นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) - ตอนที่ 104
ตอนที่ 104 – ปัญหาไม่ใหญ่
ในห้องขังเดี่ยวอันเงียบเชียบ หลิวเต๋อจู้ขดตัวนิ่ง ๆ อยู่ในมุมห้อง
ความสะพรึงกลัวของห้องมืดเล็ก มีเพียงคนที่เคยประสบจริง ๆ จึงจะเข้าใจ นั่นเป็นการทรมานต่อจิตใจชนิดหนึ่ง
ประตูเลื่อนอัลลอยด์เบื้องหน้าเปิดขึ้นช้า ๆ หลิวเต๋อจู้เงยหน้าขึ้นอย่างว่างเปล่ามองไปข้างหน้า คนลึกลับที่สวมหน้ากากหน้าแมวคนนั้น
“ผมรู้ เป็นคนก็จะมีอุบายเล็ก ๆ ของตนเอง” ชิ่งเฉินกล่าวอย่างสงบนิ่ง “แต่ความโลภจะทำร้ายคนอื่นทำร้ายตัวเอง ครั้งนี้แค่ให้คุณเข้าใจว่าหักหลังกับคดโกงจะมีราคายังไง ครั้งหน้าจะไม่เรียบง่ายขนาดนี้แล้ว สิ่งที่ผมให้คุณ คุณสามารถต้องการ สิ่งที่ผมไม่ให้ คุณไม่อาจขโมย”
แววตาของหลิวเต๋อจู้ค่อย ๆ ฟื้นฟูความรู้สึกขึ้นมาหน่อย “บอสใหญ่ครับ ขอแค่ท่านไม่ฆ่าผม ทุกอย่างล้วนพูดกันได้!”
ก่อนหน้านี้ หลิวเต๋อจู้แทบจะนึกว่าตนเองจะตายวันนี้แล้ว
แต่ทว่า การลงทัณฑ์ไม่ได้ยุติลงเลย อย่างน้อยชิ่งเฉินเห็นว่าไม่ควรจะยุติลงอย่างง่ายดายขนาดนี้
เขารู้อย่างชัดเจนมากว่า ตนเองกำลังเผชิญหน้ากับโลกที่โหดร้ายอย่างไร ดังนั้นเขาก็จำเป็นจะต้องให้หลิวเต๋อจู้ตระหนักจุดนี้อย่างมีสติสัปชัญญะด้วย
ชิ่งเฉินกล่าวอย่างสงบนิ่งว่า “จากที่ผมเห็น สำรวจเรื่องราวครั้งนี้แต่ต้นจนจบ ถ้าคุณอ่านอุปกรณ์สื่อสารทันเวลา คุนหลุนสองคนอาจจะไม่ตาย ดังนั้น การลงโทษนิดเดียวนี้ยังคงไม่พอ”
ว่าแล้ว เขาโบกมือให้เยี่ยหว่านกดหลิวเต๋อจู้ จากนั้นชิ่งเฉินเอาผ้าขนหนูปิดหน้าหลิวเต๋อจู้ด้วยมือตัวเอง แล้วเทน้ำเย็นหนึ่งชามลงไปอีก
หลิวเต๋อจู้ดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง แต่ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างไรล้วนไร้ประโยชน์
จนกระทั่งเขาค่อย ๆ หมดแรงจะดิ้นรน ชิ่งเฉินจึงได้ดึงผ้าขนหนูออกในที่สุด ยอมให้เขาสำลักน้ำออกมา
“บอสใหญ่ ผมทราบความผิดแล้วครับ” หลิวเต๋อจู้ร้องไห้ “ผมทราบแล้วจริง ๆ”
สีหน้าของชิ่งเฉินยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ยังไม่ทันที่หลิวเต๋อจู้จะผ่อนลมหายใจ เยี่ยหว่านก็กดเขาลงไปอีกครั้ง waterboard กันอีกครั้ง
ชิ่งเฉินหยดน้ำใส่ผ้าขนหนูทีละนิด ๆ จนกระทั่งหลิวเต๋อจู้แทบจะฉี่ราด การลงทัณฑ์จึงได้หยุดลงในที่สุด
ครั้งนี้หลิวเต๋อจู้หวาดกลัวจริง ๆ เขาสำลักอยู่ครึ่งค่อนวันจึงได้หอบหายใจร้องไห้โหยหวนกล่าวว่า “บอสใหญ่ หลังจากผมกลับบ้านก็เสียใจภายหลังมากจริง ๆ นะครับ ทุกครั้งที่คิดถึงฮีโร่คุนหลุนสองคนนั้น ผมจะเกลียดตัวเองที่ทำตัวน่าผิดหวัง ผมทราบความผิดแล้วจริง ๆ นะ!”
ชิ่งเฉินมองอีกฝ่ายทะลุหน้ากากหน้าแมวอย่างเย็นชา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทรมานคนอื่น สำหรับคนธรรมดา แม้แต่การทรมานคนก็เป็นความทุกข์ทรมานชนิดหนึ่ง
แต่ว่า เขากำลังเรียนรู้ เรียนว่าจะด้านชาอย่างไร เรียนว่าจะกลายเป็นสัตว์ร้ายที่แท้จริงอย่างไร
“ตอนนี้ผมต้องการให้คุณไปทำเรื่องอย่างหนึ่ง” ชิ่งเฉินกล่าว “ในคุกหมายเลข 18 มีนักท่องเวลามาอีกหลายคน ผมต้องการให้คุณไปแสดงละคร”
หลิวเต๋อจู้เอ่ยอย่างขี้ขลาดว่า “บอสใหญ่ครับ ต้องการให้ผมทำอะไร”
“ทำให้พวกเขาเชื่อว่าที่นี่คุณมีตำแหน่งสูงส่งจริง ๆ” ชิ่งเฉินตอบ
หลิวเต๋อจู้กล่าวอย่างน่าสมเพชว่า “บอสใหญ่ ผมแสดงไม่เป็นอะ”
ชิ่งเฉินคิดแล้วกล่าวกับหลินเสี่ยวเสี้ยวว่า “ช่วยผมหาหูฟังอินเอียร์สักอัน ให้เขาใส่ ผมจะกำกับเขาแสดง”
……
นับถอยหลัง 157:00:00
10 โมงเช้า ห้องขังหนึ่งในห้าในเรือนจำเปิดขึ้นเงียบ ๆ
นักโทษหกร้อยกว่าคนนี้ถูกเลือกโดยระบบสุ่ม จนกระทั่งพวกเขากินข้าวเสร็จ หลังจากกลับไปยังห้องขังของแต่ละคนจึงจะมีคนหกร้อยกว่าคนในระบบสุ่มชุดถัดไปถูกปล่อยออกมากินข้าว
นี่เป็นกฎที่ชิ่งเฉินเปลี่ยนขึ้นมาใหม่
ตอนที่หลินเสี่ยวเสี้ยวถามเขาว่าทำอย่างนี้ทำไม
ชิ่งเฉินตอบว่า “ครูพาผมออกไปครั้งนี้น่าจะใช้เวลานานมาก ส่วนผมที่ครอบครองภูมิหลังกลุ่มการเงินอยู่ที่นี่สะดุดตาเกินไป ถ้าผมหายตัวไปจะต้องมีคนสังเกตเห็น ให้พวกนักโทษแบ่งชุดกินข้าว อย่างนั้นพวกเขาจะไม่มีทางรู้ว่าสรุปแล้วใครหายไป”
ณ ขณะนี้
หลี่ซูถงนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวอ่านโน้ตดนตรีคลาสสิกเงียบ ๆ ส่วนเยี่ยหว่านและหลินเสี่ยวเสี้ยวกินข้าวพูดคุย ถกกันถึงเรื่องราวข้างนอก : ว่ากันว่าสกุลจินไดมีตาแก่ที่แอบต่อชีวิตอีกแล้ว ว่ากันว่าท่านผู้เฒ่าคนนั้นของสกุลหลี่ไม่มีแผนที่จะฝืนต่อชีวิต แต่เวลาเหลือไม่มากแล้ว……
บนโต๊ะตัวนี้ มีคนเพียงคนเดียวที่ดูไม่เข้าพวก : หลิวเต๋อจู้
เห็นเพียงเจ้าหมอนี่นั่งอยู่ตรงข้ามหลี่ซูถง มองตะวันออกจ้องตะวันตก สีหน้าอยากรู้อยากเห็น
ถึงเขาจะทะลุมิติมาที่เรือนจำหมายเลข 18 แต่พูดตามความจริง เขายังไม่มีโอกาสได้มองที่นี่ดี ๆ จริง ๆ……
เหล่านักโทษต่อแถวรับข้าว พวกเขาเห็นว่าคนแปลกหน้าขนาดนี้มาปรากฏตัวอยู่ตรงข้ามหลี่ซูถง ล้วนรู้สึกแปลกใหม่สุด ๆ
ถึงอย่างไร ไม่ใช่ว่าใคร ๆ ก็สามารถนั่งตรงข้ามกับหลี่ซูถง
มีนักโทษที่ความจำดีจู่ ๆ คิดอะไรขึ้นมาได้ เขาลดเสียงลงพึมพำว่า “หมอนี่พวกเราเคยเห็นแล้วนิ ก็คือเจ้าโง่ที่ก่อนหน้านี้พูดว่าอยากหาบอสหลี่มาขอรับเควสไง แล้วยังพูดกับหลินเสี่ยวเสี้ยวว่าเป็นคนกันเอง”
“ที่แท้เป็นคนกันเองจริง ๆ อะ……” มีนักโทษทอดถอนใจ
“เดี๋ยวนะ” มีนักโทษเกิดปฏิกิริยาขึ้นมา “ก่อนหน้านี้ตอนพวกเรากินข้าวยังเดาว่าสรุปแล้วใครที่จับพวกเรามาซ้อมมือ”
“จริงด้วย คนที่จับกดพวกเราจะต้องเป็นเยี่ยหว่านไม่ผิดแน่ ส่วนคนที่เยี่ยหว่านสอนก็น่าจะเป็นเขา!”
หลิวเต๋อจู้มองดูคนบางคนแอบชี้นิ้วใส่ตนเองด้วยสีหน้าว่างเปล่า ไม่เข้าใจโดยสิ้นเชิงว่าเป็นสถานการณ์อะไร……
เขาแค่ตระหนักอย่างเลือนรางว่าบอสใหญ่ลึกลับคนนั้นอาจจะเอาหม้อดำใบใหญ่มาใส่หัวเขาอีกแล้ว
ทันใดนั้น หลี่ซูถงเงยหน้าขึ้นมองมาทางเขากล่าวว่า “กับข้าวไม่ถูกปากเหรอ”
หลิวเต๋อจู้รู้สึกถูกเอ็นดูจนแตกตื่น “ถูกปากครับ”
หลินเสี่ยวเสี้ยวที่อยู่ด้านข้างกล่าวว่า “พรุ่งนี้ผมจะให้โรงครัวเตรียมเนื้อจริงให้คุณซักหน่อย อยากกินกับข้าวอะไรสั่งได้เต็มที่”
หลังจากที่เหล่านักโทษคนอื่นต่อแถวเดินมา คนสามคนที่เดิมทีไม่ได้แยแสหลิวเต๋อจู้จู่ ๆ ก็เป็นกันเองขึ้นมา ส่วนชิ่งเฉินไม่รู้ร่องรอยแล้ว
ชั่วขณะถัดมา ในกลุ่มนักโทษมีคนร้องตะโกนอย่างตื่นเต้นดีใจว่า “หลิวเต๋อจู้!”
หลิวเต๋อจู้หันศีรษะไปมองอย่างมึน ๆ พอดีเห็นกรรมการนักเรียนอวี๋จวิ้นอี้ของห้องเรียนข้าง ๆ พวกเขาไปเขาเหล่าจวินด้วยกัน!
ณ ขณะนี้ ข้างกายอวี๋จวิ้นอี้ยังมีคนสี่คน เดินตามมาด้วย
พริบตานั้นในใจหลิวเต๋อจู้เกิดความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง นี่เป็นนักท่องเวลาห้าคนที่บอสใหญ่ลึกลับพูดถึง ส่วนภารกิจของตนเองก็คือทำให้พวกเขาเชื่อสถานะของตนเองที่โลกภายใน!
“เอ่อ นายก็ทะลุมิติแล้วเหรอ” หลิวเต๋อจู้ปรับท่านั่ง กล่าวด้วยท่าทางเบาสบายว่า “นั่งลงคุยกันเถอะ”
อวี๋จวิ้นอี้มองเยี่ยหว่าน, หลี่ซูถง, หลินเสี่ยวเสี้ยวที่อยู่ด้านข้าง สีหน้าลังเลอยู่บ้าง “นั่งได้เหรอ”
ในหูฟังหลิวเต๋อจู้มีเสียงดังขึ้น เขาลังเลชั่วขณะ จากนั้นตบไหล่หลินเสี่ยวเสี้ยวที่อยู่ด้านข้าง “คือว่า……คุณเขยิบไปข้าง ๆ หน่อย แบ่งที่ให้พวกเขา”
หลินเสี่ยวเสี้ยว “……?”
เขาอึ้งไป แทบจะถูกคำพูดประโยคนี้บีบจนบาดเจ็บภายในแล้ว
เยี่ยหว่านที่นั่งตรงข้ามกับเขาอย่างนิ่งสงบมาตลอดก็แทบจะส่งเสียงหัวเราะออกมา
แต่ทว่ายังไม่ทันที่เยี่ยหว่านจะหัวเราะออกมา หลิวเต๋อจู้จู่ ๆ กล่าวกับเขาว่า “คือว่า……คุณก็เขยิบด้วย ขอบคุณ”
เยี่ยหว่าน “……”
ขณะนี้ สีหน้าของหลิวเต๋อจู้จวนเจียนจะร้องไห้ออกมาแล้ว เขาใช้สายตาส่งซิกให้บอสใหญ่สองคนนี้อยู่ตลอด : นี่ล้วนเป็นคำสั่งในหูฟังจริง ๆ นะ……
ไม่เกี่ยวกับเขานะ
เยี่ยหว่านกับหลินเสี่ยวเสี้ยวสบตากัน เขาสองคนระแวงอย่างลึกล้ำว่าชิ่งเฉินฉวยโอกาสจงใจป่วนพวกเขา
แต่ว่า ทั้งสองคนสุดท้ายยังขยับตำแหน่งอย่างกล้ำกลืน หลินเสี่ยวเสี้ยวกล่าวด้วยรอยยิ้มไม่จริงใจว่า “พวกคุณค่อย ๆ คุยกันนะ”
หลี่ซูถงลุกขึ้นไปที่เขตอ่านหนังสือ ก่อนไปยังกล่าวกับหลิวเต๋อจู้ว่า “คนพวกนี้เป็นเพื่อนของเธอสินะ งั้นก็เป็นคนกันเอง คุยเรื่องเก่า ๆ กันดี ๆ ล่ะ”
อวี๋จวิ้นอี้เห็นแล้วทอดถอนอยู่ในใจว่าหลิวเต๋อจู้ไม่ได้โม้จริง ๆ ด้วย!
เขานำทีมมานั่งอยู่ข้าง ๆ หลิวเต๋อจู้กล่าวว่า “พี่หลิว คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่นายพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นความจริง”
“อืม” หลิวเต๋อจู้เอ่ยอย่างห่างเหิน
นักท่องเวลาวัยกลางคนคนหนึ่งกล่าวว่า “คนที่จากไปคนนั้นเมื่อกี้นี้ก็คือหลี่ซูถงเหรอครับ”
หลิวเต๋อจู้พยักหน้า “อืม คือเขา”
“โห ร้ายกาจเกินไปปะ พวกเราถึงกับได้เห็นหลี่ซูถง!” มีคนอุทาน
หลิวเต๋อจู้ทำท่าทางลึกล้ำสุดจะหยั่งตั้งแต่ต้นจนจบ
เพียงแต่ในจิตใจเขาก็เกิดพายุกระหน่ำ:
บอสใหญ่ลึกลับที่สวมหน้ากากหน้าแมวคนนั้นมีสถานะสูงถึงระดับไหนเนี่ยถึงสามารถทำให้สามคนนี้เต็มอกเต็มใจจะเล่นละครเป็นเพื่อน
ในระดับหนึ่ง เขายังตกตะลึงเสียยิ่งกว่าอวี๋จวิ้นอี้กับพวกอีก!
หลิวเต๋อจู้เก็บสติกลับมาอธิบายกับอวี๋จวิ้นอี้ว่า “คือว่า……หลังกลับไปก็อย่าไปจงใจป่าวประกาศ เก็บงำหน่อย แต่นายวางใจเถอะ มีฉันอยู่ในคุกนี้ ไม่มีใครกล้าทำยังไงกับนายหรอก”
อวี๋จวิ้นอี้เอ่ยอย่างตื่นเต้นดีใจว่า “งั้นฉันจะมีโอกาสกลายเป็นผู้เหนือมนุษย์เปล่า”
หลิวเต๋อจู้ตอบอย่างนิ่งเฉยว่า “ปัญหาไม่ใหญ่”
…………………………………..
ตอนที่ 105 – ออกไปเล่นอีก