นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) - ตอนที่ 191 เงาที่แท้จริง
ตอนที่ 191 – เงาที่แท้จริง
พอเข้าห้องเปลี่ยนชุด ชิ่งเฉินค้นพบอย่างตื่นตะลึงว่าหลี่ซูถงกำลังกินแคนตาลูปอย่างมีความสุข เสื้อผ้าก็เปลี่ยนเป็นด้านสีขาวแล้ว
ยังไม่ทันให้ทั้งสองคนพูดคุยกัน เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หญิงสองคนเดินขึ้นหน้ามารักษาบาดแผลให้ชิ่งเฉิน เจ้าหน้าที่ที่ร่วมทางมาคนนั้นยื่นบัตรให้หนึ่งใบ “นี่เป็นส่วนแบ่งของที่ลงสนามคืนนี้ของท่านครับ ตั้งแต่คืนนี้ ขอเพียงคุณลงสนามแข่งขัน กองเงินเดิมพันกับตั๋วของค่ายมวยล้วนจะแบ่งส่วนให้ท่านครับ”
“นี่มันเงินเท่าไหร่?” ชิ่งเฉินถาม
“1.12 ล้านครับ” เจ้าหน้าที่เอ่ยอย่างสุภาพ
หลี่ซูถงวางแคนตาลูปแล้วกล่าวเสมือนไร้เรื่องราวว่า “สูงจังนะ ค่ายมวยไห่ถังพอลงมือก็ให้อัตราส่วนแบ่งของราชามวยรุ่นพยัคฆ์เลยเหรอ?”
เจ้าหน้าที่ยิ่งสุภาพขึ้นไปอีก “ท่านเป็นผู้รู้จริง ๆ อัตราส่วนแบ่งนี้เป็นสิ่งที่บอสถังสั่งมาเป็นการเฉพาะจริง ๆ ครับ เอาตามระดับของราชามวยรุ่นพยัคฆ์”
นักมวยรุ่นมิดเดิลเวทขึ้นไปสามารถเข้าร่วมส่วนแบ่ง แต่เงินที่นักมวยทั่วไปได้รับแบ่งกับเงินที่ราชามวยของทุกรุ่นสามารถได้รับแบ่งต่างกันราวฟ้ากับดิน
นี่ก็จะกระตุ้นให้นักมวยที่มีความทะเยอทะยานพวกนั้นอยากหาหนทางแย่งชิงตำแหน่งราชามวยของแต่ละรุ่นกันทุก ๆ ปี
“นอกจากนี้” เจ้าหน้าที่กล่าว “ฝั่งพวกเราก็อยากจะถามเพื่อนเสี่ยวถู่สักหน่อยครับว่าอยากจะสู้การแข่งจัดอันดับรุ่นยานลาดตระเวนภาคพื้นเมื่อไหร่?”
“เรื่องนี้ผมต้องครุ่นคิดอีกหน่อย ในหนึ่งสัปดาห์จะติดต่อพวกคุณกลับนะครับ” ชิ่งเฉินกล่าว
“โอเคครับ ไม่มีปัญหา” เจ้าหน้าที่ถอยออกจากห้องเปลี่ยนชุด
บาดแผลบนตัวชิ่งเฉินก็รักษาเสร็จแล้ว หลี่ซูถงยิ้มเอ่ยว่า “หลังจากนี้เธอจะไม่ขาดเงินเป็นพิเศษแล้ว”
“ท่านอาจารย์รู้สึกว่าตอนนี้ผมสมควรเข้าร่วมการแข่งจัดอันดับรุ่นยานลาดตระเวนภาคพื้นไหมครับ?” ชิ่งเฉินถาม
“ฉันรู้สึกว่าเธอสามารถเล่นอยู่ในรุ่นพยัคฆ์ไปก่อนได้” หลี่ซูถงคิดแล้วกล่าว “อีกอย่างฉันรู้สึกว่าเธอต้องผ่านกระบวนการปรับตัวเข้ากับการต่อสู้ ขาดประสบการณ์ต่อสู้จริงเกินไปนะ”
จากที่หลี่ซูถงเห็น นักเรียนคนนี้ของตนเองครอบครองความสามารถสุดยอดความจำซึ่งเป็นพรสวรรค์ขั้นสูงสุดอย่างนี้ ขอเพียงปรับตัวสักระยะเวลาหนึ่งก็จะสามารถลอกเลียนเทคนิคและประสบการณ์ของคนอื่นได้อย่างรวดเร็ว
ดังนั้นการสั่งสมและตกผลึกเป็นกระบวนการที่สำคัญมาก
หลี่ซูถงคิดแล้วกล่าวว่า “ฉันแนะนำว่าหลังจากนี้ให้เธอมาดูการแข่งขันทุกคืน ไม่ว่าจะลงสนามหรือไม่ สำหรับเธอแล้วการ ‘ดู’ การแข่งขันมันจำเป็น”
ชิ่งเฉินเข้าใจความหมายของอาจารย์ เพราะว่าการเลื่อนแรงก์ของเขามันรุนแรงกว่าคนอื่น ก้าวเดียวก้าวถึงพีคแรงก์ E ดังนั้นเขาต้องศึกษา, สังเกต, ขบคิด
“ไปเถอะ กลับบ้าน” หลี่ซูถงยิ้มเอ่ย “ครั้งนี้อาจารย์ก็สามารถนั่งรถตู้ของค่ายมวยไห่ถังได้ด้วย ถือว่าพ่อได้หน้าเพราะลูกแล้ว”
เดินออกจากห้องเปลี่ยนชุด ผู้ชมมากมายจดจำชิ่งเฉินได้และร้องทักทายอย่างเป็นมิตร ยังมีคนที่ในดวงตาส่องประกายเทิดทูน
นี่ไม่แปลกประหลาดเลย ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นโลกที่ชื่นชมผู้แข็งแกร่ง
แต่พฤติกรรมของหลี่ซูถงประหลาดมาก ขอเพียงมีคนจำชิ่งเฉินได้ เขาก็จะหัวเราะฮา ๆ กับคนอื่นเอ่ยว่า “เมื่อกี้เห็นการแข่งของเขาไหมครับ นี่เป็นลูกชายผมเอง ร้ายกาจปะ……”
ชิ่งเฉินเห็นฉากนี้ก็หัวเราะอย่างไร้เสียงขึ้นมา ผลคือพอหัวเราะก็ไปดึงบาดแผลบนใบหน้าตนเอง จนทำให้รอยยิ้มน่าเกลียดเป็นพิเศษ
ตอนที่ทั้งสองคนออกจากสถานที่จัดงาน บอสสาวเจียงเสี่ยวถังที่สวมชุดสีทองคนนั้นก็รออยู่ที่ประตูแล้ว
เธอยิ้มหวานกล่าวกับชิ่งเฉินว่า “ยินดีด้วยนะคะ ฉันเป็นบอสของค่ายมวยไห่ถังแห่งนี้ เจียงเสี่ยวถัง”
“ขอบคุณครับ” ชิ่งเฉินพูดจบก็มุดเข้ารถตู้
เพียงแต่ หลี่ซูถงที่อยู่ข้างหลังรอจนชิ่งเฉินขึ้นรถแล้วจู่ ๆ ก็หันไปจ้องมองเจียงเสี่ยวถังอย่างจริงจัง ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ไม่เลว เทียบกับตอนเด็กแล้วหนักแน่นขึ้นมาก”
พูดจบหลี่ซูถงก็ขึ้นรถตู้ ทิ้งเจียงเสี่ยวถังให้ยืนอึ้งอยู่ที่ประตูค่ายมวย
บอสผู้งดงามเยาว์วัยคนนี้หมุนตัวเดินเข้าค่ายมวย เธอส่ายเอวเดินเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวของตนเอง จุดบุหรี่ให้ตัวเองเงียบ ๆ
ควันบุหรี่เทาขุ่นราวกับจะสงบอารมณ์อันพลุ่งพล่านของเธอลง
เจียงเสี่ยวถังรู้ว่าภายใต้ใบหน้าอันแปลกหน้าใบนั้นเป็นผู้อาวุโสที่ตนเองคุ้นเคยที่สุด อีกฝ่ายอาจจะเปลี่ยนโฉมหน้าไป แต่เสียงไม่เปลี่ยน
อีกทั้งผู้อาวุโสคนนี้ก็ทราบชัดมากว่า เธอสามารถจดจำเสียงของอีกฝ่ายออก
……
……
นับถอยหลัง 48:00:00
กลับถึงอาคารลั่วเสินชั้น 132 ชิ่งเฉินทนต่อความเจ็บปวดของบาดแผล ขดตัวบนโซฟาด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว “ท่านอาจารย์ครับ แผลนี้ของผมนานเท่าไหร่ถึงจะหายดีครับ?”
“แผลเธอครั้งนี้ค่อนข้างหนัก ถึงค่ายมวยจะใช้ยาที่ดีที่สุดให้เธอก็ต้องสัปดาห์หนึ่งมั้ง” หลี่ซูถงคาดการณ์
“ดูท่าผมต้องแบกแผลกลับโลกภายนอกแล้ว” ชิ่งเฉินถอนหายใจ
“แผลเป็นคือเหรียญตราของบุรุษ”
“ท่านอาจารย์ครับ ตอนนี้มีกลุ่มอำนาจไหนจับจ้องคุกหมายเลข 18 เหรอครับ? แค่เพื่อ ACE-005 เหรอครับ?” ชิ่งเฉินกล่าว “ผมรู้สึกตลอดเลยว่ายางยางก็มาเข้าใกล้ผมเพื่อวัตถุต้องห้ามชิ้นนั้นในคุกหมายเลข 18”
หลี่ซูถงยิ้ม “แน่นอนว่าไม่ใช่ แม้แต่กัวหู่ฉานก็ไม่ได้มาเพื่อ ACE-005”
“งั้นเพื่ออะไรครับ?” ชิ่งเฉินสงสัย
“เพื่อ ACE-002” หลี่ซูถงกล่าว
ชิ่งเฉินตระหนักขึ้นมาทันใด อย่างนี้นี่เอง
ก่อนหน้านี้เขาเคยถามอาจารย์ตัวเองว่าเคยเห็นวัตถุต้องห้ามแรงก์ S รึเปล่า คำตอบของอีกฝ่ายคือ: ไม่แน่ว่าจะได้เห็นเร็ว ๆ นี้แล้ว
ดังนั้น วัตถุต้องห้ามแรงก์ S ชิ้นนี้ถูกรองรับอยู่ในเรือนจำหมายเลข 18 มาโดยตลอด แถมสำคัญอย่างยิ่งยวด
“พวกเขารู้ว่า ACE-002 เป็นของอะไรเหรอครับ?” ชิ่งเฉินถาม
“ไม่รู้” หลี่ซูถงส่ายหน้า “อันที่จริงการปรากฏขึ้นของวัตถุต้องห้ามชิ้นนี้ก็ประหลาดมาก เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่สกัดออกมาจากตัวของคนธรรมดา”
“สกัดวัตถุต้องห้ามแรงก์ S ออกจากตัวคนธรรมดา” ชิ่งเฉินตกตะลึง “นี่ไม่สอดคล้องกับกฎนะครับ”
“อืม ทุกคนล้วนรู้สึกว่าไม่สอดคล้อง” หลี่ซูถงกล่าว “แต่มีคนบอกกับฉันว่า คนธรรมดาคนนั้นอันที่จริงเดิมทีสามารถกลายเป็นผู้เหนือมนุษย์แรงก์ S ได้ แต่คนธรรมดาคนนั้นฉลาดอย่างกับปีศาจ รู้สึกเสมอว่าสติปัญญาของตัวเองก็พอที่จะท่องไปทั่วหล้าแล้ว ไม่จำเป็นต้องอเวคให้กลายเป็นผู้เหนือมนุษย์”
ดังนั้น อีกฝ่ายเลยไม่ได้กลายเป็นผู้เหนือมนุษย์จริง ๆ
หลี่ซูถงมองชิ่งเฉินกล่าวว่า “ตามความสัมพันธ์ทางสายเลือดของโลกภายใน คนธรรมดาคนนี้เป็นบรรษบุรุษของเธอด้วยนะ เขาชื่อชิ่งเจิ่น เงาตระกูลชิ่งเดิมทีล้วนยากจะมีจุดจบที่ดี ตอนที่เขาขึ้นเป็นเงาถูกบังคับให้จนแต้มจนสุดท้ายเลือกจะคว่ำโต๊ะ ภายในคืนเดียวตระกูลชิ่งเกิดเหตุนองเลือด ขุนเขาสายน้ำเปลี่ยนเจ้าของ หลังจากผู้เหนือมนุษย์มากมายตายล้วนจะมีคนไปดูหลุมศพของพวกเขาเป็นครั้งคราวว่ามีวัตถุต้องห้ามสกัดออกมาหรือไม่ มีคนผู้นี้คนเดียวที่ถูกคนลืมเลือน เพราะว่าเขาไม่ได้เป็นผู้เหนือมนุษย์เลย”
ตอนที่หลี่ซูถงแนะนำวัตถุต้องห้าม ACE-002 พูดต้นสายปลายเหตุได้ละเอียดมาก
แต่เขากลับไม่เอ่ยถึงคุณประโยชน์, เงื่อนไขรองรับ, และที่มาของวัตถุต้องห้ามแรงก์ S ชิ้นนี้
“ท่านอาจารย์ครับ ท่านไม่ได้จะไปหลุมศพปะครับ” ชิ่งเฉินเอ่ยอย่างลังเล
“คิดอะไรน่ะ” หลี่ซูถงหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “อัศวินไม่ทำเรื่องที่ไร้จิตสำนึกประเภทนี้หรอก……ปะ”
ชิ่งเฉินคิด ๆ ดู “งั้นตอนนี้ผมรู้แล้วว่าทำไมมีกลุ่มอำนาจมากขนาดนี้จับจ้องคุกหมายเลข 18 งั้นตอนนี้มีกลุ่มอำนาจไหนอยู่ข้างในบ้างครับ?”
“โพดำ กลุ่มตุลาการต้องห้าม คาชิมะ” หลี่ซูถงมองชิ่งเฉินแวบหนึ่ง
ชิ่งเฉินวิเคราะห์ว่า “คาชิมะตัดไปเป็นอันดับแรก ยางยางจะไม่ทำงานเพื่อคาชิมะ”
“เพราะอะไร?” หลี่ซูถงถาม
“เพราะคนจีนโลกภายนอกดูถูกพวกคาชิมะ” ชิ่งเฉินกล่าวอย่างหนักแน่น “ถ้าคนจีนโลกภายนอกทำงานให้คาชิมะก็ไม่ต่างกับคนทรยศ”
“งั้นเธอก็ไม่ใช่คนของกลุ่มตุลาการต้องห้าม” หลี่ซูถงยิ้มเอ่ย “กลุ่มตุลาการต้องห้ามเป็นศัตรูตามธรรมชาติของผู้เหนือมนุษย์ ไม่มีผู้เหนือมนุษย์เต็มใจว่าหลังจากเข้าร่วมแล้วบั้นปลายยังต้องถูกรองรับหรอก”
“งั้นก็เหลือแค่โพดำแล้ว” ชิ่งเฉินกล่าว
เมื่อตัดทุกอย่างที่เป็นไปไม่ได้ ตัวเลือกเดียวที่เหลืออยู่ก็คือคำตอบ
ยางยางมีนิสัยแปรปรวน เธอสามารถไปเยี่ยมบ้านชิ่งเฉินกลางดึก สามารถพูดอย่างไม่ระวังปาก ดังนั้นในสายตาภายนอกความสัมพันธ์ของเธอกับชิ่งเฉินใกล้ชิดกันมาก
แต่ความจริงล่ะ? การขุดหลุมพรางให้กันและกันเป็นสิ่งที่ทั้งสองล้วนรู้อยู่เต็มอก ระหว่างกันยังคงเฝ้าระวังซึ่งกันและกัน หยั่งเชิงกันและกัน ใช้ประโยชน์จากกันและกัน
ชิ่งเฉินต้องการห้องแรงโน้มถ่วงของเธอ ส่วนเธอต้องการภูมิหลังของชิ่งเฉินที่โลกภายใน
หลี่ซูถงยิ้มแล้วถามว่า “เธอคิดว่า เขาอยากจะได้วัตถุต้องห้ามจากฉันผ่านเธอ?”
ชิ่งเฉินส่ายหน้า “เด็กสาวที่ฉลาดขนาดนี้จะต้องรู้ว่าไม่ว่าเธอจะลงแรงแข็งขันแค่ไหน มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผมมากเท่าไหร่ ท่านก็จะไม่มีทางยอมปล่อย ACE-002 ออกจากมือ ดังนั้นเป้าหมายของเธอไม่ใช่การแย่งชิงวัตถุต้องห้ามเลย”
เวลานี้ ชิ่งเฉินตกอยู่ในห้วงคิด “เกรงว่าตอนที่เธอทะลุมิติมา บนตัวก็แบกรับภารกิจของโพดำไว้แล้ว แต่ยางยางเป็นนักท่องเวลา ย่อมไม่มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งอะไรกับองค์กรที่เจ้าของร่างเดิมอยู่ ดังนั้นเธอก็จะต้องไม่เต็มใจเสี่ยงชีวิตปฏิบัติภารกิจกับกัวหู่ฉาน”
ชิ่งเฉินพูดต่อว่า “แต่องค์กรเป็นขุมกำลังเบื้องหลังของเธอ ยางยางฉลาดขนาดนี้ย่อมจะไม่นั่งดูองค์กรของตัวเองสูญเสียยับเยิน ดังนั้นเธออาจจะอยากรักษาขุมกำลังของกัวหู่ฉานกับองค์กร”
หลี่ซูถงยิ้มเอ่ยว่า “ฉันรู้สึกว่าเจ้าโล้นกัวหู่ฉานที่จริงแล้วยังไม่เลว ถ้าแม่หนูคนนั้นขอร้องให้กับเขา ฉันละเว้นชีวิตเขาสักคนก็ไม่ใช่จะไม่ได้”
“ท่านอาจารย์ครับ น่าจะมีเบาะแสอีกนะครับ” ชิ่งเฉินกล่าว
เขาหลับตา สืบค้นความทรงจำทั้งหมดอย่างจริงจัง
การพบปะของโลกภายนอก การพบกันใหม่ของโลกภายใน ห้องเรียนเช้าตรู่ รถรางเบาตอนบ่าย
ทุกสิ่งล้วนแวบขึ้นมาในสมองของเขาไม่หยุดราวกับโคมหมุน
ชิ่งเฉินลืมตาขึ้นอย่างปุบปับแล้วกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ครับ วันอาทิตย์ที่นักเรียนเดินขบวนนั่นน่าจะเป็นวันที่พวกเขาวางแผนจะลงมือ จุดสิ้นสุดของการเดินขบวนของนักเรียนคือสามเขตบน ถึงเวลากองกำลังตำรวจทั้งหมดและกองทหารของกองพลสหพันธรัฐล้วนจะรวมตัวอยู่ที่นั่น จะไม่มีคนไปสังเกตคุกหมายเลข 18 แล้ว นี่เป็นเป้าหมายที่พวกเขาริเริ่มการเดินขบวนนักเรียน”
หลี่ซูถงมองดูสีหน้าจริงจังของนักเรียน ยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ต้องกังวล ฉันรออยู่นานมากแล้ว ถึงวันนั้น พวกเราจะมอบเซอร์ไพรส์ให้แม่หนูคนนี้กัน”
ชิ่งเฉินคิดในในว่า นั่นอาจจะไม่ใช่เซอร์ไพรส์ ทว่าเป็นสะพรึง
“จริงสิครับท่านอาจารย์ ผมขึ้นเวทีมวยกลายเป็นนักมวยแล้ว รูปลักษณ์จะต้องถูกคนจำได้เยอะมากแน่ ๆ อันนี้ไม่เป็นไรจริง ๆ เหรอครับ?” ชิ่งเฉินถาม
“เธอกับ ‘ชิ่งเฉินตระกูลชิ่ง’ ไม่ใช่คนคนเดียวกันอีกแล้ว” หลี่ซูถงกล่าว “ที่โลกภายนอก ชิ่งเป็นแซ่หายาก แต่เธอรู้ไหมว่าที่โลกภายในตระกูลชิ่งมันใหญ่มหึมาขนาดไหน คนที่ชื่อชิ่งเฉินอย่างเดียวก็มี 17 คนแล้ว คนที่แซ่ชิ่งปาไปสองล้านกว่าคน อีกอย่าง ไฟล์ของเธอกับชิ่งเฉินผู้ท้าชิงเงาไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิงแล้ว”
ว่าแล้ว หลี่ซูถงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาไถไปที่รูปถ่ายใบหนึ่ง คนที่อยู่บนนั้นถึงกับคล้ายคลึงกับชิ่งเฉินอย่างมากที่สุดแค่สองส่วน
ชิ่งเฉินตะลึง “นี่มันทำได้ยังไงอะครับ?”
“ถ้ามีคนตรวจสอบไฟล์ของชิ่งเฉินตระกูลชิ่ง อย่างนั้นพวกเขาจะค้นพบว่ารูปลักษณ์ของคนคนนี้กับเธอไม่คล้ายกันสักนิด” หลี่ซูถงกล่าว “ตอนนี้เธอเป็นลูกชายของนักธุรกิจเล็ก ๆ ถึงจะแซ่ชิ่ง แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตระกูลชิ่ง”
เวลานี้ หลี่ซูถงยิ้มอย่างลึกลับทีหนึ่ง “มีคนที่เปลืองแรงเปลืองใจเพื่อเรื่องนี้ล่ะ”
“แต่ว่า มีคนเยอะแยะที่เคยเห็นผม” ชิ่งเฉินกล่าว
“ฉันเคยทำการยืนยันไปแล้วว่า คนที่เคยเห็นหน้าตาเธอ รู้ฐานะแท้จริงของเธอ อีกทั้งยังสามารถจดจำได้ ‘ชิ่งเฉิน’ คนนั้นที่พวกเขาเห็นก็ไม่เกี่ยวข้องกับเธอสักนิด” หลี่ซูถงกล่าว
“หมายความว่าอะไรครับ?” ชิ่งเฉินงุนงงแล้ว แม้แต่ด้วยสมองของเขายังไม่อาจวิเคราะห์ได้ว่าสิ่งที่หลี่ซูถงพูดมีความหมายอะไร
เขาเป็นผู้มาสวมร่าง ถ้าชิ่งเฉินคนนั้นที่ถูกเขาแทนที่มีชีวิตอยู่ที่นี่มา 17 ปีแล้ว งั้น คนที่เคยเห็น ‘ชิ่งเฉิน’ คนนั้นน่าจะมีไม่น้อย และชิ่งเฉินคนนี้ก็น่าจะมีหน้าตาเหมือนตนเองเป๊ะ ๆ เลยนี่นา
แต่ในคำพูดของหลี่ซูถงเหมือนกับจะเปิดเผยข้อมูลแสนพิเศษออกมา!
ชิ่งเฉินเห็นหลี่ซูถงไม่เต็มใจจะพูดอีกจึงกล่าวว่า “นักโทษพวกนั้นในคุกก็เคยเห็นผมหลังทะลุมิตินะครับ”
หลี่ซูถงกล่าวด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ว่า “นักโทษในคุกหมายเลข 18 ก็ไม่ต้องกังวลมาก เดี๋ยวพวกเขาก็ไม่อาจเปิดปากพูดแล้วล่ะ”
ชิ่งเฉินอึ้ง จากความโหดเหี้ยมของท่านอาจารย์คนนี้ ความหมายในคำพูดคือนักโทษพวกนั้น……
เขารู้จักการฆ่าคนปิดปาก แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าท่านอาจารย์จะถึงกับอยากฆ่าคนปิดปากเยอะขนาดนี้
ไม่ถูก
ชิ่งเฉินหันไปมองหลี่ซูถงด้วยความเข้าใจขึ้นมาในทันใด “ท่านอาจารย์ครับ ตอนนี้ท่าน……อันที่จริงกำลังจะเสร็จสิ้นเงื่อนไขรองรับของ ACE-002 แล้ว ถูกไหมครับ?”
หลี่ซูถงยิ้มทว่าไม่พูด
“แต่ว่า ถ้าผมกับ ‘ชิ่งเฉินตระกูลชิ่ง’ หน้าตาไม่เหมือนกัน งั้นถึงผมจะฆ่าผู้ท้าชิงคนอื่นจนหมดก็จะไม่ได้รับการยอมรับของตระกูลชิ่งสิครับ ถึงยังไงก็ไม่ใช่คนของตระกูลชิ่ง แล้วจะเป็นเงาได้ยังไง?” ชิ่งเฉินยิ่งสับสน
“อย่ากังวลเลย ยังมีคนสองคนที่รู้หน้าตาแท้จริงของเธอ แต่ฉันยังบอกเธอไม่ได้ว่าเป็นใคร” หลี่ซูถงยิ้มเอ่ย “จำไว้นะ คนที่ถูกคนทั้งหมดลืมเลือนจึงเป็นเงาที่แท้จริง”
………………………………..
ตอนที่ 192 – ชดเชยข้อบกพร่องของชิ่งเฉิน