ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2083 ไล่ล่าอีกครั้ง
“มังกรวารีจงบังเกิด!”
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
“เพลิงนภาพิฆาต!”
พลังวิญญาณธาตุทั้งสามชนิด ถูกใช้ขึ้นมาในเวลาเดียวกัน และด้วยความแข็งแกร่งที่เทียบเคียงกัน ก็ทำให้เกิดการระเบิดพลังโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวออกมาถึงสามครั้ง
ผู้อาวุโสเยว่รู้ดีว่าหากอีกฝ่ายเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ และใช้วิธีการเช่นนี้ในการจัดการนาง นางคงจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน
แต่น่าเสียดายที่สาวน้อยผู้นี้เป็นเพียงแค่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตเท่านั้น และนางก็ยังไม่ทันที่จะเติบโตอย่างเต็มที่อีกด้วย ฉะนั้นวิธีเช่นนี้จึงทำอันตรายนางได้ไม่มากเท่าไรนัก
“นี่เป็นการดิ้นรนเฮือกสุดท้ายอย่างนั้นหรือ? หากสิ่งนี้ยังคงไร้ประโยชน์ เช่นนั้นเจ้าก็ควรที่จะยอมแพ้ได้แล้ว!”
ทันทีที่ผู้อาวุโสเยว่โบกมือ นางก็ได้ระเบิดพลังวิญญาณระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ออกมา เพื่อสกัดกั้นการโจมตีทั้งสามครั้งนี้เอาไว้
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
นางคิดไม่ถึงเลยว่า นี่จะไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริงของมู่เฉียนซี
จากนั้นก็มีเข็มยาที่ไร้เสียงบินออกมาอย่างเงียบเชียบ และมู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นมาว่า “เสี่ยวโม่โม่ อู๋ตี้ เสี่ยวหง ลงมือได้!”
เพล้ง เพล้ง เพล้ง!
ทางด้านของพวกของอู๋ตี้และเสี่ยวหง มีขวดยาจำนวนนับไม่ถ้วนระเบิดออกมา และหมอกสีขาวก็ได้ปกคลุมไปทั่วบริเวณ
ยาพิษได้ปนเปื้อนอยู่ภายในอากาศ และมันก็แทรกซึมเข้าไปในผิวกายของพวกเขา มันได้ขัดขวางการรับกลิ่นของพวกเขา อีกทั้งยังรบกวนพลังจิตวิญญาณของพวกเขาด้วย
เดิมทีพวกเขาใกล้ที่จะจัดการกับสัตว์เทพเหล่านี้ได้แล้ว แต่กลับถูกเหตุการณ์ที่วุ่นวายทำให้ต้องหยุดชะงักอย่างกะทันหันเสียก่อน
มู่เฉียนซีเช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากของนาง จากนั้นนางก็เปิดใช้พลังวิญญาณมิติ และรีบหนีออกไปอย่างรวดเร็วที่สุด!
“แค่ก แค่ก แค่ก! มีพิษ พวกเราโดนพิษเล่นงานแล้ว”
คนกลุ่มนี้ยังคงมีอาการสับสนงุนงงอยู่เล็กน้อย และสุดท้ายพวกเขาก็หาตำแหน่งของมู่เฉียนซีไม่พบ รวมไปถึงผู้อาวุโสเยว่ด้วย
เห็นได้ชัดว่านางกำลังจะฆ่ามู่เฉินซีได้แล้ว แต่กลับปล่อยให้สาวน้อยคนนี้หลุดมือไปต่อหน้าต่อตาของนางเสียได้
ผู้อาวุโสเยว่กล่าวอย่างโมโหว่า “สำนักหมอทมิฬของพวกเจ้าเก่งกาจเรื่องการใช้ยาใช้พิษไม่ใช่หรืออย่างไร? บัดซบเอ๊ย! ยังไม่รีบหาทางเข้าอีก จะปล่อยให้นางเด็กสาวผู้นั้นหนีไปไกลไม่ได้”
“พวกเราไม่เคยเห็นพิษเช่นนี้มาก่อน กินยาแก้พิษไปก่อนเถอะ!” คนของสำนักหมอทมิฬแต่ละคนต่างก็จนปัญญาเช่นกัน
พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าแม่สาวน้อยผู้นั้นจะสามารถใช้พิษที่ส่งผลกระทบต่อพวกเขาได้ด้วย
หลังจากที่รอให้พวกเขาหลุดพ้นออกมาจากพิษได้แล้ว พวกเขาก็หามู่เฉินซีไม่เจออีกแล้ว
“แรงโน้มถ่วงภายในนี้สามารถทำให้ความเร็วลดลงได้ ฉะนั้นมู่เฉินซีคงหนีไปได้ไม่ไกลเท่าไรนัก พวกเรารีบตามไปเถอะ!”
“เร็วเข้า!”
ส่วนมู่เฉียนซีที่หลบหนีไปด้วย และใช้ยารักษาอาการบาดเจ็บของตนเองไปด้วย
จากนั้นก็มีเสียงฮึดฮัดดังขึ้นมาในสมองของนาง “หญิงอัปลักษณ์ ก็รู้อยู่ว่าฝืนไม่ไหว ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้แล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมเรียกกำลังเสริมที่ทรงพลังออกมาอีก”
“อาถิงของข้าเก่งกาจถึงเพียงนี้ จะให้มาจัดการตัวละครเช่นนี้มันจะกลายเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตนเสียเปล่า ๆ เดิมทีข้าก็ออกมาฝึกฝนหาประสบการณ์อยู่แล้ว! ฉะนั้นการต่อสู้ที่ดุเดือดเช่นนี้เป็นก็สิ่งที่มีความจำเป็นมากเช่นกัน หากต้องมาคอยพึ่งพาอาศัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่าคงจะถูกเจ้าดูหมิ่นไปจนตายกันพอดี” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้าก็ดูหมิ่นว่าเจ้าอ่อนแออยู่ตลอด แค่โดนดูหมิ่นเพิ่มอีกสักครั้ง เนื้อของเจ้าก็คงไม่น้อยลงไปหรอกกระมัง!” อาถิงกล่าวตอบ
“เจ้าเป็นมิตรกับข้าหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร! อาถิง ข้าเป็นเจ้านายของเจ้านะ”
“ใครใช้ให้เจ้าน่าเบื่อหน่ายถึงขนาดนั้นกันล่ะ!”
“……”
หลังจากที่นางได้เจอกับกลุ่มพันธมิตรระหว่างสำนักหมอทมิฬกับสำนักหลินเยว่ มู่เฉียนซีก็รู้สึกว่าตัวเองโชคไม่ค่อยดีเท่าไร
อาการบาดเจ็บของนางในที่สุดก็เดีขึ้นมาบ้างแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางจะต้องมาเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดผลึกโลหิตตัวหนึ่ง อีกทั้งมันยังมีระดับเป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างน้อยอีกด้วย
อู๋ตี้กล่าวว่า “นายท่าน พวกเรามาแล้ว!”
“พวกเจ้าร่วมมือกัน กำจัดมันซะ”
“ขอรับ!”
พวกเขาทั้งสี่ลงมือพร้อมกัน ถึงสัตว์ประหลาดผลึกโลหิตจะเก่งกาจมากเพียงใด แต่พวกเขาก็สามารถจัดการมันได้
จากนั้นอู๋ตี้ก็แทะผลึกสีโลหิตนั้นอย่างรวดเร็ว และมันก็กล่าวว่า “มันน้อยเกินไป ต้องเพิ่มอีกสักหน่อยก็น่าจะได้แล้ว”
ตราบใดที่กินเข้าไปในจำนวนที่เพียงพอ มันก็จะสามารถเลื่อนขั้นได้แล้ว เมื่อมันกลายเป็นสัตว์เทพระดับสอง การจัดการคนเหล่านั้นก็จะง่ายดายขึ้นมากเลยทีเดียว
เรื่องที่คราวนี้พวกมันปล่อยให้นายท่านได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ ทำให้ท่านอู๋ตี้อย่างมันรู้สึกโกรธเคืองเป็นอย่างมาก และมันก็โกรธจนอยากจะตอบโต้ในทันทีเลยทีเดียว
เสี่ยวหงกล่าวด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง “เจ้านี่มันปากเสียจริง เดี๋ยวมันมามากกว่าหนึ่งตัวจริง ๆ หรอก ให้ตายเถอะ!”
อู๋ตี้กล่าวว่า “เช่นนั้นก็ฆ่ามันซะสิ!”
“ใช่แล้ว! ฆ่ามัน!”
ข้างหน้าก็มีหมาป่า ข้างหลังก็มีเสือ ฉะนั้นพวกเขาจำเป็นที่จะต้องบุกทะลวงออกไปบนเส้นทางที่นองไปด้วยเลือด
พวกเขาพุ่งทะยานไปตามทาง อีกทั้งยังสามารถล่าสัตว์ได้มากมายอีกด้วย ซึ่งมันก็ทำให้อู๋ตี้ก็กินจนอิ่มแปล้ไปเลยทีเดียว
การเคลื่อนไหวในการจัดการกับสัตว์ประหลาดผลึกโลหิตของทางมู่เฉียนซีและพรรคพวกนั้นค่อยข้างที่จะปั่นป่วนเป็นอย่างมาก ซึ่งนี่ก็ทำให้คนที่ไล่ตามหลังมาเหล่านั้นหาตำแหน่งของนางเจอได้อย่างรวดเร็ว
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
พวกเขาใช้ความเร็วที่รวดเร็วมากที่สุด ในการพุ่งทะยานไปยังตำแหน่งของมู่เฉินซี และเบื้องหน้าของพวกเขาก็มีสัตว์ประหลาดผลึกโลหิตสามตัวขวางทางเอาไว้ ซึ่งมันก็หมดหนทางที่จะหลบหลีกไปได้
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!
ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับหกคนหนึ่งนั้น เพียงแค่กวัดแกว่งมือออกไปสามครั้ง ก็สามารถตัดสัตว์ประหลาดผลึกโลหิตเหล่านั้นออกจากกันได้แล้ว
หากพวกเขาต้องการที่จะจัดการกับมู่เฉินซี ก็ต้องจัดการสิ่งที่เกะกะเหล่านี้ออกไปก่อน
ส่วนมู่เฉียนซีก็ตกอยู่ในกลางวงล้อมอีกครั้ง “มู่เฉินซี เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวิญญาณสามธาตุ และยังเป็นผู้ผูกพันธสัญญากับสัตว์เทพถึงสามตัว นอกจากนี้ในตัวก็เต็มไปด้วยพิษที่แปลกประหลาดอีกด้วย พวกเราดูถูกเจ้ามากเกินไปแล้วจริง ๆ”
“เพราะกลอุบายก่อนหน้านี้ของเจ้าทำให้เจ้าหลบหลีกการโจมตีไปได้ครั้งหนึ่ง แต่เจ้าอย่าคิดว่าจะใช้กลอุบายเดียวกันนี้ หนีไปได้อีกเป็นครั้งที่สองเลย”
เงาสีขาวสว่างวาบ และอู๋ตี้ก็กลืนผลึกสีโลหิตนั้นเข้าไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่กลืนสามอันนี้ลงไปแล้ว มันก็ใกล้ที่จะสำเร็จแล้ว ดังนั้นดวงตาของอู๋ตี้จึงฉายแววเย็นยะเยือกออกมา
ผู้อาวุโสเยว่ยิ้มเยาะพลางกล่าวว่า “มู่เฉินซี คราวนี้ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้าหนีไปได้อย่างแน่นอน ลงมือได้!”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงแหวกอากาศดังกึกก้องออกมา และคนส่วนหนึ่งก็พุ่งตรงไปทางมู่เฉียนซี
“ไสหัวออกไปซะ!” อู๋ตี้และเสี่ยวหงคำรามออกมา
ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงของอีกฝ่ายได้กางค่ายกลออกมา จากนั้นมันก็ได้ขังเสี่ยวหงเอาไว้
“เป็นเพียงแค่สัตว์เทพระดับสองเท่านั้น คิดว่าพวกข้าจะกลัวหรือยังไง?”
ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสเยว่เสียเวลาไปมากมายขนาดนั้นแต่ก็ยังจัดการมู่เฉินซีไม่ได้ ฉะนั้นแน่นอนว่าคราวนี้พวกเขาจะต้องดึงคนออกมาเพิ่มขึ้นอีก และตอนนี้อู๋ตี้ก็ชิงเข้ามาขวางคนเหล่านี้เอาไว้อย่างรีบร้อน
“เจ้าเป็นแค่สัตว์ระดับหนึ่งยังกล้ามาขวางพวกข้าอีกอย่างนั้นหรือ!”
“ข้าเป็นสัตว์เทพระดับหนึ่งอย่างนั้นหรือ? เบิกตาสุนัขของพวกเจ้าคอยดูข้าให้ดีเถอะ”
พลังของสัตว์เทพระเบิดออกมา และพวกเขาก็ค้นพบว่ามันไม่ใช่สัตว์เทพระดับหนึ่งอีกแล้ว แต่เป็นระดับสองต่างหาก
บ้าไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าสัตว์เทพตัวนี้จะเลื่อนขั้นแล้ว ซ้ำยังเลื่อนขั้นในเวลาเช่นนี้ด้วยเนี่ยนะ
ตึงง!
ด้วยการตบเพียงฝ่ามือเดียวของอู๋ตี้ก็ทำให้ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าคนหนึ่งลอยละลิ่วออกไปทันที
เสี่ยวหงบ่นพึมพำว่า “ปล่อยให้เจ้าแมวโง่นี่กินจนบรรลุได้เลยจริง ๆ สินะ”
แน่นอนว่าตอนนี้ได้กลายเป็นคู่ต่อสู้ที่อันตรายไปเสียแล้ว และเสี่ยวหงก็ไม่มีเวลาที่จะมาบ่นเรื่องความพยายามของเจ้าแมวโง่นี่อีก เพราะตอนนี้มันต้องจัดการกับคนเหล่านี้ให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาว่ากันอีกที
“ไอ้สาวเลวนี่ ไสหัวออกไปซะ!”
ในเมื่อมีสัตว์เทพระดับสองถึงสองตัวเป็นกองหนุน มันจึงทำให้สถานการณ์แตกต่างออกไปเล็กน้อย บวกกับที่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่สามารถทำให้มู่เฉียนซีได้รับบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น แต่กลับเป็นเรื่องยากที่จะฆ่านางได้ ซึ่งตอนนี้พวกเขาก็รู้สึกว่ามู่เฉินซีจะต้องหนีไปได้อีกครั้งเป็นแน่
แน่นอนว่าพวกเข้าไม่สามารถปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อีกแล้ว ทันใดนั้นดวงตาของผู้อาวุโสเยว่ก็ฉายแววเดือดดาลออกมา
นางหยิบยาเม็ดหนึ่งออกมาและกลืนลงไป หากสามารถสังหารอัจฉริยะขั้นสุดยอดผู้นี้ได้ ฝ่าบาทมู่หลินหลางจะต้องประทานรางวัลที่ยิ่งใหญ่มากกว่าการสูญเสียในตอนนี้อย่างแน่นอน
“ดีมากจริง ๆ! มู่เฉินซี ข้าไม่เคยพบเจอผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตคนใดที่สามารถบีบบังคับให้ผู้อาวุโสเช่นข้าทำแบบนี้ได้เลย!”
มุมปากของนางยกยิ้มขึ้นมาอย่างเย้ยหยัน เดิมทีแล้วนางเป็นเพียงแค่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่เท่านั้น แต่ทว่าความสามารถของนางในตอนนี้ระเบิดขึ้นมาถึงสามระดับ และได้กลายเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดไปแล้ว
“มู่เฉินซี ตอนนี้เจ้าจะต้องถูกบดขยี้จนตายราวกับมดปลวกตัวหนึ่งแน่!”
“นายท่าน!” อู๋ตี้คำรามร้องออกมา
เดิมทีมันคิดว่าหากเลื่อนขั้นแล้ว ตัวมันและเจ้าหมูขี้เกียจก็เพียงพอที่จะสกัดกั้นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ที่มีระดับกลางได้ และนายท่านก็จะปลอดภัยมากขึ้น
แต่กลับคิดไม่ถึงว่ายายแก่นั่นจะใช้ยาเพื่อยกระดับความสามารถของตนเอง จนกลายเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดไปแล้วเช่นนี้
และตอนนี้นายท่านก็กำลังตกอยู่ในอันตรายแล้ว!
นางสะบัดแส้ยาวของนางให้พุ่งเข้าไปโจมตีมู่เฉียนซี และได้มุ่งเป้าไปที่หน้าอกของมู่เฉียนซีโดยตรง เพราะนางต้องการที่จะควักเอาหัวใจของอัจฉริยะผู้ไร้เทียมทานผู้นี้ออกมาทั้งเป็น หลังจากนั้นค่อยบดขยี้มันให้แหลกสลาย!