นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) - ตอนที่ 130 ย้ายบ้าน
ตอนที่ 130 – ย้ายบ้าน
ยามราตรี ถนนใหญ่อุดรของเมืองลั่วน่าจะเป็นหนึ่งในสถานที่ที่คึกคักที่สุด
สองข้างถนนล้วนเป็นอาคารโบราณสไตล์จีน ท่ามกลางทางหินเขียวแขวนโคมไฟสีแดงตามเทศกาลเป็นแถว ๆ
ตอนย่ำค่ำที่เพิ่งจุดโคม ผู้คนเบียดเสียดบนถนนหินเขียว ครึกครื้นไม่ธรรมดา
ในตรอกเล็กรูปแบบจีนแห่งหนึ่งด้านทิศใต้ของถนนใหญ่อุดร ปากประตูของเรือนเล็ก ๆ หลังหนึ่งวางแผ่นป้ายว่า : รับซื้อเหล้าเหมาไถ, ถั่งเช่า, โสมคน, ทองคำ ราคาสูง
ชายชราในเรือนย้ายม้านั่งยาวมาที่ปากประตู เขาเหยียบมันแล้วในผ้าขนหนูเช็ดขี้ฝุ่นที่เกาะบนโคมไฟสีแดงตรงประตูเบา ๆ
”วันนี้ทองราคาเท่าไหร่ครับ”
เสียงแหบ ๆ ดังขึ้นข้างหลังชายชรา พอเขาหันหน้ากลับไปเห็นก็ดีใจใหญ่ “เจ้าหนู คุณอีกแล้ว!”
เห็นเพียงชิ่งเฉินสวมฮู้ด สองมือยัดลงในกระเป๋าข้างหน้าเสื้อฮู้ด ถ้าไม่มองอย่างละเอียดยากมากที่จะเห็นหน้าตาของเขาชัดเจน
เพียงแต่ ความทรงจำที่ชายชรามีต่อเขายังสดใหม่ ถึงอย่างไรครั้งที่แล้วได้กำไรก้อนใหญ่ ดังนั้นสำรวจเล็กน้อยก็จำออกแล้ว
ชิ่งเฉินกล่าวอย่างสงบนิ่งว่า “ผมถามคนอื่นมาแล้วนะ ถึงไม่มีใบเสร็จคุณก็ต้องจ่ายราคาทองปกติให้ผม ร้านจำนำรับอย่างนี้ทั้งนั้น “
ชายชราก็ไม่ละอาย เขากล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า “ใครใช้ให้คุณไม่อยากถูกคนรู้ตัวตนล่ะ ร้านจำนำมีการตรวจสอบทั้งนั้น แล้วแต่ละชิ้นก็ต้องลงทะเบียนที่สถานีตำรวจ สืบที่มาของคุณง่ายมาก ของโจรก็ต้องจ่ายราคาของโจร ฉันก็แบกรับความเสี่ยงด้วยไม่ใช่เหรอ”
”1600 กรัม” ชิ่งเฉินไม่อารัมบท “ผมแนะนำให้คุณคิดดี ๆ แล้วค่อยตอบผมว่าราคาเท่าไหร่ ให้ต่ำผมจะไปเลย”
ชายชรากล่าวอย่างร่าเริงว่า “อย่าห่วง ๆ ราคาทองวันนี้ 390 ฉันให้คุณ 350 เป็นไง”
ชิ่งเฉินหันหลังจะไป กลับเห็นชายชรารีบกระโดดลงจากม้านั่งยาวมาดึงเขา “วัยรุ่นอย่างคุณทำไมไม่มีความอดทนขนาดนี้นะ 360 มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว!”
”ได้” ชิ่งเฉินตรงดิ่งเข้าเรือนเล็ก “ผมต้องการเงินสดทั้งหมด”
ชายชรากล่าวไล่หลังเขาว่า “เงินสดฉันไม่ได้มีมากขนาดนั้น ถ้าคุณยืนยันจะเอาเงินสด ให้คุณได้แค่หนึ่งแสน”
ชิ่งเฉินหัวเราะเสียงเย็นคำหนึ่ง “สถานที่รับของโจรโดยเฉพาะไม่มีเงินสด? ผมไม่เชื่อ ตาแก่ ถ้าคุณจะโกงเล่นเล่ห์กดราคาอีก การซื้อขายนี้ทำไม่สำเร็จแล้ว”
”ก็ได้” ชายชราคิดในใจว่าเด็กนี่หลอกยากนิดหน่อยนะเนี่ย “ตรวจสินค้าก่อน”
ชิ่งเฉินหยิบทองคำแท่งออกมา ชายชราเฉือนออกมาหลอมแล้วชั่งน้ำหนัก ยืนยันว่าไม่มีปัญหาแล้วจึงไปที่เรือนหลังเปิดตู้เซฟหยิบเงินสดออกมาห้าแสนกว่า ใส่ลงไปในถุงพลาสติกสีดำ
”คุณไม่ได้ต้องการจะดูทีละใบ ๆ อีกใช่ปะ” ชายชราเอ่ยอย่างระแวง
จากนั้นเขาก็ดูชิ่งเฉินส่องแสงตรวจสอบธนบัตรทีละใบ ๆ ตาปริบ ๆ สุดท้ายดึงออกมาห้าใบ “เปลี่ยนหน่อยครับ ขอบคุณ”
”ซี๊ด” ชายชราเพิ่งจะพูดว่าวัยรุ่นไม่มีความอดทน ตอนนี้ถูกความอดทนของอีกฝ่ายทำเอาตกตะลึงจริง ๆ
เขาเปลี่ยนธนบัตรห้าใบอย่างไม่เต็มใจนิดหน่อย ตบใส่มือของชิ่งเฉิน “ฉันก็เชื่อแล้วจริง ๆ คนที่ถี่ถ้วนเท่าคุณฉันเพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก”
ชิ่งเฉินตอบด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ว่า “ตาแก่ที่ขี้โกงเท่าคุณ ผมก็เพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก”
พูดจบ เขาสะพายเป้ออกจากเรือนเล็กอย่างไม่ลังเลสักนิด
เงินของรอบนี้เขาจะให้เจียงเสวี่ยไปตรง ๆ จากนั้นให้เจียงเสวี่ยช่วยเขาฝากทีละนิด ฝากเข้าบัตรเงินสดที่แยกเฉพาะของอีกฝ่าย โดยที่ชิ่งเฉินถือไว้ใช้งานกับตัวเอง
เจียงเสวี่ยเป็นนักท่องเวลาที่เปิดเผยจึงไม่จำเป็นต้องห่วงว่าคนอื่นจะระแวง ทว่าเขาไม่เหมือนกัน จู่ ๆ ในบัญชีเงินฝากมีเงินฝากก้อนโตซึ่งที่มาไม่แน่ชัดเพิ่มขึ้นมา คนที่ใส่ใจสืบนิดเดียวก็รู้ได้แล้วว่าเขาไม่ถูกต้อง
ก่อนที่เจ้านายของแสตมป์มารร้ายคนนั้นจะโผล่พ้นผิวน้ำ เขาจำเป็นจะต้องระมัดระวังรอบคอบ
ตอนที่กลับถึงบ้าน หลี่ถงอวิ๋นกำลังดูโทรทัศน์อยู่ในบ้านเช่าหลังใหม่ของเขา เธอเห็นชิ่งเฉินกลับมาก็เอ่ยอย่างตื่นเต้นดีใจว่า “พี่ชิ่งเฉิน ผ้าม่านในบ้านนี้เป็นแบบระบบไฟฟ้าหมดเลยล่ะ แถมสามารถใช้มือถือควบคุมการเปิดเปิดของไฟทั้งหมดได้ด้วย ส้วมก็เป็นระบบไฟฟ้า สมาชิกพิเศษของทีวีสมัครไว้หนึ่งปี การ์ตูนตั้งเยอะแยะดูได้หมดเลย!”
ชิ่งเฉินหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ เด็กหญิงจะแก่แดดยังไงก็เป็นเด็กน้อยล่ะนะ ดังนั้นสิ่งที่ดึงดูดอีกฝ่ายที่สุดกลับเป็นการเป็นสมาชิกช่องโทรทัศน์……
ขณะนี้ เจียงเสวี่ยกำลังเก็บกวาดบ้าน เธอเปลี่ยนผ้าปูที่นอนทั้งหมดในบ้านเป็นของใหม่
หลี่ถงอวิ๋นกระโดดลงจากโซฟา กอดเอวแม่อย่างน่าสงสาร “แม่ คืนนี้พวกเราก็อยู่ที่นี่เถอะนะ อยู่กับพี่ชิ่งเฉิน”
เจียงเสวี่ยดุว่า “นี่เป็นบ้านที่เช่าใหม่ของพี่ชิ่งเฉิน ลูกบอกว่าอยู่ก็อยู่ได้เหรอ”
”แม่” หลี่ถงอวิ๋นกล่าวอย่างกะทันหันว่า “ผ้าปูที่นอนของห้องนอนสองห้องแม่ก็ปูหมดเรียบร้อยแล้วนะ!”
”นี่!” เจียงเสวี่ยหน้าแดงทันที ขายหน้าที่ถูกแฉอยู่บ้าง
อันที่จริง ระหว่างพวกเขาในตอนนี้ถึงจะไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดแต่ก็เหมือนเป็นญาติกันแล้ว เป็นความรู้สึกอันบริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวกับชื่อเสียง, ทรัพย์สมบัติและความปรารถนา
ไม่ว่าเจียงเสวี่ย, หลี่ถงอวิ๋นหรือว่าชิ่งเฉินล้วนเป็นแค่คนน่าสมเพชบนโลกใบนี้
เพราะเหตุการณ์ทะลุมิติที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ ชะตาชีวิตจึงได้ผูกเข้าด้วยกันอย่างปุบปับ
เจียงเสวี่ยเคยผ่านประสบการณ์อันตราย แต่ถึงที่สุดแล้วเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ ดังนั้นจึงหวาดกลัวและรู้สึกไม่ปลอดภัย
ตอนที่เก็บกวาดบ้านหลังนี้ ไม่รู้ทำไมถึงเก็บห้องทั้งสองจนเรียบร้อย ในใจก็เคยแอบคิดว่าบางครั้งตอนที่หวาดกลัวก็จะพาเสี่ยวอวิ๋นมาอยู่
เพียงแต่ ความคิดนี้ถูกหลี่ถงอวิ๋นแฉเร็วเกินไปแล้ว
ชิ่งเฉินรีบกล่าวว่า “น้าเจียงเสวี่ย แปลนห้องของฝั่งตรงข้ามนี้ใหญ่กว่า 101, 201 ของพวกเรา สองห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่นผมอยู่คนเดียวก็เปลืองเปล่า ดังนั้นห้องนอนใหญ่นั่นก็ยกให้พวกคุณนะครับ จะอยู่ตอนไหนก็ได้หมด”
หลี่ถงอวิ๋นมองไปทางเจียงเสวี่ย “แม่เห็นเปล่าว่าพี่ชิ่งเฉินยังพูดอย่างนี้เลย!”
”โอเค แต่สำหรับตอนนี้ก็อยู่แค่คืนนี้นะ พรุ่งนี้ลูกอย่ากวนคนเขาอีกล่ะ” เจียงเสวี่ยตอบตกลง
……
เที่ยงวันรุ่งขึ้น ชิ่งเฉินเลิกเรียนเร็ว ๆ กลับมาที่บ้าน รอนายหน้ากับชิ่งกั๋วจงมา
นับถอยหลัง 8:00:00
ตอน 4 โมงเย็น นอกบ้านเสียงดังขึ้นมา
เพียงได้ยินเสียงที่หมดความอดทนของชิ่งกั๋วจงดังขึ้นมาว่า “ผมบอกคุณไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ บ้านเป็นของผม ผมอยากจะขายก็ขาย คุณแค่นัดลูกค้าของคุณมาก็พอ ขอแค่ราคาเหมาะสมผมจะทำเรื่องโอนบ้านทันทีเลย”
นายหน้าคนนั้นบ่นว่า “ประเด็นคือถ้าเผื่อลูกชายท่านไม่ยอมย้าย งั้นถึงจะโอนบ้านแล้วก็จะยุ่งยากมาก ถึงเวลาคนซื้อเขาจะพูดว่าบริษัทนายหน้าของพวกเราพึ่งพาไม่ได้”
”คุณไม่ต้องห่วงเลย วันนี้ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย!” ชิ่งกั๋วจงกล่าวด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม ในความทรงจำของเขา ลูกชายยอมลงให้มาโดยตลอด เป็นไปไม่ได้ที่จะต่อต้านเขา
ชิ่งเฉินฟังทุกอย่างนี้เงียบ ๆ จนกระทั่งอีกฝ่ายเข้ามา เขาจึงผลักประตูออกไป
วันนี้เขาต้องตัดให้ขาด ดังนั้นเขาไม่ต้องการให้ชิ่งกั๋วจงรู้ว่าหลังจากนี้ตนเองอยู่ที่ไหน
ไม่งั้นอีกฝ่ายติดหนี้พนันแล้วจะมาหาตนเอง
…………………………………..
ตอนที่ 131 – ปืนใหญ่ยิงยุง