ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2127 นิสัยเปลี่ยนแล้วหรือ
แรงกดดันของพลังจิตวิญญาณในชั้นที่หนึ่งพันนี้น่าสะพรึงกลัวเป็นพิเศษ ทันทีที่ก้าวเข้ามามันก็ทำให้มู่เฉียนซีต้องขมวดคิ้วไปเลยทีเดียว
“เป็นพลังจิตวิญญาณของนักปรุงยาขั้นเทวะ!”
“ใช่แล้ว! เจ้าทะลวงผ่านไปไม่ได้หรอก! นี่เป็นชั้นของนักปรุงยาขั้นเทวะ แต่ตัวเจ้านั้นยังห่างไกลอยู่มากมายนัก!” หอโอสถว่านฉงกล่าว
มู่เฉียนซีกำหมัดเอาไว้แน่นพลางกล่าวว่า “แต่ว่าข้าจะมาพ่ายแพ้อยู่ที่นี่ไม่ได้! พิชิตไปได้อีกแค่ชั้นเดียว ก็เอาแค่ชั้นเดียว!”
มู่เฉียนซีพุ่งทะยานเข้าไปอย่างเด็ดเดี่ยว จากนั้นก็เผชิญหน้ากับพลังจิตวิญญาณที่โหมกระหน่ำเข้ามาราวกับคลื่นยักษ์ก็มิปาน
“ช่างเป็นมนุษย์ที่ดื้อรั้นเสียจริง ๆ!” หอโอสถว่านฉงกล่าว
ปัง!
มู่เฉียนซีล้มลงไป พร้อมด้วยใบหน้าที่ขาวซีดราวกับคนป่วย
นางทรุดตัวลงบนชั้นที่หนึ่งพันเก้า ซึ่งนี่คือขีดจำกัดสูงสุดของนางแล้ว
แต่ทว่าหอโอสถว่านฉงกลับรู้สึกว่ามันน่ามหัศจรรย์ยิ่งนัก ที่นักปรุงยาที่ยังห่างไกลจากการเป็นนักปรุงยาขั้นเทวะ กลับสามารถบุกทะลวงชั้นที่หนึ่งพันขึ้นไปมาได้อีกเก้าชั้นเช่นนี้ นี่มันต้องผิดปกติอย่างแน่นอน
พลังจิตวิญญาณของนางวิปลาสเกินกว่าที่มันจะสามารถจินตนาการได้เสียอีก!
“ออกไปเถอะ! ยิ่งฝืนเจ้าก็จะยิ่งกลายเป็นคนโง่เง่านะ”
มู่เฉียนซีนอนลงบนพื้นพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คราวหน้า ข้าจะเป็นคนบอกเจ้า ว่าหอโอสถว่านฉงอย่างเจ้ามีทั้งหมดกี่ชั้นกันแน่!”
“ได้สิ! ขอเพียงแค่เจ้ามีความสามารถเช่นนั้นน่ะนะ”
จากนั้นหอโอสถว่านฉงก็ได้ส่งมู่เฉียนซีออกไป ส่วนคนที่อยู่ภายนอกต่างก็จ้องมองไปยังชั้นที่หนึ่งพันเก้า และพวกเขาก็พบว่าชื่อนั้นได้หายไปแล้ว
ส่วนม้วนภาพเงาที่อยู่ตรงหน้าก็หายไปแล้วเช่นกัน จากนั้นผู้อาวุโสใหญ่จึงกล่าวว่า “เร็ว! รีบไปที่เขาว่านฉงเร็วเข้า! เร็ว!”
“พิชิตไปมากกว่าชั้นที่หนึ่งพันเช่นนี้ คาดว่าจิตวิญญาณของนางจะต้องได้รับความเสียหายมากเป็นแน่ อันตรายมาก! รีบไปช่วยคนเร็วเข้า”
“เร็ว…”
เขาเรียกผู้พิทักษ์ของหอโอสถว่านฉงทุกคน และจากนั้นก็พุ่งทะยานขึ้นไปบนเขาว่านฉงทันที
นอกจากนี้คนอื่น ๆ ต่างก็อยากจะเห็นนักปรุงยาอัจฉริยะที่สมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ติผู้นี้สักหน่อยด้วยเช่นกัน!
“รีบไปรายงานนายน้อยเร็วเข้า! เร็ว!”
ถึงว่านซือเยี่ยนจากไปตั้งนานแล้ว แต่เขาก็ยังให้คนมารายงานสถานการณ์ของมู่เฉียนซีอยู่ทุกวัน และทุกครั้งที่มีคนมารายงานว่านางพิชิตไปได้กี่ชั้น เขาก็ไม่ได้มีท่าทางประหลาดใจแต่อย่างใด
ในตอนที่เขากำลังพูดคุยกิจการใหญ่กับใครบางคนอยู่ ก็ได้มีคนพุ่งทะยานเข้ามาอย่างกะทันหัน
“นายน้อย!”
“ไม่ใช่ว่าไต่ขึ้นไปได้อีกไม่กี่ชั้นอย่างนั้นหรือ? ไว้ค่อยมาคุยกัน ตอนนี้ข้ากำลังยุ่งอยู่! หากข้าพลาดการทำกิจการ จนทำให้ข้าได้เงินน้อยลง เจ้าจะชดใช้หรือ?”
“ไม่ใช่ขอรับ! ท่านมู่พิชิตไปจนถึงชั้นที่หนึ่งพันเก้า ซึ่งตอนนี้ได้ออกมาแล้ว และเกรงว่าอาจจะได้รับบาดเจ็บด้วยขอรับนายน้อย!”
“เจ้าลองไปดู แค่ไม่ตายก็พอแล้ว เรื่องอื่นข้าไม่สนใจ” ว่านซือเยี่ยนกล่าว
“ขอรับ!”
เมื่อเห็นสีหน้าที่เย็นชาของนายน้อย เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก และรีบร้อนจากไปอย่างรวดเร็ว!
เดิมทีว่านซือเยี่ยนนั้นกำลังปรึกษาหารือกับหุ้นส่วน เพราะอยากที่จะทำให้กำไรของเขาเพิ่มมากขึ้นอีกสักหน่อย
ซึ่งหุ้นส่วนผู้นี้ก็รู้จักเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน ว่าหากพูดคุยกับคนขี้งกอย่างพ่อไก่ขนเหล็กที่จะถอนขนสักเส้นก็ยังทำไม่ได้ผู้นี้ต่อไป เขาก็จะสามารถเรียกคืนความเสียหายกลับมาได้อีกเล็กน้อย
แต่ทว่าตอนนี้ว่านซือเยี่ยนกลับลุกยืนขึ้นแล้วกล่าวว่า “เรื่องความร่วมมือเอาตามที่คุยกันไปก่อนหน้านี้ ส่วนเรื่องหลังจากนี้ข้าจะให้อีกคนติดต่อเจ้าไปแทน ข้าขอตัวก่อน!”
แสงสีทองอร่ามสว่างวาบขึ้น และว่านซือเยี่ยนก็หายไปต่อหน้าต่อตาหุ้นส่วนผู้นั้นในทันที
คนผู้นั้นจ้องมองไปยังทิศทางที่เขาหายไปอย่างตกตะลึงพลางกล่าวอย่างประหลาดใจว่า “ทำตามรูปแบบก่อนหน้านี้หรือ? ปกติแล้วอย่างน้อยเขาก็จะต้องพูดคุยจนทำให้ข้าให้กำไรหนึ่งหรือสองเท่าก่อนถึงจะยอมลามือไปได้ แต่นี่ยอมแพ้ไปตั้งแต่ตอนนี้เลยหรือ!”
“ข้าคงไม่ได้จำคนผิดหรอกกระมัง! พ่อไก่เหล็กผู้นี้ก็มีวันที่ยอมให้ถอนขนอยู่ด้วยเช่นกันสินะ”
แม้ว่าจะรู้สึกว่าน่าเหลือเชื่อ แต่สำหรับพวกเขาแล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเลยทีเดียว จากนั้นเขาก็หารือเรื่องกิจการกับผู้ดูแลอีกคนหนึ่งอย่างมีความสุข
ในระหว่างทางว่านซือเยี่ยนก็เอาแต่บ่นพึมพำว่า “นี่ข้ากำลังรีบร้อนเพื่อไปแก้แค้นผู้หญิงคนนั้น หากว่านางพิการ เป็นบ้าหรือปัญญาอ่อนไปแล้ว ผู้ใดจะมาชดใช้คิ้วของข้ากันล่ะ?”
“ขนบนตัวข้าทุกเส้นมีค่ามากมายมหาศาล มู่เฉินซีเจ้าอย่าคิดว่าจะเบี้ยวหนี้ได้เลย!”
มู่เฉียนซีหมดสติอยู่นอกหอโอสถว่านฉง และตอนนี้ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่รีบตรงไปยังที่นั่น
ส่วนเสี่ยวหงก็ตามขึ้นไปด้วย เพราะมันเองก็เป็นห่วงเจ้านายมากเช่นกัน!
แต่เจ้านายเป็นถึงคนที่ได้รับการสอนมาจากนายท่านนิรันดร์ ฉะนั้นไม่มีทางที่จะจัดการแม้แต่หอคอยโอสถเล็ก ๆ นี่ไม่ได้อยู่แล้ว
ผู้อาวุโสใหญ่ที่ก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรวจร่างกายของมู่เฉียนซีกล่าวขึ้นมาว่า “พลังจิตวิญญาณถูกใช้ไปจนหมดแล้ว ตอนนี้นางตกอยู่ในสภาวะหมดสติอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าจะใช้ยาที่ดียิ่งกว่านี้ แต่เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วต้องเหลือผลที่ตามมาไว้อย่างแน่นอน หวังเพียงแค่ว่าผลที่ตามมานี้จะไม่รุนแรงมากเกินไปนัก”
“ผู้อาวุโสใหญ่ ท่านดูนั่น…”
ที่ข้างลำตัวของมู่เฉียนซี มีขวดยาขวดหนึ่งวางอยู่
ขวดยาเช่นนี้พวกเขาเหล่าผู้พิทักษ์ของหอโอสถว่านฉงต่างคุ้นเคยเป็นอย่างดี สิ่งนี้มันสามารถออกมาได้จากสถานที่แห่งเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือหอโอสถว่านฉงนั่นเอง
ผู้อาวุโสใหญ่หยิบยาขวดนั้นขึ้นมา จากนั้นก็เปิดออกแล้วดมกลิ่น และเขาก็กล่าวอย่างตื่นตะลึงว่า “มะ…มันคือยาขั้นเทวะ!”
“ยาขั้นเทวะ มันคือยาฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณขั้นเทวะ แม้ว่ามันจะมีเพียงสามเม็ด แต่มันก็เพียงพอให้แม่นางน้อยผู้นี้พื้นตัวได้แล้ว! ดูเหมือนว่าหอโอสถว่านฉงนี้จะชื่นชมอัจฉริยะผู้นี้เช่นกัน ในเมื่อมีสิ่งนี้ก็จะไม่ผลกระทบที่ตามมาอีกแล้ว”
แน่นอนว่า คนอื่นนั้นมีความคิดที่แตกต่างกับผุ้อาวุโสใหญ่อย่างสิ้นเชิง
ยาขั้นเทวะเลยนะ! นั่นมันคือยาที่ถึงจะมีเงินก็ไม่สามารถซื้อได้ ซึ่งมันก็ล้ำค่าเป็นอย่างมาก
ยาลูกกลอนที่ล้ำค่าเช่นนี้ ได้กระตุ้นความโลภของผู้คนมากมายทีเดียว
ผู้อาวุโสใหญ่ต้องแอบเอาไว้ให้ดี เพราะน้อยคนนักที่จะสามารถต้านทานสิ่งล่อตาล่อใจเช่นนี้ได้
เสี่ยวหงเองก็สังเกตเห็นถึงความคิดที่น่ารังเกียจของคนเหล่านั้นแล้วเช่นกัน และหากผู้ใดกล้ามาแย่งชิงยาลูกกลอนของเจ้านายละก็ มันก็จะเผาคนผู้นั้นให้กลายเป็นเถ้าถ่านไปเลย
ผู้อาวุโสใหญ่ชื่นชอบมู่เฉียนซีเป็นอย่างมาก ฉะนั้นเขาจึงคิดที่จะปกป้องมู่เฉียนซีเอาไว้
แต่ทว่าตอนนี้มีคนมากมายเข้ามาวุ่นวาย เขาจึงไม่กล้ารับประกันว่าคนที่อยู่ข้างตัวเหล่านี้จะมีความคิดที่อันตรายอะไรหรือไม่!
และในเวลานี้ ก็มีร่างเงาสีทองอร่ามสว่างวาบขึ้นมา และขวดยาที่อยู่ในมือของผู้อาวุโสใหญ่ขวดนั้นก็ไปตกอยู่ในมือของว่านซือเยี่ยนทันที!
“ผู้หญิงคนนี้ คือคนที่สมาคมการค้าเฉินซีแนะนำมา พวกเจ้ากล้ามาแย่งของของสมาคมการค้าเฉินซีของพวกข้าอย่างนั้นหรือ!” ว่านซือเยี่ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“นายน้อยว่านซื่อ ของที่ดีเช่นนี้ สมาคมการค้าเฉินซีของพวกเจ้าคิดที่จะฮุบเอาไว้คนเดียวอย่างนั้นหรือ?” มีใครบางคนกล่าวถาม
ว่านซือเยี่ยนกล่าวตอบว่า “ข้ารู้ว่าพวกเจ้ามีความสามารถ อีกทั้งยังสามารถกลั่นยาได้อย่างยอดเยี่ยมมาก! แต่ข้าก็มีหนทาง ที่สามารถทำให้พวกเจ้ายากจน ถึงขนาดกินข้าวก็กินไม่ได้ หากพวกเจ้ามีความกล้าละก็ เช่นนั้นก็สามารถลองดูได้!”
สิ่งนี้ทำให้พวกเขาหวาดกลัวเล็กน้อย เนื่องจากว่าว่านซือเยี่ยนเคยทำเรื่องเช่นนี้มาก่อนแล้วนั่นเอง
มีตระกูลที่ยิ่งใหญ่มากตระกูลหนึ่ง เนื่องจากว่าทำให้พวกเขาขุ่นเคือง จนต้องสูญเสียเงินที่ทำกิจการทั้งหมด จะขายของก็ไม่มีใครซื้อของพวกเขา จะจำนำของก็ไม่มีใครรับ ซึ่งแต่ละวันเวลาก็ผ่านไปอย่างน่าเวทนายิ่งนัก
แม้จะบอกว่าผู้แข็งแกร่งจะได้รับความเคารพ แต่ทว่าความแข็งแกร่งของเงินทำให้สมาคมการค้าเฉินซีมาถึงจุดนี้ได้ ฉะนั้นคนทั่วไปจึงไม่กล้าที่จะยั่วยุพวกเขาแน่นอนอยู่แล้ว
“อีกอย่าง! ใครบอกว่าข้าจะฮุบมันไว้เอง! ของสิ่งนี้ควรที่จะเป็นของผู้ใด ก็ต้องเป็นคนผู้นั้น! ข้าไม่เคยละโลบโลภมากในสิ่งของของคนอื่นมาก่อน ส่วนสิ่งของที่ข้าต้องการ คุณชายอย่างข้าสามารถหามาด้วยตนเองได้อยู่แล้ว!”
เมื่อเห็นสีหน้าที่ขาวซีดของมู่เฉียนซี ว่านซือเยี่ยนก็บ่นพึมพำขึ้นมาว่า “ท่าทางราวกับกำลังจะตายอย่างนั้น แล้วเจ้าจะอวดดีถึงเพียงนั้นไปทำไมกัน? อันดับหนึ่งก็เป็นของเจ้าตั้งนานแล้ว เหตุใดถึงปล่อยให้มีสภาพที่ต้องเปลืองยาเช่นนี้ด้วย!”
“เปลืองเงินจริง ๆ!”
เขาเทยาเม็ดหนึ่งออกมาก่อนจะป้อนให้มู่เฉียนซี และทุกคนต่างก็จ้องมองไปทางว่านซือเยี่ยนด้วยความประหลาดใจ
สมกับที่เป็นนายน้อยของสมาคมการค้าเฉินซี! ช่างหน้าใหญ่ใจโตเสียจริง ๆ แม้แต่ยาขั้นเทวะที่หายากเช่นนี้กลับให้คนกินเข้าไปได้โดยไม่กระพริบตาหรือเปลี่ยนสีหน้าเลยแม้แต่น้อย
ที่คนเหล่านี้คิดกันเช่นนี้ เพราะพวกเขาไม่รู้ถึงนิสัยของว่านซือเยี่ยนนั่นเอง
ส่วนเหล่าคนสนิทที่ติดตามว่านซือเยี่ยนมาด้วยต่างก็จ้องมองด้วยแววตาที่ตกตะลึง นะ…นี่คือนายน้อยของพวกเขาอย่างนั้นหรือ? คงไม่ได้ถูกใครแอบสับเปลี่ยนไปหรอกนะ!
ให้คนกินยาขั้นเทวะเข้าไปอย่างเต็มใจ นั่นมันไม่ได้เป็นแก้วตาดวงใจที่ต้องได้รับการปกป้องอย่างดีอย่างนั้นหรือ?