ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2121 รอก่อนเถอะ
“เจ็บ ๆ ๆ ๆ!” ผีหนุ่มในชุดขาวผู้นั้นจ้องมองไปยังมู่เฉียนซีอย่างเสียใจ
“เจ้าใจร้ายมาก!” หลังจากนั้นก็ใช้ดวงตาที่กล่าวโทษของเขาจ้องมองไปที่นางอย่างน่าสงสาร
เสี่ยวโม่โม่โผล่หน้าออกมาพลางกล่าวว่า “นะ…นี่ไม่ใช่ผีนี่!”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างดุร้ายว่า “หยุดการละเล่นเหล่านี้ของเจ้าซะ ข้าจะนอน อย่ามารบกวนข้า”
“ไม่ใช่ว่าเจ้าเล่นอย่างสนุกสนานอย่างนั้นหรือ? เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคนกระโจนเข้าไปในค่ายกลด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย ข้าชื่นชมเจ้ามาก พวกเรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ! หลังจากนี้ข้าจะไปค้นคว้าหาการละเล่นอื่น ๆ มาลองเล่นกับเจ้าอีก”
“ข้าไม่สนใจ!”
“แต่ว่า…”
“หากอยากโดนข้าทุบอีกสักรอบ เจ้าจะลองดูก็ได้”
มู่เฉียนซียกพัดขึ้นมาเพื่อเตรียมจะเคาะลงไปอีกรอบ แต่ทว่าในเวลานี้หนุ่มน้อยผู้นี้กลับหลบหลีกอย่างรวดเร็วพลางกล่าวว่า “ไม่ได้ ๆ! ยังไม่ทันเช้าเลยนะ! พวกเรามาเล่นกันต่อเถอะ!”
หลังจากนั้นก็มีผีแขวนคอ ผีหิวโหย ผีรากษสและอื่น ๆ มารวมตัวกันเพื่อต่อสู้
มู่เฉียนซีขบฟันแน่นพร้อมกับกล่าวว่า “ทำลายมันซะ!”
เจ้าว่านซือเยี่ยนนั่นมีเจตนาที่ไม่ดีจริง ๆ นี่เขาเอาคนที่รับมือยากมาจัดการนางที่นี่ ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก!
ตูมมม โครมมม!
หลังจากที่ทำลายค่ายกลแล้ว มู่เฉียนซีก็มาถึงอารามที่รกร้างแห่งหนึ่ง
ภายในอารามนั้นเต็มไปด้วยใยแมงมุมทุกหนทุกแห่ง และภายในศาลาที่ทรุดโทรมแห่งหนึ่งก็มีเสียงบรรเลงของกู่ฉินดังขึ้นมา
ที่นั่นมีร่างเงาสีขาวร่างหนึ่งปรากฏวูบวาบไปมา
เมื่อมู่เฉียนซีพุ่งทะยานเข้าไป คนผู้นั้นกลับหายไปเสียแล้ว และเหลือไว้เพียงหญิงสาวที่ดูเย็นชาและคับแค้นใจผู้หนึ่ง “แม่นาง เสียงบรรเลงเพลงของข้าไพเราะหรือไม่?”
“อยู่ที่นี่เป็นเพื่อนข้าได้หรือไม่?”
“ข้าอยู่เพียงคนเดียว ช่างโดดเดี่ยวเหลือเกิน!”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง รอให้จับเจ้าหนูนั่นให้ได้ก่อน นางจะทุบตีเขาให้ฟันล่วงจนหมดปากไปเลย และยังมีเจ้าว่านซือเยี่ยนนั่นด้วย!
ค่ายกลภาพลวงตาของอีกฝ่ายมาถึงจุดที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว หากดื้อดึงที่จะทำลายมันก็ดูจะยุ่งยากเกินไปหน่อย และมันก็มีแต่จะทำให้มู่เฉียนซีดำดิ่งลึกลงไปอีก ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงทำได้เพียงเลือกที่จะละทิ้งมันไป
ดังนั้นนางจึงอยู่เป็นเพื่อนคนแปลกประหลาดผู้นั้น และเล่นล่าผีไปตลอดทั้งคืน
และในตอนที่พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นนั้น ก็ได้มีเสียงหัวเราะคิกคักเสียงหนึ่งดังขึ้น พลางกล่าวว่า “เป็นครั้งแรกที่เจอคนที่เล่นกับข้าได้นานขนาดนี้โดยที่ไม่ตกใจกลัวจนหมดสติไป ไว้คืนนี้พวกเราค่อยมาเล่นกันต่อ! ข้าชอบเจ้ามากเลย”
“ผีไม่สามารถเห็นตะวันได้ ฉะนั้นข้าจำต้องกลับไปนอนในสุสานของข้าแล้วล่ะ ไว้คืนนี้ค่อยเจอกันนะ!”
รอเมื่อแสงพระอาทิตย์สีทองอร่ามสาดส่องไปทั่วทุกพื้นที่ เหล่าภูตผีปีศาจเหล่านั้นก็สลายหายไป ลานบ้านฟื้นฟูกลับมาเหมือนตอนที่มู่เฉียนซีเพิ่งมาถึงอีกครั้ง
คฤหาสน์หลังใหญ่นี้ดูแล้วก็ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ทว่าพืชพรรณนานาชนิดกลับมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก
มีใครบางคนตื่นขึ้นมาแล้ว และเมื่อเห็นมู่เฉียนซีก็กล่าวอย่างตกใจมากว่า “ท่านมู่ เหตุใดท่านถึงตื่นเช้าเช่นนี้เล่าเจ้าคะ?”
แต่ตอนนี้มู่เฉียนซีกลับรู้สึกง่วงนอนจะตายอยู่แล้ว นี่ไม่ใช่การเล่นเอาสนุกด้วยกันทั้งคืน แต่เป็นการต่อสู้ด้วยสติปัญญาและความกล้าหาญกับเจ้าเด็กที่เป็นคนก็ไม่ใช่เป็นผีก็ไม่เชิงผู้นั้นตลอดทั้งคืนต่างหาก
และเวลานี้มู่เฉียนซีอยากจะไปนอนสักตื่น แต่ทว่ายังไม่ทันรอให้นางเข้าไปในห้องนอน ก็มีใครอีกคนหนึ่งมาพร้อมรายงานว่า “ท่านมู่ ควรออกเดินทางได้แล้วขอรับ!”
ต้องออกเดินทางแล้วเหรอ!
เช้าขนาดนี้แต่ต้องออกเดินทางแล้วหรือ?
มู่เฉียนซีเดินไปถึงประตูด้วยท่าทางที่โกรธเกรี้ยว นางจ้องมองไปยังคนที่ว่านซือเยี่ยนส่งมา และเห็นได้ชัดว่าเขาต้องตั้งใจทำแน่นอน
“ท่านมู่ พวกเราออกเดินทางเถอะขอรับ!” เมื่อเห็นว่าสีหน้าของมู่เฉียนซีแย่มาก พวกเขาก็กล่าวอย่างระมัดระวัง
พูดตามเหตุผลแล้วการอยู่ที่นี่หนึ่งคืน และวันรุ่งขึ้นไม่ถูกหามออกมาพร้อมกับฟองเต็มปาก ก็ถือได้ว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว
“ว่านซือเยี่ยนมาถึงเมืองหุยชุนแล้วหรือยัง?” และมู่เฉียนซีก็กัดพูดคำเหล่านี้รอดไร้ฟันออกมา
“คุณชายมาถึงแล้วขอรับ!”
“ดี! ออกเดินทางกัน รีบไปที่นั่นกันเถอะ!”
เมื่อเผชิญหน้ากับการจ้องมองที่เกรี้ยวกราดของมู่เฉียนซี ว่านซือเยี่ยนก็ทำตัวนิ่งเฉยราวกับไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น
“ว่านซือเยี่ยน!” มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นมาอย่างน่ากลัว
“ข้าจะพูดสรุปสั้น ๆ เดี๋ยวหลังจากนี้ต้องไปลงชื่อที่หอโอสถว่านฉง ข้าขอแนะนำพวกเจ้าก่อน นี่คือมู่เฉินซีจากหอหมอปีศาจ” ว่านซือเยี่ยนไม่สนใจสายตาที่เกรี้ยวกราดของมู่เฉียนซีเลยแม้แต่น้อย และเริ่มแนะนำมู่เฉียนซีให้คนอื่นได้รู้จัก
นักปรุงยาเหล่านั้น ต่างก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหาร และมันก็เป็นจิตสังหารที่น่ากลัวเป็นพิเศษอีกด้วย
“ส่วนคนเหล่านี้ก็คือคนของสมาคมการค้าเฉินซีของพวกเรา…”
ว่านซือเยี่ยนยังคงแนะนำคนอื่น ๆ ให้มู่เฉียนซีได้รู้จักอย่างไม่สะทกสะท้าน และหลังจากที่เขาพูดสิ่งเหล่านี้จบแล้ว ก็กล่าวขึ้นว่า “ออกเดินทางได้!”
เขาไม่ได้ให้โอกาสมู่เฉียนซีได้ลงมือหรือจู่โจมเลย!
ดี ดีจริง ๆ!
หอโอสถว่านฉงตั้งอยู่บนเขาสูงนอกเมืองหุยชุน หรือที่เรียกยอดเขาว่านฉง ในตอนที่เข้าไปใกล้เขาว่านฉง ก็เห็นอาคารไม้สูงหลังหนึ่งตั้งตระหง่าอยู่ท่ามกลางหมอกอันหนาทึบ
และเมื่อเงยหน้ามองขึ้นไป กลับมองไม่เห็นยอดด้านบนเลย
ว่านซือเยี่ยนกล่าวว่า “สาเหตุที่เรียกว่าหอโอสถว่านฉงนั้น ก็เป็นเพราะว่าไม่เคยมีผู้ใดสามารถพิชิตไปถึงชั้นบนสุดได้มาก่อน และไม่รู้ว่ามันสูงมากเท่าไรกันแน่ ฉะนั้นจึงได้เรียกว่าหอโอสถว่านฉง”
“นี่น่าจะเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพสินะ!” มู่เฉียนซีกล่าว
หอโอสถว่านฉงนี้สง่างามเป็นอย่างมาก และในตอนที่ขึ้นไปบนเขา ว่านซือเยี่ยนก็ได้หยิบเอาตราสัญลักษณ์ของสมาคมการค้าเฉินซีออกมา
นักปรุงยาที่เขาพามาด้วยนั้น มีบางคนก็เป็นนักปรุงยาของสมาคมการค้าเฉินซี ส่วนบางคนก็เป็นคนที่พันธมิตรของสมาคมการค้าเฉินซีแนะนำมาให้ และมู่เฉียนซี แน่นอนว่าอยู่ภายใต้ชื่อของหอหมอปีศาจอยู่แล้ว
ในมือของทุกคนต่างมีป้ายไม้อยู่คนละชิ้น จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “เอาล่ะ! ขึ้นไปเถอะ!”
ผู้อาวุโสผู้พิทักษ์ของที่นี่โบกมือเพื่อแหวกเส้นทางให้พวกเขา
นักปรุงยาสามารถเข้าไปได้ แต่ว่านซือเยี่ยนกลับไม่สามารถขึ้นไปได้ ฉะนั้นจึงทำได้เพียงมองตามหลังพวกเขาที่กำลังจากไป
มู่เฉียนซีหันหน้ากลับมาแล้วกล่าวว่า “ว่านซือเยี่ยน เจ้ารอก่อนเถอะ! รอให้ข้าเอาที่หนึ่งมาได้แล้ว ข้าจะกลับมาสั่งสอนเจ้า”
“เช่นนั้นก็รอให้เจ้าได้มาก่อนแล้วค่อยพูดเถอะ! หากเอามาไม่ได้แล้วละก็ ข้าคิดว่าเจ้าคงจะไม่มีหน้ามาตามหาข้าเพื่อแก้แค้นแล้วล่ะ” แววตาของว่านซือเยี่ยนเต็มไปด้วยการยั่วยุเป็นอย่างยิ่ง
“เจ้าล้างคอรอข้าไว้ได้เลย!” และมู่เฉียนซีก็พุ่งทะยานไปทางเขาว่านฉง
เขาว่านฉงนั้นเงียบสงบเป็นอย่างมาก และมันก็มีเพียงหอโอสถว่านฉงที่ตั้งอยู่ที่นี่ เดิมทีแล้วเขาลูกนี้ไม่มีสัตว์วิญญาณที่เป็นอันตราย อีกทั้งยังเต็มไปด้วยพลังวิญญาณอีกด้วย
มู่เฉียนซีหยุดฝีเท้าลง จากนั้นนักปรุงยาที่เดินทางมาด้วยกันก็กล่าวว่า “แม่นางมู่ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าขอรับ?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกเจ้าเข้าไปในหอโอสถกันก่อนเถอะ! ข้าขอนอนต่อสักงีบหนึ่ง!”
นักปรุงยาเหล่านั้นต่างพากันชะงักงันไปอย่างสิ้นเชิง นอนต่อหรือ!
ไม่เคยพบเคยเห็นคนที่จะไปนอนต่อก่อนที่จะเข้าไปในหอโอสถว่านฉงเช่นนี้มาก่อนเลย คนผู้นี้จะไร้ระเบียบเกินไปแล้ว
“แม่นางมู่ ต้องรีบแล้วนะขอรับ”
“ตอนนี้สภาพจิตใจของข้าไม่ดีนัก หากไม่สามารถมีสภาพที่ดีที่สุดเข้าไปพิชิตด่านของหอโอสถได้เกรงว่าไม่อาจมีผลลัพธ์ที่ดีได้แน่ นายน้อยของพวกเจ้ากำลังรอหัวเราะเยาะข้าอยู่! ฉะนั้นข้าจะทำให้เขาสมหวังไม่ได้เด็ดขาด!” มู่เฉียนซีกล่าว
นางโบกมือแล้วกล่าวว่า “ข้าขอไปหาสถานที่เหมาะ ๆ นอนต่อสักหน่อยก่อนก็แล้วกัน!”
ร่างเงาสีม่วงพุ่งทะยานออกไปราวกับสายฟ้าแลบอย่างไรอย่างนั้น และนักปรุงยาเหล่านี้ก็บ่นพึมพำว่า “แม่นางมู่ผู้นี้ช่างไม่เหมือนผู้ใดเลยจริง ๆ!”
“ไปคุยโวโอ้อวดต่อหน้านายน้อยถึงขนาดนั้น ไม่รู้ว่านางจะมีความสามารถมากเพียงใดกันนะ?”
“แต่นางเป็นถึงนักปรุงยาของหอหมอปีศาจ ข้าว่าพวกเจ้าน่าจะเคยได้ยินถึงระดับของหอหมอปีศาจมาก่อน ฉะนั้นนางน่าจะเก่งกาจมากเลยทีเดียว”
ในเมื่อมู่เฉียนซียืนยันเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่ได้ขวางไว้เช่นกัน และหลังจากนั้นก็เร่งตรงขึ้นไปบนเขาอย่างรวดเร็วทันที
และในเวลานี้ว่านซือเยี่ยนก็กำลังตามบุคคลสำคัญจากกองกำลังอื่น ๆ เหล่านั้นไป และเหนือลานขนาดเล็กแห่งนี้ ก็มีม้วนภาพเงาลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ
“คุณชายว่านซื่อ คนของสมาคมการค้าเฉินซีของพวกท่านเข้าไปยังชั้นที่หนึ่งแล้ว”
“เหมือนว่าจำนวนคนจะไม่พอนะ น่าจะขาดไปคนหนึ่งนี่!”
“ดูเหมือนว่าคนที่ขาดไปจะเป็น สาวน้อยที่ชื่อว่ามู่เฉินซีที่ท่านแนะนำว่ามาจากหอหมอปีศาจผู้นั้นนะขอรับ”
ดวงตาของว่านซือเยี่ยนมืดลงเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่ามู่เฉินซีจะยังไม่เข้าไป นี่นางกำลังทำบ้าอะไรอยู่กันแน่?
.