนาดนั้น กลุ่มอำนาจมากขนาดนั้นชักใยให้เกิดโชว์ใหญ่ แต่ก่อนที่โชว์จะเปิดม่าน ตัวเอกก็ต้องอยู่ด้วยถึงจะได้”
ศิษย์อาจารย์สองคนเปลี่ยนเป็นชุดกีฬาสีขาวสะอาดเอี่ยม ต่างคนต่างสวมหมวกแก๊ปเดินไปนอกอาคาร
หลี่ซูถงยืนอยู่ในลิฟต์แก้ว ชืนชมทุกสิ่งตรงหน้าเงียบ ๆ
……
ในจตุรัสอวิ๋นซ่างที่แขวนกลางอากาศอัดแน่นไปด้วยผู้เดินขบวน บนหน้าของทุกคนทาสัญลักษณ์เดินขบวนสีแดง
ในฝูงชนกำลังมีนักเรียนนับพันคนเดินขวักไขว่ พวกเขาจัดระเบียบกันเอง แจกธงเล็ก ๆ แล้วก็แบนเนอร์ที่เขียนคำขวัญไว้เต็ม
ธงเล็กดูแล้วราคาถูกมาก นั่นเป็นสิ่งที่เหล่านักเรียนทำออกมาด้วยมือตัวเองหามรุ่งหามค่ำ อย่างนี้จะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้
บนมือพวกเขาแต่ละคนมีกาวคุณภาพต่ำติดหนึบ แต่บนใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มกระตือรือร้น
ตอนที่เหล่านักเรียนแจกธงเล็กยังพูดให้กำลังใจกันและกันว่า “เปลี่ยนโลก!”
“เปลี่ยนโลก!”
ถึงแม้พวกเขาเองอาจจะล้วนยังไม่ได้คิดให้แน่ชัดว่าควรจะเปลี่ยนโลกอย่างไร แต่ฝูงชนก็เดินขบวนไปยังสามเขตบนอย่างคับคั่งแล้ว
ข้างถนนมีนักข่าวหลายสิบคนถ่ายทอดสดการเดินขบวนอันใหญ่โตนี้ ส่วนผู้แทนของการเดินขบวนเผชิญหน้ากับสื่ออย่างสงบ พูดข้อเรียกร้องของตนเองออกมา
ผู้แทนนักเรียนคนหนึ่งมองไปที่กล้องกล่าวว่า “พวกเราเดินขบวนอย่างถูกกฎหมาย จำนวนคน, ข้อเรียกร้อง, เส้นทาง ทั้งหมดล้วนทำการรายงานแล้ว อีกทั้งพวกเราสัญญาว่าจะไม่ใช้กำลังเป็นอันขาด แถมจะต่อต้านการใช้กำลังอย่างเด็ดเดี่ยว!”
การเดินขบวนก็คือการเดินขบวน พวกเขาอยากจะรับประกันว่าการเดินขบวนคราวนี้ถึงตอนจบจะไม่แปรสภาพไป
รถลอยฟ้าคันหนึ่งบินผ่านอากาศเหนือทีมเดินขบวน ชิ่งเฉินนั่งอยู่ในรถมองลงไปด้านล่างเงียบ ๆ ในใจไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
หลี่ซูถงจู่ ๆ ถามว่า “เธอมีความเห็นยังไงต่อการเดินขบวนนักเรียนประเภทนี้?”
ชิ่งเฉินกล่าวว่า “โลกใบนี้ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงผ่านการเดินขบวน การควบคุมของกลุ่มการเงินต่อโลกใบนี้น่ากลัวกว่าที่พวกเขาจินตนาการอยู่ลิบลับ”
“ใช่” หลี่ซูถงยิ้มกล่าวว่า “วันที่บันทึกการเดินขบวนลงเรคคอร์ด ถึงหน่วยงานสหพันธรัฐจะอนุมัติผ่าน แต่คืนนั้นตระกูลหลี่ก็เริ่มค้นหานักธุรกิจรายย่อยที่สนับสนุนการเดินขบวนคราวนี้ นักธุรกิจรายย่อยคนนั้นเป็นคนของพวกเรา คืนเมื่อวานซืนภายใต้การจัดแจงของพวกเราได้ไปจากสหพันธรัฐเงียบ ๆ แล้ว จากนี้ก็จะไม่กลับมาอีก”
สงครามซึ่งไม่มีดินปืนครั้งนี้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในสถานที่ที่เหล่านักเรียนยังไม่ตระหนักถึง
ชิ่งเฉินมองไปทางหลี่ซูถงอย่างตะลึง ที่แท้สองวันนี้ท่านอาจารย์ยุ่งอยู่กับเรื่องนี้ด้วย เขาก็คิดไม่ถึงว่าเบื้องหลังการเดินขบวนคราวนี้ถึงกับเป็นท่านอาจารย์ของตนเองกำลังสนับสนุน
หลี่ซูถงยิ้มเอ่ยว่า “ฉันก็แค่สนับสนุนเล่น ๆ ความจริงคือเห็นพวกเขายากจนเกินไป ทนดูไม่ได้นิดหน่อย อย่างน้อยที่สุดก็ไม่สามารถให้พวกเด็ก ๆ ตะโกนสโลแกนท้องกิ่วปะ”
“ท่านอาจารย์ครับ ทางสายนี้อันตรายมาก” ชิ่งเฉินกล่าว
หลี่ซูถงกล่าวว่า “ตอนที่กลุ่มการเงินกับกลุ่มอำนาจอื่น ๆ ค้นหา จับกุม ประหารนักท่องเวลาเป็นการใหญ่ ฉันกับนักท่องเวลาพวกนั้นคุยกันเยอะมาก เช่นประวัติศาสตร์ของโลกภายนอกของพวกเธอ”
“ท่านอาจารย์อยากคุยเรื่องนี้ทำไมครับ?” ชิ่งเฉินไม่เข้าใจ
“ครูก็ไม่ใช่ว่าจะรู้ไปซะทุกเรื่องนะ ดังนั้นฟังให้มาก ดูให้มาก เรียนให้มาก ไม่ผิดพลาดไปได้เสมอนั่นแหละ” หลี่ซูถงเอ่ยอย่างทอดถอนว่า “ฉันฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาครึ่งชีวิต สุดท้ายถูกเพื่อนที่มีอุดมการณ์เดียวกันลากไปก่อเรื่อง จากนั้นก็เห็นพวกเขาตายลงระหว่างทางไปทีละคน อันที่จริงฉันเป็นแค่ชาวยุทธ์นะเสี่ยวเฉิน ดังนั้นก็ไม่ได้มีอุดมคติสูงส่งขนาดนั้น ทางสายนี้เดินมาถึงตอนนี้ ฉันแค่ไม่อยากให้เพื่อนพวกนั้นตายไปเปล่า ๆ เรื่องที่พวกเขาโห่ร้องอยากจะทำให้สำเร็จ ฉันอยากจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ช่วยพวกเขาทำให้สำเร็จ”
ชิ่งเฉินมองหลี่ซูถงอึ้ง ๆ เขาคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะนิยามตัวเองเป็นชาวยุทธ์คนหนึ่ง
เขาถามว่า “ท่านอาจารย์คุยเรื่องประวัติศาสตร์ช่วงไหนกับพวกนักท่องเวลาครับ?”
“ช่วงกำเนิดโลกใหม่” หลี่ซูถงยิ้มเอ่ย “ฉันให้พวกเขาช่วยฉันเอาแฟลชไดรฟ์กลับมา ฉันอ่านเอกสารกับข้อมูลเยอะแยะเลย ตาแทบจะบอดแน่ะ แต่สิ่งที่ฉันชื่นชอบที่สุดก็คือกระบวนการสร้างโลกใหม่ ในประวัติศาสตร์ช่วงนั้น มีนักปราชญ์มากเกินไปแล้วที่คนข้างหน้าล้มลงคนข้างหลังหนุนเนืองก่อนจะถึงรุ่งอรุณ”
พูดตามตรง เทคโนโลยีของโลกภายในสูงล้ำอย่างโลกภายนอก ดังนั้นคนมากมายล้วนรู้สึกว่าโลกภายนอกเหมือนจะไม่มีสิ่งของอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อโลกภายใน
แต่คนมากมายล้วนผิดแล้ว ความสว่างไสวของปัญญาจะไม่ถูกบดบังเนื่องจากเทคโนโลยีก้าวหน้าหรือล้าหลัง
“ครูครับ” ชิ่งเฉินเอ่ยย้ำเสียงเบา “ทางสายนี้อันตรายมาก”
หลี่ซูถงกล่าวต่อว่า “นักท่องเวลามากมายชื่นชมพวกเขา แต่อันที่จริงบรรพบุรุษของพวกเธอยังมีค่าควรแก่การชื่นชมยิ่งกว่าที่ทุกคนจินตนาการอีก เธอรู้จากมุมมองของคนรุ่นหลังว่าจะมีโลกใหม่ แล้วเธอก็รู้ด้วยว่าท้ายที่สุดพวกเธอจะมีชัย แต่ว่าบรรพบุรุษของพวกเธอไม่รู้เลย”
“ตอนที่พวกเขาพูดว่า ‘พวกเราจะต้องกำชัยในท้ายที่สุด’ อันที่จริงก็ไม่ได้มั่้นใจขนาดนั้น พวกเขาเพียงอยากจะมอบความกล้าหาญเล็กน้อยให้ตัวเองเท่านั้น ตอนนั้นเหล่าบรรพบุรุษของพวกเธออันที่จริงไม่รู้เลยว่าการเสียสละของพวกเขาจะแลกชัยชนะมาได้หรือไม่ ถึงขนาดที่ไม่รู้ว่าการเสียสละของพวกเขามีความหมายจริง ๆ หรือไม่ แต่พวกเขายังยืนกราน เหล่าบรรพบุรุษเก็บจิตใจอันวิตกและหวาดหวั่น คนข้างหน้าล้มลงคนข้างหลังหนุนเนืองใส่ค่ำคืนยาวนานหวังว่ารุ่งอรุณจะมาถึงเพื่ออุดมคติ นี่จึงเป็นศรัทธาอันแน่วแน่”
ชิ่งเฉินยังคงนิ่งเงียบ การไม่ใช่สายตาของคนยุคนี้ไปสำรวจประวัติศาสตร์จึงเป็นการอ่านประวัติศาสตร์ที่ถูกต้อง
เขารู้เสมอว่าบรรพบุรุษเหล่านั้นยิ่งใหญ่มาก แต่ยังคงประเมินความยิ่งใหญ่ของพวกเขาต่ำไป
“อย่าเพิ่งไปคิดมากมายขนาดนั้นเลย” หลี่ซูถงเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “ฉันรู้สึกมาตลอดเลยว่าประหลาดนิดหน่อย” หลี่ซูถงยิ้มเอ่ย “ทำไมเธอถึงได้อดทนขนาดนี้นะ รู้อยู่ชัด ๆ ว่าที่ฉันนี่มีวัตถุต้องห้าม ACE-002 กับ ACE-005 แต่ก็ไม่เคยถามฉันเลยว่าเป็นเป็นอะไร อยู่ที่ไหน มีประโยชน์อะไร”
ชิ่งเฉินเอ่ยอย่างจริงใจว่า “ตอนที่ท่านอาจารย์อยากจะบอกผมย่อมจะบอกผมเอง”
“นี่มันทำให้อาจารย์รู้สึกหมดอารมณ์มากเลยนะ” หลี่ซูถงถอนหายใจ “ปกติแล้วล้วนเป็นนักเรียนริเริ่มขอสิ่งของอะไรขึ้นมาเอง อย่างนี้อาจารย์จึงจะสามารถมีความรู้สึกประสบความสำเร็จ เธอนี่อะไร ๆ ก็ไม่อ้าปากขอ ทำให้ฉันรู้สึกหมดอารมณ์มาก”
“งั้นท่านอาจารย์เอา ACE-005 ให้ผมเถอะครับ”
หลี่ซูถงยิ้มเอ่ยว่า “ฉันให้เธอไปแต่แรกแล้วนะ”
………………………………..
ประวัติศาสตร์ช่วงสร้างโลกใหม่คืออิหยัง?? อย่าบอกนะว่าจะหมายถึงช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมของจีนที่ฆ่าคนเป็นเบืออะ
ท่านอาจารย์รอชิ่งเฉินขอสมบัติจนเพลีย สุดท้ายก็กระตุ้นให้น้องอ้าปากขอ 555
ชื่อ “หนึ่ง” นี่ความจริงเราไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ อยากเปลี่ยนเป็นอะไรที่ความหมายเหมือนกัน แต่ประเด็นคือจะใช้เป็นภาษาอังกฤษว่า “วัน” ก็ดูสับสน จะใช้ชื่อแบบ “เอก” มันก็เป็นชื่อผู้ชาย ชื่อผู้หญิงที่แปลว่าหนึ่งที่คิดออกก็มี “อ้าย” แต่นี่ก็โบราณไปแล้ว คิดไปคิดมาก็ยังหาอะไรที่ดีกว่าหนึ่งไม่เจอ…..
ตอนที่ 196 – วัตถุต้องห้าม ACE-005