ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2117 ไม่มีทางเสียใจภายหลัง
“ท่านผู้อาวุโสสาม เกิดอะไรขึ้นขอรับ?” มีคนกลุ่มหนึ่งรีบพุ่งเข้ามา
ผู้อาวุโสสามเห็นไข่มุกสีขาวที่แตกออกเป็นเสี่ยงแล้วจึงกล่าวว่า “ไม่เป็นอะไร มีคนทรยศปรากฏตัวขึ้นในเผ่าของเรา มีใครบางคนทำลายคำสาปให้เผ่าราชันย์แห่งเหมันต์แล้ว”
“เผ่าราชันย์แห่งเหมันต์หรือ เผ่าราชันย์แห่งเหมันต์ที่ไม่มีไหวพริบนั่น คิดไม่ถึงว่าจะยังมีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้!” มีใครบางคนกล่าวอย่างประหลาดใจ
ผู้อาวุโสสามเช็ดเลือดออกจากมุมปากพลางกล่าวว่า “ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตาม ที่กล้ามาทรยศเผ่าคำสาปของพวกเรา พวกเราจะปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาด”
เขาเคลื่อนไหวปลายนิ้ว จากนั้นก็ใช้ประโยชน์จากไข่มุกสีขาวที่แตกแล้วในการร่ายวิชาคำสาป และหยดเลือดสด ๆ ลงไป
อักขระคำสาปสีดำได้ปรากฏขึ้น จากนั้นผู้อาวุโสสามก็กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ตายซะเถอะ!”
ปรากฏว่าหลังจากที่ผ่านไปครู่หนึ่ง สีหน้าของผู้อาวุโสสามก็ซีดเผือด ‘พรวด! พรวด! พรวด!’ เขากระอักเลือดออกมาสามครั้งติดต่อกันก่อนที่จะหยุดลง
นัยน์ตาของเขาหดตัวลงอย่างกะทันหัน “คิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้เก่งกาจคนหนึ่ง มันเป็นผู้ใดกันแน่?”
“ท่านผู้อาวุโสสาม ท่านถูกสะท้อนกลับรุนแรงเกินไป จำต้องพักผ่อนนะขอรับ!”
ผู้อาวุโสสามกล่าวอย่างเหนื่อยล้าว่า “ไปตรวจสอบให้ข้า! ว่าที่จริงแล้วคนทรยศคนไหนเป็นคนทำกันแน่? คนภายในเผ่าที่แข็งแกร่งมากกว่าข้า มีไม่มากนักหรอก”
“ขอรับ!”
ผู้อาวุโสสามยังกล่าวถามอีกว่า “คนที่ไปหาเผ่ากิเลนยังหาไม่เจออีกอย่างนั้นหรือ?”
“ช่วงนี้ยังไม่มีข่าวคราวเลยขอรับ!”
“เจ้าพวกไร้ประโยชน์ เผ่าของเราจะต้องหาคัมภีร์หมื่นคำสาปให้เจอให้ได้ มิเช่นนั้น…” เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ สีหน้าของผู้อาวุโสสามก็เปลี่ยนเป็นมืดมนขึ้นมาทันที
“ท่านผู้อาวุโสสาม พวกเราเข้าใจแล้วขอรับ!”
ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่คนของเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์ผ่อนคลายมากที่สุด และหลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็ร้องไห้โฮออกมา
พวกเขาทั้งตื่นเต้น และทั้งเสียใจกับญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปก่อนหน้านี้
เซี่ยซวีได้เอาบัวหิมะเก้าเซียนดอกนั้นมอบให้กับมู่เฉียนซี “สิ่งนี้เป็นของเจ้าแล้ว”
หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็มอบมันให้กับว่านซือเยี่ยนแล้วกล่าวว่า “ให้เจ้า แล้วเจ้าก็อย่าลืมเรื่องที่รับปากข้าเอาไว้ด้วยล่ะ”
นางทำมันได้จริง ๆ ปัญหาที่ผ่านมานับพันปีแล้วเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์ก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้ แต่นางกลับทำมันได้แล้ว
และยิ่งไปกว่านั้น นางยังได้ผู้ช่วยที่ทรงพลังมากมาอีกด้วย
แน่นอนว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องนี้ และว่านซือเยี่ยนก็เตรียมที่จะเอาบัวหิมะเก้าเซียนไปส่ง เพื่อให้ถึงเร็วเท่าไรก็ยังดี
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “นักปรุงยาของพวกเจ้าอาจจะเก่งกาจมาก แต่ข้าก็ไม่ได้แย่เช่นกัน ยาขั้นเทวะนี้ต้องใช้ให้ถูกวิธีถึงจะมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถแสดงผลได้ดีมากยิ่งขึ้นด้วย หรือไม่เจ้าก็พาข้าไปดูคนป่วยคนนั้นก็ได้”
“ไม่ได้!” ว่านซือเยี่ยนปฏิเสธอย่างเด็ดขาดมาก
“ไม่ได้ก็ช่างเถอะ นี่คือคำแนะนำของข้าในการใช้ประโยชน์จากบัวหิมะเก้าเซียนเพื่อการรักษาบางส่วน เจ้าสามารถให้คนที่เป็นนักปรุงยาคนนั้นดูได้ ไม่รู้ว่าจะสามารถช่วยได้หรือไม่?” จากนั้นมู่เฉียนซีจึงได้ส่งกระดาษแผ่นหนึ่งไปให้เขา
คราวนี้ว่านซือเยี่ยนไม่ปฏิเสธมัน และกล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้ว”
“ข้าไม่ได้ช่วยเจ้า แต่ข้าเพียงแค่ไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับคนที่เหล่าเพื่อนพ้องของข้าใส่ใจเท่านั้นเอง”
ว่านซือเยี่ยนจากไปอย่างรวดเร็ว และจากนั้นเซี่ยซวีก็กล่าวว่า “พาแขกผู้มีเกียรติไปพักผ่อนก่อน”
สถานที่ที่พวกเขาได้จัดเตรียมไว้ให้มู่เฉียนซีนั้นงดงามเป็นอย่างมาก ซึ่งมันเป็นเหมือนกับพระราชวังขนาดย่อมก็มิปาน และเพราะมู่เฉียนซีเป็นผู้มีพระคุณสำหรับพวกเขาทั้งเผ่า ฉะนั้นมันจึงทำให้พวกเขาปฏิบัติต่อนางด้วยความเคารพ
และอาหารที่ดีที่สุดก็ได้ถูกจัดเตรียมไว้เพื่อต้อนรับมู่เฉียนซีแล้ว
คนภายในเผ่ากำลังประชุมกัน และหลังจากที่ประชุมใหญ่เสร็จเรียบร้อยแล้ว เซี่ยหนิงก็แอบย่องออกมา จากนั้นก็กล่าวว่า “พี่สาวมู่ สิ่งของทั้งหมดนี้เป็นของท่าน ข้าขอบคุณท่านมากจริง ๆ!”
“หลังจากนี้ไปพวกเราจะไม่ทุกข์ทรมานอีกแล้ว และไม่ต้องมีชีวิตถึงแค่ยี่สิบปีก็ต้องจากโลกนี้ไปตลอดกาลอีกแล้ว ท่านเป็นคนดีมากจริง ๆ”
เซี่ยหนิงได้มอบทรัพย์สินทั้งหมดของเขาให้กับมู่เฉียนซี แต่มู่เฉียนซีกลับบอกว่า “นี่คือสมบัติที่เจ้าเก็บสะสมมาตั้งแต่เด็กจนโต เจ้าเก็บเอาไว้ใช้เถอะ! หากข้ามีของที่อยากได้ ข้าจะไปบอกพี่ชายของเจ้าเอง”
“เสี่ยวหนิง เจ้าอย่ามารบกวนแม่นางมู่ ออกไปเถอะ! ข้ามีเรื่องที่จะคุยกับนางสักหน่อย”
เซี่ยหนิงจากไปอย่างแง่งอน จากนั้นเซี่ยซวีก็เดินเข้ามา แล้วมองไปทางมู่เฉียนซี
“การเชื่อในตัวเจ้า และยอมเดิมพันครานี้ ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในชีวิตของข้า! จากนี้ไปชีวิตนี้ของข้าเป็นของเจ้า ขอเพียงแค่ไม่ทำอันตรายต่อคนในเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์ ข้าจะยอมทำทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ” เซี่ยซวีกล่าวอย่างแน่วแน่
มู่เฉียนซีกล่าวกับเขาว่า “คำสาปลักชะตา ก็คือการแย่งชิงโชคชะตาของเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์ของพวกเจ้าไปให้กับเผ่าคำสาป! ถึงเผ่าคำสาปจะมีความเชี่ยวชาญในวิชาที่ต้านสวรรค์เช่นนี้ แต่มันก็มักจะต้องแลกมาด้วยอะไรบางอย่างเสมอ? และพวกเขาก็มีหนทางที่ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงเรื่องเหล่านี้ได้ ซึ่งก็คือการให้เผ่าอื่นรับความเสี่ยงนี้แทนพวกเขา”
“เผ่าราชันย์แห่งเหมันต์ของพวกเจ้า โชคไม่ดีที่ถูกเพ่งเล็งไปแล้ว ความจริงแล้วเจ้าไม่ต้องยอมจำนนต่อข้าก็ได้ เพราะข้าก็จะให้พวกเจ้าได้สัมผัสกับวิชาคำสาปเช่นกัน เนื่องจากว่าสิ่งนี้สามารถย้อนกลับไปแทงเผ่าคำสาปได้เช่นกัน แล้วเหตุใดข้าถึงจะไม่ทำมันล่ะ!”
ในตอนที่นางได้ค้นพบวิชาคำสาปนี้ นางก็คิดที่จะปลดปล่อยมันอยู่แล้ว
ถึงนี่จะไม่ถือว่าส่งผลกระทบต่อเผ่าคำสาปมากเท่าไรนัก แต่มันก็สามารถทำให้พวกเขาไม่มีความสุขได้เช่นกัน และอย่างไรเสียนางกับเผ่าคำสาปก็มีบุญคุณความแค้นต่อกันไม่น้อยอยู่แล้ว
ท่านย่าและอารองถูกเผ่าคำสาปไล่ล่า และตอนนี้พวกเขาก็ยังคงไม่ลามือ นอกจากนี้ คำสาปที่น่าสะพรึงกลัวบนตัวของจิ่วเยี่ย ก็เป็นฝีมือของเผ่าคำสาปอีกเช่นกัน
เซี่ยซวีกล่าวว่า “จากบันทึกของเผ่าของข้า เดิมทีแล้วหากไม่ใช่คนของเผ่าคำสาปก็จะไม่สามารถใช้วิชาคำสาปได้ แต่ข้ากลับมั่นใจว่า เจ้าไม่ใช่คนของเผ่าคำสาปอย่างแน่นอน”
“ใช่แล้ว! ข้าไม่ใช่คนของเผ่าคำสาป อีกทั้งยังมีความพยาบาทต่อคนของเผ่าคำสาปด้วย! ที่ข้าช่วยพวกเจ้าก็เพื่อที่จะโจมตีศัตรูเท่านั้น เช่นนั้นเจ้ายังมีทางเลือกอื่นอีกมาก” มู่เฉียนซีกล่าวพลางมองไปที่เซี่ยซวี
“ข้าได้สัญญาเรื่องนี้กับเจ้าไปแล้ว ฉะนั้นไม่มีทางเสียใจภายหลังแน่นอน!”
“ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าแน่ใจแล้วหรือ? จากนี้ไปเจ้าจะหนีไม่ได้อีกแล้วนะ” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้าแน่ใจ!” เซี่ยซวีพยักหน้ากล่าว
“เซี่ยซวีจากเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์ คารวะเจ้านาย”
คนที่เย็นยะเยือกราวน้ำแข็งผู้นี้ ในเวลานี้ได้คุกเข่าลงข้างหนึ่งต่อหน้ามู่เฉียนซี เพื่อมอบความภักดีของเขาให้แก่นาง
ความสิ้นหวังรุ่นแล้วรุ่นเล่า ที่ต้องยอมแพ้ไป พร้อมกับญาติพี่น้องก็ค่อย ๆ ตายจากไปทีละคน
พวกเขามิอาจต้านชะตากรรมที่ทำให้พวกเขาหมดหนทางได้เห็นลูกหลานของตนเองเติบใหญ่ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่พวกเขาเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์รุ่นแล้วรุ่นเล่ามิอาจหลุดพ้นไปได้
มีเพียงพวกเขาที่สามารถรับรู้ได้อย่างลึกซึ้งว่า การถอนคำสาปได้แล้วนั้นมีความหมายเพียงใด
และการที่เขายอมมอบทั้งหมดให้นั้น ก็ไม่ถือว่ามากเกินไปเลย
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อหัวหน้าเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์กลายมาเป็นลูกน้องของข้าแล้ว เช่นนั้นข้าก็อยากจะสั่งให้เจ้าทำงานเรื่องแรกให้ข้าสักหน่อย ข้าได้ยินมาว่าหุบเขาน้ำแข็งของพวกเจ้ามีสมุนไพรวิญญาณมากมาย ดังนั้นก็ให้ทุกคนไปเก็บมาให้ข้าหน่อย!”
ภารกิจแรกนั้นง่ายดายมาก และเนื่องจากเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์ไม่มีนักปรุงยา อีกทั้งคนนอกยังไม่สามารถย่างกรายเข้ามาได้ ดังนั้นสมุนไพรวิญญาณเหล่านี้สำหรับพวกเขาแล้ว จึงเป็นเพียงแค่วัชพืชธรรมดาเท่านั้น
คนทั้งเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์ดูงานยุ่งกันขึ้นมาทันที อีกทั้งตอนนี้พวกเขาก็ไม่กลัวความหนาวเหน็บอีกแล้ว ฉะนั้นการเก็บสมุนไพรเหล่านี้จึงเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
พวกเขารู้สึกขัดเขินเล็กน้อย ที่ได้ตอบแทนบุญคุณด้วยการทำเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้
เวลานี้ว่านซือเยี่ยนได้นำยาไปส่งแล้ว นอกจากนั้นเขายังมอบกระดาษที่มู่เฉียนซีเขียนให้กับนักปรุงยาคนหนึ่งอีกด้วย
นักปรุงยาท่านนี้ไม่ได้เป็นคนที่มีความหยิ่งผยองสูงจนไม่เห็นหัวผู้อื่น ฉะนั้นเมื่อเขาได้ดูสิ่งของที่คุณชายมอบให้อย่างละเอียดแล้ว เขาก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
“ที่แท้หากใช้บัวหิมะเก้าเซียนด้วยวิธีเช่นนี้จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพของยาได้ขั้นหนึ่งเชียวหรือ ที่แท้…”
ยิ่งอ่าน เขาก็ยิ่งประหลาดใจมากขึ้นไปอีก
“เดิมทีข้ามีความมั่นใจเพียงหกส่วนเท่านั้น แต่ทว่าตอนนี้กลับมีความมั่นใจอย่างน้อยเก้าส่วนแล้ว มันดีมากจริง ๆ ดีเหลือเกิน!”
“คุณชาย ปรมาจารย์นักปรุงยาท่านนี้คือผู้ใดกัน? ข้าอยากที่จะเจอเขาเสียหน่อย”
.