ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2123 สืบทอดมาจากอาจารย์ท่านไหน
แม้แต่เหล่าผู้พิทักษ์ของหอโอสถว่านฉงต่างก็พากันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปยังว่านซือเยี่ยนแล้วกล่าวว่า “มู่เฉินซีแห่งหอหมอปีศาจ นักปรุงยาอัจฉริยะที่นายน้อยว่านซื่อแนะนำมาคราวนี้ เป็นผู้ที่มีความเร็วอย่างไม่อาจหาผู้ใดเปรียบได้ในรอบร้อยปีนี้เลยทีเดียว พื้นฐานของนางนั้นมีความเสถียรเป็นอย่างมาก นายน้อยว่านซื่อ ท่านยังคงตาถึงเช่นเคยจริง ๆ”
เมื่อได้ยินผู้อื่นชื่นชมผู้หญิงคนนั้น ภายในใจของว่านซือเยี่ยนกลับไม่ได้มีความสุขเลยแม้แต้น้อย
นางก็แค่มีแรงผลักดันรออยู่เบื้องหน้าเท่านั้น นี่มันเพิ่งจะชั้นที่ยี่สิบ และหากมู่เฉินซีต้องการที่จะคว้าอันดับหนึ่งมาให้ได้นั้น มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอก
ชั้นที่ยี่สิบเอ็ด!
มีกองทรายกองหนึ่งอยู่ข้างหน้า โดยทรายเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องใช้พลังจิตวิญญาณถึงจะสามารถเคลื่อนย้ายมันได้ และหากใช้วิธีอื่นในการเคลื่อนย้ายมันก็จะสลายหายไปทันที
การทดสอบของชั้นนี้คือ นางจะต้องเคลื่อนย้ายทรายเหล่านี้ ไปใส่ไว้ในกรวยที่อยู่ข้างหน้านั่น
ซึ่งทรายเหล่านี้ก็มีความเปราะบางเป็นอย่างมาก และหากใช่พลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งเกินไปแม้เพียงเล็กน้อย มันก็จะสลายหายไปเช่นกัน
และจำเป็นที่จะต้องเติมทรายให้เต็มกรวยนั้นถึงจะสามารถผ่านด่านได้ ทว่าหากทำให้ทรายเสียหายมากเกินไปจนไม่เพียงพอที่จะเติมกรวยนี้ให้เต็มได้ ก็จะถือว่าล้มเหลวทันที!
และการทดสอบชั้นนี้เรียกว่า การทดสอบความแม่นยำในการควบคุมพลังจิตวิญญาณของบุคคล
มู่เฉียนซีหมุนเวียนพลังจิตวิญญาณของนาง เพื่อค่อย ๆ เคลื่อนย้ายทรายอย่างช้า ๆ
ในตอนแรก เพราะนางใช้พลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งมากเกินไปหน่อย มันจึงทำให้ทรายหายไปบ้าง
แต่เมื่อนางได้เรียนรู้การใช้แรงที่เหมาะสมอย่างช้า ๆ มันก็เป็นไปอย่างราบรื่นขึ้นมากเลยทีเดียว
ส่วนในชั้นที่ยี่สิบสองนั้นมีทั้งหมดสองกรวย ชั้นที่ยี่สิบสามก็มีสามกรวย และก็เป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ!
สุดท้ายแล้วมู่เฉียนซีก็ได้เล่นกองทรายไปทั้งหมดสิบชั้น และได้ทิ้งห่างจากคนที่อยู่ข้างหลังออกไปไกลยิ่งขึ้นไปอีก
“ระดับพลังจิตวิญญาณขั้นศักดิ์สิทธิ์หรือ!”
“การปรุงยา ระดับขั้นศักดิ์สิทธิ์!”
“การควบคุมพลังจิตวิญญาณที่แม่นยำเช่นนี้ ต้องอยู่ในระดับขั้นศักดิ์สิทธิ์แล้ว!”
ผู้อาวุโสท่านหนึ่งบ่นพึมพำด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ตาเฒ่านี่ เจ้าผิดแล้ว นี่มันเหนือระดับขั้นศักดิ์สิทธิ์ไปไกลแล้วต่างหาก” ชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามา
“ท่านผู้อาวุโสใหญ่ ท่านก็มาด้วยอย่างนั้นหรือ!?”
“ข้าได้ยินมาว่ามีอัจฉริยะผู้ยอดเยี่ยมปรากฏตัวขึ้น ฉะนั้นข้าก็ต้องมาดูแน่นอนอยู่แล้ว! ตอนนี้มาถึงชั้นที่สามสิบเอ็ดแล้วสินะ”
ผู้ที่มาใหม่ผู้นี้ก็คือผู้อาวุโสใหญ่ผู้พิทักษ์ของหอโอสถว่านฉงนั่นเอง ซึ่งแววตาของเขาในตอนนี้ก็ได้จับจ้องไปยังชื่อที่อยู่นำหน้าผู้อื่นไปไกลชื่อนั้น
ชั้นที่สามสิบเอ็ด มู่เฉียนซีกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ และมีสองคนกำลังกลั่นยาอยู่ตรงหน้านาง!
คำใบ้ก็คือ หากมีคนล้มเหลวละก็ นางจำเป็นที่จะต้องกลั่นยาออกมาให้ได้ภายในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน
และหากล้มเหลวทั้งคู่แล้วละก็ เช่นนั้นถึงไม่ต้องกลั่นยาก็สามารถผ่านด่านไปได้แล้ว
ทว่าหากทั้งสองคนล้วนทำสำเร็จ เช่นนั้นนางก็จำเป็นที่จะต้องกลั่นยาลูกกลอนออกมาจากทั้งสองเตา ในเวลาเดียวกันกับที่คนอื่นใช้เพียงเตาเดียว
ถ้าโชคดีได้เจอกับสองสถานการณ์แรก เช่นนั้นก็จะง่ายดายมาก แต่หากต้องเจอกับสถานการณ์ที่สาม มันก็จะยุ่งยากเล็กน้อย
และมู่เฉียนซีก็เจอเข้ากับสถานการณ์ที่สามจริง ๆ ทั้งสองคนนั้นล้วนทำสำเร็จทั้งคู่ แต่ทว่าความยุ่งยากนี้ก็ไม่ได้ยากเท่าไรนัก
ก็แค่ยาลูกกลอนสองชนิดเท่านั้นเอง และมู่เฉียนซีก็กลั่นยาออกมาโดยใช้เวลาที่สั้นยิ่งกว่าด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นจำนวนคนก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และจำเป็นที่จะต้องมีพลังในการตัดสินชี้ขาดที่แข็งแกร่งขึ้น อีกทั้งยังต้องมีความเร็วในการกลั่นยาที่เร็วยิ่งขึ้นไปอีก แต่ทว่ามู่เฉียนซีก็ทำมันสำเร็จแล้ว
“ชั้นที่สี่สิบแล้ว นางเพิ่งเข้าไปได้ไม่นานเท่าไรเองนะ!”
“ปีศาจ!”
ทุกคนในสถานที่แห่งนี้ล้วนรู้ดีว่ามู่เฉียนซีนั้นเข้าไปเป็นคนสุดท้าย แต่นางกลับอยู่ห่างจากคนอื่นออกไปไกลมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
ภายในหอโอสถว่านฉงแห่งนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่มีการทดสอบใดที่จะสามารถหยุดมู่เฉียนซีเอาไว้ได้เลย
และชั้นที่สี่สิบเอ็ดก็เริ่มต้นขึ้น ซึ่งมันก็คือการทดสอบควบคุมเปลวเพลิง
ในตอนที่อยู่ดินแดนทั้งสี่ทิศก่อนหน้านี้ นางก็เคยมีประสบการณ์ในการทดสอบที่คล้ายกันมาก่อน
ตอนนั้นนางยังไม่ได้รับพิฆาตวิญญาณมาเลย อีกทั้งกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี และนอกจากนี้นางก็ไม่ใช่จอมภูตพลังธาตุอัคคีอีกด้วย แต่นางก็สามารถผ่านด่านมาได้ด้วยการฉวยโอกาส
แต่คราวนี้กลับไม่จำเป็นอีกแล้ว เพราะตอนนี้นางเป็นจอมภูตพลังธาตุอัคคี อีกทั้งยังมีราชาแห่งเปลวในครอบครองเพลิง ฉะนั้นนางจึงสามารถควบคุมเปลวเพลิงได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
และสิบชั้นนี้ ก็พิชิตผ่านไปได้อย่างง่ายดายอีกครั้ง
“นี่…” ทุกคนต่างจ้องมองไปยังความคืบหน้าอันน่าสะพรึงกลัวของมู่เฉียนซีด้วยความตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
“ท่านผู้อาวุโสใหญ่ เหตุใดถึงได้รวดเร็วเช่นนี้? เก้าสิบเก้าส่วนของนักปรุงยาที่ยอดเยี่ยมล้วนเป็นจอมภูตพลังธาตุอัคคีทั้งนั้น ทั้งที่จอมภูตพลังธาตุอัคคีคนอื่น ๆ ต่างก็ขึ้นไปยังชั้นต่อไปอย่างช้า ๆ ด้วยความหวาดเสียว แต่นางกลับผ่านชั้นหนึ่งได้เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น นี่มันจะเป็นไปได้อย่างนั้นหรือ?”
ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวว่า “ในตอนที่ข้ายังหนุ่มก็เคยพิชิตหอโอสถว่านฉงมาก่อน และก็สามารถไปถึงชั้นที่ห้าสิบกว่าได้ แต่ถึงแม้ความสามารถของข้าในตอนนี้จะยอดเยี่ยมกว่าตอนที่ยังหนุ่มมากมายนัก ก็ไม่สามารถพิชิตด่านด้วยความเร็วถึงเพียงนี้ได้อยู่ดี”
เดิมทีแล้วนางเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวิญญาณคู่อย่างนั้นหรือ? ว่านซือเยี่ยนคิดในใจ
มู่เฉียนซีผ่อนคลายราวกับปีนขึ้นหอสูงธรรมดาอย่างไรอย่างนั้น ทว่าไม่ควรเรียกว่าปีน แต่ควรเรียกว่าเหมือนกับการขึ้นลิฟต์ที่พุ่งไปยังชั้นที่เก้าสิบอย่างรวดเร็วเสียมากกว่า
“นับตั้งแต่การปรากฏขึ้นของหอโอสถว่านฉง คนที่ทะยานขึ้นไปยังชั้นที่เก้าสิบด้วยความเร็วเช่นนี้ แน่นอนว่ามีไม่เกินสามคนเท่านั้น! มีแค่สามคน!”
“……”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ข้านี่มันโชคดีจริง ๆ เลย ที่คราวนี้ได้มาเป็นพยานในการพิชิตหอคอยของอัจฉริยะผู้นี้! ไม่รู้ว่านางจะสามารถพิชิตไปได้ไกลแค่ไหนกันนะ?”
“แม้ว่านางจะล้มเหลวก่อนจะถึงชั้นที่หนึ่งร้อย แต่พรสวรรค์ของนางก็ควรค่าที่จะได้รับการยอมรับอยู่แล้ว”
“…”
ในระหว่างที่มู่เฉียนซีพิชิตหอคอยไปทีละชั้น กลับไม่รู้เลยว่าการพิชิตหอคอยที่ราบรื่นเกินไปของนาง อีกทั้งความเร็วที่มากเกินไปนั้น จะทำให้ภายนอกเกิดความวุ่นวายได้เช่นนี้
ในเวลานี้ ว่านซือเยี่ยนก็กล่าวขึ้นมาว่า “ความเร็วในการพิชิตด่านไม่ได้เป็นมาตรฐานในการตัดสินคะแนนของหอโอสถว่านฉงในครานี้ มีเพียงการพิชิตด่านให้สูงเพียงพอเท่านั้นถึงจะได้! ถึงจะมีความเร็ว แต่สุดท้ายแล้วทว่าติดสิบอันดับแรกไม่ได้ เช่นนั้นก็คงจะกลายเป็นเรื่องตลกไปเสียเปล่า ๆ”
“นายน้อยว่านซื่อ นี่คือคนที่ท่านแนะนำมานะ! เหตุใดท่านถึงไม่เชื่อมั่นในตัวนางเช่นนี้เล่า!”
“ข้าว่านายน้อยว่านซื่อกำลังพูดประชดมากกว่า ไม่แน่ว่าภายในใจของเขาอาจจะมั่นใจในคนของตนเองมากก็เป็นได้ และคิดว่าคงจะได้อันดับหนึ่งมาอยู่ในมือแน่นอนอยู่แล้ว”
“……”
และท่านผู้อาวุโสใหญ่ก็กล่าวว่า “อย่าว่าแต่ติดสิบอันดับแรกเลย ต่อให้นางได้สามอันดับแรกก็ไม่ใช่ปัญหาเลยแม้แต่น้อย”
จากนั้นสีหน้าของว่านซือเยี่ยนก็มืดลง!
ในตอนที่ผ่านชั้นที่หนึ่งร้อย ในสมองของนางกลับไม่ได้มีคำใบ้ปรากฏออกมาอีกแล้ว แต่ทว่ามีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นมาแทน
“อาจารย์ของเจ้าคือผู้ใด?”
“เหตุใดข้าต้องบอกเจ้าด้วย! เจ้าคือภูตสถิตของหอโอสถว่านฉงอย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
ภูตสถิตกล่าวว่า “ใช่แล้ว! ข้าคือภูตสถิตของหอโอสถว่านฉง เจ้ามีพรสวรรค์ที่เป็นเลิศมาก ฉะนั้นจะต้องมีอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากเป็นแน่! หากกล่าวถึงปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ ล้วนมีอยู่ในความทรงจำของข้า และด้วยอำนาจของเขา มันจะสามารถทำให้เจ้าข้ามขั้นได้!”
“หากเจ้าได้รับโอกาสที่ดีในการสืบทอดพลังอันยิ่งใหญ่แล้วละก็ เจ้าก็จะสามารถข้ามขั้นได้ตามพลังอำนาจของเขาด้วย!”
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “นี่มันจะไม่ถือว่าเจ้าโกงการทดสอบอย่างนั้นหรือ!”
“เนื่องจากมีอาจารย์ที่มีชื่อเสียงคอยชี้แนะ การทดสอบบางอย่างในระหว่างนั้นจึงไม่จำเป็นอีกแล้ว เพราะมันจะทำให้ข้าต้องสิ้นเปลืองพลังบริสุทธิ์มากเกินไป เจ้ารีบพูดมาเถิด ผู้ใดคืออาจารย์ของเจ้า?” ภูตสถิตกล่าวอย่างทนไม่ไหว
มันไม่เพียงแต่คอยทดสอบเหล่าอัจฉริยะต่าง ๆ เท่านั้น แต่ยังถือโอกาสรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ของเหล่านักปรุงยาที่มีชื่อเสียงในใต้หล้าและของนักปรุงยาที่ได้รับการสืบทอดมาจากโบราณอีกด้วย
พรสวรรค์ของสาวน้อยมนุษย์ผู้นี้น่ากลัวในระดับหนึ่งเลยทีเดียว หากไม่ได้มีอาจารย์ที่ยอดเยี่ยมยิ่ง ก็คงจะได้รับการสืบทอดมาจากนักปรุงยาโบราณที่ยอดเยี่ยมอย่างที่สุดมาเป็นแน่
มู่เฉียนซีหยุดอยู่ที่ชั้นที่หนึ่งร้อย ผู้อาวุโสใหญ่ลูบเคราพลางกล่าวว่า “แม่สาวน้อยที่เก่งกาจถึงเพียงนี้ผู้นั้น จะต้องมีอาจารย์ที่ไม่แย่อย่างแน่นอน! ไม่รู้ว่าจะสามารถข้ามไปได้กี่ชั้นกันนะ?”
“หลังจากชั้นที่หนึ่งร้อย ถึงจะเป็นการเริ่มต้นที่แท้จริง! การข้ามขั้นก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว”
“ร้อยชั้นแรกเป็นการดูความแข็งแกร่งของรากฐาน จากนั้นจะข้ามขั้นด้วยการดูที่ความสามารถและภูมิหลังของอาจารย์นักปรุงยา ต่อมาก็จะตั้งเป้าหมายในการดำเนินการทดสอบ ให้มีระดับที่เหนือกว่าอาจารย์ของเขาเอง”
หลังจากระดับที่หนึ่งร้อย ก็จะต้องดูว่าได้รับสืบทอดมาจากอาจารย์คนไหนอย่างนั้นหรือ? ฉะนั้นมันก็จะทำให้เขาได้รู้ถึงความสามารถของคนที่คิดว่าเป็นนักปรุงยาขั้นเทวะผู้นั้นได้พอดีสินะ ว่านซือเยี่ยนคิดในใจ
.