นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) - ตอนที่ 154 ปีนเขาหนึ่งลูก
ตอนที่ 154 – ปีนเขาหนึ่งลูก
นับถอยหลัง 48:00:00
ชิ่งเฉินแหงนมองหน้าผาสูง 600 กว่าเมตรที่อยู่ตรงหน้า
ครูเคยพูดว่า “600 เป็นตัวเลขที่น้อยมาก แต่ว่าเมื่อเธอยืนอยู่เบื้องหน้าหน้าผาชิงซานที่สูงชันอันนั้น จึงจะสามารถเข้าใจได้ว่า 600 กว่าเมตรสำหรับนักปีนผาแล้วเป็นคอนเซปต์แบบไหน”
อาคารสูง 222 ชั้น 61
เซียร์ทาวเวอร์*
หอส่งสัญญาณโทรทัศน์ KVLY
อาคารไห่เฉิงเซ็นเตอร์
เขาเงยหน้ามองดูเงียบ ๆ
ที่นี่ พลังความทรงจำของเขาไม่มีประโยชน์มากนัก
เพราะว่าเขาไม่เคยเห็นลักษณะทั้งหมดของหน้าผานี้ ดังนั้นไม่อาจใช้สภาวะสุดยอดความทรงจำมาวิเคราะห์เส้นทางปีนผา
มิน่าครูถึงพูดว่า ถ้าอยากจะปีนเขาลูกนี้ จะต้องมีความกล้าที่จะตกลงไปโดยไม่เสียใจภายหลัง
นี่เป็นทางสู่สวรรค์ที่ไกลที่สุดในบรรดาทางลัดทั้งมวลบนโลกมนษย์ แค่เห็นก็จะเกิดความห้าวหาญอันไร้ขอบเขตผุดขึ้นมา
แต่ว่าอันตรายก็มีอยู่เช่นกัน
ชิ่งเฉินไม่มีเชือกนิรภัย อัศวินผ่านด่านเป็นตายก็ไม่สามารถสวมเชือกนิรภัย ดังนั้นถ้าตกลงไปจากฟากฟ้า ผลก็มีแค่ความตาย
เวลานี้ ชิ่งเฉินยิ้มขื่นก้มหน้าลงมองต้นขาขวาแวบหนึ่ง ตรงนั้นผูกเชือกเอาไว้ แต่ว่าเลือดยังคงซึมออกมา
ในท้องหิวจนรู้สึกแสบ อย่างกับว่ามีไฟหนึ่งก้อนกำลังลุกไหม้
เด็กหนุ่มคิดในใจว่าครูล้อเล่นหรือไม่ ตัวเองอยู่ในสภาพอย่างนี้เกรงว่าปีน 20 เมตรก็ยากแล้ว ตอนนี้กลับต้องปีน 600 เมตร?!
แต่ ชิ่งเฉินจะไม่หันหน้ากลับไปเป็นอันขาด
ครั้นหนึ่ง ชิ่งเฉินวิดพื้นอยู่ในเรือนจำหมายเลข 18 ตอนที่เขาเหนื่อยจนพยุงตัวไม่ได้แล้ว แม่เยี่ยพูดกับเขาว่า:
จินตนาการว่าคุณกำลังผลักโลก
ครั้งหนึ่ง ตอนที่ชิ่งเฉินถามหลี่ซูถงว่า ด่านเป็นตายด่านนี้เรียกว่าอะไร หลี่ซูถงตอบว่า: ความโน้มถ่วงสากล**
เพราะว่าเขาในฐานะมนุษย์กระจิริด ต้องเข้าใกล้ท้องฟ้าเหมือนจะสลัดทิ้งแรงโน้มถ่วงของโลก
ปีนผาเถอะ ไม่มีทางถอย
ชิงเฉินเดินกะโผลกกะเผลกเข้าใกล้หน้าผาหิน แต่ทว่าตอนนี้เอง จู่ ๆ เขาเห็นว่าตรงตีนผามีคนสลักตัวหนังสือเล็ก ๆ หนึ่งแถว: มีเพียงศรัทธาและสุริยันจันทราที่ไม่ดับสูญชั่วกัปชั่วกัลป์
ชิ่งเฉินเงยหน้าขวับ จู่ ๆ เขาเห็นว่าในเส้นลายมือของ “ยักษ์” นี้ มีร่องรอยสีขาวซึมเข้าไปในหน้าผา
นั่นคือร่องรอยของผงแมกนีเซียมจากในฝ่ามือของเหล่าอัศวินรุ่นก่อนที่เหลือทิ้งไว้บนหน้าผา ราวกับบันไดไต่สวรรค์ ตรงสู่ท้องนภา
เขาไม่ต้องจดจำอะไร แค่ต้องไล่ตาม “รอยเท้า” ของเหล่ารุ่นก่อนก็พอแล้ว
ชั่วขณะหนึ่ง เขาคิดถึงเสียงสายลมอันเป็นมิตรข้างต้นหลิวใหญ่ แล้วจึงมองไปยังรอยประทับสีขาวเบื้องหน้าอีกรอบ เหมือนกับว่าผู้เฒ่าที่ผ่านทุก ๆ ยุคสมัยอย่างเจิดจ้าเหล่านั้นยิ้มแล้วกล่าวกับเขาในใจว่า:
ปีนขึ้นไปเถอะ ปีนเขาหนึ่งลูก ชมหิมะหนึ่งผืน ไล่ตามหนึ่งความฝัน
เดินไปบนทางที่พวกเราเคยเดิน กลายเป็นอัศวินคนใหม่
ชิ่นเฉินรู้สึกคัดจมูก
ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่ตอนไหน ในชีวิตของชิ่งเฉินได้แต่พึ่งพาตัวเอง
ไม่มีเงินกินข้าวก็เรียนรู้ที่จะอดทนต่อความหิวโหย
ไม่มีเงินจ่ายค่าเล่าเรียนก็ไปหาเอาเอง
ทั้งห้องประชุมผู้ปกครอง มีแค่เขาคนเดียวที่นั่งโดดเดี่ยวในห้องเรียน
มีครั้งหนึ่งเขาหาเงินจ่ายค่าเล่าเรียนไม่ได้จริง ๆ ก็ได้แต่ไปบ้านยาย ขอจากคุณยาย
ผลคือคุณยายถามเขาอย่างเย็นชาว่า: ทำไมไม่ไปหาพ่อแกล่ะ
ภายหลังชิ่งเฉินรู้สึกว่านี่ก็ไม่เห็นเป็นไร ถึงอย่างไรคนที่เทียบกับเขาแล้วยังทุกข์ยากยิ่งกว่าก็มีอยู่ทั่ว
เขาจึงเรียนรู้ที่จะเข้มแข็งขึ้นมา
แต่ทว่าหลังมาถึงโลกภายในมีครูหลี่ซูถงคนนี้ หลังมาถึงสถานที่ต้องห้ามก็เสมือนว่าโลกทั้งใบล้วนช่วยเหลือตนเอง
ความรู้สึกชนิดนี้วิเศษเกินไปแล้ว วิเศษจนทำให้คนรู้สึกว่าไม่ใช่ความจริง
ที่แท้ตนเองมีบางเวลาที่สามารถจะไม่เข้มแข็งขนาดนั้นได้ด้วย
มิน่าล่ะหลี่ซูถงพูดว่าด่านแรกที่ปลดยีนล็อคจะต้องมาที่นี่
ไม่ใช่ว่าบนโลกนี้มีเพียงหน้าผาอันตรายแห่งนี้แห่งเดียว ทว่าที่นี่มีเส้นทางที่เหล่าอัศวินเคยเดินผ่าน
ชิ่งเฉินยิ้ม
“หายใจ”
ลวดลายเปลวเพลิงเบ่งบานขึ้นบนสองข้างแก้มของเขาอย่างกะทันหัน เฉกเช่นชั้นเมฆเมื่อพระอาทิตย์ยามเช้าส่องทะลุขอบฟ้า
เด็กหนุ่มหยิบผงแมกนีเซียมออกมาจากถุงที่มัดอยู่ตรงเอวซึ่งหลี่ซูถงมอบให้เขา
เขายื่นมือไปเกาะรอยแตกบนหน้าผา ปีนขึ้นไปบนฝ่ามือของ “ยักษ์”
แต่ในเวลานี้จู่ ๆ เขาก็ตระหนักว่ามีสิ่งผิดปกติ
พริบตาที่เขาเปิดใช้วิชาหายใจ ในช่องท้องจู่ ๆ มีกระแสอบอุ่นสายหนึ่งไหลไปทั่วร่างกาย คล้ายกับแม่น้ำอุ่นอันเชี่ยวกราก ไหลผ่านทุก ๆ เส้นเลือด แทรกซึมเข้าสู่กล้ามเนื้อและกระดูก
อาการบาดเจ็บที่ต้นขาด้านนอกไม่เจ็บปวดอีก เลือดก็หยุดแล้ว
ความรู้สึกหิวไม่มีแล้ว พลังงานกลับมากมายไร้ที่เปรียบ
ชิ่งเฉินตระหนักรู้แล้ว ที่แท้นี่จึงเป็นบทบาทของผลไม้สีขาวลูกนั้น ต้องใช้ร่วมกับวิชาหายใจจึงสามารถเปล่งประสิทธิภาพ
ผู้เฒ่าพวกนั้นกำลังช่วยเหลือตนเองจริง ๆ
“ขอบคุณครับ” ชิ่งเฉินปีนหน้าผาต่อไป
10 เมตร
20 เมตร
40 เมตร
ชิ่งเฉินเห็นว่ามีคนสลักตัวหนังสือเล็ก ๆ หนึ่งแถวบนหน้าผา: กัวฉี่เขียน
ตรงนี่เป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการวางตำแหน่งสามจุด รุ่นก่อนที่ชื่อกัวฉี่ถึงกับใช้มือข้างเดียวใช้มีดสลักลายมือลงไปในระหว่างที่พักผ่อน
เขายิ้มอย่างรู้กัน คล้ายกับบอกลารุ่นก่อน มุ่งหน้าต่อไป
60 เมตร โจวเผิงเขียน
83 เมตร จ้าวหย่งอีเขียน
ชิ่งเฉินยังไม่เคยปีนหน้าผาที่สูงขนาดนี้ แต่เขากลับไม่โดดเดี่ยวเลย
เด็กหนุ่มมองดูลายมือของรุ่นก่อนครั้งแล้วครั้งเล่า บอกลากับรุ่นก่อนครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ในผลไม้ขาวผุดพลังงานออกมาเหมือนกับเตาปฏิกรณ์ขนาดย่อม มอบพลังงานอันต่อเนื่องไม่ขาดตอนให้เขา ถึงขนาดที่ช่วยคลายความรู้สึกเหนื่อยล้าในกล้ามเนื้อของเขาด้วย
แต่ทว่าในขณะนี้เอง เฉาเวยไล่สืบตามกลิ่นเลือดมาถึงใต้หน้าผาแล้ว เขาแหงนมองหน้าผานั้นอย่างตะลึง เพราะจนถึงขณะนี้เขาถึงเข้าใจว่าเด็กหนุ่มอยากจะหนีไปทางทิศตะวันตกเพื่อเอาชีวิตรอดเพราะเหตุใด
ที่แท้จุดหมายของอีกฝ่ายคือที่นี่
หน้าผาชิงซาน!
คนที่รู้จักหน้าผาชิงซานมีไม่มาก แต่ในนั้นก็มีเฉาเวยผู้ที่ทำการบ้านมาอย่างจริงจัง
เขารู้ว่านี่คือสถานที่ซึ่งความฝันแห่งอัศวินเริ่มต้น
แต่อย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่า ตนเองจะได้เป็นประจักษ์พยาน
ในใจเฉาเวยเกิดอารมณ์อันซับซ้อนอย่างยิ่งยวด แต่ก่อนนี้เขาก็เคยอยากเป็นอัศวิน
คนของโลกภายนอกปัจจุบันนี้ล้วนทราบว่าหลี่ซูถงครอบครองการสืบทอดที่ดีที่สุดในโลก คนพื้นถิ่นของโลกภายในจะไม่รู้ได้อย่างไร
แถมสำหรับคนของโลกภายในหลาย ๆ คน นั่นไม่ใช่แค่การสืบทอด แต่ยิ่งเป็นความปรารถนาและโหยหาชนิดหนึ่ง
เฉาเวยเงียบงันไปเนิ่นนาน สุดท้ายยกหน้าไม้ขึ้นเหนี่ยวไกไปทางหน้าผา
ตัวเขาอยู่ในโลกของผู้ใหญ่แล้ว ไม่สามารถทำตามความฝันอย่างนี้อีกแล้ว
เสียงดังติ๊ง ลูกศรหน้าไม้ยิ่งข้ามระยะทางหนึ่งร้อยกว่าเมตรไปยังด้านซ้ายมือของชิ่งเฉิน
ชิ่งเฉินตะลึงในใจ เขาคิดไม่ถึงว่าระยะยิ่งของหน้าไม้นี้ถึงกับไกลขนาดนี้
เฉาเวยขึ้นลูกศรอีกหนึ่งดอกใส่หน้าไม้อย่างไม่เร็วไม่ช้า ยุคนี้มีคนใช้ของอย่างหน้าไม้น้อยมากแล้ว แทนที่จะเรียกว่าเป็นอาวุธ ไม่สู้เรียกว่าเป็นงานหัตถกรรม
เขาก็เสียแรงไปมากมายจึงขุดสิ่งของนี้ออกมา ก็เพราะว่าในกฎไม่สามารถใช้อาวุธปืนของสถานที่ต้องห้ามหมายเลข 002 เฉพาะสิ่งที่ใช้ดินปืนเท่านั้นที่เข้าข่ายเป็นอาวุธปืน
ลูกศรหน้าไม้ดอกที่สองยิงไปใต้เท้าของชิ่งเฉิน ไม่เข้าเป้า
ลูกศรหน้าไม้ดอกที่สามยิงไปด้านซ้ายมือของชิ่งเฉิน ไม่เข้าเป้า
จุดอ่อนของหน้าไม้ก็อยู่ตรงนี้ โดยทั่วไประยะยิงหวังผลของหน้าไม้มีแค่ 60 เมตร ระยะที่เกิน 60 เมตรสามารถเข้าเป้าหรือไม่อาศัยโชคล้วน ๆ
ความเร็วลม, แนวยิง ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อลูกศรหน้าไม้มีมากเกินไปแล้ว
คนที่สามารถใช้หน้าไม้ยิงเข้าเป้าหมายในระยะ 100 เมตร สามารถเรียกเป็นเทพแล้ว
อีกทั้งการยิงในมุมเงย ลูกศรหน้าไม้ถึงจะยิงโดนเด็กหนุ่มนั่นก็จะไม่สร้างความเสียหายมากจนเกินไป
แต่เฉาเวยไม่ได้ใส่ใจเลย
เขารู้ว่าการปีนหน้าผาอันตรายขนาดไหน ตนเองเพียงต้องให้อีกฝ่ายแบ่งแยกจิตใจก็เพียงพอแล้ว
ขอเพียงเด็กหนุ่มนั่นแบ่งแยกจิตใจ ย่อมจะตกลงไปจากหน้าผา
ความเป็นจริงก็เป็นเช่นนี้จริง ๆ เด็กหนุ่มบนหน้าผานั่นหยุดปีนผาแล้ว เฉาเวยสามารถสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวในใจอีกฝ่าย
เมื่ออยู่บนหน้าผา หากไม่ระวังจะเกิดภัยพิบัติ เวลาเช่นนี้ยังมีคนใช้หน้าไม้เล็งตนเอง เปลี่ยนเป็นคนอื่นก็ไม่อาจสงบสติ
แต่ว่า ตอนที่เฉาเวยยิงลูกศรหน้าไม้ดอกที่ 5 ออกไป จู่ ๆ เขาเห็นว่าร่างของเด็กหนุ่มนั่นถึงกับนิ่งขึ้นมา
ถัดจากนั้น อีกฝ่ายใช้วิธีวางตำแหน่งสามจุดตรึงตนเองบนหน้าผา จากนั้นมือขวาหยิบมีดออกมาจากเอว สลักตัวหนังสือสามตัวไว้บนหน้าผาอันตรายนั่น
ชิ่งเฉินเขียน
จนกระทั่งสลักเสร็จแล้ว เด็กหนุ่มจึงได้ปีนหน้าผาอีกรอบ
แล้วก็ไม่ได้หันกลับไปมองเฉาเวยอีกเลยสักแวบ
เฉาเวยมองดูฉากเหตุการณ์นี้อึ้ง ๆ สัมผัสได้ถึงการเย้นหยันที่ไร้เสียงแต่จองหองของอีกฝ่าย
นี่ก็คือคนที่อัศวินเลือกเหรอ
มีเพียงคนอย่างนี้จึงสามารถกลายเป็นอัศวินเหรอ
ทันใดนั้น เฉาเวยกระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ
ดีที่ไม่ได้กระตุ้นกฎออกมา
……………………………
* เซียร์ทาวเวอร์อยู่ในสหรัฐอเมริกา สูงแค่ 527 เมตรถึงยอดอะ แล้วความจริงตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น วิลลิสทาวเวอร์แล้วด้วย
** ความโน้มถ่วงสากล เป็นชื่อกฎฟิสิกส์ที่นิวตันคิดขึ้นมา F = G(m1m2)/r^2
F คือแรงดึงดูดของวัตถุสองก้อน (เช่นคนกับโลกก็นับเป็นวัตถุสองก้อนอะนะ F ที่ได้ก็จะเป็นแรงดึงดูดโลก)
G คือค่าคงที่แรงโน้มถ่วง=6.67 (10−11·m3⋅kg−1⋅s−2 )
m1, m2 คือมวล
r คือระยะห่างระหว่างวัตถุทั้งสอง
ตอนที่ 155 ไล่ตามหนึ่งความฝัน