นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) - ตอนที่ 136 ไอ้หยา!
ก็อย่างตอนเริ่มแรกที่หลิวเต๋าจู้เข้าเรือนจำแล้วตรงไปฟาร์มหลี่ซูถง
นักท่องเวลาโลกภายนอกปัจจุบันนี้ล้วนทราบกระจ่างมากว่า ถ้าอยากจะรอดชีวิต การหาขาใหญ่สักอันมาก่อนอื่นเลยจะดีที่สุด
อย่างเช่นหลิวเต๋อจู้ ตอนนี้เป็นเป้าอิจฉาของนักท่องเวลาจำนวนมาก อีกฝ่ายหลังตีซี้หลี่ซูถงแล้วก็กลายร่างทีเดียวเป็นบอสใหญ่ของโลกภายนอกเลย
ส่วนหลี่อีนั่วเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของโจวเซวียนตอนนี้ นั่นเป็นลูกสาวคนโตรุ่นที่สามของกลุ่มการเงินชั้นนำเลยนะ ดูแล้วตำแหน่งของอีกฝ่ายในทีมล่าฤดูใบไม้ร่วงไม่ธรรดาเลย
ถึงรูปร่างของเด็กสาวจะกำยำอยู่บ้าง แต่อันที่จริงหน้าตาไม่มีปัญหาอะไรเลย ถ้าดูให้ละเอียดแล้วก็นับว่าเป็นระดับกลางถึงบน
ดังนั้น โจวเซวียนผู้รู้ตัวว่ารูปลักษณ์โดดเด่นทักษะการแสดงเป็นยอดจึงเลือกฟาร์มหลี่อีนั่วคนเดียวไปเลย!
แต่ว่า โจวเซวียนฉลาดมาก อดทนมาก เขาก็ไม่ได้จงใจเล่นอุบายอะไรอีก
เขาทราบชัดมากว่า ช่วงใหม่ถอดด้ามอย่างนี้ หยุดที่เพิ่มความประทับใจให้กับอีกฝ่ายก็ดีแล้ว
หลี่ซูถงทอดถอนใจกับชิ่งเฉิน “คนของโลกภายนอกของพวกเธอไม่รักษาหน้าตาขนาดนี้กันหมดเลยเหรอ”
ชิ่งเฉินพูดอย่างปวดฟันว่า “นี่ก็เป็นเคสพิเศษนะครับ”
”แต่ว่า เพื่อนนักเรียนคนนั้นของเธอเจอคู่แข่งแล้วสิ” หลี่ซูถงยิ้มเอ่ย “ฉันดูออกแล้วว่า เพื่อนนักเรียนของเธอน่ะโง่ซื่อหวาน* เน้นที่คำว่าโง่” ในด้านแรงก์ ไม่ใช่คู่แข่งของผู้เล่นชั้นสูงคนนี้แน่ ๆ”
ชิ่งเฉินถอนหายใจ “ห่วงแทนเขาจริง ๆ เล้ย……”
หลี่ซูถงถามว่า “งั้นพวกเรายังจะสร้างโอกาสให้โจวเซวียนคนนี้ต่อแล้วจากนั้นดูละครไหมล่ะ เผื่อซวยเรื่องของเพื่อนนักเรียนของเธอจะทำยังไง”
ชิ่งเฉินคิด ๆ ดู “ดูละครสนุกกว่าอะ”
กลุ่มกินแตงสองคนพูดมาถึงตรงนี้ สบสายตายิ้ม……
ฮี่ ๆๆ
……
นับถอยหลัง 126:00:00
คืนที่สองของการทะลุมิติ หลี่ซูถงพูดกับชิ่งเฉินว่า พวกเขาออกมาจากเรือนจำหมายเลข 18 ได้ 7 วันแล้ว ปัจจุบันนี้เข้าใกล้สถานที่ต้องห้ามหมายเลข 002 แล้ว
บางทีพรุ่งนี้ก็จะสามารถเห็นชายขอบของสถานที่แห่งนั้นอยู่ไกล ๆ
หลี่ซูถงอธิบายว่า “หลังจากเข้าไปจะต้องอยู่ข้าง ๆ ตัวฉัน เรื่องอื่นสามารถเล่นเหลวไหลก็ผ่านไปได้ จุดนี้จุดเดียวที่เธอต้องจำให้ขึ้นใจ”
”อืม” ชิ่งเฉินพยักหน้าอย่างจริงจัง
ณ ขณะนี้เอง ฉินอี่อี่จู่ ๆ มานั่งอยู่ข้างกายทั้งสอง ไม่ได้พูดไม่ได้จา แค่นั่งมองไปทางกองไฟ
หลี่ซูถงเอ่ยอย่างประหลาดใจว่า “นางหนูน้อย เธอเป็นไร”
ฉินอี่อี่เหล่มองเขา “พวกคุณสองคนลับ ๆ ล่อ ๆ มาสองวันไม่คุยอะไรกับฉันเลย แล้วก็ไม่เล่นไพ่ด้วย กินแอปเปิ้ลฉันหมดแล้วไม่รับผิดใช่รึเปล่า!”
เด็กสาวในป่าตรงไปตรงมากเกินไป ตอนที่เธอรู้สึกว่าไม่ถูกต้องก็จะพูดออกมาตรง ๆ จะไม่หนีไปรับความน้อยเนื้อต่ำใจเอาเองอยู่ข้าง ๆ
เห็นชัด ๆ ว่าก่อนหน้านี้ทุกคนยังคุยยังหัวเราะกัน ทำไมปุบปับสองคนนี้ก็เริ่มซุบซิบไม่สนตัวเองแล้วล่ะ
ชิ่งเฉินหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด!”
ฉินอี่อี่คิดแล้วกล่าวว่า “พวกคุณลอบสังเกตข้ารับใช้คนนั้นสินะ! คนที่ชื่อโจวเซวียนน่ะ ฉันเห็นแล้ว!”
หลี่ซูถงกับชิ่งเฉินสบตากัน สองคนกินแตงอาจจะสามารถหลบพ้นสายตาของคนอื่น แต่สายตาของสาวน้อยคนนี้เกาะอยู่บนตัวชิ่งเฉิน หลบไม่พ้นเด็ดขาด
หลี่ซูถงคิดแล้วกล่าวว่า “พวกเราความสัมพันธ์ค่อนข้างดี ดังนั้นฉันสามารถบอกความลับนี้กับเธอ แต่เธอบอกคนอื่นไม่ได้นะ!”
”รีบพูด ๆ พวกคุณจับตามองเขาทำไร!” แววตาของฉินอี่อี่สุกใส ดูระยิบระยับเป็นพิเศษภายใต้แสงสะท้อนของกองไฟ
วันนี้สาวน้อยถักเปียยาว ดูสะอาดเรียบร้อยไปทั้งเนื้อทั้งตัว มีความแบบบางของเด็กสาวแรกรุ่นอยู่บ้าง
”ให้เสี่ยวถู่บอกเธอ” หลี่ซูถงกล่าว
พูดจบ เด็กสาวเคลื่อนไปอยู่ข้างกายชิ่งเฉินทันที ข้างแก้มอยู่ห่างจากชิ่งเฉินแค่สิบเซนติเมตร “คุณอย่าคิดจะโกหกฉันล่ะ ฉันฉลาดนะ!”
แสงไฟไหววูบ ชิ่งเฉินถึงขนาดที่สามารถมองเห็นเส้นขนละเอียดบนหน้าของอีกฝ่าย
เขาขยับออกไปข้าง ๆ อย่างไม่เป็นธรรมชาติ “คืออย่างนี้นะ บ่ายเมื่อวานพวกเราไม่ใช่ว่าคุยถึงหลี่อีนั่วเหรอ จากนั้นผมกับครูก็ค้นพบว่า ข้ารับใช้คนนี้เหมือนจะสนอกสนใจหลี่อีนั่วเป็นพิเศษ จากนั้นเริ่มใช้วิธียั่วยวน”
”เฮ้ย” ฉินอี่อี่เบิกตากว้าง “พวกคุณคนในเมืองเป็นอย่างนี้กันหมดเหรอ พวกเราในป่าไม่เหมือนกัน มีแค่ผู้หญิงที่สามีตายถึงจะอยากหาผู้ชายมาพึ่งพา เพราะหลังเธอให้กำเนิดลูกกำลังกายก็ไม่ไหวแล้ว ไม่อาจออกล่า แต่เธอไม่สามารถให้ลูกอดตาย”
ฉินอี่อี่เป็นคนที่เกิดในเมือง แต่เธอจบการศึกษาภาคบังคับของในเมืองตอนอายุ 12 ปีแล้วก็เริ่มตามบิดาเร่ร่อนในป่า
แถมเทียบกับเมืองแล้ว เธอชอบป่ายิ่งกว่า ดังนั้นถือตนเองเป็นชาวป่ามาตลอด
ที่สหพันธรัฐโลกภายใน การศึกษาภาคบังคับมีแค่หกปี การเรียนมัธยมต้น, มัธยมปลาย, มหาวิทยาลัยที่เหลือต้องอาศัยการสอบของตนเองทั้งหมด ค่าเล่าเรียนยังแพงสุด ๆ เลยด้วย
ครอบครัวส่วนใหญ่สนับสนุนการศึกษาของลูกจนจบมหาวิทยาลัยได้ยากมาก ดังนั้นระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานของประชากรที่นี่ต่ำมาก
แต่ทว่าก็เพราะเหตุนี้เอง คล้ายกับว่าชาวบ้านของสหพันธรัฐจะถูกควบคุมได้ง่ายกว่า
”ยกโทษให้พวกคุณสองคนแล้ว ในเมื่อพวกคุณแบ่งปันความลับ งั้นพวกเราสามคนก็ถือว่าดีกันแล้ว!” ฉินอี่อี่ยิ้มแฉ่งล้วงแอปเปิ้ลสองลูกออกมาจากในถุงย่ามใบเล็ก ให้หลี่ซูถงกับชิ่งเฉินคนละลูก
ตัวเองก็หยิบมาเคี้ยวหนึ่งลูก
ตอนนี้ สายตาของฉินอี่อี่ก็มองไปที่โจวเซวียน ค้นพบในทันใดว่าอีกฝ่ายกำลังแกล้งทำเป็นไร้เรื่องราวแล้วเติมฟืนใใส่กองไฟฝั่งหลี่อีนั่วอย่างขยับขันแข็งอยู่ตลอดเวลา
หนานเกิงเฉินคุยเล่นกับหนานเกิงเฉินเสียงเบา ๆ สองคนนี้นั่งอยู่ข้างกองไฟดูไปแล้วสนิทสนมมาก เพียงแค่หนานเกิงเฉินดูหน้าตาไม่มีความสุข หน้าคล้ำไม่พูดไม่จา
บนกองไฟนั่นตั้งหม้อเหล็กใบเล็ก ๆ เอาไว้ ข้างในต้มน้ำแกงปลา
อย่างช้าง ๆ น้ำแกงปลาในหม้อเหล็กใบเล็กเดือดขึ้นมา ข้ารับใช้ที่ชื่อโจวเซวียนคนนั้นเอื้อมมือไปหยิบหม้อเหล็ก เตรียมที่จะตักให้หลี่อีนั่วกิน
เพียงแต่ เขาเหมือนจะลืมไปว่าหม้อเหล็กนี้ร้อนมาก ในพริบตาที่เขาสัมผัสก็ชักมือกลับไปเหมือนไฟดูด ส่งเสียงอุทานอย่างอาย ๆ นิดหน่อยว่า “ไอหยา!”
”พรูด!”
ฉินอี่อี่, ชิ่งเฉิน, หลี่ซูถงสามคนพ่นแอปเปิ้ลออกมาจากปากพร้อมกัน
เจ้าหมอนี่น่าจะใคร่ครวญมาครึ่งวันแล้วรู้สึกว่า เด็กสาวกำยำอย่างหลี่อีนั่วอาจจะถูกใจคนนิสัยอ่อนแอประเภทหนานเกิงเฉิน ดังนั้นอยากจะแสดงความอ่อนแอของตนเองอย่างไม่เจตนา ดูว่าจะสามารถกระตุ้นความต้องการปกป้องของอีกอย่างได้หรือไม่
เพียงแต่หลี่อีนั่วเหลือบมองเขาแล้วกล่าวว่า “ไสหัวไปไอหยาที่อื่นไป”
……………………………………
*โง่ซื่อหวาน (傻白甜) เป็นแสลงอินเตอร์เน็ต หมายถึงเรื่องราวความรักที่หวาน ๆ อ่อนโยนน่ารักไร้ดราม่า ที่มาคือละครขุนให้อ้วนแล้วชวนมารัก(Boss & Me/ Shan Shan Comes to Eat) มีอีกคำที่ใกล้เคียงคือ โง่ซื่อบอด (傻白瞎) แต่อันนี้แปลว่าซื่อบื้อก่อเรื่องสร้างหายนะไปทั่ว