ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2101 ไม่มีคุณสมบัติ
พวกเขาไม่เชื่อในความชั่วร้ายนี้ และจะต้องได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีสลักรูปแบบของคำสาปต่าง ๆ ออกมากลางอากาศ และกวาดสายตามองพวกเขาด้วยแววตาที่เย็นชา
“ในเมื่อพวกเจ้ารนหาที่ตาย เช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าได้พ้นทุกข์ไปโดยเร็วก็แล้วกัน!”
“คิดจะสร้างเรื่องข่มขวัญตบตาอย่างนั้นหรือ! เจ้าจะใช้วิชาคำสาปอีกหรืออย่างไร? วิชาคำสาปเช่นนี้ ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน ช่างนอกรีตเสียจริง ๆ” คนเหล่านี้กล่าวอย่างดูหมิ่น
มีพลังจิตวิญญาณเช่นนี้ หากเป็นคนในเผ่าพวกเขาไม่มีทางไม่รู้จักอย่างแน่นอน เพราะอย่างไรเสียคนของเผ่าคำสาปของพวกเขาก็ไม่ได้มากมายอะไรอยู่แล้ว
ในเมื่อไม่รู้ เช่นนั้นแม่สาวน้อยผู้นี้ก็คงจะเป็นเด็กเหลือขอที่เร่ร่อนอยู่ข้างนอกเป็นแน่
นางแค่โชคดีที่เรียนรู้วิชาคำสาปมาบ้าง แต่มันก็ไม่ใช่ต้นตำรับอยู่ดี ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาต้องดูหมิ่นมันอยู่แล้ว
หากตอนนี้คัมภีร์หมื่นคำสาปอยู่ในสภาพที่ตื่นอยู่ แล้วรู้ว่าพวกเขามีความคิดเช่นนี้ คาดว่าคงจะทำให้พวกเขาแต่ละคนได้ลิ้มลองรสชาติว่าการถูกวิชาคำสาปนับหมื่นนับพันชนิดทรมานมันเป็นเช่นไร?
มันคือที่มาของคำสาป และวิชาคำสาปที่อยู่กับมันนั้นจะนอกรีตได้อย่างไรกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าดูถูกมันเช่นนี้?
“ไป!”
ตูมมม!
พรวด พรวด พรวด!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่คือวิชาคำสาปที่พวกเขารับไม่ไหวอยู่แล้ว
นัยน์ตาของพวกเขาหดตัวลงอย่างรวดเร็ว “ป้องกัน!”
“เร็วเข้า!”
แต่ทว่าพลังของวิชาคำสาปไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถป้องกันเอาไว้ได้โดยง่าย
พรวด พรวด พรวด!
นักเล่นคาถาอาคมเหล่านี้ที่ได้รับบาดเจ็บส่วนหนึ่งก็มาจากมู่เฉียนซี
พวกเขาจ้องมองไปยังมู่เฉียนซีอย่างตื่นตะลึง นี่…เจ้าคนวิปลาสนี่โผล่ออกมาจากที่ใดกันแน่!
สิ่งนี้แม้แต่เจ้าสำนักหลินเยว่ที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็ยังจ้องมองด้วยความตื่นตกใจเป็นอย่างมากเช่นกัน นี่มันคือกลอุบายอะไรกัน คิดไม่ถึงเลยว่ามู่เฉินซีจะมีกลอุบายที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้ด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกเจ้าเป็นคู่ซ้อมให้อารองของข้าอย่างเชื่อฟังจะดีกว่า หากยังกระตุ้นด้วยการใช้วิชาคำสาปอีกละก็ พวกเจ้าก็คงต้องระวังตัวหน่อยแล้วล่ะ”
“แยกย้าย!”
คนหนึ่งในนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา!
พวกเขาไม่จัดขวบนเพื่อใช้วิชาคำสาปแล้ว แต่จะแบ่งกลุ่มกันออกมาเพื่อจัดการกับมู่เฉียนซีแทน
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง เสี่ยวโม่โม่ ขวางพวกเขาเอาไว้!”
“คุ้มกันข้า!”
มู่เฉียนซีไม่ค่อยได้ใช้วิชาคำสาปเท่าไรนัก อีกทั้งยังไม่มีความเชี่ยวชาญเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ไม่ว่าจะเป็นมรดกหรือว่าพลังจิตวิญญาณที่เหนือกว่าต่างก็สามารถบดขยี้คนเหล่านี้ได้ และมันก็ทำให้พวกเขาทำอะไรนางไม่ได้เลย
ปัง ปัง ปัง!
หลังจากที่เคลื่อนไหวไปแล้วรอบหนึ่ง คนของเผ่าคำสาปเหล่านี้ก็ต้องเสียแรงไปอย่างไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย
“ในเมื่อเจ้าเป็นคนของเผ่าคำสาปของพวกข้า อีกทั้งยังมีความสามารถเช่นนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย ถึงจะไม่กลับคืนสู่เผ่าและไม่คิดจะทำให้เผ่าคำสาปของพวกเราเติบโตอย่างเข้มแข็งก็ช่างมัน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าทำลายแผนการอันยิ่งใหญ่ของเผ่าคำสาปของพวกข้า! เจ้ามันสมควรตายนัก!”
“ข้าบอกไปแล้ว ว่าข้าไม่ใช่คนของเผ่าคำสาป! ข้าแซ่มู่ และไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับเผ่าคำสาปของพวกเจ้าทั้งสิ้น!”
“ช่างดื้อรั้นเสียจริง ๆ พรสวรรค์เช่นนี้ จะไม่ใช่คนของเผ่าคำสาปได้อย่างไร! ลงมือได้”
แม้ว่าสาวน้อยผู้นี้จะมีวิชาคำสาปที่แข็งแกร่งและลึบลับเหล่านั้น แต่ว่ากลับเป็นผู้บำเพ็ญตบะที่มีระดับต่ำถึงเพียงนี้ ฉะนั้นถึงพวกเขาจะไม่ใช้วิชาคำสาปก็สามารถจัดการนางได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว
แต่ผลลัพธ์ กลับไม่ง่ายดายเลยแม้แต่น้อย
มีทั้งมู่เฟิงหลิง นอกจากนี้ยังมีสัตว์พันธสัญญาของนาง บวกกับความรวดเร็วของนางอีก!
“พลังแห่งมิติ นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?”
แน่นอนว่าคนของเผ่าคำสาปมีความรู้และเคยพบเห็นสิ่งต่าง ๆ มามากกว่าคนส่วนใหญ่ของแดนซวนเทียนอยู่แล้ว และถึงแม้ว่าสถานะในเผ่าคำสาปของพวกเขาจะไม่ได้สูงมากก็ตาม
พลังแห่งมิติ มันจะต้องเป็นพลังแห่งมิติแน่นอน
จอมภูตพลังธาตุมิติไม่ได้ปรากฏตัวออกมานานมากแล้ว แต่สาวน้อยผู้มีความสามารถเป็นเพียงแค่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตคนหนึ่งกลับสามารถทำได้
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! การไล่ล่ามู่เฟิงหลิงในคราวนี้ กลับมีเรื่องที่น่ายินดีอย่างคาดไม่ถึงด้วย! แม่สาวน้อยผู้นี้ ข้าจะเป็นคนจัดการเอง พวกเจ้าอย่าปล่อยให้มู่เฟิงหลิงหนีไปได้ก็พอแล้ว”
ทันใดนั้นก็มีคนผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นมากลางอากาศ จากนั้นเสียงลมพายุพัดโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งก็ดังขึ้น จนม้วนเสื้อคลุมยาวสีดำของคนผู้นั้นโบกสะบัดขึ้นมา
ดวงตาที่เหมือนน้ำนิ่งก็มิปานคู่นั้นจ้องมองมาที่มู่เฉียนซี “อัจฉริยะผู้นี้ เจ้ายอมมาเป็นลูกศิษย์ของข้าเสียเถอะ! ขอเพียงแค่เจ้ามาเป็นลูกศิษย์ของข้า และมู่เฟิงหลิงให้การร่วมมือกับเผ่าคำสาปอย่างเชื่อฟัง พวกข้าจะไม่ทำให้พวกเจ้าต้องลำบากใจอย่างแน่นอน”
พลังที่น่าสะพรึงกลัวจู่โจมเข้ามา ด้วยการระเบิดพลังเช่นนี้ได้ทำให้คนที่บาดเจ็บอยู่แล้วของสำนักหลินเยว่เหล่านั้นต้องบาดเจ็บสาหัสขึ้นไปอีก และถึงแม้ว่าจะเป็นมู่เฟิงหลิงก็ได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นกัน
พระเจ้า! นะ…นี่คือพลังของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณระดับสูงสุดอย่างนั้นหรือ?
ต้องรู้ว่าพลังเช่นนี้ล้วนเป็นของสัตว์ประหลาดโบราณทั้งสิ้น ซึ่งแต่ละตัวนั้นล้วนเก็บตัวอยู่กันอย่างสันโดษมานานหลายหมื่นปี และน้อยมากที่จะออกมาสู่โลกภายนอก แต่แน่นอนว่าพวกเขายังสามารถพบเจอมันได้อยู่
ทว่ามู่เฉียนซีกลับไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นเพราะตาเฒ่าผู้นี้ไม่ต้องการที่จะทำร้ายมู่เฉียนซี และเพียงแค่ต้องการจะแสดงพลังต่อหน้านางเท่านั้นเอง
ถึงจะได้เห็นพลังเช่นนี้ของเขาแล้ว แต่มู่เฉียนซีก็ไม่ได้หวาดกลัวแต่อย่างใด อีกทั้งยังกล่าวอย่างใจเย็นว่า “ตาเฒ่า อยากจะเป็นอาจารย์ของข้า ข้ากลัวว่าเจ้าจะรับไม่ไหวน่ะสิ”
นางได้รับคัมภีร์หมื่นคำสาปทั้งหมดมาแล้ว และนั่นก็คือต้นกำเนิดของวิชาคำสาป และแม้ว่าจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าคำสาปก็ไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะรับนางเป็นศิษย์ได้
แน่นอนว่า ถึงแม้จะมีคุณสมบัตินั้น แต่นางก็ไม่มีความสนใจที่จะไหว้อาจารย์ที่มาจากเผ่าคำสาปเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าลองพูดอีกรอบซิ?” ตาเฒ่าผู้นั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มืดมน
“จะให้ข้าพูดอีกเท่าไรก็มีความหมายเหมือนกันนั่นแหละ!”
“เจ้าเป็นเพียงแค่เด็กเหลือขอที่เร่ร่อนอยู่ข้างนอกคนหนึ่งเท่านั้น ที่ข้าต้องการรับเจ้าเป็นศิษย์ นั่นก็เป็นเพราะสนใจในตัวเจ้า คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเป็นคนดื้อด้านเช่นนี้! ดูเหมือนว่าข้าคงจะต้องใช้วิธีที่รุนแรงมากกว่านี้อีกหน่อย เพื่อทำให้เจ้าเชื่อฟังแต่โดยดีเสียแล้ว”
ในระหว่างที่ตาเฒ่าผู้นั้นขยับนิ้วอย่างแผ่วเบา “แค่ก แค่ก แค่ก!” ก็มีไอสีดำพันอยู่รอบคอของมู่เฉียนซี และตอนนี้มู่เฉียนซีก็รู้สึกหายใจลำบากเป็นอย่างมาก
“อาถิง ระวังตัวด้วย!” มู่เฉียนซีส่งกระแสจิตกล่าว
“ก็แค่เฒ่าสารเลวคนหนึ่งเท่านั้นแหละ” อาถิงกล่าวอย่างเหยียดหยาม
อีกฝ่ายเป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณระดับสูงสุดคนหนึ่ง แม้ว่านางจะมีความรู้เรื่องวิชาคำสาปมากกว่าเขา แต่ระดับของพลังก็แตกต่างกันมากเกินไปอยู่ดี ซึ่งการที่จะหลบหนีไปจากเขาได้นั้นเท่ากับศูนย์เลยทีเดียว
แต่ทว่า นางในตอนนี้ไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพังเสียหน่อย!
ม่านแสงสีเขียวอ่อนระเบิดออกมาจากร่างกายของมู่เฉียนซี และพลังสีดำนั้นก็กลายเป็นเพียงความว่างเปล่าไป
อาถิงพุ่งทะยานไปทางเจ้าเฒ่าสารเลวนั้นอย่างไม่พูดไม่จา จิตสังหารฉายแววเด่นชัดอยู่ในดวงตาสีอ่อนคู่นั้น จนทําให้แสงของดวงดาวในค่ำคืนนี้ต้องสลัวลงไปหลายส่วนเลยทีเดียว
“เจ้าคือผู้ใดกัน?” ตาเฒ่าผู้นั้นกล่าวอย่างตื่นตกใจ
เด็กหนุ่มคนนี้ เขาไม่สามารถสัมผัสถึงระดับความสามารถของเจ้าเด็กนี่ได้เลย แต่จิตสังหารนั้นของเขากลับทำให้เขารู้สึกสั่นเทา
“ไอ้เฒ่าสารเลว แม้แต่หัวหน้าเผ่าของพวกเจ้ายังไม่มีสิทธิ์รู้ถึงตัวตนของข้าเลย แล้วเจ้าคิดว่าตนเองเป็นใครกัน?”
“ช่างปากกล้าดีจริง ๆ ให้ข้าได้สั่งสอนเจ้าหน่อยเถอะ!” เจ้าเด็กหนุ่มนี่พุ่งออกมาด้วยรูปร่างที่สลายไปได้ราวกับปีศาจอย่างไรอย่างนั้น
พลังคำสาปของตาเฒ่าผู้นั้นระเบิดออกมา และเขาก็เลือกที่จะใช้วิชาคำสาปที่มีพลังการลำลายล้างสูงสองสามบทแทน
แต่ยังไม่ทันรอให้พลังจากวิชาคำสาปนี้ของเขาเข้ามาทำร้ายอาถิง วิชาคำสาปของเขากลับหายวับไปอย่างลึบลับเสียแล้ว
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
เขาเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกันแน่!
เป็นหนุ่มน้อยที่แปลกประหลาดมาก!
ร่างของอาถิงสว่างวาบขึ้น จากนั้นก็พุ่งเข้าไปโจมตีตาเฒ่าผู้นั้นทันที
ตูมม โครมมม!
ทั้งสองเริ่มต่อสู้กัน และที่ตั้งที่อยู่บนยอดเขาของสำนักหลินเยว่ก็เริ่มเกิดดินถล่มลงมา ราวกับว่าเกิดการปะทุของแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ก็มิปาน มีรอยแตกอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง!
อาคารที่พังทลายอยู่ก็พลันกลายเป็นผุยผง และผู้โชคร้ายบางคนที่ได้รับผลกระทบก็ตายจากไปอย่างน่าเวทนา
มู่เฟิงหลิงก็ตื่นตกใจเช่นกัน พลังของผู้ผูกสัญญาของซีเอ๋อร์ รุนแรงมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
“อารอง ข้ามาช่วยท่านแล้ว!”
ตาเฒ่าที่แข็งแกร่งที่สุดผู้นั้นมอบให้เป็นหน้าที่ของอาถิง และมู่เฉียนซีที่ไม่ได้เกียจคร้าน พาสัตว์พันธสัญญาของนางมาช่วยเหลือมู่เฟิงหลิงทันที
ตูมมม โครมมม!
หลังจากที่ปะทะฝีมือกับนักเล่นคาถาอาคมกลุ่มนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า มู่เฟิงหลิงก็เกือบที่จะย่อยพลังของผลไม้จันทราโลหิตกิเลนได้แล้ว และในขณะนั้นเองเขาก็ได้เลื่อนขั้นเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าขั้นสูงสุดเสียที!
เขาหัวเราะออกมาแล้วกล่าวว่า “ถ้ากล้าก็เข้ามาเลยสิ! ดูเหมือนว่าข้าจะไม่ต้องการชีวิตไร้ค่าของพวกเจ้าอีกต่อไปแล้ว!”
“อีกอย่าง! ซีเอ๋อร์ของข้าไม่ใช่คนจากเผ่าคำสาปของพวกเจ้าอย่างแน่นอน หากพวกเจ้าชอบที่จะฝันกลางวันกันนัก ข้าก็จะทำให้พวกเจ้าตื่นขึ้นมาเอง!”
.