ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2138 จะทำลายพวกเจ้า
“ข้าซาบซึ้งในน้ำใจของหอหมอทมิฬมาก แต่ข้าเป็นเพียงผู้บำเพ็ญอิสระเท่านั้น จะให้ข้าไปเป็นแขกของท่านผู้ทรงเกียรติอย่างหอหมอทมิฬเช่นนี้ ข้ารับเอาไว้ไม่ไหวหรอกเจ้าค่ะ!” โม่ตี๋กล่าวอย่างดื้อรั้น
เมื่อได้ยินคำว่าหอหมอทมิฬ แทนที่มู่เฉียนซีจะวิ่งอ้อมไปอีกทางเพื่อหลบออกไป นางกลับเลือกที่จะอยู่ต่อทันที
รายชื่อผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตเป็นรายชื่อที่จูเชว่ทำขึ้นมาหลังจากที่ทำรายชื่อของอัจฉริยะออกมาแล้ว และผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตสิบอันดับแรกของราชวงศ์ตงหวง ล้วนมีแนวโน้มว่าจะสามารถเลื่อนขั้นเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ได้มากที่สุดทั้งนั้น
ส่วนมู่เฉียนซีเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตเท่านั้น ฉะนั้นจึงไม่ได้อยู่ในรายชื่อนี้ และไม่เคยสนใจมันมาก่อนเช่นกัน
“ดูเหมือนว่า คุณหนูโม่จะไม่ชอบดื่มสุราคารวะ แต่ชอบสุราลงทัณฑ์อย่างนั้นสินะ” พวกเขากล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ดูเหมือนว่าหอหมอทมิฬของพวกเจ้า ก็คงจะมีเจตนาที่ไม่ดีด้วยอย่างนั้นสินะ!” โม่ตี๋เผยสีหน้าที่จริงจังออกมา
ศัตรูมีจำนวนเยอะกว่าเช่นนี้ วันนี้นางตกอยู่ในอันตรายเสียแล้ว
“โจมตี!”
ทันทีที่สิ้นเสียงออกคำสั่ง เหล่าลูกน้องของหอหมอทมิฬเหล่านั้นก็รีบลงมืออย่างทนรอไม่ไหวอีกต่อไป
และในเวลานั้นเอง ก็มีใครอีกคนหนึ่งเข้ามา
มู่เฉียนซีมองแล้วก็รู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย นั่นไม่ใช่คนที่มาแย่งเหยื่อของนางไปในตอนแรกคนนั้นหรอกหรือ?
“เฮ้อ! เป็นเจ้านี่เอง คิดไม่ถึงว่ามาจนถึงที่นี่แล้วยังอยู่อย่างปลอดภัยได้อีก?” คนผู้นั้นกล่าวอย่างประหลาดใจ
หลี่ลี่ก็เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตที่มีชื่ออยู่ในรายชื่อผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตเช่นกัน ที่เขามาที่นี่ในวันนี้ก็เพราะต้องการมาท้าทายกับหญิงสาวโม่ตี๋ผู้นี้ เพื่อที่จะไต่อันดับขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง
แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าโม่ตี๋จะไปล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกินเข้าให้แล้ว หากต่อสู้กับสำนักหมอทมิฬแล้วละก็ เกรงว่าคงจะไม่มีโอกาสได้ท้าทายนางอีกเป็นแน่
“หอหมอทมิฬอันทรงเกียรติ อีกทั้งยังเป็นถึงกองกำลังระดับสี่ครึ่ง ข้าโม่ตี๋ไม่เคยไปล่วงเกินพวกท่านมาก่อน เหตุใดพวกท่านถึงทำให้ชีวิตของข้าต้องมาลำบากเช่นนี้ด้วย!” โม่ตี๋กล่าวอย่างเย็นชา
“พวกเราไม่ต้องการที่จะทำให้เจ้าลำบาก เพียงแค่ต้องการเชิญเจ้าไปเป็นแขกเท่านั้น! แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะไม่รู้จักดีชั่วเช่นนี้!”
โม่ตี๋รู้ดีว่านางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนเหล่านี้ นางเตรียมพร้อมที่จะหนี แต่ยังไม่ทันที่จะหนีไปได้ไกลนัก กลับถูกพวกเขาขวางเอาไว้เสียก่อน
“คุณหนูโม่ เจ้าหนีไปไหนไม่รอดหรอก!”
“หากเจ้ายอมถูกจับอย่างเชื่อฟัง มันจะได้ลำบากน้อยลง!”
ตูมมม!
ทันใดนั้นโม่ตี๋ก็ถูกพวกเขาทำให้บาดเจ็บสาหัส และความคิดที่จะหลบหนีในเวลานี้ก็แค่เพียงแค่เรื่องที่เกินตัวไปเสียแล้ว ฉะนั้นนางจึงทำได้แค่สู้อย่างสุดชีวิตเท่านั้น
ถึงอีกฝ่ายจะมีจำนวนคนที่มากกว่า แต่โม่ตี๋ก็ยังคงยืนหยัดต่อสู้อย่างเข้มแข็งอยู่ดี
มู่เฉียนซีชี้ไปที่คนของหอหมอทมิฬเหล่านั้นพลางกล่าวว่า “ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตขั้นสูงสุดสามคน ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ขั้นต่ำสามคน!”
คนของสำนักหมอทมิฬจ้องเขม็งไปที่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตในรายชื่อผู้นั้น โดยที่ไม่รู้ว่ากำลังวางแผนอะไรกันอยู่?
แม้ว่านางจะทำลายสิ่งของที่อยู่บนเกาะหมู่เกาะเฮยสุ่ยเหล่านั้นไปแล้ว แต่เจ้าสำนักหมอทมิฬก็ไม่มีทางที่จะยอมละทิ้งความทะเยอทะยานของตนเองแน่
และแม้ว่าจะเคยเผชิญหน้ากันมาแล้ว แต่นางจะไม่มีทางยอมให้พวกเขาบรรลุเป้าหมายอย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เสี่ยวหง อู๋ตี้ เสี่ยวโม่โม่ ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น พวกเจ้าแบ่งไปสู้กันตัวละคน! จัดการอย่างรวดเร็วและฉับไวด้วย!”
“ขอรับ/เจ้าค่ะ!”
เมื่อพูดจบ มู่เฉียนซีก็พุ่งทะยานออกไป
หลี่ลี่กล่าวอย่างตกใจว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าสาวน้อยคนนั้นจะพุ่งออกไป นางอยากตายอย่างนั้นหรือ! นี่นางเป็นญาติของโม่ตี๋หรือเป็นผู้ใดกันแน่?”
มู่เฉียนซีใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาหลายครั้ง และเข้าใกล้คู่ต่อสู้อย่างรวดเร็ว
พัดวิหคเฟิงหลิงวาดผ่านกลางอากาศในแนวโค้ง จากนั้นก็พุ่งเข้าโจมตีคู่ต่อสู้ทันที
พรวดด!
ทันใดนั้น พวกของอู๋ตี้ เสี่ยวหงและเสี่ยวโม่โม่ก็จัดการคนเหล่านั้นได้แล้ว ซึ่งตอนนี้ก็เหลือแค่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับสูงสุดที่ยืนตัวสั่นเทาอยู่เพียงแค่สองคนเท่านั้น
“ตายแน่ หากเป็นเช่นนี้ต้องถูกฆ่าแน่!”
หลี่ลี่ก็จ้องมองไปยังร่างเงาสีม่วงนั้นด้วยความตื่นตะลึงเช่นกัน “นะ…นี่เป็นไปได้อย่างไร? นางไม่ได้เป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตอย่างนั้นหรือ?”
แม้ว่าจะเป็นเขา แต่ก็ไม่สามารถทำถึงขนาดนี้ได้แน่
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าได้ช่วยนางเอาไว้ แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าเดิมทีแล้วคนผู้นี้ไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากเขาเลย และถือว่าเขาไปแย่งเหยื่อของนางด้วยซ้ำ
หากว่าตอนนั้นนางคิดเล็กคนน้อยละก็ คาดว่าเขาน่าจะกลายเป็นศพที่นอนอยู่บนพื้นเหมือนกับคนเหล่านั้นเป็นแน่
“เจ้าคือผู้ใดกัน? พวกข้าเป็นลูกศิษย์ของสำนักหมอทมิฬเชียวนะ!” การสังหารอันโหดเหี้ยมของมู่เฉียนซี เกือบทำให้พวกเขาเหล่านั้นหวาดกลัวจนหมดสติไปเลยทีเดียว
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นเล็กน้อย และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “บังเอิญจังเลย! คนที่ข้าอยากจะทำลาย ก็คือหอหมอทมิฬของพวกเจ้านั่นแหละ มีปัญหาหรืออย่างไร?”
“หากมีปัญหาพวกเจ้าก็จงกลั้นเอาไว้เถิด เพราะถึงอย่างไรเจ้าก็สู้ข้าไม่ได้! คุณหนูโม่ สองคนนี้ข้าขอฝากให้เป็นหน้าที่ของเจ้าก็แล้วกัน” มู่เฉียนซีกล่าวกับโม่ตี๋
โม่ตี๋กล่าวตอบว่า “ขอบคุณแม่นางที่ช่วยเหลือเจ้าค่ะ!”
ด้วยเหตุนี้นางจึงหยิบดาบของตนเองขึ้นมา และสังหารทั้งสองคนนั้นทันที
เดิมทีแล้วพวกเขาค่อนข้างได้เปรียบในการต่อสู้แบบสองต่อหนึ่ง แต่ทว่าตอนนี้พวกเขาถูกมู่เฉียนซีทำให้หวาดกลัวจนอกสั่นขวัญแขวน และไม่เหลือจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อีกแล้ว
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!
ในที่สุดพวกเขาก็ถูกโม่ตี๋สังหาร
และก่อนที่พวกเขาจะสิ้นลมหายใจ ก็กล่าวขึ้นมาอย่างโกรธเคืองว่า “สำนักหมอทมิฬของพวกข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่ ไม่มีทางแน่นอน...”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “คนที่ดูการแสดงอยู่ตรงนั้น เจ้าดูพอแล้วหรือยัง?”
หลี่ลี่รู้สึกขนลุกด้วยความหวาดกลัวขึ้นมาทันที และไม่กล้าที่จะหลบซ่อนอีกต่อไป เขาจึงกระโดดออกมาแล้วกล่าวว่า “ข้าคือหลี่ลี่ อยู่ในลำดับที่ยี่สิบเอ็ดของรายชื่อผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูต ต้องการที่จะมาท้าทายกับแม่นางโม่! แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ข้ายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแม่นางโม่ เช่นนั้นไว้ข้าจะหาโอกาสมาท้าทายแม่นางโม่ใหม่อีกครั้งก็แล้วกัน”
“ส่วนแม่นางท่านนี้ ก่อนหน้าข้าได้ล่วงเกินท่านไปมาก โปรดอภัยด้วย!” หลังจากนั้นเขาก็กล่าวกับมู่เฉียนซีอย่างระมัดระวัง
คนผู้นี้ไม่ได้คิดที่จะตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกนาง ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “เจ้าออกไปอย่างปลอดภัยได้ แต่ทว่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ ข้าไม่ต้องการให้คนอื่นรับรู้ เจ้าเป็นคนที่มีชื่ออยู่บนรายชื่ออัจฉริยะ ฉะนั้นการตามหาตัวเจ้าก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย”
“กองกำลังหลักอย่างสำนักหมอทมิฬรังแกคนอื่น นี่คือความผิดของพวกเขา และที่พวกเขาถูกฆ่าก็เป็นเพราะความสามารถของพวกเขาด้อยกว่าผู้อื่น! ฉะนั้นข้าไม่มีทางบอกเรื่องนี้กับผู้ใดแน่นอน” เขากล่าวอย่างร้อนรน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้าก็ไปได้แล้ว!”
“ขอรับ! ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
โม่ตี๋มองไปทางมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “เจ้าคือมู่เฉินซีใช่หรือไม่?”
“เจ้ารู้จักข้าอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าลองคิดอย่างถี่ถ้วนดูแล้ว ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตที่มีพลังในการต่อสู้ต้านสวรรค์เช่นนี้ ก็มีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้น พรสวรรค์ของเจ้า ทำให้เหล่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตที่อยู่ในรายชื่อผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตต่างพากันอิจฉาทั้งนั้น” โม่ตี๋กล่าว
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดสำนักหมอทมิฬถึงได้ตามรังควานเจ้าเช่นนี้?”
“ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน ข้าไม่เคยทำให้คนของสำนักหมอทมิฬต้องขุ่นเคืองใจมาก่อน ที่มาที่นี่ก็เพื่อที่จะหาโอกาสในการบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ข้าก็คิดไม่ถึงว่าสำนักหมอทมิฬจะมาหาเรื่องถึงที่เช่นนี้” โม่ตี๋กล่าวอย่างไม่เข้าใจสิ่งนี้เลยแม้แต่น้อย
“หากข้าสามารถบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ และมีชีวิตออกไปจากเทือกเขาแห่งความตายได้ ข้าจะตอบแทนแม่นางมู่ที่ช่วยชีวิตข้าไว้อย่างแน่นอน”
เมื่อตอนที่นางเข้ามาก็ตัดสินใจเอาไว้แล้วว่า หากไม่ตายอยู่ที่นี่ ก็ต้องบรรลุให้ได้
“อยากตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิต ก็ตอบแทนเสียตอนนี้เลยไม่ดีกว่าหรือ? เจ้ามาฝึกฝนเพื่อจะบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ ส่วนข้ามาก็เพื่อที่จะบรรลุผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุด นอกจากนี้เจ้ายังมีความคุ้นเคยต่อเทือกเขาแห่งความตายมากกว่าข้า เช่นนั้นต่อจากนี้ไปพวกเราก็มาฝึกฝนด้วยกันเถอะ!” มู่เฉียนซีกล่าว
ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตคนหนึ่งกับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตขั้นสูงสุดคนหนึ่งบุกทะลวงเทือกเขาแห่งความตายไปพร้อมกัน ถึงแม้ว่ามันจะกลายเป็นตัวถ่วงไปอย่างสมบูรณ์ แต่ทว่ามู่เฉียนซีกลับต้องการความอันตรายระดับนี้อยู่พอดี
“ข้าไม่รู้ว่าสำนักหมอทมิฬจะส่งคนมาอีกหรือไม่ ฉะนั้นข้าจึงเกรงว่าแม่นางมู่อาจจะต้องมาเกี่ยวพันกับข้าไปด้วยก็เป็นได้” โม่ตี๋กล่าวอย่างสงบ
“มาก็ดีน่ะสิ พวกเขามามากเท่าไร ข้าก็จะฆ่ามากเท่านั้นนั่นแหละ! แม้ว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะบุกทะลวงเข้าไปในฐานหลักของพวกเขา แต่ถ้าหากพวกเขามาหาเรื่องถึงที่ ถึงจะให้ข้าจัดการอีกหลายคนก็ย่อมได้!” สำหรับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ มู่เฉียนซีไม่เพียงแต่ไม่กลัวเท่านั้น แต่นางกลับมีความสุขมากอีกด้วย
“แม่นางมู่มีความแค้นกับสำนักหมอทมิฬอย่างนั้นหรือเจ้าคะ?”
“ใช่แล้วล่ะ! ฉะนั้นไม่ต้องพูดว่าจะเดือดร้อนหรือไม่ เพราะหากพวกเขารู้ว่าเป็นข้า คาดว่าพวกเขาคงตั้งเป้าหมายเป็นข้าแทนอย่างแน่นอน”