ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2128 ท่านมองผิดไป
แม้ว่าบนสีหน้าของว่านซือเยี่ยนจะไม่ได้แสดงอะไรออกมามากมายนัก แต่ภายในใจของเขาก็ราวกับมีเลือดหยดเลยทีเดียว ซึ่งตอนนี้เขาก็เอาแต่กร่นด่าหญิงสาวจอมล้างผลาญที่กำลังนอนอยู่ตรงนี้
ว่านซือเยี่ยนกล่าวว่า “พาคนกลับไป! ผู้ใดกล้าขวาง ฆ่ามันให้หมด!”
“ขอรับ! นายน้อย!”
ในเมื่อมีคนของสมาคมการค้าเฉินซีอยู่ด้วย ฉะนั้นจึงไม่มีผู้ใดกล้าขวางทางแน่นอน
และตอนนี้หอโอสถว่านฉงก็ต้องการเริ่มเก็บกวาดพื้นที่ เขาจึงกล่าวว่า “ทุกท่านโปรดออกไปด้วย เขาว่านฉงไม่ใช่สถานที่ที่ผู้ใดจะเข้ามาได้ตามอำเภอใจ!”
เพราะวันนี้ตื่นเต้นมากเกินไป จนทำให้ทุกคนวุ่นวายขึ้นมาในพริบตา
อย่างไรเสียเรื่องที่สาวน้อยที่ชื่อว่ามู่เฉินซีผู้นั้นทำออกมา ก็เป็นเรื่องที่น่าตื่นตะลึงเกินไปอยู่ดี
หลังจากที่ผู้อาวุโสใหญ่ขับไล่คนออกไปแล้ว ก็กล่าวขึ้นมาว่า “อย่าคิดถึงยาขั้นเทวะนั้นอีกเลย รอให้แม่สาวน้อยผู้นั้นฟื้นฟูร่างกายจนฟื้นขึ้นมาก่อน เราค่อยเปิดงานประมูล ขอเพียงมีเงินและทรัพย์สมบัติ พวกเจ้าก็ยังมีโอกาสที่จะได้ยาลูกกลอนที่ถูกใจอยู่ดี”
“อิ อิ อิ! ที่ท่านผู้อาวุโสใหญ่กล่าวมาก็ถูก”
“ในเมื่อหอโอสถว่านฉงมีอัจฉริยะที่พิชิตมากกว่าหนึ่งพันชั้นปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว ฉะนั้นคราวนี้จะต้องมีเรื่องให้ประหลาดใจแน่นอน!”
“ข้าจะต้องกลับไปเตรียมเงินเสียหน่อยแล้วล่ะ!”
จากนั้นข่าวนี้ ก็ได้ถูกแพร่กระจายไปทั่วทั้งราชวงศ์ตงหวงเลยทีเดียว
ในอดีตที่ผ่านมาเหล่าผู้มีอำนาจที่วิสัยทัศน์สูงส่งมากมายไม่มีทางให้ความสนใจต่อหอโอสถว่านฉงมากเท่าไรนัก เนื่องจากว่าทุกครั้งแค่มีคนขึ้นไปถึงชั้นที่ห้าร้อยก็ถือว่าดีมากแล้ว และถึงแม้ว่าจะมีสมบัติ แต่ก็ไม่มีทางที่จะมีสมบัติที่ยอดเยี่ยมเกินไปอีกด้วย
แต่ทว่าคราวนี้มันกลับไม่เหมือนกัน! เพราะมีคนที่พิชิตไปถึงชั้นที่หนึ่งพันได้แล้ว ฉะนั้นสมบัตินั้นจะต้องอยู่เหนือจินตนาการของพวกเขาแน่นอน
“เร็วเข้า! เตรียมเดินทางไปที่เมืองหุยชุนกัน!”
“ข้าต้องการจะออกเดินทางทันที!”
“……”
มีผู้คนมากมายหลั่งไหลเข้ามายังเมืองหุยชุนอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งคาดว่าเมืองหุยชุนอาจจะกำลังเผชิญกับโอกาสทองที่หาได้ยากในรอบศตวรรษก็เป็นได้
มู่เฉียนซียังคงมีอาการเวียนศีรษะเมื่อตื่นขึ้นมา ซึ่งผลก็ปรากฏว่ามีเสียงร้องโหยหวนและเสียงหมาป่าหอนดังเข้ามาจากด้านนอกทันที
นางได้กลับมาถึงห้องที่ดูคุ้นเคย และบ้านผีสิงที่คุ้นเคยอีกครั้ง
แม้ว่าจะยังรู้สึกไม่สบายอยู่มาก แต่ทว่าพลังจิตวิญญาณก็ฟื้นตัวได้เร็วกว่าการฟื้นตัวโดยปกติของนางมากนัก
มู่เฉียนซีนึกไปถึงตอนที่หอโอสถว่านฉงรีบเร่งเอานางออกมา ซึ่งตอนนั้นมันก็ได้โยนสิ่งของบางอย่างออกมาด้วย
และก็เป็นอย่างที่คาดไว้ เพราะที่ข้างเตียงของนางก็ได้มียาขวดหนึ่งวางอยู่ และเมื่อมู่เฉียนซีดมกลิ่นก็รู้ได้ทันทีเลยว่ามันคืออะไร
“เจ้านั่นก็ใจดีมากเหมือนกันสินะ ถึงได้ส่งของแบบนี้ออกมาด้วย”
“ฮือออออ! ข้าตายอย่างเวทนาเหลือเกิน!”
“ข้าเกลียดชังสวรรค์ ข้าเกลียดที่ไปหลงเชื่อคนทรยศ”
“แม้ว่าข้าจะต้องกลายเป็นวิญญาณอาฆาต แต่ข้าก็จะคอยตามหลอกหลอนเจ้าตลอดไป”
สีหน้าของมู่เฉียนซีมืดมนลงเรื่อย ๆ นางกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “เจ้าหนูว่านซือเยี่ยนนั่นยังมีความเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่ พลังจิตวิญญาณของข้าบอบช้ำถึงขนาดนี้ คาดไม่ถึงเลยว่าจะโยนข้ามาไว้ในบ้านผีสิงเช่นนี้อีก คิดจะปล่อยให้ข้าถูกเจ้าพวกนี้ทรมานหรืออย่างไร?”
“รู้สึกตัวแล้วรึ!” ประตูถูกผลักให้เปิดออก
และเสียงทุ้มต่ำเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา “เหมือนว่าเจ้าจะมีความคิดเห็นต่อข้ามาเลยสินะ! ข้าไม่ได้โยนเจ้าไว้ในคูน้ำทิ้งเสียหน่อย อีกอย่างข้าก็รู้สึกว่าตัวข้าเองมีความเมตตาต่อเจ้ามากพอแล้วนะมู่เฉินซี!”
“อีกอย่างที่นี่ก็ไม่ต้องเสียเงิน นอกจากเรื่องผีที่มาหลอกแล้วก็ไม่มีสิ่งใดขาดตกบกพร่องเลย ฉะนั้นมันดีมากเลยไม่ใช่หรืออย่างไร?”
สีหน้าของมู่เฉียนซีเต็มไปด้วยความเอือมระอา แค่เรื่องผีหลอกนี่ก็เป็นข้อบกพร่องที่ร้ายแรงมากแล้วต่างหากล่ะ หากเป็นคนปกติถึงแม้ว่ามันจะไม่ต้องเสียเงินแต่ก็ไม่อยู่ที่นี่กันหรอก
ในตอนที่ว่านซือเยี่ยนเดินเข้ามา ก็มีร่างเงาสีขาวล่องลอยตามหลังเขามาด้วย และจากนั้นมันก็กล่าวอย่างอึมครึมว่า “อิ อิ อิ! พวกเราได้เจอกันอีกแล้ว”
มู่เฉียนซีลุกยืนขึ้นแล้วกล่าวว่า “ข้าต้องการจะออกไปจากที่นี่”
นางต้องการที่จะหาสถานที่ที่เงียบสงบในการฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณ ว่านซือเยี่ยนกล่าวว่า “เจ้าอยากที่จะไปที่ใด? เพราะข่าวที่เจ้าพิชิตขึ้นไปมากกว่าหนึ่งพันชั้นได้ถูกแพร่กระจายออกไปแล้ว มันจึงทำให้ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองหุยชุนต่างก็เนืองแน่นไปด้วยผู้คนมากมาย หากเจ้าออกไปจากที่นี่ เช่นนั้นก็รอได้ไปนอนข้างถนนเถอะ!”
“แค่มีเงินอยากจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าจะหาที่นอนไม่ได้”
เมื่อเห็นว่ามู่เฉียนซียืนกรานที่จะจากไปให้ได้ ว่านซือเยี่ยนจึงกล่าวว่า “เกรงว่าตอนนี้เจ้าคงจะออกไปจากที่นี่ไม่ได้ และหากข้าเป็นเจ้าละก็ จะไม่มีทางเปลืองเงินเปลืองแรงไปกับความคิดที่จะไปหาที่อยู่ข้างนอกนั่นเด็ดขาด”
“ใช่ ๆ ๆ ๆ! เจ้าออกไปไม่ได้หรอก! อยู่เป็นเพื่อนข้าที่นี่แหละ! ดีหรือไม่!” ร่างเงาสีขาวกล่าวพลางล่องลอยมาถึงตรงหน้าของมู่เฉียนซี
“พาข้าออกไป และเอาห้องพักของเจ้ามาให้ข้า!” มู่เฉียนซีกล่าว
“ข้าก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน!”
“อะไรนะ? เจ้าก็อยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ?”
“ใช่น่ะสิ! ที่นี่ไม่ต้องใช้เงิน ฉะนั้นการอยู่ที่นี่ถือว่าไม่เลวเลย”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกอย่างบ้าคลั่ง หรือว่านายน้อยว่านซื่ออย่างเขาจะไม่มีแม้กระทั่งค่าที่พักอย่างนั้นหรือ?
“เจ้าไม่กลัวผี และไม่รู้สึกว่าพวกมันน่ารำคาญบ้าหรืออย่างไรกัน?”
“ข้าคุ้นเคยกับมันมาหลายปีมากแล้ว และข้าก็ชินแล้วด้วย!”
เจ้าว่านซือเยี่ยนผู้นี้ไม่เพียงแต่ขี้งกเท่านั้น แต่เนื้อแท้ภายในจิตใจของเขายังแข็งแกร่งมากเป็นพิเศษอีกด้วย!
ด้วยสภาพของนางในตอนนี้ ก็ไม่อยากที่จะปะทะคารมแบบนี้เช่นกัน ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงกล่าวถามว่า “สถานการณ์ตอนนี้เป็นเช่นไรบ้าง?”
“การพุ่งทะยานขึ้นไปเกินชั้นที่หนึ่งพันของเจ้าได้สร้างความครึกโครมขึ้น และแน่นอนว่าสิ่งที่สร้างความฮือฮามากที่สุดก็คือยาขั้นเทวะที่เจ้าเอาออกมาจากหอโอสถว่านฉง! ซึ่งเพื่อที่จะรักษาชีวิตของเจ้าเอาไว้ ยอดฝีมือของข้าต้องได้รับบาดเจ็บไปมากมาย รวมไปถึงค่าแรง ค่ารักษา และยังต้องสูญเสียอื่น ๆ อีก...”
“และเมื่อลบเศษส่วนแล้ว ข้าเก็บเงินเจ้าแค่สามสิบล้านก็พอ”
เมื่อเห็นยาลูกกลอนขั้นเทวะ ที่ไม่สามารถนำเอาไปขายได้แล้ว ทั้งยังต้องให้ผู้หญิงคนนี้กินเข้าไปอีก เขาก็เจ็บปวดใจราวกับมีเลือดออก ฉะนั้นตอนนี้เขาจะต้องทำกำไรให้มหาศาลเพื่อที่จะรักษาหัวใจที่เจ็บปวดของเขาบ้างแล้ว
วิญญาณชายหนุ่มในชุดขาวเริ่มกรอกตามองบน มาอีกแล้ว คนเห็นแก่เงินต้องการที่จะหลอกคนอีกแล้ว แต่ทว่าการหลอกเอาเงินของเขาคราวนี้ดูจะโหดเหี้ยมไปสักหน่อย
มู่เฉียนซีรู้ดีว่าการที่ตนเองหมดสติอยู่ด้านนอกพร้อมกับยาลูกกลอนขั้นเทวะอีกขวดหนึ่งนั้นเป็นเรื่องที่อันตรายมาก และน่าจะเป็นว่านซือเยี่ยนที่ออกหน้ามาปกป้องนางเอาไว้ แต่ทว่า…
เจ้าหมอนี่จะใจดำเกินไปหน่อยหรือไม่! คิดไม่ถึงเลยว่าจะคิดราคาสูงเช่นนี้
และในเวลานี้ ก็มีแสงสว่างสีแดงพุ่งทะยานเข้ามาแล้วกล่าวว่า “นายท่าน ท่านอย่าไปเชื่อคำพูดของเจ้าคนขี้เหนียวผู้นี้ ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเรื่องโกหก! เพียงแค่เขาเปิดเผยตัวตน ก็ทำให้เขาเหล่านั้นหวาดกลัวแล้ว หลังจากนั้นยังข่มขู่อีก จนสุดท้ายคนเหล่านั้นก็ไม่กล้าที่จะลงมือ! และด้วยเหตุนี้เขาจึงพาท่านออกมาได้โดยไม่ต้องใช้คนเลยแม้แต่คนเดียว แล้วมันจะไปมีคนบาดเจ็บได้เยี่ยงไร!”
“ทั้งยังมาเก็บค่าใช้จ่ายสูงลิ่วถึงเพียงนี้อีก เจ้านี่ช่างไร้ยางอายเสียจริง”
เสี่ยวหงยืนอยู่ข้างกายมู่เฉียนซี และจ้องมองไปยังว่านซือเยี่ยนอย่างไม่พอใจ
เมื่อว่านซือเยี่ยนเห็นเจ้าหมูน้อยตัวนั้นก็โกรธขึ้นมาเช่นกัน นั่นก็เพราะเจ้าหมูตัวนี้เป็นผู้เผาคิ้วของเขาจนโกร๋นไปแล้วนั่นเอง
แม้ว่าจะถูกคนอื่นเปิดโปง แต่สีหน้าของว่านซือเยี่ยนก็ไม่ได้แสดงความอึดอัดใด ๆ ออกมาเลย “เดิมทีค่าปรากฏตัวของข้าก็สูงมากอยู่แล้ว สามสิบล้านนี้คือราคาพิเศษสำหรับเจ้า ฉะนั้นเจ้าอย่าคิดว่าจะเบี้ยวหนี้ได้เลย”
“ก็ข้าจะเบี้ยว ไม่อย่างนั้นตอนนี้เจ้าก็ส่งข้ากลับไปที่เดิมเสียสิ ข้าก็ไม่ได้บอกให้เจ้าออกโรงเสียหน่อยนี่! คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะคิดเงินต่อการกระทำที่กล้าหาญของตนเองด้วย นี่มันจะไม่สมเหตุสมผลเกินไปหน่อยไหม!”
“เจ้า…ดูเหมือนว่าการช่วยเหลือของข้าจะเสียเปล่าแล้วสินะ!”
“อย่าเพิ่งโกรธสิ ข้ายังไม่โกรธเจ้าเลยนะ! ที่เจ้าให้ข้ามาอยู่บ้านผีสิงนี่ เจ้าคิดว่าข้าควรจะให้เจ้าชดใช้อย่างไรถึงจะเหมาะสมล่ะ! คิดว่าควรจะโกนผมเจ้าแล้วโยนเข้าไปในวัด หรือให้ข้าตอนเจ้าแล้วส่งไปยังสำนักแม่ชี หรือว่า…”
“มู่เฉินซี เจ้ากล้า…”
วิญญาณหนุ่มตนนั้นหัวเราะขึ้นมาพลางกล่าวว่า “ฮ่า ฮ่า ฮ่า! น่าสนใจจริง ๆ! ข้าสนับสนุนเจ้า ต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่?”
“เจ้าคิดว่าข้าจะกล้าหรือไม่ล่ะ?” มู่เฉียนซีกล่าวท้าทาย
“เจ้าให้สัตว์พันธสัญญาของเจ้ามาทำลายคิ้วของข้า คืนนี้ข้าก็เตรียมที่จะกินหมูหันเช่นกัน!” ว่านซือเยี่ยนจ้องมองไปยังเสี่ยวหงที่ตัวสีแดงก่ำด้วยแววตาที่เย็นยะเยือก
“ฮะ! ใช่หรือ? เสี่ยวหงของข้าไม่มีทางที่จะซนถึงขนาดนั้นได้หรอก เจ้าจะต้องมองผิดไปแล้วเป็นแน่” เมื่อมู่เฉียนซีได้ยินเช่นนั้น ก็จ้องมองว่านซือเยี่ยนด้วยหน้าตาที่ไร้เดียงสา