ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2071 เนรคุณ
“ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเจ้าหรือ ไม่รู้จริง ๆ ว่าพวกเจ้าไปเอาความมั่นใจเช่นนี้มาจากที่ใดกัน?” อวี้เกอยิ้มเยาะ
ปัง ปัง ปัง!
คนที่ไม่มีตราสัญลักษณ์จะไม่สามารถเข้ามาภายในนี้ได้ แต่หากต้องการที่จะถีบส่งคนออกไป กลับเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
หลังจากที่พวกเขาปะทะกันได้ไม่นาน ก็มีร่างเงาจำนวนนับไม่ถ้วนที่ลอยละลิ่วออกไปนอกพื้นที่แห่งนี้
“บัดซบเอ้ย! ให้พวกเราเข้าไปนะ!”
“ให้พวกเราเข้าไป!”
“……”
ในเมื่อถูกถีบออกไปแล้ว แน่นอนว่าจะต้องหาตราสัญลักษณ์ใหม่อีกหนึ่งชิ้นถึงจะสามารถกลับเข้ามาได้อีกครั้ง
หลังจากที่คนอื่นถูกดีดออกไปแล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถกลับเข้ามาได้อีก และคนอื่น ๆ ต่างการเริ่มตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย
“มู่เฉินซี จะ…เจ้าต้องการที่จะกำจัดพวกเราให้สิ้นซากอย่างนั้นหรือ?”
“เมื่อเห็นพวกเจ้าแล้วไม่มีความสุข ข้าเลยจะกำจัดพวกเจ้าให้สิ้นซาก พวกเจ้ามีความเห็นอะไรอย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
พวกของมู่เฉียนซีลงมือด้วยความรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวก็สามารถถีบคนออกไปได้ไม่น้อยแล้ว และสุดท้ายก็เหลือเพียงคนของสำนักหลินเยว่เหล่านั้นไว้เท่านั้น
“มู่เฉินซี ก่อนหน้านี้พวกเราถูกบีบบังคับจนไม่มีวิธีอื่นจึงได้ขอให้ผู้อื่นช่วยเหลือ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าจะโกรธได้ถึงเพียงนี้ ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย”
พัดวิหคเฟิงหลิงถูกยกขึ้นมาเล็กน้อย มู่เฉียนซีกล่าวว่า “อย่าแก้ตัวมากเกินไปนักเลย ขอเพียงเจ้าบอกกับข้ามาว่าต้องการออกไปด้วยตนเอง หรืออยากจะถูกถีบออกไปก็พอ”
พลังธาตุวายุโดยรอบกำลังกรีดร้องออกมา สีหน้าของศิษย์พี่หญิงใหญ่ของสำนักหลินเยว่ย่ำแย่เป็นอย่างมาก นางกล่าวว่า “พวกข้าจะออกไปเอง!”
“ศิษย์พี่หญิง พวกเราจะต้องกลัวมู่เฉินซีด้วยอย่างนั้นหรือ?”
“ไป!” ศิษย์พี่หญิงใหญ่กล่าว
หากจำนวนคนของพวกนางเท่ากัน พวกนางยังพอที่จะต่อสู้กับมู่เฉินซีได้ แต่ทว่าตอนนี้นางมีผู้ช่วย และพวกนางที่มีแค่สี่คน การจะจัดการพวกเขาจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากลำบากเลยทีเดียว
หลังจากที่คนเหล่านี้ถูกถีบส่งออกไปแล้ว ก็ได้ร่วมมือกับหญิงสาวทั้งสี่ของสำนักหลินเยว่ปิดล้อมโจมตีสัตว์วิญญาณโบราณที่มีระดับความสามารถเทียบเท่าสัตว์เทพเพื่อให้ได้รับตราสัญลักษณ์และเข้าไปข้างในได้อีกครั้ง
แต่ปรากฏว่าทันทีที่พวกเขาลงมือ ก็มีคนจำนวนนับไม่ถ้วนที่บาดเจ็บสาหัสจนตกรอบไป และตอนนี้พวกเขาเพิ่งจะตระหนักได้ว่าตนเองนั้นคิดง่ายเกินไปแล้ว
ที่คราวก่อนสามารถเอาตราสัญลักษณ์มาได้อย่างราบรื่น นั่นก็เป็นเพราะมีมู่เฉินซีที่เป็นคนออกแรงมากที่สุด แต่ตอนนี้ไม่มีมู่เฉินซีแล้ว ถึงจะมีธิดาแห่งสวรรค์จากสำนักหลินเยว่ทั้งสี่คนนี้แต่ก็ไม่ช่วยอะไรเลยแม้แต่น้อย
เพียงพริบตาเดียวคนของพวกเขาก็บาดเจ็บสาหัสไปครึ่งหนึ่งแล้ว และทำได้เพียงแค่ยอมแพ้เท่านั้น
“ไป! พวกเราต้องถอยกันก่อน!”
“เราจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกับคนที่เก่งกาจ มิเช่นนั้นก็ไม่สามารถสังหารมันได้หรอก”
ศิษย์พี่หญิงใหญ่ของสำนักหลินเยว่กล่าวว่า “หากพูดถึงคนที่เก่งกาจ ก็คงจะมีเพียงแค่นายน้อยว่าที่เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬแล้วล่ะ เช่นนั้นพวกเราไปให้พวกเขาช่วยกันเถอะ”
พวกเขาได้ล่าถอยกลับไปอยู่รอบ ๆ บริเวณสถานที่ปลอดภัยแห่งนั้น และก็โชคดีมากที่ได้เจอกับเฮยฮั่นนายน้อยว่าที่เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬเข้าจริง ๆ แต่ทว่าเมื่อพวกเขาขอความร่วมมือ กลับถูกนายน้อยของสำนักหมอทมิฬปฏิเสธในทันที
“พวกข้าไม่ต้องการร่วมมือเพื่อให้ได้ตราสัญลักษณ์นั้น เพราะข้ามีตราสัญลักษณ์นั้นอยู่ในมืออยู่แล้ว”
เฮยฮั่นโยนตราสัญลักษณ์ชิ้นนั้นออกไป คิดไม่ถึงเลยว่าตราสัญลักษณ์ชิ้นนั้นจะแสดงจำนวนถึงห้าสิบคน ซึ่งมันก็มากกว่าจำนวนสามสิบคนของพวกเขาก่อนหน้านี้มากมายนัก และสันนิษฐานว่านายน้อยสำนักหมอทมิฬผู้นี้จะต้องสังหารสัตว์วิญญาณโบราณที่แข็งแกร่งมากได้อย่างแน่นอน
พวกเขาดีใจอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง พลางกล่าวว่า “นายน้อยยอดเยี่ยมมากจริง ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะสังหารสัตว์วิญญาณโบราณที่แข็งแกร่งขนาดนั้นได้”
“นายน้อยมีที่ว่างถึงห้าสิบที่ ขอให้พวกเราเข้าไปด้วยได้หรือไม่?”
เรื่องนี้สำหรับเฮยฮั่นแล้วเป็นเรื่องที่ง่ายดายเป็นอย่างมาก และพวกเขาก็คิดว่าเฮยฮั่นจะต้องตอบรับอย่างง่ายดายเช่นกัน
แต่ผลสุดท้ายพวกเขากลับถูกปฏิเสธ!
“เหตุใดข้าจะต้องพาขยะอย่างพวกเจ้าเข้าไปข้างในด้วยล่ะ! อย่างไรเสียขยะอย่างพวกเจ้าก็ไม่มีความสามารถอะไรอยู่แล้ว ฉะนั้นก็ควรถูกฝูงสัตว์วิญญาณโบราณล้อมโจมตี และสุดท้ายก็ตกรอบออกไปเสียเถอะ!”
ตูมมม โครมมมม!
มีสัตว์วิญญาณโบราณจำนวนมากอยู่ไม่ไกลเท่าไรนัก และสถานการณ์ตอนนี้ นอกจากสถานที่ที่อยู่ข้างหน้านี้แล้ว คาดว่าคงไม่มีที่ใดพอที่จะสามารถซ่อนตัวจากสัตว์วิญญาณโบราณเหล่านี้ได้อีกแล้ว
หากไม่ได้เข้าไป เช่นนั้นคงต้องตกรอบอย่างแน่นอน
สีหน้าของพวกเขาดูแย่ลงเป็นอย่างมาก “นายน้อย ได้โปรดเถิดขอรับ ท่านช่วยพวกข้าด้วยเถิด! เห็นอยู่ว่ายังเหลือที่ว่างอยู่อีกมากขนาดนั้น”
“ถึงข้าจะมีที่เหลือแต่มันก็ไม่ควรค่าต่อขยะอย่างพวกเจ้าอยู่ดี!” เฮยฮั่นกล่าวอย่างดูถูกเหยียดหยาม
ในเมื่อคนเหล่านี้ถูกปฏิเสธ ศิษย์พี่หญิงใหญ่ของสำนักหลินเยว่จึงเอ่ยปากออกมาว่า “นายน้อยเฮยได้โปรดมอบที่ว่างอีกสี่ที่ให้พวกเราพี่น้องได้หรือไม่?”
ด้วยรูปร่างหน้าตาที่งดงามของหญิงสาวทั้งสี่จากสำนักหลินเยว่ บวกกับชื่อของสำนักหลินเยว่ ทำให้เฮยฮั่นไม่ได้กล่าวปฏิเสธแต่อย่างใด
“นั่นมันก็แน่นอนอยู่แล้ว หากเหล่าศิษย์น้องจากสำนักหลินเยว่ต้องการที่ว่าง อย่าว่าแต่ที่สี่ที่เลย ถึงแม้จะสิบที่ข้าก็ต้องตอบรับอยู่แล้ว” เฮยฮั่นกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ดูเหมือนว่านายน้อยเฮยฮั่นจะเชื่อฟังคำพูดของสำนักหลินเยว่ ฉะนั้นพวกเขาจึงดีใจขึ้นมาทันที และขอร้องให้ศิษย์พี่หญิงใหญ่ของสำนักหลินเยว่ช่วยขอที่ว่างเพิ่มขึ้นอีกหน่อย
แต่ผลสุดท้ายนางกลับกล่าวว่า “ข้าสนิทกับพวกท่านด้วยอย่างนั้นหรือ? มันน่าอายจริง ๆ หากจะให้ขอนายน้อยเพิ่มอีกสักที่ เพราะมันดูเหมือนพวกข้าได้คืบจะเอาศอกเลยน่ะสิ!”
“ทุกท่านหาหนทางอื่นเอาเถอะ! พวกท่านสามารถหาตราสัญลักษณ์มาได้ชิ้นหนึ่งแล้ว ก็น่าจะมีหนทางหาตราสัญลักษณ์ชิ้นที่สองได้สิ”
เห็นชัดว่าไม่มีเหตุผลที่ต้องทำให้นายน้อยของสำนักหมอทมิฬขุ่นเคืองใจเเพื่อคนเหล่านี้แต่อย่างใด อีกทั้งนางก็ไม่ชอบคนเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังดูหมิ่นอีกด้วย
และมันก็ทำให้คนเหล่านี้โกรธจนหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที “พะ…พวกเจ้าเหตุใดถึงทำเช่นนี้ เสียแรงที่ข้ายอมขับไล่มู่เฉินซีเพื่อให้พวกเจ้าเข้าไปแทน”
“พวกเจ้านี่มันช่างเนรคุณเสียจริง ๆ เสียแรงที่พวกข้าคิดว่าเจ้าเป็นเหมือนกับนางฟ้านางสวรรค์อย่างไรอย่างนั้น”
“นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ!”
ในเวลานี้พวกเขาถึงได้รู้ว่า การที่ยอมจัดการมู่เฉินซีเพื่อผู้หญิงเช่นนี้ในตอนแรกนั้น เป็นเรื่องที่โง่เง่าเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาอยากที่จะทุบตีตนเองในตอนแรกให้ตายเสียจริง ๆ
เฮยฮั่นกล่าวว่า “พวกเจ้าบอกว่า นางมู่เฉินซีผู้นั้นอยู่ข้างในอย่างนั้นหรือ?”
“รีบเข้าไปเดี๋ยวนี้!”
นายน้อยว่าที่เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬรีบพาคนเข้าไปทันที และคนจากสำนักหลินเยว่ทั้งสี่ก็ตามเข้าไปด้วยอย่างไร้ยางอาย
หากมีการสนับสนุนจากคนของสำนักหมอทมิฬ คนที่ต้องถูกขับไล่ออกมาหลังจากนี้ จะต้องเป็นมู่เฉินซีอย่างแน่นอน
คนที่ถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลังทำได้เพียงจ้องมองร่างของคนเหล่านั้นหายวับไปด้วยความโกรธเคือง และหลังจากนั้นเพียงไม่นานสัตว์วิญญาณโบราณก็กระโจนเข้ามาใส่พวกเขาอย่างมืดฟ้ามัวดิน
นอกจากสถานที่ที่พิเศษแห่งนี้แล้ว คนที่อยู่ในสถานที่อื่นต่างก็ถูกสัตว์วิญญาณโบราณเหล่านี้กวาดล้างไปจนสิ้นซากแล้ว
“เอ๋! ดูเหมือนว่าคราวนี้มีเหล่าเด็กรุ่นหลังที่ยอดเยี่ยมเป็นพิเศษอยู่ด้วยสินะ! ตอนนี้ได้ทำการกวาดล้างพื้นที่ส่วนใหญ่ไปหมดแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะยังเหลือคนอยู่อีกส่วนหนึ่งด้วย”
“ที่สามารถอยู่ต่อได้ คาดว่าน่าจะเป็นเพราะไปยังสถานที่แห่งนั้นได้เป็นแน่! หากเข้าไปในสถานที่แห่งนั้นได้ก็คงเพราะเอาชนะสัตว์วิญญาณโบราณระดับสัตว์เทพได้สินะ”
“แน่นอนว่ามันคือไหวพริบ แต่หากต้องการจะจัดการกับเจ้าพวกนี้ นอกจากจะต้องมีไหวพริบแล้วยังต้องมีความสามารถอีกด้วย การจัดอันดับในครั้งนี้ก็คุ้มค่าที่จะรอคอยจริง ๆ”
หลังจากที่แต่ละคนตกรอบออกมาแล้ว ชายชราที่คอยคุ้มครองศิลาโบราณเหล่านั้นก็ได้ล้อมวงพูดคุยกันขึ้นมา
มู่เฉียนซีค้นพบว่ามีสายตาที่ดุร้ายคู่หนึ่งกำลังจ้องมองมาที่นาง หลังจากนั้นก็มีเสียงที่เย็นชาดังขึ้นว่า “มู่เฉินซี คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมาถึงจุดนี้ได้เร็วเพียงนี้?”
“ทำไมล่ะ? อิจฉาอย่างนั้นหรือ ไม่พอใจล่ะสินะ เป็นผู้ชายตัวใหญ่เสียเปล่าไม่ใจกว้างหน่อยเล่า!” มู่เฉียนซีเหลือบมองไปทางเขาอย่างเรียบเฉย
“รนหาที่ตายนัก!” เฮยฮั่นลงมืออย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง และมู่เฉียนซีก็หลบหลีกอย่างแผ่วเบา
“เจ้าอยากที่จะเปิดการต่อสู้ตอนนี้เลยอย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ในเวลานี้ ศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักหลินเยว่กล่าวขึ้นมาว่า “ตอนนี้สัตว์วิญญาณโบราณมีอยู่เต็มไปหมด นอกจากคนที่อยู่ภายในนี้ก็ไม่มีคนอื่นอีกแล้ว! ฉะนั้นจึงต้องดวลกันตัวต่อตัวอย่างยุติธรรม! ส่วนคนที่ไม่ชำนาญก็ต้องยอมตกรอบไปเองแต่โดยดี”
นางไม่ยอมให้ทั้งสองต่อสู้กันขึ้นมาหรอก นั่นเป็นเพราะนางไม่ต้องการให้มู่เฉินซีถูกเฮยฮั่นจัดการได้
ตอนนี้อาการบาดเจ็บของนางได้ฟื้นฟูกลับมาแล้ว หากจะจัดการคนที่อยู่รอบตัวมู่เฉินซีน่าจะลำบากไปเสียหน่อย แต่หากจัดการนางเพียงคนเดียว เพียงแค่นี้ก็เกินพอแล้ว!
.