นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) - ตอนที่ 188 ไก่บินกระเจิงไข่แตกกระจาย
- Home
- All Mangas
- นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature )
- ตอนที่ 188 ไก่บินกระเจิงไข่แตกกระจาย
ตอนที่ 188 – ไก่บินกระเจิงไข่แตกกระจาย
ในห้องส่วนตัว หลี่อีนั่วกล่าวกับสองคนข้างกายว่า “การแข่งจัดอันดับสำหรับนักมวยใหม่ทุกคนพูดได้ว่าล้วนเป็นการต่อสู้อันดุเดือด เวลานี้คนที่กำลังให้ความสนใจกับกรงแปดเหลี่ยมไม่ได้มีแค่ผู้ชม ยังมีนักมวยที่ต้องเผชิญหน้ากับกวงเสี่ยวถู่ในลำดับถัดไป ถ้าเขาไปสู้ด้วยกำลังทั้งหมดตอนนี้ งั้นภายหลังคู่แข่งค้นพบจุดอ่อนของเขาก็จะทำให้เขายิ่งสู้ยิ่งยาก”
ในกรงแปดเหลี่ยม หวังฝูสู้จนตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ นอกกรงคือผู้ชมที่ร้องเชียร์เขา ในกรงคือคู่ต่อสู้หวงเสี่ยวถู่ผู้ขี้ขลาด
พริบตานั้น หวังฝูหยุดการโจมตีราวพายุบุแคมของเขาแล้วถอยไปข้างหลังอย่างปุบปับ จากนั้นเร่งความเร็วอีกครั้ง
เห็นเพียงเขากระโดดทีเดียวขึ้นไปเหยียบบนตะแกรงเหล็กของกรงแปดเหลี่ยม ร่างกายเบาหวิวราวกับนกนางแอ่นตัวหนึ่ง
ความเร็วในการบินของนกนางแอ่นยามปกติไม่ได้เร็วเลย แต่ตอนที่ฝนตก พวกมันจะโผพุ่งไปมาราวกับกระสุน เหมือนจะสามารถสร้างภาพติดตาในอากาศ
พริบตาถัดมา ขาขวาของหวังฝูหมุนวนมาถึง ตรงไปยังใบหน้าซึ่งชิ่งเฉินใช้สองแขนป้องกันเอาไว้
เขาอยากใช้กำลังที่มากที่สุดระเบิดแนวป้องกันสุดท้ายของชิ่งเฉิน
ในชั่วขณะอันทรงพลังนี้ หวังฝูจู่ ๆ รู้สึกไม่ถูกต้องอยู่บ้าง พริบตาที่ร่างของเขาหมุนกลับ ถึงกับเห็นแววตาอันเยือกเย็นดุจลูกศรของเด็กหนุ่มคนนั้นทะลุผ่านรอยแยกของสองแขนที่อีกฝ่ายกันไว้ข้างหน้า จับจ้องตนเองเงียบ ๆ
ในแววตานั้นไม่มีความทุลักทุเล แล้วก็ไม่มีความเหน็ดเหนื่อย
แล้วก็ไม่เคยกะพริบตา
ในราตรีอันมืดมิดของเรือนจำหมายเลข 18 นั้น เยี่ยหว่านเคยถามชิ่งเฉินว่า “คุณว่าตอนที่คนประมือกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออะไร?”
ชิ่งเฉินคิดแล้วตอบว่า “กำลัง”
“ไม่ถูก” เยี่ยหว่านส่ายหน้า
ชิ่งเฉินคิดแล้วตอบอีกว่า “จังหวะ”
“ก็ไม่ถูก” เยี่ยหว่านส่ายหน้าอีกครั้ง
ชิ่งเฉินถามกลับว่า “งั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคืออะไรล่ะ?”
เยี่ยหว่านตอบว่า “คือสายตา”
หมัดและมีดดาบที่จู่โจมมาจะทำให้คุณหลบเลี่ยงจากจิตใต้สำนึก แต่คุณจะต้องเอาชนะสัญชาตญาณทั้งหมด
อย่ากะพริบตา อย่าละสายตา
คุณต้องมองคู่ต่อสู้ของคุณอยู่เสมอ จากนั้นหาช่องว่างของเขา
ขณะนี้ กลับเห็นชิ่งเฉินงอเข่าเล็กน้อย ขาที่ฟาดมาเฉียดผ่านเหนือศีรษะของเขา แต่ก็แค่สัมผัสถูกเส้นผมของเขา
วินาทีถัดมา ตอนที่ร่างหวังฝูข้ามเหนือศีรษะของเขา ชิ่งเฉินจู่ ๆ ออกหมัดราวอสนีบาต ชกถูกหว่างขาของหวังฝู
แม่เยี่ยเคยบอกว่า ที่นี่จึงเป็นที่ที่ถึงแก่ชีวิตที่สุดสำหรับผู้ชาย ถึงแม้ว่าคุณจะใช้แค่กำลังหนึ่งในสิบก็สามารถทำให้คู่ต่อสู้เสียความสามารถในการต่อสู้ทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย
“อ๊าก” หวังฝูเสียสมดุลกลางอากาศ ล้มลงที่อีกฝากของกรงแปดเหลี่ยม
เสียงร้อง “อ๊าก” อันโหยหวนนี้ถึงขนาดที่กลบเสียงเชียร์ในสนามมวยไปเลย
พวกนักมวยล้วนผ่านการฝึกซ้อมอันเข้มงวด ดังนั้นถึงจะได้รับบาดเจ็บก็จะไม่ร้องโหยหวน
นอกเสียจากทนไม่ได้
เหตุเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป ถึงขนาดที่ผู้ชมกับเหล่านักพนันล้วนไม่ทันมีปฏิกิริยาว่าสุดท้ายแล้วเกิดอะไรขึ้น
ทำไมหวังฝูที่ครองความได้เปรียบอย่างเด็ดขาดมาโดยตลอด ในพริบตาที่แสดงท่าสร้างชื่อนางแอ่นหวนคืน จู่ ๆ ก็ไก่บินกระเจิงไข่แตกกระจาย*
การพลิกกลับนี้มาอย่างกะทันหันเกินไป นักพนันที่มองบนเวทีหลายคนรู้สึกว่าไม่ถูกต้องอยู่บ้าง แต่ตอนที่พวกเขาอยากจะซื้อคืนตั๋วที่ตนเองขายออกไป กลับค้นพบว่าชายกลางคนที่เมื่อครู่นี้ได้ตั๋วของพวกเขาไปในราคาต่ำไม่รู้ไปไหนแล้ว
นักพนันที่ลงว่าชิ่งเฉินจะแพ้ในรอบแรกเริ่มโกรธเกรี้ยว พวกเขาสบถด่าหวังฝู จากนั้นโยนตั๋วในมือลงในสนามสุดแรง
หลี่อีนั่วในห้องส่วนตัวถอนหายใจโล่งอก “เป็นอย่างที่ฉันคาดไว้จริง ๆ ด้วย เธอดู นักมวยรุ่นแบนตั้มเวทคนนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย”
“พี่อีนั่วร้ายกาจจัง” หลี่ถงอวิ๋นชื่นชม
หลี่ถงอวิ๋นชมพลางไล่สายตาตามชิ่งเฉินกลับห้องเปลี่ยนชุด
เธอกำหมัดน้อย ๆ จนแน่น คิดในใจว่าพี่ชิ่งเฉินร้ายกาจจริง ๆ
ตอนที่คืนกลับครั้งที่แล้ว หลี่ถงอวิ๋นนึกว่าตนเองจะต้องเจอกับแผนกวาดล้างแล้ว
ถึงอย่างไรเธออายุยังน้อย การครุ่นคิดยังไม่รอบด้านขนาดนั้น ดังนั้นตอนที่ช่วยเจียงเสวี่ยก็ไม่ได้ปกปิดมากเกินไป
ถ้าหากว่าข้อมูลทะเบียนบ้านโลกภายนอกถูกเอากลับโลกภายใน งั้นการกระทำที่ช่วยเหลือเจียงเสวี่ยอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยก่อนหน้านี้ของเธอจะถูกขยายใหญ่ขึ้นมาทันที
เด็กหญิงวิตกจริตอยู่หลายวัน ผลคือภายหลังเธอจึงค้นพบว่า ชิ่งเฉินแก้ไขเรื่องนี้ไปแล้ว
สำหรับหลี่ถงอวิ๋น ความรู้สึกปลอดภัยในชีวิตของเธอครึ่งหนึ่งมาจากคุณแม่เจียงเสวี่ย ครึ่งหนึ่งมาจากชิ่งเฉิน ดังนั้นเธอย่อมหวังว่าชิ่งเฉินยิ่งร้ายกาจยิ่งดี
เธอกับเจียงเสวี่ยเห็นชิ่งเฉินเป็นคนในครอบครัวมานานแล้ว
เพียงแต่ว่าเสี่ยวถงอวิ๋นฉงนอยู่บ้าง พี่ชิ่งเฉินทำไมปรากฏตัวขึ้นที่นี่ล่ะ? นี่ไม่สอดคล้องกับเงื่อนงำที่เธอหาเจอไปหน่อยนะ
ชิ่งเฉินที่กลับถึงห้องเปลี่ยนชุดเพิ่งจะเปิดประตูเลื่อนอัลลอยด์ก็เห็นหลี่ซูถงถือถุงใบใหญ่รออยู่ข้างใน
“ครูครับ นี่คือ……” ชิ่งเฉินเอ่ยอย่างอยากรู้
หลี่ซูถงยิ้มอย่างลึกลับแล้วเปิดถุง “ทั้งหมดนี่เป็นของขวัญที่อาจารย์ให้เธอ ขอเพียงเธอสามารถผ่านด่านในคืนนี้ เงินพวกนี้ทั้งหมดล้วนเป็นของเธอ”
ชิ่งเฉินอึ้งไปแล้วหยิบตั๋วใบหนึ่งออกมา “ทั้งหมดนี่เป็นตั๋วที่พนันว่าผมจะผ่านด่านเหรอครับ?”
“ใช่” หลี่ซูถงคำนวณคร่าว ๆ “ฉันซื้อคืนมาราคาสิบเปอร์เซ็น นับคร่าว ๆ ฉันจ่ายไปประมาณแสนหยวน เพราะว่าเป็นตั๋วปลีกย่อย ดังนั้นมูลค่าหน้าตั๋วไม่สูงทั้งนั้น”
งั้นก็คือ มูลค่าพื้นฐานของตั๋วในนี้อยู่ที่หนึ่งล้านขึ้นไป
“ถ้าผมชนะ ตั๋วปลีกย่อยพวกนี้จะสามารถขึ้นเงินได้เท่าไหร่ครับ?” ชิ่งเฉินถาม
“ตอนที่พวกเขาซื้ออัตราต่อรองล้วนไม่เหมือนกัน แต่ฉันคะเนว่าทั้งหมดน่าจะสามารถมีอัตราต่อรองเฉลี่ย 10 เท่า” หลี่ซูถงกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “อาจารย์ไม่ขาดเงิน ดังนั้นเงินที่ชนะครั้งนี้เป็นเงินค่าขนมของเธอทั้งหมด”
ชิ่งเฉินสูดลมหายใจลึก ๆ “ท่านอาจารย์ครับ ผมเข้าใจแล้ว นี่ก็คือโอกาสที่คุณพูด”
……
……
ในห้องส่วนตัว หลี่อีนั่วมองไปทางเสี่ยวถงอวิ๋น “ยังไงเธอไปพักผ่อนก่อนไหม?”
“ไม่ต้องค่ะ ตอนนี้ดูกำลังตื่นเต้นเลย!” เสี่ยวถงอวิ๋นกะพริบตากลมโตอันแวววาว มองดูชิ่งเฉินที่กลับเข้าไปในกรงแปดเหลี่ยมใหม่อย่างเป็นจริงเป็นจัง เธอหันหน้าไปถามหลี่อีนั่วว่า “พี่อีนั่ว พี่ว่าถัดจากนี้เขาจะสู้ยังไงคะ?”
หลี่อีนั่วยิ้มแล้วลูบศีรษะของเธอ “คิดไม่ถึงว่าเธอจะชอบการแข่งมวยขนาดนี้ จุดนี้เหมือนกับพี่มากเลย มีศักยภาพ!”
หลี่ถงอวิ๋นคิดในใจว่าตัวเองชอบการแข่งมวยที่ไหน เป็นห่วงพี่ชิ่งเฉินล้วน ๆ เท่านั้นแหละ
เวลานี้ หลี่อีนั่วมองไปทางหนานเกิงเฉินที่อยู่ข้างกายอีกแล้วกล่าวว่า “เบบี๋ ถ้าคุณไม่ชอบดูก็พักผ่อนในห้องส่วนตัวสักครู่เถอะ ฉันจะให้สนามมวยเตรียมของกิน”
“ไม่ต้อง ๆ ผมก็ไม่ง่วง” หนานเกิงเฉินที่อยู่ด้านข้างคิดในใจว่าตอนนี้ตนเองมีความรู้สึกง่วงสักนิดที่ไหนกัน ตอนนี้เขาไม่อยากนอน แค่อยากดูชิ่งเฉินยืนอยู่ในกรงแปดเหลี่ยมล้มคู่ต่อสู้ทั้งหมด
หลี่อีนั่วเอ่ยอย่างมีความสุขว่า “คิดไม่ถึงว่าเบบี๋คุณก็ชอบการแข่งมวย เมื่อกี้คุณยังร้องว่าจะกลับไปนอนอยู่เลย คุณดูสิ ตอนนี้ก็ตื่นเต้นขึ้นมาแล้วสินะ”
ผู้กล้าสาวสวยจะคิดได้อย่างไรว่า สองคนที่ข้างกายเธอไม่ได้แคร์การแข่งมวยกันจริง ๆ สักคน จิตใจทั้งหมดล้วนจดจ่ออยู่ที่ตัวชิ่งเฉิน……
หนานเกิงเฉินถามว่า “อีนั่ว ถัดจากนี้คุณคาดการณ์ว่ายังไง?”
หลี่อีนั่วคิดแล้วกล่าวว่า “ฉันคาดว่าเขาจะสู้อย่างมั่นคงต่อไป อย่างนี้จะสะดวกต่อการปิดบังวิธีต่อสู้และจุดอ่อนของเขา”
ทั้งสามคนมองไปในกรงแปดเหลี่ยมด้วยกัน หลังจากรุ่นแบนตั้มเวทเป็นรุ่นเฟเธอร์เวท
พิธีกรยืนอยู่ข้างนอกกรงแปดเหลี่ยม โค้งคำนับอย่างสง่างามต่อผู้ชม แล้วเขาก็เหยียดตัวแนะนำอย่างเร้าอารมณ์ว่า “ท่านสุภาพบุรุษท่านสุภาพสตรี พวกคุณใครจะสามารถจินตนาการได้ว่านักมวยเสี่ยวถูหลังจากอดทนอยู่ 20 นาทีอย่างทรหดจะถึงกับใช้กระบวนท่าเดียวล้มคู่ต่อสู้ได้ครับ?”
“ทุกท่านเดาซิว่าครั้งนี้เขาจะใช้เวลานานเท่าไหร่จบการต่อสู้?”
แต่ทว่าวินาทีถัดมา ในพริบตาที่กรรมการถอยออกจากกรงแปดเหลี่ยม ชิ่งเฉินระเบิดพลังขึ้นราวกับพยัคฆ์ร้าย ราชามวยรุ่นเฟเธอร์เวทเยี่ยนอวี่ยังไม่ทันมีปฏิกิริยาก็ถูกเขาพุ่งมาถึงตรงหน้า ย่อตัวชกใส่ไข่
“อ๊าก! ฉิบหาย!”
คำพูดของพิธีกรยังดังสะท้อนอยู่ในสนามมวย การแข่งขันก็สิ้นสุดลงแล้ว……
เหล่านักพนันที่พนันว่าชิ่งเฉินจะล้มในสนามที่สองโกรธเกรี้ยว พวกเขาโยนตั๋วในมือเข้าไปในสนามราวกับเกล็ดหิมะ
ในสนามมวยจู่ ๆ มีหิมะสีขาวห่าใหญ่ตกลงมา
หลี่อีนั่วในห้องส่วนตัวรีบเสริมว่า “แต่วิธีสู้แบบมั่นคงสิ้นเปลืองพลังกายเยอะมาก แถมสุดท้ายเขาต้องเผชิญกับคู่ต่อสู้รุ่นพยัคฆ์ รุ่นนั้นล้วนเป็นทหารเก่าที่เกษียณออกมาจากกองทัพ ไม่แน่ว่าจะตกหลุมพราง ดังนั้นฉันว่าเขาจะรีบสู้รีบจบ!”
เสี่ยวถงอวิ๋นและหนานเกิงเฉินมองไปทางเธอพร้อมกัน เงียบงันไร้วาจา
หน้าของหลี่อีนั่วก็ด้านต่อไม่ไหวนิดหน่อย เธอพึมพำเสียงเบาว่า “เด็กนี่กินยามาเหรอ ทำไมจู่ ๆ เปลี่ยนกลยุทธ์ล่ะ?!”
แต่ว่า การวิเคราะห์ย้อนหลังประโยคนั้นของเธอเป็นสิ่งที่ชิ่งเฉินคิดอยู่จริง ๆ
ชิ่งเฉินรู้ว่า นักมวยที่เขาต้องเผชิญหน้าล้วนผ่านมาแล้วร้อยสนาม
ดังนั้นแทนที่เขาจะเสียพลังกายต่อไป ไม่สู้รีบสู้รีบจบ สู้ให้ถึงรุ่นพยัคฆ์ให้เร็วหน่อย
ขณะนี้ ชิ่งเฉินหันหน้าไปทางกรรมการ “ไม่ต้องพักแล้ว ให้รุ่นไลท์เวทมาเลย”
ว่าแล้ว เขาเอื้อมมือไปรูดซิปของชุดกีฬาลงจนสุด
ผู้ชมทุกคนมองดูเด็กหนุ่มในกรงแปดเหลี่ยมถอดชุดกีฬาจากนั้นเผยให้เห็นเส้นสายกล้ามเนื้ออันสมบูรณ์แบบ ทรงพลังและดุดัน อย่างเงียบ ๆ
กล้ามเนื้อทุกมัดล้วนแข็งราวกับเหล็กกล้า
ว้าว! ผู้ชมในสนามมวยล้วนอุทานขึ้นมา ทุกคนเดิมรู้สึกว่าชิ่งเฉินเพียงหน้าตาดูดีเท่านั้น แต่ว่าดูได้ใช้การไม่ได้
แต่ตอนนี้เหล่าผู้ชมเห็นเขาจัดการราชามวยรุ่นเฟเธอร์เวทอย่างปลอดโปร่ง และบวกกับกล้ามเนื้อทั้งร่างนี้ เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้คือกำลังแกล้งเป็นหมูกินเสือนี่น่า!
ชิ่งเฉินมองไปทางพิธีกร “ไม่พัก ต่อเลย ได้ไหม?”
พิธีกรรีบเหลือบสายตาไปมองบนเวที หญิงสาวทรงเสน่ห์ที่สวมชุดสีทองคนนั้นพยักหน้าเล็กน้อย
“ท่านสุภาพบุรุษท่านสุภาพสตรี ตามข้อเรียกร้องของนักมวยเสี่ยวถู พวกเราตัดสินใจจะเร่งจังหวะการแข่งจัดอันดับ ตอนนี้ขอเชิญนักมวยรุ่นไลท์เวทหลิ่วหรูเฟิง ผมเชื่อว่าผู้ชมที่ซื้อตั๋วในคืนนี้ทุกท่านคงจะล้วนรู้สึกว่าคุ้มค่าเงิน คืนนี้ พวกเราอาจจะได้เป็นประจักษ์พยานต่อการถือกำเนิดของราชามวยคนใหม่ครับ”
พร้อมกับที่หลิ่วหรูเฟิงเข้าสนาม พิธีกรตะโกนเสียงดังเร้าอารมณ์ต่อไปว่า “มีผู้ชมที่เป็นประจักษ์พยานต่อเส้นทางการทะยานขึ้นของราชามวยอาฝานเมื่อปีก่อนหรือไม่ครับ ผมมองดูนักมวยเสี่ยวถู่คนนี้ ราวกับว่ากลับไปฝันถึงปีนั้น……”
“คืนนั้น ก็เป็นความกะทันหันอย่างนี้……”
“อ๊าก! ! ฉิบหาย!”
พิธีกรเพิ่งจะพูดถึงตรงนี้ ข้างหลังมีเสียงร้องโหยหวนของนักมวยดังขึ้นอีกแล้ว
เขาหันกลับไปมอง สายตามองเห็นนักมวยรุ่นไลท์เวทหลิ่วหรูเฟิงกุมเป้าจวนเจียนจะหมดลมแล้ว
“กะทันหันจริงอะไรจริง” พิธีกรเอ่ยอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์
ชิ่งเฉินมองไปทางเขา “คนต่อไป”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พิธีกรรีบกล่าวว่า “การแข่งขันมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญแล้ว ตอนนี้ขอเชิญราชามวยรุ่นมิดเดิลเวทโจวม่อ……อะไรนะ? โจวม่อคืนค่าลงสนามยอมแพ้แล้ว!?”
พิธีกรคนนี้ถึงกับทวนข่าวในหูฟังออกมาจากจิตใต้สำนึก
ในชั่วขณะนั้น ผู้ชมในสนามมวยก็งงงัน ระหว่างการแข่งจัดอันดับของนักมวยใหม่ถึงกับมีราชามวยรุ่นมิดเดิลเวทยอมแพ้?
โจวม่อ! โจวม่อถึงกับยอมแพ้แล้ว!
สถานการณ์นี้เมื่อก่อนก็ไม่เคยพบเจอนะ?!
ทุกคนค่อย ๆ ตระหนักว่านี่มันเรื่องอะไร……โจวม่อไม่กล้าสู้!
ผู้ชมในสนามมวยมีเกือบหมื่นคน ทุกคนตอนแรกเงียบกริบ พริบตาถัดมาก็เดือดพล่าน
เสียงเอะอะราวกับจะทำให้หลังคาปลิวไปเลย
หลี่อีนั่วยืนอยู่ในห้องส่วนตัวมองดูเงียบ ๆ เธอกำลังคิดว่า ปีนั้นที่อาเจ็ดกับลุงเฉินเจียจางคนนั้นเข้าร่วมการแข่งมวยก็เป็นเหตุการณ์ใหญ่โตอย่างนี้หรือไม่?
อัศวิน
ราวกับว่าแบกชื่อของอัศวินเอาไว้ก็กำหนดแน่ว่าจะกลายเป็นหนึ่งในตัวเอกของโลกใบนี้แล้ว
ในสถานการณ์ปกตินักมวยใหม่จัดอันดับไม่ได้เห็นกันบ่อย ๆ หลาย ๆ เดือนถึงจะมีสักรายการ
โจวม่อเป็นผู้ที่สนามมวยติดต่อมาอย่างเร่งด่วน จ่ายค่าลงสนามให้อีกฝ่ายเร่งรุดมาอย่างกะทันหัน
ผลคือโจวม่อเพิ่งจะเข้าสนามยังไม่ได้เปลี่ยนชุดก็เห็นชิ่งเฉินล้มหลิ่วหรูเฟิงรุ่นไลท์เวทด้วยท่วงท่าบดขยี้อย่างสมบูรณ์
เขาก็เป็นนักมวยเก่า ดังนั้นประเมินคร่าว ๆ ก็เข้าใจว่าเด็กหนุ่มที่ชื่อกวงเสี่ยวถู่คนนี้มารีบผ่านด่าน
เห็นชัด ๆ ว่านั่นเป็นความเร็วของผู้เหนือมนุษย์แรงก์ E
ในอดีต โจวม่อถึงจะทราบว่าคู่ต่อสู้ร้ายกาจกว่าตนเองแน่นอน แต่ขอเพียงสนามมวยให้ค่าลงสนามเพียงพอ เขาขึ้นไปถูกทุบตีอันที่จริงก็ไม่เห็นเป็นไร
แต่เด็กหนุ่มคนนี้ลงมือได้ชั่วช้าเกินไปแล้ว
รับไม่ไหวอะ!
ข้างกายหญิงสาวทรงเสน่ห์ที่สวมชุดสีทองคนนั้นมีคนถามเสียงเบา ๆ ว่า “บอสครับ ตอนนี้ทำไงครับ?”
หญิงสาวสำรวจเด็กหนุ่มในกรงแปดเหลี่ยมอย่างเต็มไปด้วยความสนใจ “ดูดีจริง ๆ สนามมวยของพวกเราในที่สุดก็มีต้นไม้เงินของจริงมาแล้ว!”
“บอสครับ?” ลูกน้องเอ่ยอย่างฉงน
“จัดให้หวงจื่อเสียนของรุ่นพยัคฆ์สู้กับเขา” หญิงสาวยิ้มแล้วกล่าวว่า “คืนนี้เป็นการต่อสู้สร้างชื่อของเขา จำต้องมีจุดเริ่มต้นและจุดจบ”
ลูกน้องอึ้งไป “หวงจื่อเสียนตอนนี้กำลังพุ่งชนราชามวยรุ่นพยัคฆ์นะครับ ฟอร์มกำลังอยู่ในช่วงพีค บอสท่านจัดให้หวงจื่อเสียนสู้กับเขา ไม่กล้วว่าเขาจะเกิดปัญหาอะไรเหรอครับ?”
นี่เป็นตรรกะที่เรียบง่ายมาก เห็นอยู่ว่าเด็กหนุ่มในกรงแปดเหลี่ยมจวนจะสะสมความนิยมปริมาณมากได้แล้ว เวลานี้ควรจะจัดรุ่นพยัคฆ์ที่อ่อนสักหน่อยให้อีกฝ่ายมั่ว ๆ ทำให้อีกฝ่ายผ่านด่านอย่างราบรื่น
เช่นนี้แล้ว ภาพลักษณ์รุกกี้มวยมืดของเด็กหนุ่มก็จะเป็นที่ยอมรับแล้ว
ถ้าหากให้หวงจื่อเสียนขึ้นสนาม เด็กหนุ่มจะสามารถชนะหรือไม่ยังเป็นประเด็น ถ้าหากแพ้ งั้นก็ปัญหาใหญ่แล้ว มีแฟนไม่กี่คนที่เต็มใจจะติดตามผู้อ่อนแอ
หญิงสาวยิ้ม “คุณจะเข้าใจอะไร สามารถสู้ชนะหวงจื่อเสียถึงจะไม่ปลอมเปลือก ฉันต้องการต้นไม้เงินที่แท้จริง ไม่ต้องการของตกเกรด”
…………………………………………..
*ไก่บินกระเจิงไข่แตกกระจาย ต้นฉบับมันก็แปลตรง ๆ ว่าไก่บินไข่แตกนั่นแหละค่ะ แต่เราอยากเติมคำสร้อย
พี่เฉินเล่นเน้นเป้า คู่ต่อสู้ก็ไม่เอาด้วยน่ะสิ
ตอนที่ 189 – ในกรงแปดเหลี่ยม เด็กหนุ่มใจเด็ด!