นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) - ตอนที่ 186 มวยมืด
ตอนที่ 186 – มวยมืด
เด็กสาวผมเงินเจิ้งอี้กำสายกระเป๋าสะพายใบเล็กของตนอย่างทำตัวไม่ถูกนิดหน่อย “อยากจะแชร์ห้องเช่ากันจริงเหรอ? เธอเข้ามานั่งก่อนเถอะ ในบ้านรกนิดหน่อย อย่าถือสานะ”
เดิมเธออยากจะไปคาบเรียนเสริม ผลคือตอนนี้มารับรองยางยาง เธอล้มเลิกความคิดจะไปเรียนเสริมแล้ว
“มีรองเท้าแตะไหม อย่าให้ฉันเหยียบพื้นจนสกปรก” ยางยางกล่าว
“ไม่ต้อง ๆ ในบ้านก็ไม่ได้สะอาด” เจิ้งอี้กล่าว “อีกอย่าง……ก็ไม่ได้มีรองเท้าแตะเหลือด้วย”
เสื้อผ้าจำนวนเล็กน้อยของเด็กสาวในบ้านวางอยู่บนโซฟาและเตียงระเกะระกะ แต่โดยรวมยังค่อนข้างเป็นระเบียบ ไม่ถึงขนาดถูกถือว่าเลอะเทอะ
เจิ้งอี้เห็นสายตาของยางยาง หน้าแดงขึ้นมาทันทีแล้วกล่าวว่า “เพราะว่าทุกวันเลิกคาบกลับมาก็ดึกเกินไปแล้ว ดังนั้นไม่มีเวลาจัดการเลย ปกติสุดสัปดาห์ถึงจะมีเวลาว่างจัดระเบียบสักครั้ง”
“ค่าเช่าห้องที่นี่เท่าไหร่?” ยางยางยื่นมือช่วยเจิ้งอี้พับเสื้อคลุมสองตัวบนโซฟาแล้ววางไว้ด้านข้าง
“2200 หยวน” เจิ้งอี้เอ่ยเสียงเบา “แต่ที่นี่ของฉันเป็นหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่นนะ”
ยางยางนั่งบนโซฟายิ้มแย้มกล่าวว่า “ถ้าฉันนอนที่ห้องนั่งเล่นจะรับผิดชอบค่าเช่าน้อยลงหน่อยได้ไหม เธอว่าอย่างนี้ดีรึเปล่า ค่าเช่า 2200 ฉันออก 1000 เธอออก 1200 ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าส่วนกลาง ค่าแอร์ทุกคนแบ่งเท่ากัน!”
ไม่รู้เพราะอะไรเจิ้งอี้ได้ยินว่าตนเองต้องจ่ายมากกว่า 200 กลับรู้สึกโล่งอกในใจ
เธอกังวลมากว่ายางยางจะสงสารเธอและช่วยเธอแบ่งเบามากขึ้นหน่อยเพราะเห็นเธอยากจน
ถ้าอย่างนั้น เธอจะรู้สึกผิดอยู่บ้าง
เด็กสาวก็มีความภาคภูมิใจในตนเอง เธอไม่เต็มใจจะแบกรับความสมเพชที่ไม่จำเป็นพวกนั้น
อาจจะเป็นความภาคภูมิใจในตนเองนี้จึงสนับสนุนให้เธอเดินเข้าไปในโรงเรียนมัธยมปลาย สาบานว่าจะต้องคิดหาทางออกให้ตนเองสักสายหนึ่ง
เวลานี้ เจิ้งอี้มองเด็กสาวที่อยู่ตรงข้าม สุดท้ายอดกล่าวไม่ได้ว่า “เมื่อกี้ฉัน……เห็นเธอเข้าไปในบ้านของเพื่อนนักเรียนชิ่งเฉิน ฉันยังนึกว่าพวกเธอเป็นคู่รักกัน……”
“ไม่ใช่ ๆ” ยางยางยิ้มพลางโบกมือ “พวกเราไม่ได้เป็นคู่รัก”
เจิ้งอี้อยากรู้อยู่บ้าง “ฉันเห็นพวกเธอเหมือนกับจะรู้จักกันมานานมากแล้ว พวกเพื่อนนักเรียนล้วนพูดว่าเขาจงใจย้ายโรงเรียนมาเพื่อเธอเลยนะ แต่ทุกคนล้วนพูดว่าเพื่อนนักเรียนชิ่งเฉินห่างเหินอยู่บ้าง ราวกับนอกจากการพูดคุยกับเธอแล้วก็ไม่เต็มใจจะพูดคุยกับคนอื่น เพื่อนนักเรียนชิ่งเฉิน……สรุปว่าเป็นคนยังไงเหรอ?”
ยางยางนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง “อันที่จริงฉันก็ไม่ได้ทราบชัดนักว่าเขาเป็นคนยังไง ก็เพราะว่าจะทำความเข้าใจให้ชัดเจนนี่แหละ ถึงอยากแชร์ห้องเช่ากับเธอไง”
เจิ้งอี้มองสีหน้าของยางยาง ถามเสียงเบาอย่างอยากรู้ว่า “สรุปว่าพวกเธอมีความสัมพันธ์กันยังไงอะ”
“ความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วน”
……
……
เมืองหมายเลข 18 เขตที่ 4
ที่นี่ตั้งอยู่ที่ตำแหน่งใจกลางของเมืองทั้งหมด แล้วก็เป็นสถานที่ที่คึกคักที่สุดในยามเที่ยงคืนของเมืองทั้งเมือง
สามเขตบนถึงจะรุ่งเรืองที่สุด แต่ถึงเวลากลางคืนก็จะกลับคืนอยู่ความเงียบสงบ
อีกอย่าง กำลังตำรวจกะกลางคืนของทั้งเมืองมีอยู่สองในสามส่วนที่จะกระจุกตัวอยู่ที่สามเขตบน ดังนั้นที่นั่นก็เลยคึกคักขึ้นมาได้ยากมาก
ถึงเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นลูกหลานกลุ่มการเงินก็ดี ลูกหลานนักธุรกิจหกเขตล่างก็ดี หรือว่าบุคคลมีหน้ามีตาในสามหลักคำสอนเก้านิกาย* ทั่วทั้งเมือง ล้วนจะชุมนุมอยู่ที่เขตที่สี่
ผ่านเที่ยงคืน 12 นาฬิกาไป ไฟนีออนฮอโลแกรมที่นี่จะเป็นราวกับดอกไม้ไฟที่เบ่งบานแน่นขนัด เสียงคำรามเร่งเครื่องของซูเปอร์คาร์ดังกระแทกหูไม่หยุดหย่อน
ในยุคสมัยของรถยนต์ไฟฟ้าทั่วหล้านี้ ยังมีลูกหลานล้างผลาญที่หมกมุ่นอยู่กับความรู้สึกทรงพลังที่เครื่องยนต์ 12 สูบนำมาให้ รวมทั้งความรู้สึกรุนแรงตอนที่ไอเสียพ่นไฟออกมา
ขณะนี้ กำลังมีขบวนรถหนึ่งขบวนร้องคำรามจากสามเขตบนเข้าสู่เขตที่ 4 ในถนนที่ไม่นับว่ากว้างขวางเป็นพิเศษเลย พวกมันลอดใต้นีออนฮอโลแกรมที่ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า
เหนือศีรษะคือวาฬสีม่วงลอยอ้อยอิ่งอยู่กลางอากาศ ด้านล่างคือซูเปอร์คาร์ที่ทั้งคันรถราวกับกระจกสีเงิน ดูแล้วดุจอยู่ในห้วงฝัน
ในลำแสงสีน้ำเงินและม่วง งดงามและหรูหรา
หนานเกิงเฉินนั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ มองดูทุกสิ่งนี้เงียบ ๆ
เมื่อวานพวกเขาเพิ่งจะกลับมาถึงเมืองหมายเลข 18 ภายใต้การคุ้มกันของกองพลสหพันธรัฐ ผลคือวันนี้ก็ถูกหลี่อีนั่วลากมาท่องราตรี
หลี่อีนั่วบนที่นั่งคนขับยกเลิกการขับรถอัตโนมัติ ควบคุมพวงมาลัยอย่างชำนาญ
ฝ่ามือขวาของเธอวางอยู่บนต้นขาของหนานเกิงเฉินตรงที่นั่งข้างคนขับอย่างเสมือนจงใจแต่ไร้เจตนา “คุณมาโลกภายในนานขนาดนี้แล้ว ฉันยังไม่ได้พาคุณไปดูชีวิตราตรีโลกภายในที่แท้จริงเลย เทียบกับนีออนฮอโลแกรมข้างนอกที่เจิดจ้าพวกนี้ ฉันว่าสนามแข่งมวยมืดถึงเป็นตัวแทนมากกว่า”
หนานเกิงเฉินเอ่ยอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า “ดึกดื่นค่อนคืนไปนอนหลับให้ดี ๆ กันไม่ได้เหรอครับ”
“ไม่ได้!” หลี่อีนั่วยิ้มเอ่ย “ชีวิตราตรีนี่เพิ่งจะเริ่มต้นเองนะ!”
“จะว่าไปแฮกเกอร์คนนั้นคุณจับได้แล้วรึยังอะ” หนานเกิงเฉินกล่าว “บอกว่าอยากให้ผมเรียนทักษะแฮกเกอร์ ผลคือตอนนี้ผมแม้แต่เงาของแฮกเกอร์ยังไม่เห็น”
“จับแล้ว ๆ เขากำลังซ่อนตัวอยู่ในเมืองหมายเลข 7 ตอนที่หาเขาเจอเจ้าเด็กนั่นมันยังวางแผนจะบุกเครือข่ายของบริษัทแห่งหนึ่งของตระกูลหลี่อยู่เลย” หลี่อีนั่วยิ้มเย็นเอ่ยว่า “ตอนนี้มีคนส่งเขามาที่เมืองหมายเลข 18 แล้ว อีกไม่กี่วันก็มาถึง”
เวลานี้ ขบวนรถมาถึงเบื้องหน้าอาคารทรงกลมอันโอ่อ่า บนยอดอาคารขนาดประมาณสนามฟุตบอลกำลังฉายฉากมวยปล้ำขนาดมหึมาเป็นฮอโลแกรม แชมป์มวยรุ่นยานลาดตระเวนภาคพื้นสองคนกำลังชกต่อยกันอย่างถึงเลือดถึงเนื้อในกรงแปดเหลี่ยม ภาพฉายฮอโลแกรมนั้นชัดเจนอย่างไร้ที่เปรียบ แม้แต่เม็ดเหงื่อที่สาดกระเซ็นตอนที่พวกเขาต่อยกันและกันยังกระจ่างชัด
ที่ประตูมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในชุดสูทดำหนึ่งกลุ่มมาต้อนรับที่หน้าประตูแล้ว หญิงสาววัยเยาว์ที่สวมชุดราตรีแนบเนื้อสีทองที่ทำจากผ้าไหมตกแต่งอย่างฉูดฉาดคนหนึ่งเดินบนรองเท้าส้นสูงแวววาวต๊อก ๆๆๆ ไปที่ข้างรถหลี่อีนั่วแล้วยิ้มกล่าวว่า “ไม่กี่วันก่อนยังเห็นในหนังสือพิมพ์ว่าคุณไปล่าฤดูใบไม้ร่วงอยู่เลย คิดไม่ถึงว่าจะกลับมาเร็วขนาดนี้ คิดถึงคุณจังค่ะ”
หลี่อีนั่วลงจากรถอย่างไม่แยแส ฝ่ามือบีบก้นของผู้หญิงอย่างแรง “คิดถึงฉันก็ไม่มีประโยชน์ ให้รปภ.เอารถไปจอดให้ดี”
จนกระทั่งเวลานี้ หนานเกิงเฉินผู้บอบบางอ่อนแอจึงลงจากรถ สำรวจรอบด้านด้วยใบหน้ามึนงง
หลี่อีนั่วเห็นดังนี้ก็มาที่ข้างกายเขากล่าวว่า “ฉันกับพวกเธอก็แค่ล้อกันเล่น คุณอย่าเก็บไปใส่ใจนะ”
หนานเกิงเฉินขบคิดว่าคำพูดนี้ทำไมมันอิหลักอิเหลื่อขนาดนั้นนะ
ระหว่างที่พูดคุย บนรถข้างหลังขบวนรถก็มีคนเดินลงจากรถมา
เห็นเพียงหลี่อีนั่วเดินไปข้างหลังไปจูงมือเด็กสาวคนหนึ่งมา ยิ้มให้หนานเกิงเฉินทักทายว่า “เสี่ยวอวิ๋น คนนี้ก็คือหนานเกิงเฉินที่ฉันเคยเอ่ยถึงกับเธอ”
“สวัสดีค่ะพี่ชาย” หลี่ถงอวิ๋นเอ่ยอย่างว่าง่าย
หลี่อีนั่วเห็นแล้วก็กล่าวกับหนานเกิงเฉินว่า “นี่เป็นน้องสาวฉัน หลี่ถงอวิ๋น อย่าเห็นว่าเธออายุยังน้อยนะ คนเขาเฉลียดฉลาดเป็นพิเศษเลย”
ขณะนี้หลี่ถงอวิ๋นและหนานเกิงเฉินทั้งสองคนล้วนรู้สึกว่าอีกฝ่ายคุ้นตาอยู่บ้าง แต่คิดไม่ออกสักทีว่าเคยเห็นที่ไหน……
คนทั้งกลุ่มเดินไปข้างใน หนานเกิงเฉินถามว่า “ที่นี่มีแข่งทุกคืนเลยเหรอครับ?”
“แน่นอน” หลี่อีนั่วกล่าว “ที่นี่เต็มไปด้วยนักพนันที่บ้านช่องพินาศผู้คนล้มตายอยากจะรวยในชั่วข้ามคืน ยังมีลูกหลานล้างผลาญที่แทงทีละก้อนใหญ่”
ยังมีความรุนแรงกับราคะ
หลี่อีนั่วอธิบายต่อว่า “ที่นี่วันจันทร์ถึงวันพฤหัสเป็นสนามมวยเปิด ขอเพียงคุณมีความแข็งแกร่งเพียงพอก็สามารถลงมือเข้าร่วมแข่งขันได้ทุกเมื่อ”
“วันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ล่ะครับ?” หนานเกิงเฉินถาม
“นั่นเป็นสนามพิเศษของนักมวยที่มีชื่อเสียงแล้ว เวลานั้นคนจะยิ่งมาก” หลี่อีนั่วอธิบาย
คนทั่งกลุ่มเข้าไปในห้องส่วนตัว นอกประตูมีบอดี้การ์ด 12 คนอารักขา นี่ก็คือบรรยากาศการท่องเที่ยวของกลุ่มการเงิน
ห้องส่วนตัวมีเก้าอี้นุ่มนิ่มหุ้มกำมะหยี่จัดวางเป็นกลุ่ม ด้านหน้าเก้าอี้ยังมีหน้าจอทัชสกรีนแบบฮอโลแกรม สามารถวางเดิมพันนักมวยในสนามได้ทุกเมื่อ
หลี่อีนั่วกล่าวกับพนักงานเสิร์ฟที่สวมชุดบันนี่เกิร์ลด้านข้างว่า “เอาบลัดดี้แมรี่ให้ฉันหนึ่งแก้ว เอาซิงเกิลมอลต์วิสกี้ให้เบบี๋หนึ่งแก้ว……”
เบบี๋? บันนี่เกิร์ลอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด เธอมองหลี่ถงอวิ๋นที่อยู่ด้านข้างกล่าวว่า “สวัสดีค่ะคุณหนูอีนั่ว ดีกรีของซิงเกิลมอลต์วิสกี้สูงมากนะคะ เพื่อนตัวน้อยไม่ดื่มจะดีที่สุด”
หนานเกิงเฉินที่อยู่ด้านข้างลังเลนานมากแล้วกล่าวว่า “ผมถึงเป็นเบบี๋……”
พนักงานเสิร์ฟ “???”
แต่ทว่าในขณะนี้เอง หลี่อีนั่วที่ยืนอยู่ด้านหน้าหน้าต่างใสตกตะลึงไป หนานเกิงเฉินมองไปตามสายตาของเธอ ตกตะลึงไปเช่นกัน!
เพียงเห็นชิ่งเฉินกับชายกลางคนคนหนึ่งที่กำลังสวมชุดกีฬาสีขาวหิมะทั้งตัวกำลังถือเครื่องดื่มหนึ่งแก้วยืนอยู่บนขั้นบันไดมุมตะวันออกเฉียงเหนือ
ชายกลางคนกับชิ่งเฉินสนทนากัน บางครั้งบางคราวยังชี้ ๆ ไปที่นักมวยสองคนในสนาม ดูเหมือนรังเกียจเป็นพิเศษ
ในกรงแปดเหลี่ยมบนสนามชกมวย นักมวยสองคนชกกันจนเลือดสาด ไม่มีกรรมการ ประตูก็ล็อคตาย คืนนี้ไม่ล้มลงสักคนประตูจะไม่เปิดขึ้นมาอีกเป็นอันขาด
ส่วนจะมีคนตายหรือไม่ก็ต้องดูที่จิตใจของผู้ชนะล้วน ๆ หรืออาจจะเป็นอารมณ์ของผู้ดูแลสนามมวย
ในสถานการณ์ปกติ ผู้ดูแลไม่เต็มใจจะให้เกิดการเสียชีวิตในสนาม เพราะว่าตายไปหนึ่งคนก็หมายความว่าเขาขาดนักมวยไปหนึ่งคน
แต่สมมติว่าเสียงตะโกนของผู้ชมในสนามดังเกินไป ผู้ดูแลก็จะทำสัญญาณให้ผู้ชนะ
นี่เป็นสถานที่ซึ่งอารมณ์กำหนดทุกสิ่ง เขาจำเป็นต้องทำให้เหล่านักพนันตื่นเต้นขึ้นมา
หลี่อีนั่วมองชิ่งเฉินอย่างจริงจัง แต่ไม่รู้ว่าคนข้างกายเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นใคร
เธอรู้สึกว่าน่าจะเป็นหลี่ซูถง แต่หน้าตากลับไม่ใช่
หรือว่าเป็นใครสักคนในชมรมเหิง?
ขณะนี้เอง พวกชิ่งเฉินสองคนหมุนตัวเดินไปหลังม่านสนามชกมวย หลี่อีนั่วกลั้นหายใจ มองไปทางหน้าจอทัชสกรีนฮอโลแกรมในห้องส่วนตัว
สิบกว่านาทีให้หลัง หลี่อีนั่วกับหนานเกิงเฉินในห้องส่วนตัวอุทานออกมา เห็นเพียงว่าบนหน้าจอฮอโลแกรมนั้นจู่ ๆ มีข้อมูลนักมวยอัพเดทใหม่ ในนักมวยสองคนสนามถัดไปถึงกับมีชิ่งเฉินที่ใช้นามแฝงกวงเสี่ยวถู่!
แข่งจัดอันดับรุ่นแบนตั้มเวท!
ที่เรียกว่าแข่งจัดอันดับหมายความว่าคืนนี้มีคนใหม่ลงสนาม คำสามคำนี้เร้าเสียงเชียร์ของทั้งสนามขึ้นมาทันที ดังจนโต๊ะยังเริ่มสั่นสะเทือนขึ้นมา
การแข่งจัดอันดับมักจะมีผลลัพธ์สองอย่าง อันหนึ่งคือคนใหม่ต่อสู้เลือดสาดหลายนัดเผยประกายของคนหนุ่ม อันหนึ่งคือคนใหม่ล้มลงในกรงแปดเหลี่ยม
ขณะนี้ มีเพียงหลี่อีนั่วที่ในใจตื่นเต้นไร้ที่เปรียบ
คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่เธอทราบชัดมากถึงประวัติชกมวยมืดในปีนั้นของหลี่ซูถงและเฉินเจียจาง ยิ่งไปกว่านั้น อัศวินหลายคนที่สำเร็จด่านเป็นตายไปครั้งสองครั้งล้วนเลือกจะมาที่นี่เพิ่มประสบการณ์ต่อสู้จริง
หลี่อีนั่วมองดูกรงแปดเหลี่ยมนั้นเงียบ ๆ จู่ ๆ ราวกับกำลังเป็นพยานถึงการถือกำเนิดของอัศวินคนใหม่ นี่ยังตื่นเต้นกว่าตอนที่เธออยู่ในสถานที่ต้องห้ามหมายเลข 002 อีก เพราะว่าเธอเคยพลาดการผุดขึ้นของหลี่ซูถง, เฉินเจียจาง เคยพลาดการปีนหน้าผาชิงซานของชิ่งเฉิน
แต่ว่าครั้งนี้ เธอไม่ได้พลาดไป
หลี่อีนั่วไม่ได้นั่งลง ทว่ายืนอยู่หน้าหน้าต่างเต็มผนังของห้องส่วนตัวรอคอยอย่างอดทน เธอกล่าวกับหนานเกิงเฉินว่า “ตามกฎ คืนแรกชกได้มากที่สุดถึงรุ่นพยัคฆ์ การแข่งจัดอันดับของรุ่นยานลาดตระเวนภาคพื้นจะอยู่ที่วันเสาร์ งั้นลงเดิมพันหนึ่งล้าน ฉันพนันว่าคืนนี้เขาสามารถเคลียร์ด่านได้”
วิธีการที่สามารถลงเดิมพันของสนามมวยมีมากเกินไปแล้ว สามารถลงว่าชิ่งเฉินจะล้มลงในกี่นัด
หนานเกิงเฉินมองอัตราต่อรองบนหน้าจอฮอโลแกรม “ถ้าลงว่าเขาเคลียร์ด่าน เป็นอัตราหนึ่งต่อสิบเจ็ด”
เพียงแต่ ห้องส่วนตัวทางนี้เพียงจะลงเดิมพันอัตราต่อรองสูงสุดไป ผู้ดูแลสนามมวยด้านนอกก็บิดตัวเดินเข้ามา ถึงกับเป็นผู้หญิงคนนั้นที่ต้อนรับพวกเขาที่ประตูก่อนหน้านี้
กลับเห็นว่าผู้หญิงยักคิ้วหลิ่วตาหัวเราะฮิ ๆ กล่าวว่า “คุณหนูอีนั่วลงเดิมพันสูงสุดตรง ๆ เลย ทำไมคะ รู้จักนักมวยใหม่คนนี้เหรอคะ?”
ผู้หญิงม้วนผมเป็นลอนใหญ่ ริมฝีปากสีแดงเพลิงช่างเย้ายวน
“คุณนี่จมูกไวจังนะ ทำไม กลัวว่าจะมีคนแกล้งเป็นหมูกินเสือให้คุณขาดทุนเหรอ?” หลี่อีนั่วหัวเราะเสียงเย็นหนึ่งคำ “สิ่งที่ไม่ควรสอดก็อย่าสอด”
ผู้หญิงยิ้มเอ่ยว่า “ดูท่านพูดเข้าสิคะ ฉันไม่ได้กังวลสักหน่อย โอเค ฉันไปทักทายข้างนอกล่ะ ท่านดื่มดี ๆ เล่นดี ๆ นะคะ ขอให้ท่านมีความสุขในคืนนี้”
ว่าแล้วหญิงสาวก็บิดเอวดุจสายน้ำเดินออกไป เธอกล่าวกับลูกน้องที่รออยู่นอกประตูว่า “ลดอัตราต่อรองของการเคลียร์ด่านลงให้ฉัน”
………………………..
*สามหลักคำสอนเก้านิกาย หมายถึงคนซึ่งมีที่มาต่าง ๆ นานา
สองหน่อจะโป๊ะแตกหรือไม่ โปรดติดตาม
ตอนที่ 187 – ประเพณีของอัศวิน