นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) - ตอนที่ 131 ปืนใหญ่ยิงยุง
ตอนที่ 131 – ปืนใหญ่ยิงยุง
ชิ่งเฉินยืนอยู่ในทางเดิน
ยืนโดยไม่ปริปากสักคำ
เขามองดูประตูบ้านที่คุ้นเคยแต่จู่ ๆ ก็แปลกหน้าอยู่บ้างตรงหน้า
เนื่องจากวงจรไฟฟ้าที่เก่าลง แต่ก่อนนี้ในบ้านไฟตัดอยู่เสมอ ดังนั้นยังต้องตุนเทียนไขเอาไว้ตลอด พอคัทเอาท์ตัดพ่อก็จะถือเทียนไขมาที่ระเบียง สับสวิตช์คัทเอาท์ขึ้นไปใหม่
แต่ตั้งแต่นี้ต่อไปจะไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้อีกแล้ว
ชิ่งเฉินคล้ายจะย้อนนึกถึงทุกสิ่งนั้นในอดีตอย่างรวดเร็วหนึ่งรอบ
แล้วจึงยกมือเคาะก๊อก ๆๆ บนประตูบ้านในอดีตของตน
ประตูเปิดออก ชิ่งกั๋วจงยืนอยู่ในห้องด้วยใบหน้ามืดครึ้ม “ตอนนี้แกไม่เข้าเรียนอยู่ที่โรงเรียน วิ่งกลับมาทำไร”
ชิ่งเฉินถามอย่างสงบนิ่งว่า “ทำไมอยากขายบ้านนี้ล่ะครับ คุณเคยคิดรึเปล่าว่าหลังจากขายบ้านไปผมจะอยู่ที่ไหน”
ชิ่งกั๋วจงเลิกคิ้ว “นี่เป็นบ้านกู กูอยากขายก็ขาย! บ้านนี้ไม่มีแล้ว แกไปอยู่กับแม่แกนู้นก็ได้! ก็ไม่รู้ว่าไอ้บัดซบตัวไหนมันแจ้งความกู ทำเอาติดแหงกอยู่ข้างในตั้งนานขนาดนั้น ฉันบอกกับแกเลยนะ ตอนนี้ไอ้หนูแกห้ามเอาความซวยมาหากูล่ะ!”
”ศาลสั่งให้ผมอยู่กับคุณ” ชิ่งเฉินกล่าว
”แม่แกตอนนี้มีเงิน” ชิ่งกั๋วจงเกาคอแล้วกล่าว “บ้านนางนั่นตอนนี้ใหญ่ออก แกไปอยู่กับนางเลยก็ได้”
”เงินใต้เตียงของผมล่ะ” ชิ่งเฉินถาม
”หมดแล้ว” ชิ่งกั๋วจงกล่าว “เงินนั่นเป็นของที่แม่แกให้แกสินะ? ตอนนี้นางก็ไม่ได้ขาดเงินไม่กี่พันไคว่นี่หรอก แกไปหานางเลย ทีหลังอย่ามาหาฉัน! ฉันคิดไม่ตกเลย ตอนฉันกับแม่แกหย่าทำไมถึงอยากมาตามฉัน!”
ชิ่งเฉินมองเขากล่าวว่า “แม่ผมอย่างน้อยยังส่งค่าใช้จ่ายมาทุกเดือน คุณเคยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอะไรบ้างล่ะ”
ชิ่งกั๋วจงพอฟังคำพูดนี้แล้วก็ไม่พอใจ “แกนึกจริง ๆ เหรอว่าที่แม่แกส่งค่าใช้จ่ายมาน่ะเพื่อแก นางทำเพื่อตัวนางเอง!”
ชิ่งเฉินอึ้งไป
ชิ่งกั๋วจงกล่าวปนสบถว่า “รู้ว่าทำไมนางไม่โอนค่าใช้จ่ายให้แกตรง ๆ เลยไหม พวกเราสัญญากันว่านางต้องโอนค่าใช้จ่ายทุกเดือนของแกให้ฉัน ฉันถึงจะตกลงให้นางหย่า ไม่งั้นฉันจะกวนนางจนชั่วฟ้าดินสลายเลย นางก็ไปจากการแต่งงานนี้ไม่ได้หรอก!”
”ที่แท้เป็นอย่างนี้เอง” ชิ่งถอนหายใจในใจ
ชิ่งกั๋วจงกล่าวต่อว่า “ตอนนี้สถานะการเงินนางดีแล้ว ให้เงินแกไม่กี่พันไคว่แกก็รู้สึกว่านางดีกว่าฉันแล้วเหรอ ฉันจะขายบ้านนี้ซะ ทีหลังยังสามารถเหลือเงินนิดหน่อยให้แกขึ้นมหาวิทยาลัย!”
มีแต่ชิ่งเฉินที่รู้ว่า เงินไม่กี่พันไคว่นั่นก็เป็นสิ่งที่เขาแย่งชิงมาอย่างยากลำบากด้วยตนเอง ไม่ใช่สิ่งที่แม่จางหวั่นฟางให้มา
ดังนั้น นอกจากตามสัญญาของการหย่าขาดแล้ว จางหวั่นฟางไม่เคยให้ของขวัญนอกเหนือจากนั้นให้เขาเลย
การเหลือเงินให้เขาขึ้นมหาวิทยาลัยที่ชิ่งกั๋วจงพูดก็เป็นแค่คำโกหก
ในโลกนี้ คำพูดของผีพนันเชื่อถือไม่ได้ที่สุด
ขณะนี้ ชีวิตเผยด้านที่โหดเหี้ยมที่สุดต่อหน้าชิ่งเฉิน
ด้านที่อัปลักษณ์เลือดไหลริน
ภายใต้อนธกาลคล้ายจะมีมืออันดำมืดนับไม่ถ้วนอยากจะลากเด็กหนุ่มลงไป ไม่จบไม่สิ้น
ชิ่งเฉินเงยหน้าจ้องมองชิ่งกั๋วจงเขม็ง รอยฉีกขาดของจิตใจส่วนลึกที่ไม่จบไม่สิ้นนั้นจู่ ๆ ยุติลงในชั่วขณะนี้เอง
”คุณเอาบ้านไปขายเถอะ วันหลังไม่มีความสัมพันธ์กันอีกแล้ว” ชิ่งเฉินพูดจบก็หมุนตัวออกไปที่ทางเดิน
เจียงเสวี่ยที่อยู่ในห้องข้าง ๆ อยากจะพุ่งออกมาด่าชิ่งกั๋วจงอยู่หลายครั้ง อยากจะดึงชิ่งเฉินมาปลอบหลายครั้ง แต่เธอคิดถึงเรื่องที่ชิ่งเฉินเคยอธิบาย : ห้ามไม่ให้ถูกชิ่งกั๋วจงจดจำเงื่อนงำอะไรได้เป็นอันขาด หลังขายบ้านเขาก็จะไม่มาที่นี่อีก แต่ถ้าให้เขารู้ว่าน้าเจียงเสวี่ยคุณมีความสัมพันธ์กับผมดีมาก วันหลังเขาจะมาขอยืมเงินคุณเข้าสักวัน
ดังนั้น ชิ่งเฉินอยากจะตัดขาดความสัมพันธ์ทั้งหมด ไม่ใช่พัวพันอย่างไม่ชัดเจนกันต่อไป
ชิ่งกั๋วจงที่อยู่ข้างหลังเขาไม่ได้รั้งตัวชิ่งเฉิน ทว่ากล่าวกับนายหน้าว่า “เห็นรึเปล่า แก้ปัญหาแล้ว คุณรีบเรียกลูกค้าที่เต็มใจจะจ่ายเงินคนนั้นมาที่สำนักงานที่ดินเลย วันนี้ก็ทำเรื่องซะ ให้เขาจ่ายเต็มจำนวน!”
ชิ่งเฉินเดินไปบนถนนสิงสู่ มองดูรถราที่แล่นไปมา
ลุงที่ขายมันหวานเผาข้างทางกำลังเปิดเตาดิน บีบมันเผาทุกลูกดูว่าเผานิ่มแล้วหรือยัง
ชายกลางคนคนหนึ่งคุยโทรศัพท์เดินเฉียดไหล่เขา ปากพูดว่าคืนนี้ทำโอที ไม่กลับบ้านกินข้าว
รถประจำทางสาย 46 หยุดลงหน้าป้ายรถประจำทางช้า ๆ คนขับรอให้ผู้โดยสารลงจากรถอย่างเบื่อหน่ายแทบตาย เหล่าผู้โดยสารที่นั่งบนรถมองไปนอกหน้าต่างรถอย่างไร้จุดหมาย
แต่เหล่านี้ล้วนไม่เกี่ยวอะไรกับชิ่งเฉิน
เขาสัมผัสได้ว่าโลกทั้งใบล้วนเต็มไปด้วยความรู้สึกแปลกแยกอันไม่คุ้นเคยชนิดหนึ่ง
โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสั่นขึ้นมา เขาหยิบออกมาดูก็เห็นว่าเป็นสายโทรเข้าของจางหวั่นฟาง
ชิ่งเฉินรับสาย “ครับ?”
จางหวั่นฟางกล่าวว่า “เสี่ยวเฉิน สุดสัปดาห์นี้แม่ติดธุระนอกเมือง ไม่ไปเจอลูกแล้วนะ……”
ชิ่งเฉินวางสาย จากนั้นเอาหมายเลขโทรศัพท์ของจางหวั่นฟางกับชิ่งกั๋วจงเข้าแบล็คลิสต์ให้หมด วีแชตก็บล็อกแล้วลบทิ้งหมด
ผ่านไปไม่ทันไร เจียงเสวี่ยไล่ตามออกมา เธอกุมมือของชิ่งเฉินถามว่า “เสี่ยวเฉิน……คุณไม่เป็นไรนะ”
ชิ่งเฉินยิ้ม “เหมือนว่าการปล่อยวางเรื่องที่ผ่านมาก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น แต่ว่า ผมยังมีเรื่องหนึ่งที่ต้องทำ”
……
เกือบเที่ยงคืน
ชิ่งกั๋วจงฮัมเพลงเดินใต้แสงไฟถนนสีเหลืองซีด เขาดื่มเหล้านิดหน่อย อารมณ์ไม่เลวอย่างยิ่ง
เขาหิ้วถุงพลาสติกในมือข้างหนึ่ง ข้างในเป็นเงินหลายหมื่นไคว่ที่เพิ่งได้รับมา มือข้างหนึ่งหยิบโทรศัพท์มือถือต่อสายออกไป “สวัสดี เหล่าจาง คุณเล่นไพ่ที่ไหนขาดคนเปล่า……คุณดูซิว่าคำพูดนี้ของคุณมันเป็นยังไง ผมมีเงิน วันนี้เพิ่งจะขายบ้าน เตรียมจะชนะพวกคุณให้หมดตูดเลย”
”ได้ ๆๆ ผมอยู่แถวนี้ คุณรอแปบนะ เดี๋ยวผมก็ถึงแล้ว……”
ชิ่งกั๋วจงเดินไปข้างหน้าต่อไป
ขณะนี้ เขาเหมือนจะสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง หันศีรษะขวับกลับไปดู
เพียงแต่ บนถนนเส้นเล็กที่อยู่ข้างหลังไม่มีแม้แต่เงาคนสักคน ถนนยามเที่ยงคืนอันว่างเปล่ามีแค่แมวจรจัดร่อนเร่อยู่ในพุ่มไม้
ชิ่งกั๋วจงยิ้ม ใจคิดว่าตนเองระแวงเทพระแวงผีจริง ๆ
”อาจจะติดอยู่ที่ศูนย์กักกันจนกลัวแล้ว แม่งเอ๊ย ถ้าให้กูรู้ว่าใครรายงานจะต้องตีขามันให้หักแน่ ๆ!” ชิ่งกั๋วจงพูดกับตัวเองเสียงดัง
พูดจบ เลี้ยวสองถนนมุดเข้าไปในอาคารของชุมชนแห่งหนึ่ง
หลังจากเขาเข้าไป ชิ่งเฉินเดินออกมาจากเงามืดของอาคารของชุมชน
”สวัสดีครับ 110 นะครับ? ผมอยากแจ้งว่าห้อง 301 ประตู 3 ตึกหมายเลข 7 ที่พักลั่วอิ้นมีคนซ่องสุมเล่นพนัน จำนวนเงินเยอะมาก” ชิ่งเฉินถือโทรศัพท์มือถือแล้วกล่าว “ใช่ครับ ซ่องสุมสามคนขึ้นไป เงินพนันเกินห้าหมื่น พอให้แจ้งความดำเนินคดีเลย พวกคุณรีบมาเถอะ วางใจครับ พวกเขาหนีไม่รอดหรอก”
วางสายโทรศัพท์แล้วชิ่งเฉินก็เดินเข้าไปในทางเดิน
จะอย่างไรชิ่งเฉินก็คิดไม่ถึงว่าตนเองถึงกับจะเอาทักษะขั้นสูงพวกนั้นมาใช้ในสถานที่ประเภทนี้
ก็ไม่รู้ว่าแม่เยี่ยได้ฟังเรื่องนี้แล้วจะมีสีหน้าเป็นอย่างไร
………………………………..
ตอนที่ 132 – ระบายอารมณ์ให้นักเรียน