ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2137 เทือกเขาแห่งความตาย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้านี่จะหลงตัวเองเกินไปแล้ว!”
หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ ตระกูลเป่ยอวิ๋นได้ทำให้เจ้าเมืองเป่ยหวางขุ่นเคือง บวกกับที่พวกเขาไม่สามารถลดราคาของยาลูกกลอนไปได้ตลอด ดังนั้นจึงถูกหอหมอปีศาจแย่งเอาตลาดไปมากกว่าครึ่ง และพวกเขาก็เสียหายจนไม่สามารถฟื้นฟูได้อีก!
มู่เฉินซีได้รับการกล่าวขานว่าเป็นอัจฉริยะนักปรุงยาอันดับหนึ่งของราชวงศ์ตงหวง และยังเป็นนักปรุงยาของหอหมอปีศาจอีกด้วย ซึ่งประกาศนี้ก็ได้ถูกแพร่กระจายไปทั่วทุกสารทิศของราชวงศ์ตงหวงเลยทีเดียว
นอกจากนี้การพัฒนาของดินแดนทางทิศตะวันตกก็เป็นไปอย่างราบรื่นเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็ตัดสินใจกับว่านซือเยี่ยนว่า จะเริ่มทำการพัฒนาไปยังดินแดนทางตอนกลางต่อ
ดินแดนทางตอนกลางนั้นเป็นพื้นที่หลักของราชวงศ์ตงหวง ซึ่งมีกองกำลังที่แข็งแกร่งมากมายรวมตัวกันอยู่ที่นี่ นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้กับพระราชวังของราชวงศ์ตงหวงอีกด้วย
ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่มีความซับซ้อนมากที่สุด อีกทั้งยังจำเป็นที่จะต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษอีกด้วย
ว่านซือเยี่ยนกล่าวว่า “เจ้าไม่ตื่นเต้นเลยหรือ? หากถูกราชวงศ์ตงหวงสนใจ หรือถูกจับตามอง พวกเขาอาจจะลงมือโจมตีหอหมอปีศาจด้วยก็เป็นได้! เนื่องจากว่าหอหมอปีศาจมีความก้าวหน้าที่รวดเร็วเกินไป และตอนนี้ก็ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมายแล้วด้วย”
“ไม่ตื่นเต้นหรอก! เพราะให้เจ้ารับหน้าที่ไปก็จบแล้ว เจ้าเป็นถึงพ่อค้าอัจฉริยะอันดับหนึ่งเชียวนะ! หอหมอปีศาจของข้าก็แค่ขายยาเท่านั้น ไม่ได้ทำผิดกฎหมายเสียหน่อย!”
“นี่เจ้าจะเป็นเสือนอนกินหรือ กำไรก็น้อยนิด ยังคิดจะให้ข้าจัดการเรื่องทั้งหมดเองอีกอย่างนั้นหรือ?” ว่านซือเยี่ยนกล่าวด้วยความโกรธ
“กำไรน้อยหรือ? แล้วเหตุใดข้าถึงได้ยินมาว่าช่วงนี้เจ้านับเงินจนจะเป็นตะคริวเลยล่ะ!” มู่เฉียนซีกล่างพลางหัวเราะคิกคัก
“อย่างไรก็ตาม เจ้าก็ต้องเตรียมตัวสำหรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดไว้ด้วย! ถึงจะอาศัยหุ่นวิญญาณเหมันต์ของเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์ มันก็ยังไม่พอหรอก! นอกจากนี้สมาคมการค้าเฉินซีของข้าก็ไม่คิดที่จะต่อสู้กับราชวงศ์ตงหวงเพื่อหอหมอปีศาจด้วย หากต้องทำเรื่องที่เสียสละอย่างยิ่งใหญ่เช่นนั้น ข้าคงได้ทิ้งชีวิตเอาไว้ที่นี่เป็นแน่” ว่านซือเยี่ยนกล่าว
“ข้าเข้าใจแล้ว!” มู่เฉียนซีรู้ดีว่า หากเข้าไปใกล้ดินแดนทางตอนกลาง มันก็อาจจะไปสัมผัสโดนทุ่นระเบิดของราชวงศ์ตงหวงได้อย่างง่ายดายเช่นกัน
อย่างไรเสีย ผู้ที่ควบคุมราชวงศ์ตงหวงในเวลานี้ก็ไม่ใช่คนดีเท่าไรนัก อีกทั้งไม่ใช่คนใจกว้างอีกด้วย
“ดังนั้น ข้าจึงเตรียมตัวที่จะออกไปหาประสบการณ์ เพื่อยกระดับความสามารถ ถึงตอนนี้จะกังวลมากมายไปก่อนก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี และเรื่องยกระดับความสามารถนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าด้วย”
ว่านซือเยี่ยนกล่าวว่า “ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าอย่างเจ้า แม้ว่าจะยกระดับแล้ว ก็ยังไม่เพียงพอที่จะเผชิญหน้ากับยอดฝีมือของราชวงศ์ตงหวงอยู่ดี!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนี้ ข้าขอเพียงแค่มีความสามารถพอที่จะจัดการมู่หลินหลางได้ก็พอแล้ว”
ว่านซือเยี่ยนอยากจะบอกว่าให้ยุ่งอยู่แต่กับการหาเงินก็พอ เหตุใดถึงต้องเสียเวลาไปฝึกฝนด้วย
แต่ช่วงนี้ก็ยังไม่มีปัญหาใหญ่อะไร ฉะนั้นเขาจึงรู้ดีว่าการเลือกไปฝึกฝนหาประสบการของนางนั้นถูกต้องแล้ว
“เจ้าเตรียมที่จะไปฝึกฝนที่ใดกัน”
“เทือกเขาแห่งความตาย!”
“เจ้าคิดจะไปหาที่ตายอย่างนั้นหรือ? เป็นเพียงแค่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าแต่จะไปเทือกเขาแห่งความตายอย่างนั้นหรือ?” สีหน้าที่จริงจังปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของว่านซือเยี่ยน
“ข้าต้องการแรงกดดันที่มหาศาลและการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อที่จะทำให้ข้าสามารถบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุดให้ได้”
มู่เฉียนซีออกเดินทางทันที นางอยากออกไปฝึกฝนหาประสบการณ์เพื่อบรรลุให้เร็วกว่านี้ แต่ทว่าหอหมอปีศาจกำลังก้าวหน้าครั้งยิ่งใหญ่ แม้ว่าจะมีสมาคมการค้าเฉินซีคอยช่วยเหลือ แต่ก็ไม่อาจที่จะขาดนางผู้เป็นเจ้าหอได้อยู่ดี
แต่ในตอนนี้เรื่องราวทั้งหมดได้จบลงแล้ว เช่นนั้นแน่นอนว่านางก็ต้องดำเนินการต่ออยู่แล้ว
เทือกเขาแห่งความตาย คือหนึ่งในสิบดินแดนต้องห้ามที่อันตรายถึงชีวิตของราชวงศ์ตงหวง
ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมไม่ไปดินแดนต้องห้ามอื่น นั่นก็เป็นเพราะว่าดินแดนต้องห้ามเหล่านั้นหากระดับต่ำกว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์เข้าไปก็คงจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน
แม้ว่าเทือกเขาแห่งความตายนี้ฟังดูแล้วจะน่าสะพรึงกลัวไปสักหน่อย แต่ทว่าผู้ที่มีระดับต่ำกว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ยังพอมีโอกาสรอดชีวิตอยู่บ้าง!
มู่เฉียนซีได้ให้เสี่ยวโม่โม่พานางบินไปจนถึงเทือกเขาแห่งความตาย และเบื้องหน้าของนางนั้นก็มีกลิ่นอายแห่งความตายแพร่กระจายออกมา ซึ่งมันก็ทำให้มู่เฉียนซีรู้ว่าตนเองได้มาถึงจุดหมายปลายท่านแล้ว
และในตอนที่อยู่รอบนอก มู่เฉียนซีก็กระโดดลงมาจากร่างของเสี่ยวโม่โม่ หลังจากนั้นก็พุ่งเข้าไปข้างในเทือกเขาแห่งความตาย
มีกลิ่นอายแห่งความตายไหลเวียนอยู่รอบนอก และมู่เฉียนซีก็หมุนเวียนพลังวิญญาณเพื่อสกัดกั้นมันเอาไว้ และพุ่งทะยานเข้าไปด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด
ในเวลานี้มีคนสังเกตเห็นนางและกล่าวว่า “นั่นมันผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตมิใช่หรือ? นางเข้ามาข้างในนี้เพราะอยากจะฆ่าตัวตายอย่างนั้นหรือ?”
“เจ้ามองผิดไปแล้วหรือเปล่าน้องชาย! ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตที่ไหนจะคิดสั้นขนาดนั้นกัน?”
“ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตไม่มีทางมีความเร็วเช่นนี้ได้หรอก เอ๋อร์ไคว่ เจ้าต้องมองผิดไปเป็นแน่”
“แต่ว่า ข้าเห็นชัด…”
มีผู้คนมากมายมายังเทือกเขาแห่งความตายเพื่อฝึกฝนหาประสบการณ์ นอกจากนี้ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตขั้นสูงสุดบางคน ที่ไม่สามารถบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ได้ ก็มักจะมาที่นี่เพื่อเสี่ยงโชค
เพราะถ้าหากว่าโชคดี บางทีก็อาจจะสามารถบรรลุได้!
แต่หากโชคไม่ดีแล้วละก็ คาดว่าน่าจะต้องตายอยู่ที่นี่ตลอดไปเป็นแน่
ซึ่งคนส่วนใหญ่ ล้วนโชคไม่ดีกันทั้งนั้น แต่นั่นก็ไม่สามารถขัดขวางจำนวนผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามามากขึ้นอย่างต่อเนื่องได้เลย
เพราะการบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์สำหรับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตนั้น เป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจที่สุดแล้วนั่นเอง
ซึ่งที่นี่ก็มีสัตว์วิญญาณที่อันตรายอยู่ด้วย และหลังจากที่มู่เฉียนซีมาจากรอบนอก ก็ได้เผชิญหน้าเข้ากับมันทันที
สัตว์วิญญาณเหล่านี้ ไม่ได้ไม่มีสติปัญญาเหมือนกับสัตว์ประหลาดผลึกโลหิตที่เจอตอนอยู่ในดินแดนต้องห้ามจันทราโลหิตก่อนหน้านี้
และแม้ว่าสัตว์วิญญาณที่อยู่ภายในนี้จะมีสติปัญญาที่สู้มนุษย์ไม่ได้ แต่ก็ถือว่าฉลาดและมีไหวพริบเป็นอย่างมากอยู่ดี!
“โฮกกกก!” สัตว์ร้ายส่งเสียงร้องคำรามลั่น และจากนั้นมันก็พุ่งตรงเข้าจู่โจมมู่เฉียนซี
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุด มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตขั้นสูงสุดเลยทีเดียว
แต่ทว่าที่เทือกเขาแห่งความตายแห่งนี้ สัตว์วิญญาณที่มีความสามารถเช่นนี้ถึงว่าอยู่เพียงแค่ระดับล่างเท่านั้น
พลังวิญญาณธาตุวายุระเบิดออก และสัตว์ศักดิ์สิทธิ์นี้ก็ไม่สามารถไล่ตามความเร็วของมู่เฉียนซีได้ทัน
นี่คือมนุษย์ที่อ่อนแอที่สุดเท่าที่มันเคยเจอมาเลย และนางก็เพียงแค่วิ่งได้เร็วเท่านั้นอีกด้วย
สำหรับมันนั้นความมั่นใจเป็นอย่างมากในการจัดการมนุษย์คนหนึ่งอยู่แล้ว
ในดวงตาของมันมีแสงอันโหดเหี้ยมสว่างวาบขึ้น และเขี้ยวอันแหลมคมนั้น ก็ต้องการที่จะฉีกมู่เฉียนซีออกเป็นชิ้น ๆ
แต่ทว่าในเวลานี้เอง ก็มีกระบี่เล่มหนี่งปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน ซึ่งมันวาดผ่านลงมาราวกับสายฟ้าฟาดก็มิปาน
ฉัวะ!
และจากนั้นมันทะลุมาจากด้านหลังของสัตว์ร้ายตัวนี้ พร้อมกับเลือดสด ๆ ก็กระเซ็นออกมา
สัตว์ร้ายนี้ยังคงหายใจอยู่ แต่ผลปรากฏว่าทันทีที่แสงสีขาวสว่างวาบขึ้น หัวของมันก็ถูกตัดออกไปในทันที และหลังจากนั้นเขาก็ดึงเอาแกนวิญญาณของมันออกมา
หลังจากที่เสร็จสิ้นแล้วทั้งหมด เขาเพิ่งจะสังเกตุเห็นมู่เฉียนซีที่อยู่อีกด้านหนึ่ง
“เป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตยังจะวิ่งมาที่นี่อีก การที่ได้เจอข้าในวันนี้ถือว่าเป็นโชคดีของเจ้าแล้ว! และก่อนที่ความโชคดีจะถูกใช้ไปจนหมดลง ข้าขอแนะนำให้เจ้ารีบออกไปจากเทือกเขาแห่งความตายนี้ก่อนจะดีกว่า อย่าได้มาตายก่อนวัยอันควรเลย”
นี่คือผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตขั้นสูงสุดคนหนึ่ง ซึ่งอีกเพียงก้าวเดียวเขาก็จะสามารถบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว
และเมื่อเผชิญหน้ากับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูต แน่นอนว่าท่าทีของเขาย่อมกลายเป็นสูงส่งมากขึ้นอยู่แล้ว
หลังจากที่เขาจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้จากไปอย่างรวดเร็ว
ทว่าภายในใจของเขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เขาช่วยหญิงสาวคนนั้นไว้เชียวนะ คิดไม่ถึงว่าจะไม่มีคำขอบคุณเลยแม้แต่คำเดียว
เข้ามาแทรงแซงและจัดการเหยื่อตัวแรกของคนอื่นไปแล้ว ยังมีหน้ามาคิดว่าตนเองถูกอีก
แต่เนื่องจากว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาจะฆ่านาง ฉะนั้นนางจึงขี้เกียจเกินกว่าที่จะลงมือ
หลังจากนั้นนางก็พรุ่งตรงไปยังอีกทางหนึ่ง และพยายามค้นหาเหยื่อตัวต่อไป
แม้ว่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของเทือกเขาแห่งความตายนี้จะมีสติปัญญา แต่มันก็มีความกระหายเลือดและเหี้ยมโหดกว่าสัตว์วิญญาณที่อยู่ข้างนอกนั้นมากมายนัก และเมื่อไรก็ตามที่มู่เฉียนซีได้เจอกับตัวที่สู้ได้ แน่นอนว่านางก็ตั้งใจสู้อย่างเต็มที่อยู่แล้ว
หากสู้ไม่ได้ ก็แน่นอนว่าต้องหนีไปด้วยความรวดเร็วอยู่แล้ว เพราะนางมาเพื่อแสวงหาโอกาสไม่ได้มารนหาที่ตายเสียหน่อย
ตลอดทางมู่เฉียนซีได้รับอะไรมามากมาย แต่ส่วนที่อันตรายที่สุดของดินแดนต้องห้ามแห่งความตายนี้ไม่ใช่สิ่งที่มู่เฉียนซีได้เผชิญหน้าเหล่านี้เลย
และนางก็ยังไม่ได้เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่อันตรายอย่างแท้จริงเลยด้วยซ้ำ
ขณะนี้มู่เฉียนซีเริ่มเข้าไปใกล้ส่วนลึกของเทือกเขาแห่งความตายมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว และตอนนี้หญิงในชุดคลุมดำคนหนึ่งก็กำลังถูกคนกลุ่มหนึ่งไล่ล่าอยู่
เรื่องเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยในดินแดนต้องห้ามแบบนี้
“โม่ตี๋ สิบอันดับแรกในรายชื่อผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูต พวกเราหอหมอทมิฬอยากที่จะเชิญเจ้าไปเป็นแขก หรือว่าเจ้าจะไม่ให้เกียรติพวกเราหอหมอทมิฬเลยอย่างนั้นหรือ?” ผู้นำของคนกลุ่มนั้นกล่าวอย่างเคร่งขรึม
.