ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2113 เอาคืนว่านซื่อ
“ได้ ขอเพียงแค่หาท่านพี่ให้เจอ ข้าก็จะอยู่บ้านอย่างเชื่อฟัง เพียงแต่คนนอกไม่สามารถเข้าไปในเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์ของพวกข้าได้ ฉะนั้นส่งข้าถึงแค่ทางเข้าก็พอแล้วล่ะ!” หนุ่มน้อยกล่าว
เนื่องจากหนุ่มน้อยนั้นมีความทรงจำที่ดีมาก ฉะนั้นจึงพาพวกเขามุ่งหน้าไปยังอาณาเขตของเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์ได้อย่างแม่นยำ
ระหว่างเดินทางเขาประหลาดใจมากที่เห็นมู่เฉียนซีกับว่านซือเยี่ยนแย่งสมุนไพรวิญญาณกัน “พี่สาวมู่ พี่ชายว่านซื่อ เหตุใดพวกท่านถึงต้องแย่งกันเก็บวัชพืชนี้ด้วยเล่า! ภายในเผ่าของข้ามีมันอยู่ทั่วทุกที่เลยนะ!”
มุมปากของมู่เฉียนซีและว่านซือเยี่ยนกระตุกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นว่านซือเยี่ยนก็มองไปที่เขาด้วยดวงตาที่เป็นประกายขึ้นมาอีกหลายส่วน
และตอนนี้มุมปากของมู่เฉียนซีก็เริ่มกระตุกขึ้นมาเล็กน้อยแล้วเช่นกัน เจ้าหนูนี่ช่างดึงดูดพวกหมาป่าให้เข้าหาได้ง่ายมากเลยจริง ๆ!
อย่าว่าแต่คนที่ไม่อยากพลาดเงินเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างว่านซือเยี่ยนเลย เพราะแม้แต่นางเองในตอนนี้ก็หวั่นไหวแล้วเช่นกัน
และเมื่อมาถึงเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์ สีหน้าของเซี่ยหนิงก็เปลี่ยนเป็นขาวซีดขึ้นมาทันที และจากนั้นตัวของเขาก็เริ่มสั่นเทา
“หนาว! ข้าหนาวเหลือเกิน!”
ว่านซือเยี่ยนผงะไปครู่หนึ่ง “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน? ข้าได้ยินมาว่าเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์ไม่กลัวความหนาวเหน็บ แล้วเจ้าจะกลัวหนาวได้อย่างไร?”
“ไม่เป็นไร แค่ข้าคุ้นชินได้ก็ไม่เป็นไรแล้ว คุ้นชินแล้ว…”
บนตัวเขามีน้ำแข็งบาง ๆ ก่อตัวขึ้นมาชั้นหนึ่ง จากนั้นก็มีเส้นสีดำปรากฏขึ้นมาบนหน้าผากของเขา พลันนั้นม่านตาของมู่เฉียนซีก็หดตัวลงอย่างกะทันหัน
ว่านซือเยี่ยนกล่าวว่า “เจ้าเป็นนักปรุงยา เจ้าเห็นปัญหาอะไรบ้างหรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างรีบร้อนว่า “หาสถานที่ให้เขานอนลง เร็วเข้า!”
“ได้!”
มู่เฉียนซีจ้องมองไปยังหนุ่มน้อยที่ถูกแช่แข็งจนทำให้หมดสติไปแล้ว และคิดไม่ถึงเลยว่าคนผู้นี้จะถูกวิชาคำสาป อีกทั้งยังเป็นฝีมือของเผ่าคำสาปอีกด้วย
ในตอนที่มู่เฉียนซีกำลังต้องการจะระงับวิชาคำสาปให้กับเซี่ยหนิง ก็มีคนกลุ่มหนึ่งวิ่งมาอย่างกะทันหันพลางกล่าวว่า “พวกเจ้าเป็นผู้ใดกัน? รีบปล่อยนายน้อยของพวกเราเดี๋ยวนี้”
พูดจบ พวกเขาแต่ละคนก็เอาหุ่นวิญญาณเหมันต์ของพวกเขาออกมา
หุ่นวิญญาณเหมันต์ทุกตัวนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และนี่ก็ทำให้องครักษ์ของว่านซือเยี่ยนรู้สึกถึงความกดดันที่มากขึ้นทันที
พวกเขาไม่อาจประมาทความสามารถของเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์ได้ เพราะทั่วทั้งแดนซวนเทียนมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้วิธีควบคุมหุ่นวิญญาณเหมันต์อันทรงพลังนี้
หากไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาเลือกที่จะอยู่อย่างสันโดษ คาดว่าในกองกำลังชั้นนำทั้งหลายของแดนซวนเทียนจะต้องมีตำแหน่งของพวกเขาอยู่ด้วยแน่นอน
ว่านซือเยี่ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “พวกเจ้าเอาตาที่ไหนมองว่าพวกข้ากำลังทำร้ายนายน้อยของพวกเจ้ากัน ร่างกายของเขาเกิดปัญหาขึ้นต่างหาก และข้าก็แค่ให้นักปรุงยาตรวจสอบร่างกายของเขาเท่านั้น”
“แย่แล้ว!” เมื่อพวกเขาเห็น สีหน้าก็เปลี่ยนไปมากทันที
“ร่างกายของนายน้อยเกิดปัญหาอีกแล้ว”
พวกเขารีบร้อนพุ่งทะยานเข้ามาทันที แต่มู่เฉียนซีกลับขวางพวกเขาเอาไว้ พลางกล่าวว่า “เวลาเช่นนี้ เขาไม่เหมาะที่จะเคลื่อนไหว”
“แต่ว่า หากไม่เข้าไปในเผ่าของพวกเรา และหากไม่ไปที่น้ำพุศักดิ์สิทธิ์ละก็ นายน้อยของพวกเราอาจจะตาย หรืออาจจะถูกแช่แข็งจนตายก็ได้” พวกเขากล่าวอย่างกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก
“หัวหน้าเผ่าไม่อยู่ คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเราจะไม่สามารถดูแลนายน้อยให้ดีได้ เช่นนี้พวกเราจะไม่ทำให้ท่านหัวหน้าเผ่าไม่ผิดหวังได้อย่างไรกันล่ะ?”
คนเหล่านี้เมื่อดูแล้วยังเยาว์อยู่มาก และคนที่อายุมากที่สุดน่าจะยังไม่เกินยี่สิบปีเลยด้วยซ้ำ
“ร้อนใจอะไรกัน ข้ามีหนทางช่วยเขา”
เนื่องจากมู่เฉียนซีไม่คุ้นเคยกับพวกเขา สุดท้ายแล้วจึงไม่ได้ใช้วิชาคำสาป แต่เลือกที่จะใช้การกลั่นยาแทน
เมื่อกลั่นยาน้ำออกมาแล้ว นางก็จับเซี่ยหนิงแช่ลงไปข้างใน หลังจากนั้นน้ำแข็งที่เกาะอยู่บนตัวของเซี่ยหนิงก็เริ่มละลาย
คนของเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์เหล่านั้นกล่าวอย่างตื่นตะลึงว่า “ยาน้ำนี้ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ มันมีประสิทธิภาพมากกว่าน้ำพุศักดิ์สิทธิ์เสียอีก”
“ช่างน่าอัศจรรย์มากเหลือเกิน”
เซี่ยหนิงที่เพิ่งจะพ้นเคราะห์กล่าวว่า “ข้าประมาทเกินไป คิดไม่ถึงเลยว่าโรคประหลาดนี้จะเกิดกำเริบขึ้นมาตอนอยู่ข้างนอกเช่นนี้! หากโรคประหลาดของท่านพี่เกิดกำเริบขึ้นมาตอนอยู่ข้างนอกจะทำเช่นไรล่ะ?”
“นายน้อย ท่านไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับท่านหัวหน้าเผ่าหรอกขอรับ พวกเรารีบกลับเข้าไปข้างในกันเถอะ! ข้างนอกนี้อันตรายเกินไปนะขอรับ” พวกเราเข้ามาพยุงเซี่ยหนิงเอาไว้
เซี่ยหนิงกล่าวว่า “พี่สาวมู่ พี่ชายว่านซื่อ พวกท่านสามารถวางใจได้แล้ว คนในเผ่าของข้ามารับข้าแล้ว ข้าไม่ต้องให้พวกท่านไปส่งแล้วล่ะ แต่โปรดจำเรื่องที่ข้าบอกท่านไว้ ว่าต้องหาท่านพี่ของข้าให้เจอให้ได้”
“นายน้อย ท่านให้คนนอกมาตามหาท่านหัวหน้าเผ่าได้อย่างไรขอรับ?” คนของเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์มีความระวังตัวต่อคนนอกเป็นอย่างมาก
“พวกเขาเก่งกาจมาก เจ้าดูสิแม้แต่โรคประหลาดของข้ากำเริบยังไม่เป็นอะไรเลย! และข้าก็เป็นห่วงท่านพี่มากจริง ๆ” เซี่ยหนิงกล่าว
ชายหนุ่มที่โตที่สุดในบรรดาพวกเขากล่าวว่า “ขอบคุณที่พวกท่านดูแลนายน้อยของพวกเรา อีกทั้งยังช่วยรักษาโรคให้นายน้อยพวกเราอีกด้วย และนี่ก็คือน้ำใจเล็กน้อยของพวกเราขอรับ”
แม้ว่าเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์จะซ่อนตัวมานับพันปีแล้ว แต่ในมือของพวกเขามีสมบัติอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ว่านซือเยี่ยนกล่าวว่า “เรื่องตอบแทนนั้นช่างเถอะ แต่ข้าอยากจะสอบถามเรื่องสิ่งของบางอย่างกับพวกเจ้าสักหน่อย เมื่อถามเสร็จแล้วพวกเราก็จะไปทันที เพราะข้าก็ไม่ค่อยมีความสนใจต่อเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์ของพวกเจ้ามากเท่าไรนักหรอก”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นเล็กน้อย นี่เจ้าเสแสร้งสินะ! เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเจ้ามีความสนใจในความมั่งคั่งของเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์มากเพียงใด
“สิ่งของอะไรหรือ?”
ว่านซือเยี่ยนได้นำเอาภาพวาดที่มู่เฉียนซีวาดออกมา จากนั้นก็ถามว่า “พวกเจ้าเคยเห็นยาขั้นเทวะชนิดนี้ที่ธารน้ำแข็งเหนือบ้างหรือไม่?”
คนอื่นต่างพากันส่ายหน้าเล็กน้อย แต่เซี่ยหนิงกลับกล่าวว่า “ข้ารู้ ๆ คืนก่อนวันที่ท่านพี่จะจากไปข้าเห็นเขาได้ถือดอกไม้แสนสวยดอกนี้เอาไว้ และวันรุ่งขึ้นหลังจากนั้นเขาก็จากไปแล้ว”
ว่านซือเยี่ยนกล่าวถามว่า “เจ้าแน่ใจหรือ?”
“อื้ม! ข้ามั่นใจว่ามองไม่ผิดแน่นอน”
หรือกล่าวได้อีกนัยหนึ่งก็คือ ตอนนี้บัวหิมะเก้าเซียนนั้นอยู่ในมือของผู้นำเผ่าของเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์นั่นเอง
ขอเพียงแค่เซี่ยซวีผู้นั้นยังอยู่ในอาณาเขตของแดนซวนเทียนแห่งนี้ เขาจะต้องหาเจอได้อย่างแน่นอน
คนของเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์เหล่านั้นตะลึงงันไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “เผ่าราชันย์แห่งเหมันต์ของพวกเราอยู่อย่างสงบสุขมาโดยตลอด และยังไม่เคยทำร้ายผู้ใดมาก่อนด้วย หากคุณชายต้องการสมุนไพรวิญญาณนี้ ก็โปรดอย่าทำร้ายหัวหน้าเผ่าของพวกเรา หากทำเช่นนั้นได้เผ่าราชันย์แห่งเหมันต์ของพวกเราจะขอบคุณท่านเป็นอย่างมาก”
“หากพวกท่านเจอกับหัวหน้าเผ่าแล้ว ก็รบกวนบอกให้เขารีบกลับมาเผ่าเสีย และได้โปรดอย่าไปเสี่ยงอันตรายเพื่อพวกเราเป็นอันขาด”
นิสัยของคนจากเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว อีกทั้งยังไม่มีนิสัยที่ผิดแปลกจากมนุษย์มนาอย่างในข่าวลืออีกด้วย
เซี่ยหนิงกล่าวว่า “พี่สาวมู่ ข้าขอมอบอาต้าให้ท่าน หากมีอาต้าตามไปด้วย ท่านพี่ก็จะรู้ว่าพวกท่านเป็นคนที่ข้าส่งให้มาหาเขา และหากดอกไม้นั้นมีประโยชน์ต่อพี่ชายแล้วละก็ เขาก็จะต้องมอบให้พวกท่านอย่างแน่นอน! อย่างไรเสียท่านพี่ก็รักข้าที่สุดแล้วล่ะ”
เมื่ออาต้าได้รับคำสั่งจากเจ้านาย มันก็ไปยืนอยู่ข้างกายของมู่เฉียนซีทันที
“เช่นนั้นพวกเราขอตัวก่อน” คนของเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์กล่าว
“รอเดี๋ยว เพื่อขอบคุณที่เซี่ยหนิงบอกข้อมูลให้แก่ข้า ข้าเลยอยากจะมอบของขวัญให้เจ้าสักหน่อย”
มู่เฉียนซีได้นำเอาหม้อยาออกมากลั่นยา ขณะเดียวกันนั้นว่านซือเยี่ยนก็ได้ค้นพบว่าผู้หญิงคนนี้กลั่นยาน้ำออกมาได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังรวดเร็วมาก นอกจากนี้มันยังมีประสิทธิผลอย่างน่าประหลาดใจอีกด้วย
มู่เฉียนซีได้กรอกยาน้ำลงไปในขวดหลายขวดพลางกล่าวว่า “หากเจ้าเจอสถานการณ์ที่ยากลำบากเหมือนก่อนหน้านี้อีก ก็ให้ดื่มมันขวดหนึ่ง ก็จะสามารถควบคุมมันไว้ได้แล้ว”
เซี่ยหนิงกล่าวว่า “จริงหรือ?”
สำหรับโรคประหลาดนี้ ถึงคนจากเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์จะคิดหาวิธีมากมายเพียงใด แต่ก็ไม่มีประโยชน์เลยสักนิดเดียว ฉะนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่ายาเพียงขวดเดียวนี้จะสามารถควบคุมโรคประหลาดนั้นไว้ได้
คนของเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์เหล่านั้นต่างก็มีความอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน เพียงแต่พวกเขาก็ไม่ค่อยเชื่อว่ายาขวดนี้จะสามารถทำเช่นนั้นได้
หลังจากที่ล่ำลากับคนของเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์แล้ว พวกของมู่เฉียนซีก็เดินทางออกมาจากธารน้ำแข็งเหนือด้วยความรวดเร็ว และทันทีที่กลับมาถึงเมืองปิงหวาง สีหน้าของว่านซือเยี่ยนก็ยิ่งเคร่งเครียดขึ้นไปอีก
ด้วยเบาะแสนี้ ดูเหมือนว่าการหาคนจะเป็นเรื่องง่าย แต่ทว่าเขากลับไม่ได้มีเวลามากมายนัก
ว่านซือเยี่ยนมองไปทางมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “เจ้ารู้ว่าโรคประหลาดของเจ้าหนูน้อยนั่นคืออะไรอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นเจ้าพอมีหนทางที่จะหาหัวหน้าเผ่าของเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์ให้เจอโดยเร็วได้บ้างหรือไม่ หากหาเจอได้ภายในสามวันจะดีมาก”
หากว่าเกินสามวัน เกรงว่ามันจะสายเกินไป และเขาจะไม่ยอมให้มีเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แน่นอนว่าต้องมีอยู่แล้ว! แต่นายน้อยว่านซื่อจะยอมจ่ายข้าด้วยเงินแบบไหนล่ะ!”
“เจ้าคิดจะฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้หรือ!” ว่านซือเยี่ยนกล่าวอย่างเย็นชา
“ใครใช้ให้เจ้าขี้งกอยู่ตลอดเวลาล่ะ หากข้าไม่คว้าโอกาสจากสถานการณ์นี้เอาไว้ เช่นนั้นข้าก็คงจะรู้สึกผิดต่อเจ้าที่หลอกเอาเงินข้าไปมากมายถึงเพียงนั้นเป็นแน่ เจ้าว่าถูกหรือไม่?”
การที่นางปล่อยให้ถูกหลอกไปก่อนหน้านี้ ก็เป็นเพียงเพราะนางไม่มีโอกาสได้เอาคืน ฉะนั้นนางเพียงแค่ปล่อยให้นายน้อยของสมาคมการค้าเฉินซีผู้ร่ำรวยที่สุดแต่กลับมีนิสัยขี้งกอย่างสุดขั้วผู้นี้อวดดีไปก่อนระยะหนึ่งเท่านั้น
และในเมื่อตอนนี้มีโอกาสแล้ว นางก็จะต้องเอาคืนเขาให้เจ็บปวดแสนสาหัส มันถึงจะสามารถบรรเทาความเจ็บช้ำน้ำใจของนางก่อนหน้านี้ได้
.