นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) - ตอนที่ 105
ตอนที่ 105 – ออกไปเล่นอีก
เนื่องจากการแบ่งชุดกินข้าว มื้อเช้ามื้อเดียวกินกันไปถึงตอนเที่ยงวัน
ในระหว่างนี้ หลิวเต๋อจู้ทำท่าทำทางอย่างเพียงพอที่โต๊ะกินข้าว มีพลังสภาวะเพียงพอ ดูเหมือนว่ายิ่งแสดงละครก็ยิ่งอินกับบท
จนกระทั่งนักโทษทั้งหมดกลับห้องขัง ทุกคนล้วนรู้สึกว่าตนเองเดาความจริงออกแล้ว : ในเรือนจำมีบอสใหญ่ที่ล่วงเกินไม่ได้เพิ่มมาอีกคน แถมตำแหน่งยังเหมือนจะอยู่เหนือเยี่ย,หลินสองคนไปอีก
นักโทษที่เกี่ยวข้องกับองค์กรบางคนเริ่มใคร่ครวญว่าจะส่งข่าวนี้ออกมาอย่างไรกันแล้ว
บนลานส่วนรวมของเรือนจำค่อย ๆ กลับคืนอยู่ความเงียบสงบ หลิวเต๋อจู้หันหน้าไปมอง ถึงกับเห็นว่าหลินเสี่ยวเสี้ยว, เยี่ยหว่านสองคนกำลังจับจ้องตนเองด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
เสียงโครม
หลิวเต๋อจู้คุกเข่าบนพื้นกล่าวว่า “ขอโทษครับ”
กระบวนท่านี้ทำเอาหลินเสี่ยวเสี้ยวและเยี่ยหว่านมองจนบื้อไปเลย
หลินเสี่ยวเสี้ยวลดเสียงลงเอ่ยอย่างทอดถอนว่า “ท่าทางที่สามารถก้มสามารถยืดนี้ค่อนข้างจะเหมาะกับกับการเป็นเอเย่นต์เลย แต่ขอเพียงมีกระดูกสันหลังสักนิดมีความทะเยอทะยานสักนิดล้วนไม่เต็มใจจะเป็นหุ่นเชิดให้คนเขา”
หลิวเต๋อจู้เอียงศีรษะหยิบหูฟังอินเอียร์ออกมา เขารีบอธิบายว่า “เมื่อกี้นี้เรื่องพวกนั้นเป็นคำสั่งในหูฟังหมดเลยนะครับ ท่านสองคนห้ามถือสาเด็ดขาด”
ระหว่างที่พูด ชิ่งเฉินที่สวมหน้ากากหน้าแมวเดินออกมาจากในเงามืด “การแสดงเกร็งนิดหน่อย แต่จัดการกับนักท่องเวลาที่มาใหม่พวกนั้นก็ไหวอยู่ กลับไปที่ห้องขังเดี่ยวเถอะ เวลาที่ต้องการให้คุณแสดงละครในภายหลังยังมีอีกเยอะ จำสิ่งที่ผมพูดเอาไว้ จิตละโมบจะทำร้ายคนจนตาย”
“เข้าใจครับ ๆ” หลิวเต๋อจู้พยักหน้าอย่างกับตำกระเทียม
รอจนหลิวเต๋อจู้จากไปแล้ว หลี่ซูถงเดินกลับมาจากเขตอ่านหนังสือด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า “เมื่อกี้ถ้าออกไปช้าหน่อย รอยยิ้มนี้ของฉันคงระงับไม่อยู่แล้ว น่าสนใจนิดหน่อย นี่อาจจะเป็นความสนุกสนานของการซ่อนอยู่หลังม่านล่ะนะ”
ชิ่งเฉินถอดหน้ากากมองไปทางหลี่ซูถง “ครูครับ เรื่องอย่างสุดท้ายทำเสร็จแล้ว”
หลี่ซูถงยิ้ม “ไม่ใช่ ยังขาดอีกเรื่อง”
ว่าแล้ว พัศดีจักรกลสองตัวเดินมาข้างหน้าชิ่งเฉินกล่าวว่า “นักโทษรหัส 010101 มีญาติมาเยี่ยม”
ชิ่งเฉินหันศีรษะอย่างตื่นตะลึง เขาคิดไม่ถึงว่าครั้งก่อนตนเองปฏิเสธจินได โซราเนะไปครั้งหนึ่งแล้ว อีกฝ่ายจะมาอีกเร็วขนาดนี้
หลี่ซูถงที่อยู่ด้านข้างกล่าวว่า “ไปเถอะ พวกเราออกไปครั้งนี้ต้องใช้หลายวัน เธอมาอีกวันหลัง ฉันจะให้ผู้คุมคุกปฏิเสธการเยี่ยมของเธอไปตรง ๆ เลย ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอเธออีก”
ในห้องเยี่ยม จินได โซราเนะเปลี่ยนเป็นกระโปรงพลีทสีเทาระดับเข่า เนื่องจากอากาศค่อย ๆ หนาวขึ้น จึงสวมเลคกิ้งไว้ด้วย
บนเท้าเป็นรองเท้าหนังเล็ก ๆ สีดำหนึ่งคู่
แต่งตัวอย่างนี้จึงเหมือนกับอายุ 19 ปีของอีกฝ่ายมากกว่า
แก่กว่าชิ่งเฉินสองปี แต่ยังห่างไกลจากอายุที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ เต็มไปด้วยกลิ่นอายของวัยหนุ่มสาว
เธอเห็นชิ่งเฉินทีมีพัศดีจักรกลคุมกันเข้ามาในห้อง รีบเปิดกล่องรักษาอุณหภูมิสองกล่องที่อยู่ตรงหน้า
ในกล่องหนึ่งบรรจุซูชิอย่างปราณีต ยังมีกล่องข้าวใบหนึ่งบรรจุข้าวหน้าเนื้อย่าง
รอจนชิ่งเฉินนั่งลงตรงกันข้าม จินได โซราเนะจึงหัวเราะคิก ๆ กล่าวว่า “ครั้งก่อนทำไมไม่ได้เจอคุณเลยล่ะ”
ชิ่งเฉินตอบเสียงเบาว่า “ในคุกไม่รู้ว่ายังไง จู่ ๆ เอานักโทษทั้งหมดขังไว้ในห้องขังของตัวเอง ขอโทษด้วยนะ”
จินได โซราเนะรีบยิ้มแล้วโบกมือให้ “คุณมีอะไรให้ต้องขอโทษล่ะคะ ไม่ใช่ความผิดของคุณด้วย รีบกินข้าวเถอะ! ซูชิทุก ๆ คำฉันปั้นเองหมดเลยนะ!”
“ทำไมเอากล่องข้าวมาสองกล่องล่ะ” ชิ่งเฉินสงสัย “ปริมาณก็เหมือนจะมากสักหน่อย”
“เพราะครั้งก่อนฉันเห็นคุณกินจนเกลี้ยงมากเลย เหมือนกับว่ากินไม่อิ่ม” จินได โซราเนะกล่าวด้วยรอยยิ้มแฉ่ง “ไม่ต้องอายไปหรอก คุณสามารถกินหมดก็เป็นการยอมรับชนิดหนึ่งต่อฉันนะ!”
“อืม” ชิ่งเฉินไม่ได้พูดอะไรมากอีก ก้มหน้ากินข้าว
จินได โซราเนะที่นั่งบนโต๊ะฝั่งตรงข้ามเท้าคาง เอียงศีรษะมองชิ่งเฉินพึมพำว่า “彼は私にどんな印象を持っているかわからないが、食事の様子はとても上品ですね。”
(ก็ไม่รู้ว่าเขามีความประทับใจต่อฉันว่ายังไงนะ ท่าทางกินข้าวสุภาพมากเลย)
ครั้งนี้ ชิ่งเฉินแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินไปเสียเลย ให้ถามยังขี้เกียจจะถาม
อีกฝ่ายเล่นเกมเล็ก ๆ ประเภทนี้อย่างสนุกสนานไม่รู้เบื่อเลย
เขาครุ่นคิดว่า หากวันหนึ่งอีกฝ่ายรู้ว่าตนเองก็เป็นนักท่องเวลา แถมยังเอาคำพูดทุกประโยคของเธอไปแปลออกมา ถึงเวลาจะมีสีหน้าอย่างไร……
อันที่จริง การมองคนอื่นแกล้งแสดงละครเงียบ ๆ ก็มีผลตามหลัง ตัวอย่างเช่นหลังจากที่ตนเองช่วยชีวิตหนานเกิงเฉิน เจ้าหมอนี่กลับถึงเมืองลั่วอย่างปลอดภัยแล้วก็ไม่กล้าพูดกับตัวเองเลยสักคำ
นี่อาจจะเป็นการตายทางสังคมในตำนานสินะ
เวลานี้ จินได โซราเนะกล่าวว่า “เมื่อวานไปเยี่ยมผู้อาวุโสของตระกูลชิ่งจำนวนหนึ่ง แต่พวกเขาท่าทางเหมือนไม่ชอบคุณเลย มีป้าคนหนึ่งชื่อชิ่งอวิ๋นพูดถึงคุณแย่ ๆ อยู่ตลอดเลย! เธอยังพูดว่า หวังว่าตระกูลจินไดจะสามารถเปลี่ยนคู่สัญญาแต่งงาน แต่ฉันปฏิเสธไปแล้ว!”
ชิ่งเฉินเงยหน้ามองจินได โซราเนะ “ทำไมบอกเรื่องพวกนี้กับผมล่ะ”
“เพราะฉันรู้สึกว่าคุณดีกว่าพวกเขาไง” จินได โซราเนะยิ้มกล่าว “ถ้ายังมีคนพูดถึงคุณแย่ ๆ ฉันจะจดไว้มาบอกคุณ!”
ชิ่งเฉินครุ่นคิด ตนเองเห็นได้ชัดว่าเป็นบุคคลชายขอบโปร่งแสง ทำไมถูกภายในตระกูลเล็งใส่ล่ะ เป็นเพราะว่าตนเองแย่งโควต้าผู้สมัครเงาของบ้านสามเหรอ
มีความเป็นไปได้นี้อยู่
แต่เขารู้สึกอยู่ตลอดว่ามีเหตุผลที่ลึกลงไปกว่านี้ อาจมีความเกี่ยวข้องกับการที่ตนเองถูกคนลบร่องรอยการคงอยู่ไป
ชิ่งเฉินมองไปทางจินได โซราเนะกล่าวอย่างจริงจังว่า “ขอบคุณนะครับ ต้องการให้ผมทำอะไรไหม”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ” จินได โซราเนะรีบโบกมือ “รอจนคุณเสร็จภารกิจออกจากคุกแล้วก็สามารถเชิญฉันไปกินข้าวนะ แต่เวลานั้นฉันอาจจะกลับตระกูลจินไดไปแล้วก็ได้ ยินดีต้อนรับคุณมาเยี่ยมนะ”
ยังมีเวลาห่างจากเส้นตายการทำตามสัญญาแต่งงานอีก 3 ปี ในระหว่างนี้ จินได โซราเนะยังคงต้องกลับไปใช้ชีวิตทางเหนือ
เวลาเยี่ยมสิ้นสุด
ตอนที่เด็กสาวจากไปได้หันหน้ากลับมายิ้มกล่าวกับเขาว่า “慶塵君、私は家族に帰って、本当に後でまたあなたに会うことができることを望んでいます。”
“ชิ่งเฉินคุง ฉันต้องกลับตระกูลแล้วล่ะ หวังจริง ๆ นะว่าภายหลังยังจะสามารถเจอคุณอีก”
ชิ่งเฉินค้นพบว่า ตอนที่เด็กสาวยิ้มออกมา แก้มข้างขวายังมีลักยิ้มเล็ก ๆ อยู่ด้วย สดชื่นเหมือนดอกลิลลี่
……
นับถอยหลัง 144:00:00
เที่ยงคืน ในเรือนจำหมายเลข 18
“เท้าเป็นยังไง” หลี่ซูถงถาม
ชิ่งเฉินตอบว่า “ยาที่แม่เยี่ยทาให้ผมถึงตอนแรกจะเจ็บมาก แต่การรักษาเร็วจริง ๆ ครับ แผลที่เดิมต้องใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ถึงจะสามารถตกสะเก็ด วันนี้ก็ตกสะเก็ดแล้ว เพียงแค่ยังเจ็บนิดหน่อย”
“เดินทางได้ไหม” หลี่ซูถงถาม
ตามสถานการณ์ปกติ ชิ่งเฉินเวลานี้จะต้องพักฟื้นอีกหลายวันจึงจะถูก ถึงอย่างไรแผลบนไหล่กับบนเท้าของเขาล้วนยังไม่หายดี
แต่หลี่ซูถงเหมือนจะไม่ได้แคร์เรื่องพวกนี้ เขาเพียงถามว่า เดินได้ไหม
ชิ่งเฉินยิ้ม “ได้ครับ”
หลี่ซูถงพยักหน้า “งั้นก็เดินเถอะ”
ว่าแล้ว เขาเดินเข้าไปในโรงอาหาร
เยี่ยหว่านเดินมาถึงหน้าประตูห้องเย็น ออกแรงผลักเปิดประตูเลื่อนเหล็กกล้าอันหนักอึ้ง
อากาศเย็นโถมเข้าใส่หน้าเหมือนเมฆหมอก จากนั้นจมลงไปใต้เท้าเลื่อนไหลช้า ๆ
ถัดจากนั้น เยี่ยหว่านมาที่บ่อแช่แข็งบ่อหนึ่ง หมัดหนึ่งหมัดทุบทำลายชั้นน้ำแข็งหนาหนึ่งเมตรกว่าในบ่อ เผยแผ่นเหล็กกล้าหนึ่งแผ่นข้างใต้ออกมา
เขาเอื้อมมือไปยกแผ่นเหล็กกล้าอันใหญ่โตหนาหนัก เผยขั้นบันไดลงไปสู่เบื้องล่างหนึ่งเส้นออกมา
“นี่เป็นช่องทางนำไปสู่นอกคุกเส้นหนึ่ง” เยี่ยหว่านมองชิ่งเฉินแล้วกล่าว “มีคนน้อยมากที่รู้การคงอยู่ของมัน แล้วก็เป็นครั้งแรกที่มีคนเดินออกไปจากตรงนี้ ไม่มีกลุ่มการเงินรู้ถึงการคงอยู่ของทางเส้นนี้ แล้วก็ไม่มีคนเฝ้ามอง”
พูดแล้ว เยี่ยหว่านยกกระเป๋าเป้ปีนเขาขนาดมหึมาใบหนึ่งจากในมุมห้องมาใส่หลังชิ่งเฉิน “ในนี้เป็นสิ่งของที่คุณกับบอสจะใช้ในลำดับถัดไป”
เป้ปีนเขาสูงเกือบจะเท่าคนหนึ่งคน ไม่รู้ว่าบรรจุสิ่งของไปมากน้อยแค่ไหน
ทันใดนั้นชิ่งเฉินเข้าใจว่าทริปนี้เหมือนจะวางแผนมานานมาก นานกว่าที่ตนเองคาดการณ์เอาไว้อีก
บางทีตอนที่เขากลับมาใหม่ ทุกสิ่งล้วนจะไม่เหมือนเดิมแล้ว
ชิ่งเฉินมองไปทางหลี่ซูถง “ครูครับ คุณไม่สะพายเป้เหรอ”
หลี่ซูถงเดินนำลงขั้นบันไดลงสู่เบื้องลึกก่อน “มีนักเรียนอยู่ มีเหตุผลให้ครูสะพายเป้ที่ไหนกันล่ะ สิ่งของของฉันล้วนอยู่ในเป้ของเธอแล้วล่ะ”
ชิ่งเฉินถามไล่หลังเขาไปว่า “ครูครับ พวกเราจะไปไหนเหรอ”
เสียงของอีกฝ่ายดังมาจากในความมืด “สถานที่ที่กลายเป็นสถานที่ต้องห้ามไปแล้วแห่งหนึ่ง”
………………………………….
ตอนที่ 106 – ป่า