ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2130 ผีผู้โดดเดี่ยว
มู่เฉียนซีไม่คิดที่จะปิดบัง นางจึงได้เล่าเรื่องที่นางแกล้งว่านซือเยี่ยนทั้งหมดให้เขาฟัง
อากุ่ยหัวเราะขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ฮ่าฮ่า! พี่เยี่ยนคิ้วยาวอย่างนั้นหรือ น่าเสียดายที่ข้าไม่มีโอกาสได้เห็นมัน!”
“หากเจ้าอยากจะเห็นมัน ที่ข้ายังมียาน้ำนั้นเหลืออยู่ รอวันไหนที่เขานอนหลับไปแล้วเจ้าก็แอบเอามันไปหยดให้เขาได้เลย!” และมู่เฉียนซียัดยาขวดหนึ่งไปให้เขา!
“ดีเลย! เอาสิ!” อากุ่ยนั้นมีความอยากที่จะลองดูเป็นอย่างมาก
และในตอนที่ว่านซือเยี่ยนกำลังตามหามู่เฉินซีเพื่อคิดบัญชี ทันใดนั้นหลังของเขาก็เย็นวาบขึ้นมาอย่างกะทันหัน นี่มีใครกำลังวางแผนทำอะไรเขาอย่างนั้นหรือ?
คิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงคนนั้นจะขอให้อากุ่ยช่วยเหลือ หากอากุ่ยต้องการที่จะช่วยเหลือละก็ คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะคิดบัญชีกับผู้หญิงคนนั้นที่นี่ได้
และเมื่อเขากลับไปส่องกระจก ก็พบว่าในที่สุดขนคิ้วของเขาก็ฟื้นฟูจนกลับมาเป็นปกติแล้ว
เขาไม่มามัวเสียเวลากับผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว เพราะในอนาคตยังมีเงินอีกมากมายที่รอเขาอยู่นั่นเอง!
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ คนของหอโอสถว่านฉงคิดหาวิธีที่จะสอบถามข่าวคราวของมู่เฉินซี และอยากจะถามอาการของมู่เฉินซีว่าดีขึ้นแล้วหรือยัง
ว่านซือเยี่ยนกล่าวอย่างเหลืออดว่า “หากพวกเข้าอยากรู้ ก็ไปดูด้วยตาตนเองเลยสิ!”
“ข้าก็เป็นนักปรุงยาขั้นศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งเช่นกัน ฉะนั้นจึงสามารถช่วยแม่นางมู่ฟื้นตัวได้พอดี ไม่ทราบว่าแม่นางมู่พักอยู่ที่ใดอย่างนั้นหรือ?”
แต่ทว่า หลังจากที่ว่านซือเยี่ยนได้แจ้งที่อยู่ของมู่เฉียนซีแล้ว คนที่มาสอบถามเหล่านั้นก็ถึงกับพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว
“พระเจ้า! ที่นั่นคือคฤหาสน์ผีสิงโยวหมิงมิใช่หรือ?”
“เหตุใดแม่นางมู่ถึงไปอาศัยอยู่ที่นั่นได้?”
“แม่นางมู่ยังอยู่ดีใช่หรือไม่?”
ว่านซือเยี่ยนกล่าวว่า “นางรู้สึกว่าสภาพแวดล้อมที่นั่นไม่เลวเท่าไรนัก ดังนั้นจึงเลือกที่จะอยู่ที่นั่น เพราะอย่างไรเสียที่นั่นก็เป็นบ้านที่สมาคมการค้าเฉินซีของพวกข้าซื้อเอาไว้”
“หากพวกเจ้าต้องการที่จะไปพบนางแล้วละก็ ข้าสามารถให้คนไปส่งพวกเจ้าได้!”
“ไม่ ๆ ๆ…พวกเราขอตัวก่อนดีกว่า!”
“ข้าเพิ่งคิดขึ้นมาได้ว่าวันนี้พวกข้ามีเรื่องที่จะต้องไปจัดการสักหน่อย เช่นนั้นพวกข้าขอตัวก่อน!”
“……”
เมื่อกล่าวว่าต้องไปบ้านผีสิง คนเหล่านี้ก็วิ่งหนีไปเร็วยิ่งกว่ากระต่ายเสียอีก
ต้องรู้ว่าในเมืองหุยชุนที่แคบ ๆ แห่งนี้ บ้านผีสิงหลังนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงมากเลยทีเดียว และมีข่าวลือว่าคนที่เข้าไปล้วนถูกทำให้หวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อกันไปหมด ฉะนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าไป
มุมปากของว่านซือเยี่ยนยกโค้งขึ้นมาเล็กน้อย ในที่สุดก็เงียบสงบได้เสียที
แต่ทว่าก็มีคนภายนอกบางคน ที่ไม่รู้ถึงความน่าหวาดกลัวของบ้านผีสิงหลังนี้
และทันทีที่พวกเขาได้ยินว่ามู่เฉียนซีอาศัยอยู่ที่นั่น อีกทั้งยังมียาวิญญาณขั้นเทวะอยู่ในมือของนางอีกด้วย ฉะนั้นจึงคิดจะโผล่ไปอย่างไม่เป็นความลับอีกต่อไป
แต่ทว่าหลังจากที่พวกเขาไปถึง กลับต้องเสียใจอย่างสุดซึ้งในทันที
“อ๊ากกก! ผีอ๊ากกก! ช่วยด้วย!”
“ข้าจะตายอยู่แล้ว!”
“……”
อย่างไรก็ตาม คนที่เข้าไปต่างก็ถูกทำให้หวาดกลัวไปหมดแล้ว
ถึงคิดอยากจะหนีก็หนีไม่พ้น จนกระทั่งวันรุ่งขึ้นพวกเขาต่างล้มลงกับพื้นด้วยน้ำลายที่ฟูมปาก และสุดท้ายก็ถูกคนที่อยู่ภายในจวนโยนออกไป
มีเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนดังออกมาทุกคืน และอากุ่ยก็ล่องลอยเข้ามาในห้องของมู่เฉียนซี เพื่อพูดคุยกับมู่เฉียนซีโดยเล่าถึงความหวาดกลัวของคนเหล่านั้น
“คนเหล่านี้ล้วนขี้ขลาดตาขาว ไม่มีความน่าสนใจเลยแม้แต่น้อย ขนาดเสี่ยวซียังแข็งแกร่งกว่าอีก! เจ้ารีบฟื้นตัวเร็ว ๆ หน่อยสิ!” อากุ่ยกล่าว
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “อากุ่ย เจ้าเป็นปรมาจารย์ค่ายกลอย่างนั้นหรือ?”
“ฮะ! ข้าไม่ใช่ปรมาจารย์ค่ายกลหรอก! ข้าเป็นเพียงแค่วิญญาณหนุ่มงดงามผู้โดดเดี่ยวและเบื่อหน่ายตนหนี่งเท่านั้น” อากุ่ยจ้องมองไปทางมู่เฉียนซี และกล่าวขึ้นมาอย่างจริงใจเป็นอย่างมาก
เจ้าหมอนี่แสร้งทำเป็นวิญญาณ จนตนเองกลายเป็นวิญญาณไปจริง ๆ แล้วสินะ!
หลังจากที่อยู่มาหลายวัน มู่เฉียนซีก็รู้สึกว่าการอยู่ที่นี่นั้นค่อนข้างดีเลยทีเดียว
เนื่องจากว่าไม่มีคนมาก่อกวนนาง มันจึงทำให้นางพักผ่อนได้อย่างสงบสุข
ในตอนที่มู่เฉียนซีฟื้นตัวเรียบร้อยแล้ว อากุ่ยก็แทบรอที่จะมาหามู่เฉียนซีไม่ไหวอยู่แล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้าสามารถสร้างฉากสุดสยองขวัญที่ข้าจิตนาการให้ปรากฏขึ้นมาได้ อีกทั้งยังสามารถทำให้ปรากฏอยู่ตรงหน้าผู้อื่นได้ด้วยใช่หรือไม่?”
“เรื่องเล็กน้อย!”
“เช่นนั้นพวกเราไปลากว่านซือเยี่ยนมาเล่นด้วยกันเถอะ! เพราะข้ามีฉากน่ากลัวมากมายที่อยากจะให้เขาได้เห็นสักหน่อย!”
อากุ่ยยิ้มจนดวงตาเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว และจากนั้นก็กว่าวอย่างตื่นเต้นว่า “เอาสิ ๆ!”
ด้วยเหตุนี้ ว่านซือเยี่ยนจึงได้ถูกมู่เฉียนซีและอากุ่ยหลอกเข้าจนได้
สิ่งที่มู่เฉียนซีทำให้เขาได้เห็นนั้น แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องที่น่าตื่นตกใจจนต้องประหลาดใจอยู่แล้ว
สีหน้าของว่านซือเยี่ยนเริ่มน่าเกลียดมากขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “อะไรกัน? คิดว่าข้าจะกลัวอย่างนั้นหรือ?”
“น่าขันนัก คิดว่าข้าจะกลัวของที่ไม่มีอยู่จริงพวกนี้หรือไง!”
“เอาล่ะ! เช่นนั้นพวกเราก็มาเล่นกันต่อเถอะ!”
อย่างไรเสีย สุดท้ายแล้วว่านซือเยี่ยนก็ถูกมู่เฉียนซีและอากุ่ยหลอกได้ในที่สุด พอถึงตอนรุ่งส่าง เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างหายไป สีหน้าของว่านซือเยี่ยนก็กลับมาดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ในเมื่อร่างกายของเจ้าฟื้นตัวแล้ว แถมยังมีอารมณ์ที่เล่นอยู่อีก! ฉะนั้นเจ้าควรจะเตรียมตัวไปงานประมูลยาลูกกลอนที่เกาะว่านฉงได้แล้ว!”
“เช่นนั้น ในเมื่อข้าเอาอันดับที่หนึ่งมาได้แล้ว! และข้าทำตามคำขอที่สองของเจ้าได้แล้ว ดังนั้นเจ้าก็ต้องตอบตกลงเรื่องที่สัญญากับข้าแล้วใช่หรือไม่?” มู่เฉียนซีเอ่ยปาก
“รอให้เจ้าได้เงินจากงานประมูลบนเกาะว่านฉงเป็นที่น่าพอใจสำหรับข้าก่อน แล้วเราค่อยมาคุยเรื่องต่อจากนั้นกัน”
“เอาอย่างนั้นก็ได้!”
“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนแล้วกัน!” ว่านซือเยี่ยนจากไปอย่างรวดเร็ว เพราะด้วยฝันร้ายเมื่อคืนนี้ ทำให้เขาไม่กล้าที่จะอยู่ที่นี่นานเกินไปนัก
มู่เฉียนซีจ้องมองไปยังแผ่นหลังของเขาที่รีบร้อนจากไป พลันแสยะยิ้มขึ้นมาพลางกล่าวว่า “ไหนบอกว่าชินแล้ว นี่มันก็ยังทำให้เจ้ากลัวได้เหมือนเดิมเลยนะไอ้หนู!”
ตอนนี้มู่เฉียนซีคุ้นเคยกับการอาศัยอยู่ในบ้านผีสิงแล้ว นอกจากอากุ่ยจะมีงานอดิเรกที่แปลกประหลาดอย่างการชอบทำให้คนต้องใจกลัวผีแล้ว นิสัยของเขายังน่ารักกว่าเจ้าคนขี้เหนียวอย่างว่านซือเยี่ยนผู้นั้นเสียอีก
ในตอนที่ว่านซือเยี่ยนบอกพวกเขาว่ามู่เฉียนซีฟื้นตัวแล้ว งานประมูลของเกาะว่านฉงก็ได้เตรียมพร้อมที่จะเริ่มต้นแล้ว ดังนั้นทุกคนจึงต่างก็ดีใจขึ้นมาทันที
และจดหมายเชิญฉบับหนึ่งก็ได้ถูกส่งมาถึงคฤหาสน์ผีสิงโยวหมิง ซึ่งมันได้ถูกนำมาส่งในเวลากลางวัน เพราะไม่มีผู้ใดกล้าที่จะมาในเวลากลางคืนนั่นเอง
ในตอนกลางวันสถานที่แห่งนี้ดูปกติเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีสาวใช้ที่อ่อนโยนมาเชิญเด็กส่งสารให้เข้าไปส่งจดหมายอีกด้วย “เชิญนั่งก่อนเจ้าค่ะ ข้าน้อยจะไปเชิญท่านมู่มาให้เองเจ้าค่ะ”
“ไม่รีบร้อน ๆ หากท่านมู่กำลังยุ่งอยู่ละก็ จะให้ข้ารออยู่ที่นี่ก่อนก็ได้”
ตอนนี้ฝ่ามือของเขานั้นเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น ต้องรู้ว่าท่านมู่ผู้นี้เป็นถึงอัจฉริยะที่พิชิตหอโอสถว่านฉงไปถึงหนึ่งพันเก้าชั้นเชียวนะ! และยังทำลายสถิติสูงที่สุดได้อีกด้วย
หลังจากนั้นเพียงไม่นานมู่เฉียนซีก็ได้มาถึงแล้ว และเขาก็เป็นคนมอบบัตรเชิญให้มู่เฉียนซีด้วยตนเองกับมือ
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าปรมาจารย์นักปรุงยาระดับตำนาน กลับมีอายุน้อยถึงเพียงนี้
“ท่านมู่ หากท่านมียาลูกกลอนที่ต้องการประมูลแล้วละก็ ท่านสามารถไปที่เกาะว่านฉงล่วงหน้าได้หนึ่งชั่วยาม เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราจะมีคนรอท่านอยู่ที่นั่นโดยเฉพาะขอรับ”
“ตกลง! ข้าจะไปล่วงหน้าหนึ่งชั่วยาม เมื่อถึงตอนนั้นคงต้องรบกวนทุกท่านแล้ว”
“ไม่รบกวนเลยขอรับ ไม่รบกวนเลย!” เขาถอนหายใจออกมา เพราะเกรงว่าอัจฉริยะท่านนี้จะไม่ยอมไป
และเมื่อทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว เขาก็ขอตัวกลับทันที
เนื่องจากว่าทุกคนเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ ดังนั้นทันทีที่ข่าวของมู่เฉียนซีแพร่ออกมา พวกเขาจึงรีบตอบรับการเข้าร่วมงานอย่างรวดเร็ว
ซึ่งเวลาของงานประมูล จะเริ่มต้นในคืนนี้
มู่เฉียนซีก็เริ่มเตรียมสิ่งของแล้วเช่นกัน มันมีทั้งยาลูกกลอนที่หอโอสถว่านฉงมอบให้เป็นรางวัล และยังมียาลูกและยาน้ำที่นางกลั่นด้วยตนเองอีกด้วย
ยามอาทิตย์อัสดง มู่เฉียนซีก็เตรียมที่จะออกเดินทาง ร่างเงาสีขาวร่างหนึ่งล่องลอยมาถึงตรงหน้าของมู่เฉียนซี
“เสี่ยวซี นี่เจ้ากำลังจะออกจากบ้านแล้วหรือ?”
“อื้ม! ข้าจะไปร่วงงานประมูลที่เกาะว่านฉง เมื่อเสร็จเรื่องแล้วค่อยกลับมาใหม่”
“งานประมูลอย่างนั้นหรือ! ข้าก็อยากไปเช่นกัน” อากุ่ยกล่าว
“ข้าคิดว่าอากุ่ยไม่อยากที่จะออกไปจากบ้านหลังนี้เองเสียอีกนะ!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ขอเพียงแค่เป็นตอนกลางคืน ข้าจะไปไหนก็ย่อมได้! แต่ทว่าหากเป็นตอนกลางวันข้าไม่อาจออกไปไหนได้ นั้นเป็นเพราะเมื่อโดนแสงแดดข้าจะกลายเป็นเถ้าถ่านไปในทันที”
มู่เฉียนซีเองก็จนปัญญาเช่นกัน เพราะเจ้าหมอนี่อินกับการแสดงมากไป จนคิดว่าตนเองนั้นกลายไปเป็นวิญญาณไปแล้วจริง ๆ
ในฐานที่เป็นหมอคนหนึ่ง มู่เฉียนซีรู้ดีว่าหัวใจของอากุ่ยยังคงเต้นและเขายังมีลมหายใจอยู่ ฉะนั้นเขาคือมนุษย์อย่างแน่นอน