นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) - ตอนที่ 193
ตอนที่ 193 – ยุทธจักรของคนตัวเล็ก ๆ
“วันนี้ทำไมคุณมาเช้าขนาดนี้ครับ” หวงจื่อเสียนฉงนอยู่บ้าง “นี่เพิ่งบ่าย 3 โมง เป็นการแข่งของรุ่นแบนตั้มเวท รุ่นเฟเธอร์เวททั้งนั้น”
ชิ่งเฉินเดินเข้าไปในค่ายมวย ส่วนหวงจื่อเสียนกลับไปนั่งรถเข็น ให้ผู้ช่วยเข็นเขาตามอยู่ข้าง ๆ เด็กหนุ่ม
ในทางเดิน ชิ่งเฉินลดหมวกแก๊ปของตนเองลงต่ำกล่าวว่า “ผมมาดูเล่น ๆ น่ะครับ”
เวลานี้ หวงจื่อเสียนกล่าวว่า “ที่จริงคุณอยากจะสังเกตและศึกษาเทคนิคปะครับ?”
“ทำไมพูดอย่างนี้ครับ” ชิ่งเฉินถามอย่างสงบนิ่ง
“ผมสัมผัสได้” หวงจื่อเสียนนั่งบนรถเข็นกล่าวว่า “ถึงผมจะถูกคุณตีอนาถซะขนาดนี้ แต่เทคนิคของคุณห่างไกลจากผมลิบ นี่เป็นสิ่งที่สามารถสัมผัสได้”
“อืม ผมมาเช้าขนาดนี้ก็เพราะอยากจะศึกษาเทคนิค” ชิ่งเฉินถึงตอนนี้ก็ไม่ต้องปิดบังแล้ว
แต่ทว่าหวงจื่อเสียนตะลึงไป “จะศึกษาเทคนิคต้องเชิญโค้ชมืออาชีพครับ ค่ายมวยไห่ถังไม่ได้จะมอบโค้ชให้คุณนะครับ พวกเขาไม่ได้มีธุรกิจนี้”
“ผมไม่อยากเชิญโค้ช” ชิ่งเฉินส่ายหน้า เพราะว่าการเรียนไปทีละบทเรียนมันช้าเกินไป
และสิ่งที่เขาต้องทำก็คือ สังเกตการต่อสู้ของคนอื่น จากนั้นบันทึกรายละเอียดทั้งหมดในสมองแล้วทบทวนข้า ๆ จนสุดท้ายกลายเป็นของของตัวเขาเอง
แต่ว่า เขาไม่สามารถอธิบายพรสวรรค์ของตนเองต่อหวงจื่อเสียน
เวลานี้ จู่ ๆ มีเจ้าหน้าที่ค่ายมวยคนหนึ่งปรากฏตัวที่ทางไปของทั้งสองคน เขาสวมสูทสีดำ เอ่ยอย่างสุภาพเสียงเบา ๆ ว่า “คุณชิ่ง บอสให้ผมมาถามท่านครับว่าวันนี้จะลงสู้หรือไม่ ถ้าจะสู้สามารถเชิญคู่ต่อสู้มาให้ท่านเฉพาะกิจได้ครับ ถ้ามีคู่ต่อสู้ที่อยากสู้ก็สามารถบอกกับผมครับ”
ชิ่งเฉินอึ้งไป “วันนี้ไม่ลงสู้ครับ ผมแค่ดู”
“งั้นผมพาท่านไปห้องส่วนตัวนะครับ” เจ้าหน้าที่พูดจบก็นำทางอยู่ข้างหน้า
เขานำชิ่งเฉินมาที่หน้าประตูห้อง VIP ห้องหนึ่ง บนประตูแขวนป้ายว่า VIP001 เอาไว้ สีหน้าของหวงจื่อเสียนแปลกพิกลขึ้นมา
หวงจื่อเสียนมองไปทางเจ้าหน้าที่อย่างลังเลอยู่บ้าง “ผมเข้าไปได้เหรอครับ?”
ชิ่งเฉินรู้สึกประหลาดอยู่บ้าง ทำไมถามว่าเข้าไปได้หรือไม่ได้ล่ะ ไม่ได้เป็นห้องส่วนตัวห้องหนึ่งเหรอ?
แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ตอบตรง ๆ ทว่ามองไปทางชิ่งเฉิน “ท่านเชิญคุณหวงหรือไม่ครับ?”
“เชิญ” ชิ่งเฉินยังมีเรื่องจะถามหวงจื่อเสียนผู้เป็นชาวยุทธจักรเก่าแก่คนนี้
เมื่อได้รับคำตอบของชิ่งเฉิน เจ้าหน้าที่มองไปทางหวงจื่อเสียน “คุณหวง ท่านสามารถติดตามคุณชิ่งเข้าไปด้วยกันได้ครับ”
ถัดจากนั้น หลังจากเจ้าหน้าที่ถามเครื่องดื่มและอาหารที่พวกเขาต้องการเสร็จก็ถอยออกจากห้องส่วนตัวเงียบ ๆ
ชิ่งเฉินได้กลิ่นหอมประณีตที่คล้ายมีคล้ายไม่มีในห้องส่วนตัว ราวกับว่ามีกล้วยไม้หนึ่งดอกกำลังเบ่งบานอย่างเงียบงันในราตรีมืดมิด หอม ทว่าไม่เอียน
เขามองไปทางหวงจื่อเสียน “ช่วยผมทำความเข้าใจฉากเมื่อกี้หน่อยนะครับ?”
“นี่เป็นห้องส่วนตัวที่บอสเจียงใช้ดูการแข่งขันเองในยามปกติครับ ไม่เปิดต่อภายนอก” หวงจื่อเสียนกล่าว “ทั้งค่ายมวยไห่ถังล้วนทราบเรื่องนี้ เธอมักจะอยู่ลำพังในห้องส่วนตัวนี้ ไม่ให้คนเข้าใกล้ที่นี่”
ชิ่งเฉินแอบคิดว่า มิน่าล่ะกลิ่นหอมที่นี่เข้มข้นขนาดนี้ ที่แท้เป็นของใช้เฉพาะตัวของท่านหญิงคนนั้น
ในใจของคนอย่างหวงจื่อเสียน เจียงเสี่ยวถังไม่เคยเป็นคนถือศีลกินเจอะไรเลย
ในความเป็นจริง ผู้หญิงที่สามารถแทงช่องท้องของโจวม่อจนเป็นโพรงสองมีดโดยหน้าไม่เปลี่ยนสีด้วยมือตัวเองจะเป็นผู้หญิงธรรมดาได้อย่างไร?
นี่เป็นอสรพิษผู้มีชื่อเสียงที่สุดในเขตที่สี่ ภายใต้รูปลักษณ์อันงดงามและท่วงท่าอันทรงเสน่ห์เป็นความเย็นชาและอำมหิตอันน่าสยดสยอง
เวลานี้ หวงจื่อเสียนลังเลนิดหน่อยแล้วกล่าวอีกครั้งว่า “โจวม่อราชามวยรุ่นมิดเดิลเวทที่ปฏิเสธการลงแข่งกับคุณเมื่อวาน บอสเจียงแทงเขาสองมีดด้วยมือตัวเองเลย ตอนนี้คนยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลข้าง ๆ นี่ แต่ว่านี่เป็นกฎยุทธจักร ผมคิดว่าโจวม่อก็มีการเตรียมใจไว้แล้ว”
“กฎยุทธจักร?” ชิ่งเฉินได้ยินคำศัพท์นี้อีกครั้ง ก่อนหน้านี้ตอนที่หวงจื่อเสียนพูดว่าอยากคืนชีวิตให้ตนเองก็พูดถึงกฎยุทธจักร
เขานึกมาตลอดว่านี่เป็นแนวคิดที่คลุมเครือมาก แต่ตอนนี้เหมือนกับว่าเป็นกฎจริง ๆ ที่ผูกมัด
หวงจื่อเสียนอธิบายว่า “ในโลกใต้ดินจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับความรู้สึก คุณธรรม คำพูด สัญญา โจวม่อรับเงินของค่ายมวยไห่ถังแต่กลัวเกินกว่าจะสู้ แล้วยังทำให้บอสเจียงเสียหน้า นี่ถือว่าละเมิดกฎของคุณธรรมคำพูด ดังนั้นต้องแทงท้องสองมีด ยังมีอีกอย่าง ที่โลกใต้ดินนี้ติดตามกลุ่มแก๊งไหนแล้วก็ไม่สามารถหักหลัง ไม่งั้นจะกลายเป็นสุนัขไร้บ้าน ถ้าใครเก็บคนทรยศ กลุ่มแก๊งนั้นจะสามารถโดนรุมโจมตีได้เลย”
ชิ่งเฉินพยักหน้า อันนี้เขาเข้าใจ
กฎก็คือเงื่อนไขที่ผู้ครองอำนาจตั้งขึ้นให้เอื้ออำนวยต่อตนเอง มีกฎข้อนี้ ตอนที่ทุกคนต้องการหักหลังกลุ่มแก๊ง ตอนที่หันหลังให้คุณธรรมคำพูดก็ต้องชั่งน้ำหนักหน่อย
แต่ว่า ยุทธจักรใต้ดินของโลกภายในถึงกับมีกฎประเภทนี้ได้ด้วย ทำให้เขาเหนือคาดอยู่บ้าง
เวลานี้ หวงจื่อเสียนกล่าวว่า “ก็เหมือนกับที่คุณไว้ชีวิตผมหนึ่งชีวิต ผมต้องคืนคุณหนึ่งชีวิต นี่ก็เป็นกฎยุทธจักรเหมือนกันครับ คุณไว้ชีวิตผมหนึ่งชีวิต ทำให้ผมมีเวลาไปจัดแจงบุตรภรรยา จัดการเรื่องหลังให้ดี หลังจากผมจัดแจงเรื่องทั้งหมดเสร็จ เวลานี้คุณให้ผมไปตาย ผมก็ไม่สามารถปฏิเสธ แต่ถ้าในห้วงวิกฤตผมแบกรับเรื่องราวแทนคุณไปแล้ว งั้นถัดจากนั้นถ้าผมสามารถรอดผ่านด่านนี้ ชีวิตผมก็ถือว่าแย่งกลับมาให้ตัวเองแล้ว ไม่เป็นหนี้อะไรคุณอีก”
ชิ่งเฉินปลงอยู่บ้าง : กฎเด็ก ม.สองจริง ๆ เลยนะ
แต่ทว่าไม่รู้เพราะอะไร เขารู้สึกเสมอว่าคนเหล่านี้ที่ยึดถือกฎยุทธจักรเข้าถึงกระดูกกลับทำให้โลกภายในอันหนาวเย็นแห่งนี้มีกลิ่นอายของมนุษย์อันเป็นเอกลักษณ์ของยุทธจักรเล็กน้อย
นี่เกรงว่าจะเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นบนตัวพวกคนใหญ่คนโตเหล่านั้น
เดิมทีชิ่งเฉินยังไม่เข้าใจอยู่บ้างว่าเหตุใดหลินเสี่ยวเสี้ยว, เยี่ยหว่าน, หลี่ตงเจ๋อสามคนถึงภักดีต่อหลี่ซูถงขนาดนั้น ถึงตอนนี้เขาเข้าใจแล้วในที่สุด
ยุทธจักร
นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ชิ่งเฉินรู้สึกว่าไม่เข้ากับโลกไซเบอร์พังก์เลย แต่มันก็คงอยู่อย่างนี้
แน่นอนว่า ชิ่งเฉินก็ทราบชัดมากว่ายุทธจักรแห่งนี้ก็ไม่ได้บริสุทธิ์ขนาดนั้น คนอย่างหวงจื่อเสียนก็ไม่ได้มีมากเกินไป
ชิ่งเฉินเข้าใจว่าหวงจื่อเสียนอยากจะบอกใบ้ตนเองว่าบอสเจียงคนนี้ตอแยได้ไม่ง่ายเลย แต่ไม่กล้าพูดชัด ๆ
เกรงว่าหวงจื่อเสียนก็ครุ่นคิดไม่ออกว่าตนเองกับบอสเจียงมีความสัมพันธ์อะไรกัน ดังนั้นไม่อยากพูดไร้สาระ
พูดตามจริง แม้แต่ชิ่งเฉินก็มึนงงอยู่บ้าง ตนเองกับเจียงเสี่ยวถังคนนี้เพียงพบหน้ากันหนึ่งครั้ง อีกฝ่ายถึงกับเปิดประตูพิเศษให้ตนเองมากขนาดนี้เลย?
พิลึกนิดหน่อย
แต่เมื่อมาแล้วก็ปล่อยไป ชิ่งเฉินนั่งอยู่ในห้องส่วนตัวอย่างสงบ สายตาจับจ้องบนตัวผู้เล่นรุ่นแบนตั้มเวทสองคนในกรงแปดเหลี่ยม
รุ่นพยัคฆ์เทียบเท่ากับผู้เหนือมนุษย์แรงก์ E รุ่นมิดเดิลเวทเทียบเท่ากับผู้เหนือมนุษย์แรงก์ F ดังนั้น รุ่นเฟเธอร์เวท, รุ่นแบนตั้มเวทล้วนยังอยู่ในประเภทคนทั่วไป
ถ้าเป็นแต่ก่อน หวงจื่อเสียนคงดูแคลนการแข่งมวยของรุ่นประเภทนี้ แต่เขากลับค้นพบว่าชิ่งเฉินดูอย่างออกรสออกชาติ
อดีตราชามวยรุ่นพยัคฆ์คนนี้ขบคิดว่า เทียบตามพลังของเมื่อคืนวานนี้ กวงเสี่ยวถู่คนนี้ยังไงก็เป็นผู้นำในกลุ่มแรงก์ E จะดูรุ่นแบนตั้มเวทลงได้ยังไง?
หวงจื่อเสียนจู่ ๆ กล่าวหยั่งเชิงอยู่ด้านข้างว่า “รุ่นแบนตั้มเวทสองคนนั้นบนเวที คนหนึ่งชื่อหลี่อวี้เจ๋อ คนหนึ่งชื่อฉางเล่อเล่อ เทคนิคของสองคนนี้ล้วนดีมาก เพียงแค่ว่าล้วนไม่เคยฉีดยาแปลงพันธุกรรมกันเลย หลี่อวี้เจ๋อซื้อยาแปลงพันธุกรรมไม่ได้ ทว่าฉางเล่อเล่อได้ซื้อยาแปลงพันธุกรรมมาแล้ว แต่เขาอยากมีลูกก่อนค่อยฉีด ผลคือหาภรรยาไม่เจอมาโดยตลอด……”
ชิ่งเฉินดูการแข่งขันพลางถามว่า “นักมวยรุ่นแบนตั้มเวทอนาถขนาดนี้เลยเหรอครับ ภรรยายังหาไม่ได้?”
“ไม่ใช่หาไม่ได้” หวงจื่อเสียนกล่าว “ก่อนหน้านี้ช่วงหนึ่งเขายังคุยกับแฟนสาวอยู่เลย ผลคือถูกนักมวยคนหนึ่งของรุ่นมิดเดิลเวทตีท้ายครัว ผมระแวงว่าเขาอาจจะอดใจไม่อยู่แล้วฉีดยาแปลงพันธุกรรมตรงไปหานักมวยคนนั้นมาล้างแค้นเลย”
“วงการคุณนี่ยุ่งเหยิงแท้” ชิ่งเฉินถอนหายใจ
เวลานี้ ฉางเล่อเล่อในสนามจู่ ๆ หมุนตัว ใช้สะโพกกับแขนตรึงคู่ต่อสู้แน่น เคลื่อนจุดศูนย์ถ่วงของคู่ต่อสู้
หวงจื่อเสียนอยู่ด้านข้างเห็นชิ่งเฉินแววตาสว่างวูบจึงอธิบายว่า “นี่เป็นเทคนิคของมวยปล้ำภาคเหนือครับ สะโพกเป็นหนึ่งในแกนที่สำคัญที่สุดของร่างกายคน ในการปล้ำและบิดระยะประชิด เล่อเล่อสามารถทำสี่ตำลึงปาดพันชั่งได้”
ชิ่งเฉินทบทวนเทคนิคที่ฉางเล่อเล่อใช้สะโพกเป็นแกนเมื่อครู่นี้ ในพริบตาก็คิดวิธีการต่อสู้ที่ใช้สะโพกเป็นแกนออกมาได้หลายประเภท
จู่ ๆ เขารู้สึกว่ามีคนวิเคราะห์อยู่ด้านข้างก็ไม่เลวมากเลยนี่นา
ชิ่งเฉินมองไปทางหวงจื่อเสียน “ยังไงตอนนี้คุณก็ได้รับบาดเจ็บ หลังจากนี้คุณมาอธิบายให้ผมตอนบ่ายทุกวันเป็นไงครับ?”
หวงจื่อเสียนอึ้ง “ใช้อันนี้คืนน้ำใจอันนั้นของคุณ?”
ชิ่งเฉินกล่าวอย่างจริงจังว่า “นี่คือให้คุณคืนดอกเบี้ยนิดหน่อยมาก่อนครับ”
หวงจื่อเสียนขำ “ได้ครับ”
อันที่จริงชิ่งเฉินยังมีอีกเป้าหมายหนึ่ง เขาอยากจะทำความเข้าใจยุทธจักรนั่นในหมู่ชาวบ้านชั้นต่ำสุดของโลกภายในผ่านทางหวงจื่อเสียนผู้เป็นชาวยุทธจักรเก่าแก่
……
……
ขณะนี้ในห้องลับแห่งหนึ่ง ในนี้แขวนเสื้อผ้าสตรีเป็นแถว ข้างในยังมีห้องน้ำและอ่างอาบน้ำขนาดยักษ์ เห็นได้ชัดมากว่านี่เป็นพื้นที่ส่วนตัวของตัวเจียงเสี่ยวถังเอง
เจียงเสี่ยวถังกำลังเท้าคางนั่งอยู่หน้าโต๊ะตัวหนึ่ง ส่วนเบื้องหน้าเธอตั้งภาพฉายฮอโลแกรมแบบเคลื่อนไหวเอาไว้ ในภาพฉายถึงกับเป็นชิ่งเฉินและหวงจื่อเสียนที่กำลังสนทนากัน
เธอพูดกับตัวเองอย่างสงสัยอยู่บ้างว่า “มาดูการแข่งศึกษาเทคนิคจริง ๆ เหรอ? แต่ดูการแข่งรุ่นแบนตั้มเวทมันจะศึกษาเทคนิคอะไรได้ล่ะ?”
ระหว่างที่พูด น่องขาอันขาวละเอียดใต้กระโปรงของเธอวางอยู่บนเบาะนุ่มข้างหน้า รองเท้าส้นเตี้ยปักลายบนเท้าสีสันสดใสเป็นพิเศษ ตัดกับหลังเท้าที่ขาวละเอียดเป็นพิเศษ ราวกับว่าแม้แต่รอยกระดูกและเส้นเลือดสีเขียวบนหลังเท้ายังมีความงดงามอันเป็นเอกลักษณ์ชนิดหนึ่ง
เจียงเสี่ยวถังมองดูเด็กหนุ่มในฮอโลแกรมเงียบ ๆ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่บ้าง
ผ่านไปสักพักหนึ่ง เธอกดปุ่มหนึ่งบนโต๊ะกล่าวว่า “เปลี่ยนตารางแข่งหน่อย ให้กัวรั่วเชากับจงหมิงหย่วนสู้กันหนึ่งนัด ไปหาพวกเขาเพิ่มสัญญาการแข่งขัน บวกค่าลงสนาม 10%”
เสียงลังเลของลูกน้องดังออกมาจากลำโพงฝังโต๊ะว่า “บอสครับ เปลี่ยนตารางแข่งตอนนี้มันจะไม่ค่อย…….”
เจียงเสี่ยวถังไม่พูดจา ผ่านไปแค่สามวินาที ลูกน้องกลับคำกล่าวทันทีว่า “ผมจะไปจัดให้เลยครับ”
ชิ่งเฉินในห้องส่วนตัวถามระหว่างพักการแข่งขันว่า “ในกรงแปดเหลี่ยมตายกันบ่อยไหมครับ?”
“บ่อย” หวงจื่อเสียนกล่าว “ค่ายมวยไห่ถังยังดีหน่อย บอสเจียงไม่ได้จงใจใฝ่หาเลือดกับความตื่นเต้นพลุ่งพล่าน แต่ค่ายมวยเล็ก ๆ เยอะมากไม่เป็นอย่างนี้ เพื่อที่จะดึงดูดผู้ชมและนักพนันที่จิตใจเก็บกดสักหน่อย พวกเขาจะจงใจให้นักมวยตายคนสองคนทุก ๆ วัน”
ชิ่งเฉินไม่เข้าใจแล้ว “ไม่ได้บอกว่าค่ายมวยไห่ถัง 10 วันถึงมีคนใหม่มาจัดอันดับเหรอครับ คนใหม่น้อยขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าโดนตีตายหมดเกลี้ยงเลยเหรอครับ?!”
หวงจื่อเสียนหัวเราะออกมาทันที “ดูท่าคุณไม่มีความเข้าใจต่อค่ายมวยของเขตที่สี่จริง ๆ นะครับ ทั่วทั้งเมืองหมายเลข 18 ประกอบด้วยค่ายมวยมืดร้อยกว่าเจ้า เขตที่สี่ชุมนุมด้วยสิบหกเจ้าที่ใหญ่ที่สุด ถ้านักมวยอยากจัดอันดับ มีเพียงการจัดอันดับในค่ายมวยสิบหกเจ้าของเขตที่สี่นี้ถึงจะนับ ในสถานการณ์ทั่วไป ทุกคนจะไปจัดที่ค่ายมวยหงซิงที่ระดับห่วยสุดจากทั้งหมด ที่นี่ระดับความแข็งแกร่งต่ำสุด คนตายน้อยสุด คืนเดียวสามารถจัดออกมาได้สิบกว่าคน พูดตามจริง สิ่งที่ค่ายมวยหงซิงทำก็คือธุรกิจนี้ ขายบัตรผ่านของนักมวย”
หลังจากได้รับการรับรอง นักมวยสามารถเลือกการแข่งขันด้วยตัวเอง ไปแข่งที่ค่ายมวยเจ้าไหนได้หมด
ค่ายมวยขนาดใหญ่อย่างไห่ถังจะเลี้ยงนักมวยเฉพาะของตัวเอง
โดยทั่วไปนักมวยออกไปบอกว่าเป็นคนของไห่ถังก็จะอยู่สูงกว่าผู้เล่นค่ายมวยอื่นในรุ่นเดียวกันไปหนึ่งช่วงศีรษะ นี่เป็นความรู้สึกเหนือกว่าโดยธรรมชาติ
ชิ่งเฉินพยักหน้าแสดงออกว่าเข้าใจแล้ว ค่ายมวยสิบหกเจ้านี้ของเขตที่สุดเท่ากับถือครองอำนาจสิทธิ์ของการ ‘ออกใบรับรอง’ นักมวย ค่ายมวยทั่วทั้งเมืองหมายเลข 18 ล้วนต้องพึ่งพาพวกเขา
และค่ายมวยไห่ถังถือว่าเป็นค่ายที่ระดับสูงที่สุดเสมอมา ดังนั้นในสถานการณ์ทั่วไป ผู้ที่กล้ามาจัดอันดับที่นี่ล้วนเป็นอัจฉริยะ
มีเพียงอัจฉริยะที่แท้จริง โค้ชถึงจะพาพวกเขามาสร้างชื่อเสียงที่นี่
เวลานี้ ชิ่งเฉินจึงทราบว่าอาจารย์ตัวเองหลอกลวงขนาดไหน……
หรือพูดได้ว่า ธรรมเนียมขององค์กรอัศวินมันหลอกลวงขนาดไหน……
“เฮ้ย ตารางแข่งเปลี่ยนแล้ว” หวงจื่อเสียนกล่าว “เดี๋ยวนะ ทำไมกัวรั่วเชากับจงหมิงหย่วนสู้กันล่ะ?”
“มีปัญหาอะไรเหรอครับ?” ชิ่งเฉินถาม
หวงจื่อเสียนลังเลครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “สองคนนี้เป็นคนที่เทคนิคดีที่สุดในรุ่นเฟเธอร์เวทครับ ค่ายมวยไห่ถังมักจะหลีกเลี่ยงการให้พวกเขาสองคนแข่งกัน เพราะว่าสายเทคนิคสองคนสู้กันขึ้นมามันดูยาก ผู้ชมไม่แน่ว่าจะดูเข้าใจได้ ประหลาด นี่เป็นอีเวนต์ที่ใครจัดนะ?”
เขามองชิ่งเฉินแวบหนึ่ง ใจคิดว่าการจัดแจงประเภทนี้ไม่ได้ตั้งใจจะให้เด็กหนุ่มคนนี้ศึกษาเทคนิคหรอกปะ?
ตอนที่หวงจื่อเสียนขบคิดอยู่นั้น ด้านนอกห้องส่วนตัวมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เจียงเสี่ยวถังถามอย่างเกียจคร้านอยู่นอกประตูว่า “ฉันเข้าไปได้ไหมคะ?”
หวงจื่อเสียนมองไปทางชิ่งเฉินเงียบ ๆ เขาคิดไม่ถึงว่าเจียงเสี่ยวถังก่อนจะผลักประตูเข้ามาถึงกับยังจะถามก่อนคำหนึ่ง
…………………………….
ตอนที่ 194 – เงาประสานกัน