นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) - ตอนที่ 128 คลื่นลมสงบ
ตอนที่ 128 – คลื่นลมสงบ
นับถอยหลัง 41:20:00
ยามเช้า ชิ่งเฉิน, เจียงเสวี่ย, หลี่ถงอวิ๋นสามคนขึ้นรถบัสคันเช้าสุดที่กลับเขตเมือง
ขณะนี้ เจียงเสวี่ยลาออกจากงานครูสอนศิลปะแล้ว
ถึงตอนนี้คลินิกที่โลกภายในของเธอยังไม่เปิดกิจการ แต่เงินที่ตระกูลหลี่ลงทุนเพียงพอให้เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบายแล้ว ถือโอกาสแลกทองคำจำนวนหนึ่งกลับโลกภายนอกด้วย
จนกระทั่งตอนนี้เจียงเสวี่ยก็ยังไม่มีความสามารถจะดำเนินกิจการคลินิกโดยอิสระ การเปลี่ยนและปลูกถ่ายอวัยวะจักรกลเป็นงานที่ต้องใช้ความชำนาญอย่างสูง อยากจะเรียนรู้ในระยะเวลาสั้น ๆ แค่นี้มันเป็นไปไม่ได้
ดีที่ครูผู้หญิงคนนั้นที่ตระกูลหลี่จัดแจงมาให้ ‘มีคุณสมบัติ’ มาก ไม่แค่รับผิดชอบสอนทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติให้เธอ แม้กระทั่งตอนที่มีลูกค้ามาที่คลินิกก็ยังช่วยเจียงเสวี่ยรับออเดอร์และเปลี่ยนอวัยวะจักรกลให้ลูกค้า
ค่าจ้างของครูผู้หญิงคนนั้นปล่อยให้ตระกูลหลี่จ่าย พูดตามจริง ถึงตอนนี้เจียงเสวี่ยจะไม่ใส่ใจคลินิกเลย คลินิกก็สามารถดำเนินกิจการได้ดีมาก……
เจียงเสวี่ยบอกเรื่องนี้กับชิ่งเฉินที่บนรถ “ตระกูลหลี่นี่พิลึกแท้ ฉันไม่รู้เลยว่าท่านหญิงที่ช่วยฉันคนนั้นสรุปเป็นใคร รู้สึกเหมือนตัวเองถูกคนเลี้ยงดู อะไร ๆ ก็ไม่ต้องทำ…… แต่ฉันก็กำลังพยายามศึกษาหาความรู้อย่างหนักเลยนะ”
เสี่ยวถงอวิ๋นกล่าวอยู่ข้าง ๆ ว่า “ท่านหญิงที่ช่วยแม่คนนี้จะต้องเป็นคนที่ถือคุณธรรม, งดงาม, มีเหตุผล, ใจกว้างเป็นพิเศษปะคะ ภายหลังแม่เจอเขาจริง ๆ จะต้องดีกับเขาหน่อยนะ”
เจียงเสวี่ยพยักหน้า “นั่นมันแน่นอน”
ชิ่งเฉินขำ
วันนี้หนานเกิงเฉินตายทางสังคมไปแล้ว
เขายังอยากจะรอการตายทางสังคมของเสี่ยวถงอวิ๋น……
บนรถบัสเช้ามีเพียงพวกเจียงเสวี่ยสามคน เนื่องจากคดีลักพาตัว ตัวเขาเหล่าจวินไม่มีผู้ใด คนที่นั่งรถบัสเช้าก็ยิ่งน้อย
ชิ่งเฉินจู่ ๆ คิดถึงเรื่องหนึ่งอย่าง……เขายังมีประโยคภาษาญี่ปุ่นที่ต้องแปลตั้งเยอะ
เด็กหนุ่มเปิดแอปแปลภาษา ก่อนอื่นทบทวนคำพูดที่จินได โซราเนะพูดกับเขา พูดออกมาทีละคำทีละประโยค
จากนั้นเขาจึงค้นพบว่า ที่แท้นี่คือจินได โซราเนะกล่าวลาเขา และหวังว่าครั้งหน้าจะได้พบกันอีก
ไม่มีส่วนที่พิเศษอะไรเลย
ชิ่งเฉินยังท่องคำพูดที่จินได โจสุเกะเคยพูดจากความทรงจำด้วย : いつまで泣くんだ。 お客さんが来ているんだぞ。 せめて陳氏のエリートと結婚して欲しかった、神代空音の旦那は慶氏のゴミだ、こんな結果でも喜べ。
บนแอปแปลภาษาเขียนว่า : ไม่ต้องร้องไห้อีกแล้ว ตอนนี้ฉันต้องการให้เธอยืนขึ้นต้อนรับแขก อย่างน้อยเธอก็แต่งให้กับกับคนชั้นยอดของรุ่นเยาว์ตระกูลเฉิน แต่จินได โซราเนะแต่งให้กับสวะอย่างชิ่งเฉิน สำหรับเธอเป็นผลลัพธ์ที่ดีมากแล้ว”
ชิ่งเฉินใบ้กินไปชั่วขณะ ที่แท้ครูตัวเองคนนั้นสามารถฟังภาษาญี่ปุ่นเข้าใจจริง ๆ ด้วย อีกฝ่ายไม่ได้หลอกอำตัวเองส่งเดชเลย
คิด ๆ ดูก็ใช่ “ฉันอยากฆ่าปิดปาก” ที่จินได โจสุเกะพูด กับ “เขาอยากตายที่นี่” ที่หลี่ซูถงแปล ก็เหมือนกับว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยนะ……
การแปลของครูก็เที่ยงตรงมากนะ
หลี่ถงอวิ๋นที่แถวหลังหมอบบนพนักพิงชิ่งเฉินถามว่า “พี่ชิ่งเฉิน พี่งึมงำอะไรน่ะ”
”ไม่มีอะไร” ชิ่งเฉินตอบกลับไปยิ้ม ๆ
หลังมาถึงเขตเมืองลั่ว ชิ่งเฉินตรงไปโรงเรียน ก้าวเข้าห้องเรียน
ปฏิกิริยาแรกของหนานเกิงเฉินที่เห็นชิ่งเฉินถึงกับไม่ใช่การทักทาย ทว่าเป็นการปิดหน้าก่อน……
”เอาล่ะ ๆ” ชิ่งเฉินเอ่ยอย่างอารมณ์ไม่ดี “เรื่องใหญ่แค่ไหนกัน นอกจากฉันก็ไม่มีคนอื่นรู้แล้ว เราสองคนก็ไม่ใช่คนนอก วางใจเถอะ ฉันไม่เอาเรื่องของนายไปบอกคนอื่นหรอก”
หนานเกิงเฉินวางมืออย่างอับอาย เอ่ยอย่างร้อนตัวว่า “เรื่องอะไรของฉัน พี่เฉิน ที่นายพูดทำไมฉันฟังไม่เข้าใจล่ะ”
ชิ่งเฉินถอนหายใจ “ฉันรู้ว่านายอับอายนิดหน่อย แต่ก็ไม่ต้องร้อนตัวขนาดนี้เหอะ”
”เหอะ ?” หนานเกิงเฉินเลิกคิ้ว “เป็ดอะไร* ฉันเปล่าเป็นเป็ดนะ!”
ชิ่งเฉิน “……”
เขาไม่สนเจ้าหมอนี่อีก ทว่าเปิดโทรศัพท์มือถือไถอ่านข่าวล่าสุด
มีเรื่องที่น่าสนใจมาก : แนวโน้มการท่องเที่ยวของวันหยุดวันชาติครั้งนี้กับที่ผ่านมาไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง เมืองสิบเก้าเมืองที่ยืนยันแล้วว่าปรากฏ “คุณสมบัติโอเพ่นเบต้า” นักท่องเวลาพากันมีอัตราการเดินทางแน่นขนัด
ยังมีข่าวชิ้นหนึ่งบอกว่า มีผู้ชายคนหนึ่งตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ทะลุมิติก็เดินทางไปยัง “เมืองนักท่องเวลา” ใกล้ ๆ ในช่วงสุดสัปดาห์มาโดยตลอด เขาก็ไม่ได้มีเงินอะไร หลังไปแล้วก็นอนอยู่ในอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ของเมืองนั้น รอจนตอนที่ควรจะเข้างานค่อยนั่งรถไฟความเร็วสูงกลับที่ทำงานตัวเอง
ผลคือ ตอนที่เขาทดลองเป็นครั้งที่สองได้กลายเป็นนักท่องเวลาเข้าจริง ๆ!
แน่นอนว่า นอกจากคนที่ได้แต่มาวันหยุดพวกนี้ คนที่ตรงมาลงหลักปักฐานที่เมือง 19 แห่งเลยก็มี
ในกลุ่มแชตมัธยมต้นของชิ่งเฉินมีคนพูดว่า โรงเรียนพวกเขาแทบทุกห้องล้วนมีนักเรียนย้ายเข้า
โลกนี้เป็นอย่างที่ชิ่งเฉินคาดคิดไว้จริง ๆ เมือง 19 แห่งที่สามารถผลิต “คุณสมบัติโอเพ่นเบต้า” จะยิ่งมายิ่งคึกคัก
เขาไถข่าวอื่นอีก
หลังคืนกลับครั้งนี้ เหอเสี่ยวเสี่ยวส่งวิดีโอสั้น ๆ มาอีกอัน ระบุว่าป้อมปราการข้อมูลก่อตั้งเสร็จแล้ว แพลตฟอร์มสนทนาของนักท่องเวลาจวนจะออนไลน์แล้ว
เวลานั้น ถ้าอยากจะมีคุณสมบัติเข้ากลุ่มสนทนาจะต้องผ่านการพิสูจน์ตัวตนจำนวนหนึ่ง มีเพียงนักท่องเวลาที่พวกเขายืนยันจึงสามารถเข้ากลุ่ม
เวลานี้ ชิ่งเฉินจู่ ๆ ถามว่า “นี่ หวังอวิ๋นกับไป๋หว่านเอ๋อร์ล่ะ”
หนานเกิงเฉินลดเสียงกล่าวว่า “พี่เฉินยังไม่รู้เหรอ เห็นว่าหวังอวิ๋นตายแล้ว ไป๋หว่านเอ๋อร์ก็ย้ายโรงเรียนไปแล้ว”
ชิ่งเฉินแกล้งทำเป็นตื่นตระหนก “ตายแล้ว?!”
”อืม จางเทียนเจินห้องข้าง ๆ บอกว่า หวังอวิ๋นถูกคนใหญ่คนโตโลกภายในฆ่าตาย” หนานเกิงเฉินกล่าว “ยังมีคนพูดว่าสกุลหวังคิดหาหนทางจะล้างแค้น พี่เฉินวางใจ ฉันจะไม่บอกใครเด็ดขาดว่านายหักขาทั้งคู่ของเธอ ความลับนี้ฉันแบกลงหลุมก็จะไม่ให้ใครรู้ ยังสำคัญกว่าความลับของตัวเองอีก!”
”งั้นไป๋หว่านเอ๋อร์ทำไมย้ายเรียนไปด้วยล่ะ” ชิ่งเฉินถาม
”พี่เฉินไม่ได้อ่านข้อความในแชตสินะ เธอยังบอกลาทุกคนในกลุ่มแชตอยู่เลย” หนานเกิงเฉินกล่าว “บางทีการตายของเพื่อนรักอาจจะโจมตีเธอหนักมากล่ะมั้ง ตอนหลัง ไป๋หว่านเอ๋อร์ไม่แค่ออกจากกลุ่มแชต ถึงขนาดลบเพื่อนที่เป็นเพื่อนนักเรียนทั้งหมดในห้องออกด้วยล่ะ”
ตอนคาบพักแรกช่วงบ่าย เจียงเสวี่ยจู่ ๆ ส่งวีแชตให้ชิ่งเฉินว่า “เสี่ยวเฉินกลับมาเร็ว มีนายหน้าพาคนมาดูห้องถึงบ้านเธอ แถมนายหน้าคนนี้ยังมีกุญแจ ฉันถามเขาว่ามีเรื่องอะไร อีกฝ่ายบอกว่าเจ้าของห้องประกาศข่าวขายห้อง เหมือนกับว่าพ่อเธอจะเคยกลับมา ตอนนี้ไปแล้ว”
ชิ่งเฉินอึ้งไป นับวันดูพ่อเขาชิ่งกั๋วจงก็ควรจะออกมาแล้ว
เขาลุกขึ้นเร่งไปที่บ้านอย่างไม่อาจสนใจคาบเรียน
…………………………………………….
*เหอะ (呀) อ่านว่า ยะ ส่วนเป็ดตัวผู้ (鸭) อ่านว่า ยา ซึ่งคำว่าเป็ดตัวผู้นี้เป็นคำแสลงที่แปลว่า “โสเภณีชาย” ค่ะ ดังนั้นนี่ก็คือหนานเกิงเฉินร้อนตัวจนฟังผิดไปแล้ว 555
ส่วนตอนต่อไปกลับมาที่ดราม่าครอบครัว
ตอนที่ 129 – ปิดบัญชี