ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2118 ทำไม่ได้สักอย่าง
ว่านซือเยี่ยนก็คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมีปฏิกิริยาที่รุนแรงถึงเพียงนี้ เขากล่าวตอบว่า “ท่านปรมาจารย์เซียว รอท่านพ่อบุญธรรมของข้าฟื้นขึ้นมาก่อน ค่อยพูดเรื่องนี้เถอะ!”
“ใช่ ๆ ๆ! ข้าต้องไปปรุงยาให้นายท่านก่อน” ปรมาจารย์เซียวกล่าวอย่างรีบร้อน
ว่านซือเยี่ยนจ้องมองไปที่แผ่นหลังของปรมาจารย์เซียวด้วยแววตาที่มืดลง
มู่เฉินซีช่างเป็นคนที่ลึกลับเสียจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่นางเขียนออกมาสามารถทำให้ปรมาจารย์เซียวรู้แจ้งได้ในทันทีเช่นนี้
ที่จริงแล้วนางมีผู้สูงส่งคอยชี้แนะอยู่เบื้องหลัง หรือว่ามันเป็นความสามารถของนางเองกันแน่?
ในตอนที่ว่านซือเยี่ยนกลับมาอีกครั้ง ก็ได้เห็นมู่เฉียนซีที่เต็มไปด้วยการพืชพรรณที่เก็บเกี่ยวจนอุดมสมบูรณ์แล้ว
มู่เฉียนซีมอบสิ่งของบางอย่างให้แก่เขาพลางกล่าวว่า “เซี่ยหนิงมอบให้เจ้าเป็นค่าตอบแทนที่ช่วยหาคนให้”
สิ่งที่มู่เฉียนซีให้เขานั้นก็คือต้นหญ้าต้นหนึ่ง ซึ่งเป็นเพียงแค่ต้นหญ้าแห้ง ๆ ราวกับเพิ่งถูกถอนออกมาอย่างส่งเดชจากข้างทางอย่างไรอย่างนั้น
“มู่เฉินซี นี่มันต่างจากค่าตอบแทนที่คุยกันไว้ก่อนหน้านนี้นี่?” ว่านซือเยี่ยนในตอนนี้เริ่มโมโหขึ้นแล้ว!
เซี่ยหนิงกลัวว่าตนเองจะถูกทุบไปด้วย จึงได้ไปหลบอยู่ข้างหลังของมู่เฉียนซีทันที
เขากระซิบกล่าวว่า “พี่สาวมู่ ดูเหมือนว่าพี่ชายว่านซื่อจะโกรธมากแล้ว ไม่อย่างนั้นพวกเราเอาของพวกนี้ให้เขาไปเถอะ! อย่างไรเสียที่ข้าก็ยังมีสมบัติอีกมากมายอยู่ดี”
“อย่าโกรธไปเลย นี่คือรางวัลที่ข้ามอบให้เจ้า เยี่ยนจื่อน้อย!” มู่เฉียนซีได้หยิบเอาแกนวิญญาณออกมาชิ้นหนึ่ง ซึ่งมันก็คือแกนวิญญาณที่อู๋ตี้ทิ้งและไม่ยอมกินต่ออีกแล้ว ที่สำคัญมันมีราคาที่ถูกมากอีกด้วย
“มู่เฉินซี!” ว่านซือเยี่ยนตะโกนเรียกชื่อของมู่เฉียนซีออกมาอย่างระงับความโกรธเอาไว้
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้าอยากจะทะเลาะหรือ! ถึงแม้จะบอกว่าเจ้าเป็นเพียงแค่พ่อค้าคนหนึ่ง แต่ความสามารถก็น่าจะยอดเยี่ยมเช่นกัน! พวกเรามาลองกันสักหน่อยดีหรือไม่? มาดูกันว่าเจ้ากับชิงหลง ผู้ใดจะเก่งกว่ากัน”
“ได้ข่าวมาว่าพรสวรรค์ในการฝึกฝนของแม่นางมู่สูงมาก ข้าก็อยากที่จะเปิดหูเปิดตาอยู่พอดีเลย” เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉียนซี ว่านซือเยี่ยนก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธ และกล่าวด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม
ตูมมม!
สมกับที่เป็นพ่อค้าหน้าเลือด เพราะหลังจากที่พูดจบ เขาก็รีบลงมือทันที
“เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสามสินะ!”
ร่างสีม่วงสว่างวาบขึ้น และมู่เฉียนซีก็หยิบเอาพัดวิหคเฟิงหลิงออกมา
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
แสงสีทองส่องประกายวิบวับ และว่านซือเยี่ยนไม่เพียงแต่ชื่นชอบรูปลักษณ์ของสีทองอร่ามพร่างพราวเท่านั้น แม้แต่พลังวิญญาณธาตุของเข้า ก็ยังเป็นจอมภูตพลังธาตุทองอีกด้วย
อาวุธของว่านซือเยี่ยน ก็คือลูกคิดสีทอง ซึ่งทุกครั้งที่ลูกคิดเคลื่อนไหว พวกมันก็จะกลายเป็นอาวุธลับที่ยากจะรับมือได้เป็นอย่างมาก
หากกล่าวถึงฝีมือในการฆ่าคน ว่านซือเยี่ยนนั้นเทียบกับชิงหลงไม่ได้เลย แต่ทว่าพลังในการต่อสู้นี้ก็ไม่ได้ถือว่าอ่อนแอเช่นกัน
ปัง ปัง ปัง!
ทั้งสองเริ่มต่อสู้กัน ซึ่งมันก็ทำให้เหล่าองครักษ์ของว่านซือเยี่ยนได้เปิดหูเปิดตามากทีเดียว
“น้อยครั้งมากที่คุณชายนั้นลงมือ อีกทั้งยังไม่ค่อยจะโมโหอีกด้วย”
“นั่นมันก็แน่นอนอยู่แล้ว ถึงอย่างไรเสียก็มีน้อยคนนักที่ทำให้คุณชายขาดทุนได้มากเช่นนี้ อีกทั้งยังหาเงินได้น้อยถึงเพียงนี้อีกด้วย ที่แม่นางมู่อยู่อย่างสุขสบายมานานถึงขนาดนี้ ก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว”
ต้องรู้ว่า คุณชายของพวกเขาผู้นี้ สามารถตัดผมและหลั่งเลือดได้ แต่ไม่สามารถทำให้เขาขาดทุน หรือสิ้นเปลืองเงินได้เป็นอันขาด
มิฉะนั้นจะถือว่าไปแตะต่อมโมโหของเขา และจะต้องถูกเขาฆ่าตายแน่นอน!
ความสามารถของว่านซือเยี่ยนนั้นสูงกว่ามู่เฉียนซีมากเกินไป นอกจากนี้เจ้าหมอนี่ยังเป็นใจดำและกลับกลอก ฉะนั้นใช้การต่อสู้แบบผลาญพลังเป็นเวลานานอย่างคนโง่เง่า จึงไม่สามารถใช้ที่นี่ได้
แต่ถึงอย่างนั้น คิดว่าจะจัดการนางได้ง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ?
มุมปากของมู่เฉียนซีนั้นกระตุกยิ้มอย่างชั่วร้าย จากนั้นจึงกล่าวว่า “อู๋ตี้ เสี่ยวหง เสี่ยวโม่โม่! จงออกมา พวกเรามาเล่นสนุกกับเจ้าคนขี้เหนียวบ้านี่กัน”
สีหน้าของว่านซือเยี่ยนมืดมนลงทันที “มู่เฉินซี ข้ายังไม่ได้บอกเลยว่าเจ้าสามารถอัญเชิญผู้ช่วยมาได้เลยนะ”
“นี่คือสัตว์พันธสัญญาของข้า ซึ่งก็ถือว่าเป็นความแข็งแกร่งส่วนหนึ่งของข้าเช่นกัน ทำไมหรือ? เจ้ามีอะไรที่รู้สึกไม่พอใจอย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีเลิกคิ้วกล่าว
“เฮ้อ! ช่างมันเถอะ เห็นหน้าเจ้าน่าเกลียดถึงเพียงนี้ ข้าไม่รังแกเจ้าแล้วก็ได้ การมีสัตว์พันธสัญญาเยอะก็ไม่ใช่ความผิดข้าเสียหน่อย ข้ายอมเจ้าหน่อยก็แล้วกัน” มู่เฉียนซีกล่าวพลางถอนหายใจ หลังจากนั้นก็โบกมือให้กับเสี่ยวโม่โม่
“เสี่ยวโม่โม่ เจ้ากลับมาได้!”
ถึงแม้จะเก็บสัตว์เทพระดับหนึ่งไปตัวหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังมีระดับสองอยู่อีกสองตัวอยู่ดี
ว่านซือเยี่ยนจ้องเขม็งไปที่มู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “ข้าไม่สู้กับเจ้าแล้ว”
“เฮ้อ! เหตุใดเจ้าถึงไม่ให้โอกาสข้าได้รุมโจมตีเจ้าบ้างล่ะ!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความเสียดายเล็กน้อย
“วางใจเถอะ เจ้าจะไม่มีทางได้โอกาสเช่นนี้อีกแล้ว”
ที่ว่านซือเยี่ยนมาหานาง นั่นก็หมายความว่าเรื่องของเขาได้รับการแก้ไขแล้ว
ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงกล่าวถามว่า “เซี่ยซวี เรื่องของเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์ของเจ้า เจ้าจะจัดการอย่างไร?”
เซี่ยซวีปรากฏตัวขึ้นมาอยู่ตรงหน้ามู่เฉียนซีอย่างรวดเร็ว และกล่าวว่า “เจ้านาย ข้าจัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ! และยังมีคนในเผ่าของข้าอีกสองสามคนที่อยากจะติดตามข้าออกไปดูโลกภายนอก มิทราบว่าเจ้านายจะเห็นด้วยหรือไม่ขอรับ?”
เผ่าราชันย์แห่งเหมันต์ของพวกเขา ไม่ได้เป็นคนที่หยิ่งผยองมาแต่เดิมอยู่แล้ว เพียงแต่ก็ไม่อยากที่จะคบค้าสมาคมกับกลุ่มคนที่อยู่ข้างนอกเท่านั้น
ที่พวกเขาอยู่ที่นี่กันอย่างสันโดษ เพียงเพราะไม่อยากให้คนภายนอกได้รับรู้ เรื่องที่เผ่าราชันย์แห่งเหมันต์ของพวกเขาโดนคำสาป และเรื่องที่พวกเขาต้องค่อย ๆ ตายไปอย่างช้า ๆ อีกทั้งยังอ่อนแอมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็เท่านั้นเอง
หากถูกคนที่มีเจตนาไม่ดีรู้เรื่องนี้เข้า มันก็คงจะต้องเป็นหายนะสำหรับคนในเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์ของพวกเขาเป็นแน่
“ท่านพี่! เหตุใดข้าถึงไปด้วยไม่ได้ ข้าก็อยากไปด้วยเหมือนกันนะ” เซี่ยหนิงกล่าวอย่างเรียกร้อง
“รอให้เจ้าสามารถทนการลงมือของข้าได้เป็นเวลาหนึ่งก้านธูปก่อนค่อยมาว่ากัน” เซี่ยหนิงกล่าวปฏิเสธอย่างโหดร้าย
เวลาเพียงแค่หนึ่งก้านธูป ก็ทำให้สภาพของเซี่ยหนิงย่ำแย่เป็นมากแล้ว นี่เขายังต้องฝึกอีกนานแค่ไหนกันล่ะ!
อย่างไรก็ตามเซี่ยหนิงก็ได้ถูกสยบอย่างไร้ความปราณี และเขาก็ทำได้เพียงเฝ้ามองพวกของมู่เฉียนซีจากไปเท่านั้น
เซี่ยซวีกล่าวว่า “ปกป้องเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์ของพวกเราเอาไว้ให้ดี ในเมื่อคำสาปจะถูกถอนไปแล้ว เผ่าราชันย์แห่งเหมันต์ของพวกเราจะต้องสามารถกลับมารุ่งโรจน์เหมือนอย่างในอดีตได้อย่างแน่นอน”
“ท่านหัวหน้าเผ่าโปรดวางใจ!”
เมื่อกลับมาที่เมืองปิงหวางอีกครั้ง ว่านซือเยี่ยนก็กล่าวว่า “คำขอแรก เจ้าทำมันได้แล้ว และในเมื่อข้าได้สัญญากับเจ้าแล้ว ก็จะต้องทำให้ได้”
“ไม่เพียงแต่ต้องทำให้ แต่ต้องทำให้ดีด้วย ข้าคิดว่านายน้อยว่านซื่อก็คงจะไม่ตั้งใจทำอย่างลวก ๆ เพื่อทำลายชื่อเสียงของพวกเจ้าหรอกใช่หรือไม่?” มู่เฉียนซีเลิกคิ้วกล่าว
“ไม่ว่าสมาคมการค้าเฉินซีของพวกเราทำอะไร แน่นอนว่าจะต้องทำออกมาให้ดีที่สุดอยู่แล้ว!”
พวกเขาได้พูดคุยรายละเอียดต่าง ๆ กันอย่างไม่ให้ตกหล่นเลยแม้แต่อย่างเดียว
นอกจากเรื่องที่ขี้งกเกินไปแล้ว มู่เฉียนซีก็พึงพอใจกับระดับการทำงานของว่านซือเยี่ยนเป็นพิเศษ
ว่านซือเยี่ยนกล่าวถามว่า “มู่เฉินซี อาจารย์ที่สอนการปรุงยาให้กับเจ้า คือผู้ใด?”
“เรื่องที่เกิดขึ้นกับหอหมอปีศาจในดินแดนทางทิศใต้ เจ้าก็น่าจะรู้เรื่องเหล่านั้นมาบ้างใช่หรือไม่!” มู่เฉียนซีกล่าวตอบ
“นักปรุงยาขั้นเทวะคนนั้นหรือ!”
“ใช่แล้ว ยาที่เอามารักษาโม่ซวนจนหายดีเขาก็เป็นคนกลั่นเอง เจ้าต้องการให้เขาช่วยใครอย่างนั้นหรือ?”
ว่านซือเยี่ยนไม่อาจะปฏิเสธได้ จึงได้แต่พยักหน้าพลางกล่าวว่า “ใช่!”
“ข้าต้องการให้เขาช่วยใครบางคน เจ้ามีเงื่อนไขอะไรบ้าง?”
“เงื่อนไขหรือ! ข้าต้องการรู้ข่าวคราวของมู่เฟิงอวิ๋น”
“ไม่ได้!”
“เช่นนั้นเจ้าช่วยข้าจับเป่ยกงจั๋วมาทั้งเป็นได้หรือไม่”
“เจ้ายังไม่ตื่นอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าต้องการมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์!”
“ไม่มี!”
“ไม้เทพแห่งชีวิตล่ะ!”
“นั่นมันคืออะไรน่ะ?”
“ดีกิเลน!”
“……”
สิ่งของที่นางต้องการทั้งหมดนั้น แม้จะเป็นกองกำลังระดับห้าอย่างราชวงศ์ตงหวง หรือแม้แต่กองกำลังระดับเจ็ดของแดนสวรรค์ก็ไม่อาจหามาได้ และก็ไม่มีทางที่เขาจะสามารถหามันมาได้ภายในเวลาสั้น ๆ อย่างแน่นอน
“นอกจากสิ่งเหล่านี้แล้ว เจ้าไม่สามารถตอบสนองความต้องการของข้าได้ ฉะนั้นข้าก็จะไม่ให้เขาไปช่วยคนแน่”
“เจ้าไม่กลัวข้าปิดกั้นหอหมอปีศาจอย่างนั้นหรือ?” ว่านซือเยี่ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเล็กน้อย
“ข้าคิดว่าคนที่ฉลาดคงจะไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับหอปีศาจของข้าแน่ ถึงแม้เบื้องหลังของเจ้าจะมีสมาคมการค้าเฉินซีเป็นผู้สนับสนุนอยู่ก็เถอะ” มู่เฉียนซีกล่าวเตือนด้วยแววตาที่เปล่างประกายเย็นยะเยือกออกมา
.