ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2056 สุสานโบราณ
ผู้ฝึกสัตว์ผู้นั้นกล่าวว่า “จะต้องใช่แน่นอน! เราอย่าได้ไปยั่วยุนายท่านผู้นี้เป็นอันขาด”
และหลังจากที่พวกเขาจากไปแล้ว แน่นอนว่านายท่านผู้นั้นต้องปรากฏตัวออกมาอยู่แล้ว แต่ทว่ากลับไม่ใช่บุคคลที่เหมือนกับสัตว์ประหลาดโบราณอย่างที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้อย่างสิ้นเชิง
แต่กลับเป็นเพียงแค่ผู้หญิงอายุน้อยคนหนึ่งเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปดคนหนึ่งอีกด้วย
หากพวกเขาได้รู้ว่าคนเช่นนี้ทำให้พวกเขาตกใจกลัวจนหนีไป คาดว่าจะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอย่างแน่นอน
คนของหอรัตติกาลผงะไปครู่หนึ่ง พลางกล่าวอย่างตกใจว่า “แม่นางมู่ เป็นท่านจริง ๆ ด้วยหรือ?”
เดิมทีพวกเขาก็พอคาดเดาเอาไว้อยู่แล้ว แต่กลับไม่คิดว่าจะเป็นมู่เฉินซีจริง ๆ
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “นอกจากข้าแล้วยังจะมีผู้ใดที่สามารถช่วยพวกเจ้าได้อีกล่ะ ตอนนี้ร่างกายของเขายังไม่หายดีจึงไม่สะดวกที่จะติดตามพวกเจ้าไปด้วย หากให้ซูอี้ชิงรู้ว่าคนของเขาถูกคนอื่นทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมเพราะทำงานให้ข้า เขาก็จะต้องยิ่งอยากฆ่าข้าเป็นแน่”
“แม่นางมู่ คำพูดของท่านก็ดูจะเกินจริงไปสักหน่อย ลูกพี่ของพวกข้าปฏิบัติต่อท่านค่อนข้างดีเลยทีเดียว พวกข้าไม่เคยเห็นเขาใกล้ชิดผู้ใดเท่านี้มาก่อนเลย”
“ร่างกายของลูกพี่ไม่ค่อยดี ที่จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่? พวกเราเห็นสีหน้าของเขาไม่ค่อยสู้ดีเท่าไรนัก” มีคนหนึ่งกล่าวถามอย่างเป็นกังวล
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ก็แค่ปัญหาเล็กน้อยเท่านั้น รอหลังจากที่พวกเจ้าทำภารกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็คงจะดีขึ้นแล้ว”
“อื้ม! เช่นนั้นพวกเรามาตั้งใจทำงานกันเถอะ”
คนของหอรัตติกาลเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ และพวกเขาก็เก็บเกี่ยวได้มากมายทีเดียว
แต่คนของสำนักชางโซ่วกลับเก็บเกี่ยวไปได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และต้องผิดหวังกลับไปอย่างสิ้นเชิง
เวลานี้ชางหยิงโมโหเป็นอย่างมาก “ท่านอาจารย์ ยังจับสัตว์เทพไม่ได้สักตัว พวกเราจะกลับกันแล้วจริง ๆ อย่างนั้นหรือเจ้าคะ? ไหนจะยังมีนางสารเลวที่ทำร้ายข้าคนนั้นอีก จะปล่อยนางไปเช่นนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ”
ผู้ฝึกสัตว์คนนั้นกล่าวว่า “ดูเหมือนว่านายท่านที่พวกเราเจอก่อนหน้านี้ท่านนั้นจะมีความต้องการไม่น้อยเลย ดังนั้นพวกเราถึงจับของดี ๆ ไม่ได้เลย ถึงพวกเราจะอยู่ที่นี่ต่อก็ไม่มีผลดีอะไร และเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เจอเขาอีกครั้งเมื่ออยู่ที่นี่ด้วย”
“แต่ว่า ท่านอาจารย์…” ชางหยิงกล่าวพร้อมเผยสีหน้าที่ไม่ยินยอมออกมา
“อีกไม่นานโรงประมูลตงเยว่ก็จะเริ่มเปิดการประมูลแล้ว โรงประมูลตงเยว่เป็นถึงโรงประมูลอันดับหนึ่งของดินแดนทางทิศตะวันออกที่มีสมาคมการค้าเฉินซีเป็นเจ้าของ ดังนั้นเราสามารถประมูลสัตว์เทพที่ดียิ่งกว่านี้ได้จากที่นั่นด้วย! เมื่อถึงตอนนั้นข้าให้ท่านเจ้าสำนักประมูลมาให้เจ้าก็พอแล้ว” เขากล่าวกับชางหยิง
เมื่อได้ยินชื่อของโรงประมูลตงเยว่ และได้ยินว่ามีสัตว์เทพที่ดียิ่งกว่านี้ ชางหยิงก็ทำได้เพียงยอมจำนนเท่านั้น
“ในเมื่อตัดสินใจเช่นนี้แล้ว ท่านอาจารย์พวกเราตกลงกันตามนี้ก็แล้วกัน”
สำหรับผู้หญิงคนนั้น ตราบใดที่เคลื่อนไหวอยู่ภายในขอบเขตของกองกำลังสำนักชางโซ่วของพวกเขา จะกลัวหานางไม่เจอได้อย่างไร และเมื่อถึงตอนนั้นค่อยจัดการนางอีกที
หลังจากที่คนของสำนักชางโซ่วจากไปแล้ว คนของหอรัตติกาลก็กลับมารวมกลุ่มแล้วเช่นกัน
พวกเขาได้เห็นมู่เฉียนซีฝึกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์และสัตว์เทพเหล่านั้นให้เชื่องราวกับเก็บเกี่ยวกะหล่ำปลีอย่างไรอย่างนั้น
มู่เฉียนซีพุ่งไปทางพวกเขาพลางกล่าวว่า “มาสิ! มาเลือกเอาเอง”
ในเวลานี้พวกเขายังคงรู้สึกว่านี่มันเป็นเรื่องที่เกินจริงเกินไป และแม่นางมู่ก็ใจกว้างมากเกินไปแล้วจริง ๆ
เมื่อพวกเขาเลือกกันอย่างตื่นเต้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นก็ทำการผูกพันธสัญญาจนสำเร็จ และไม่เกิดปัญหาใด ๆ เลยแม้แต่น้อย
ซูอี้ชิงกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “แม้ว่าสัตว์พันธสัญญาจะสามารถช่วยเหลือพวกเจ้าในการทำภารกิจได้ แต่การยกระดับความสามารถของตนเองก็ไม่อาจละเลยได้เช่นกัน มิเช่นนั้นมันก็อาจจะทำให้เจ้าตายได้โดยที่ไม่รู้ตัวเลย”
“ขอรับลูกพี่ พวกเราเข้าใจแล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “กลับกันเถอะ!”
แน่นอนว่าพวกของซูอี้ชิงจะต้องกลับไปที่หอรัตติกาลอยู่แล้ว แต่ทว่ามู่เฉียนซีกลับขอแยกทางกับพวกเขา และจากลากันไปเช่นนี้
นางกล่าวว่า “ทุกท่าน ข้าต้องลาไปก่อนแล้ว! มีโอกาสไว้พบกันใหม่ ถึงจะเฟื่องฟูแล้วก็อย่าไปเอาเปรียบคนอื่นล่ะ”
พวกเขาตะลึงงันไปครู่หนึ่ง นี่แม่นางมู่จะจากไปแล้วอย่างนั้นหรือ?
พวกเขาต่างพากันค่อย ๆ มองไปที่ซูอี้ชิง ‘ลูกพี่ ท่านรั้งนางไว้เดี๋ยวนี้เลย!’
ซูอี้ชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “เจ้าคิดจะไปเช่นนี้อย่างนั้นหรือ?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ถึงข้าจะไปแล้วก็ไม่เป็นไรหรอก! อย่างไรเสียเจ้าก็เหลือยาอีกไม่มากแล้ว เมื่อกินหมดก็จะดีขึ้นแล้วล่ะ”
พลันนั้นร่างสีม่วงก็สว่างวาบ และมู่เฉียนซีก็หายไปจากเบื้องหน้าของพวกเขาทันที
นักฆ่าของหอรัตติกาลเหล่านั้นกล่าวด้วยท่าทางที่แข็งกร้าวว่า “ลูกพี่! ใครที่ไหนเขารั้งคนอื่นไว้อย่างท่านกัน?”
“พวกเจ้าเอาตาที่ไหนมองว่าข้าอยากจะรั้งนางไว้กัน” ซูอี้ชิงทิ้งประโยคนี้เอาไว้ และจากไปเช่นกัน
เนื่องจากว่ามีความช่วยเหลือของชิงหลงซูอี้ชิงคอยช่วยเหลือ หอหมอปีศาจทั่วทั้งดินแดนทางทิศตะวันออกทั้งหมดจึงถูกสร้างขึ้นอย่างราบรื่น
ไป๋เจ๋อไม่สะดวกที่จะมาปักหลักอยู่ทางนี้ แต่ทว่าดินแดนทางทิศตะวันออกทั้งหมดได้มอบหน้าที่ให้เหลิ่งหนิงจือที่มู่เฉียนซีไว้วางใจเป็นคนคอยดูแล
เมื่อเหลิ่งหนิงจือรับรู้ว่ามู่เฉียนซีกลับมาแล้ว นางก็รีบมาพบมู่เฉียนซีอย่างตื่นเต้น
“เจ้านาย ท่านกลับมาแล้ว ข้าได้ยินมาว่าคราวนี้ท่านไปค้นหามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ที่ทะเลที่อันตรายและน่าตื่นเต้นมาก โชคดีจริง ๆ ที่ท่านไม่เป็นอะไร!”
“นั่นมันก็แน่นอนอยู่แล้ว เจ้านายของเจ้าเป็นใครกันล่ะ?” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นเหลิ่งหนิงจือก็ได้รายงานต่อมู่เฉียนซีว่า ทุกอย่างในหอหมอปีศาจเป็นไปได้อย่างเรียบร้อยดี แต่ทว่ายาลูกกลอนของดินแดนทางทิศตะวันออกมีไม่ค่อยเพียงพอ เนื่องจากมีนักปรุงยาเพิ่มเข้ามาไม่มากนัก จึงมีความต้องการซื้อมากกว่ากำลังในการขาย
“นั่นมันง่ายนิดเดียว เตรียมสมุนไพรวิญญาณไว้พร้อมหรือยัง?”
“เจ้าค่ะ! พวกเราได้ทำการสั่งซื้อสมุนไพรวิญญาณมาอย่างเพียงพอแล้ว”
“ส่งมันไปที่ห้องปรุงยาของข้า”
“เจ้าค่ะ!”
ยาทั่วไป มู่เฉียนซีมอบให้เป็นหน้าที่ของหม้อหลุนหุยแห่งความตาย หลังจากนั้นจึงค่อยลงมือปรุงยาลูกกลอนระดับสูงเหล่านั้นด้วยตนเอง
ยาลูกกลอนของหอหมอปีศาจถูกเติมเป็นจำนวนมากภายในชั่วพริบตา ซึ่งมันก็ทำให้ทุกคนประหลาดใจเป็นอย่างมาก
อันที่จริงแล้วหอหมอปีศาจเลี้ยงนักปรุงยาเอาไว้มากมายแค่ไหนกันแน่! ความเร็วในการปรุงยาเช่นนี้ช่างน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว
ในตอนที่มู่เฉียนซีกำลังเก็บตัวเพื่อกลั่นยา ซูอี้ชิงก็ได้กินยาไปจนหมดแล้วเช่นกัน ในที่สุดเขาก็ได้ไปหานักปรุงยาคนหนึ่งเพื่อสอบถามสถานการณ์
“โดนยาพิษ คุณชายไม่ได้โดนวางยาพิษนะขอรับ?”
“เอ๋…ไม่ใช่สิ…” นักปรุงยาท่านนั้นผงะไปครู่หนึ่ง
“ทำไมหรือ?” ซูอี้ชิงกล่าวถาม
เขารู้อยู่แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นไม่มีทางปล่อยคนอื่นไปง่ายดายเช่นนี้หรอก
“เมื่อตอนที่คุณชายเลือกกลายมาเป็นนักฆ่าในตอนแรก ท่านต้องพบเจอกับอันตรายนับไม่ถ้วน และมันก็ได้ทิ้งบาดแผลไว้บนร่างกายของท่านนับไม่ถ้วน! นอกจากนี้ไม่ใช่ว่าจะรักษาได้ทันเวลาทุกครั้งไป ดังนั้นมันจึงเหลืออันตรายที่แฝงอยู่มากมาย! แม้จนถึงตอนนี้จะมองไปออก แต่เมื่อเวลาผ่านไปมันจะต้องส่งผลกระทบต่อการฝึกฝนของคุณชายเป็นแน่ ทว่าตอนนี้…”
“ตอนนี้เป็นอย่างไร?”
“ตอนนี้ อันตรายที่แฝงอยู่เหล่านั้นได้ถูกกำจัดไปอย่างสมบูรณ์ภายแบบแล้ว คุณชายสามารถลองฝึกบำเพ็ญดูได้ น่าจะมีความแตกต่างจากเมื่อก่อนมากเลยทีเดียว”
หลังจากที่ซูอี้ชิงลองเขาสู่การฝึกบำเพ็ญดูแล้ว ก็พบว่ามันไม่เหมือนเดิมจริง ๆ แม้ว่ามันจะมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย แต่เขาก็สามารถสัมผัสถึงมันได้
เดิมทีแล้วมู่เฉินซีไม่ได้วางยาเขาแต่อย่างใด แม้ว่ามันจะทำให้เขาเจ็บปวด แต่ความจริงแล้วนางกำลังช่วยเหลือเขาอยู่
นักปรุงยาท่านนั้นกล่าวว่า “คุณชาย นี่คือฝีมือของนายท่านที่ใดกัน ฝีมือเช่นนี้แม้จะเป็นข้าก็ไม่สามารถทำได้! หากเขาสามารถออกโรงได้ ฝ่าบาทน่าจะรู้สึกดีขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว”
ซูอี้ชิงส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “ข้ายังไม่สามารถเชื่อใจคนผู้นี้ได้อย่างสมบูรณ์ และไม่อาจรีบร้อนปล่อยให้นางไปเจอกับท่านพ่อบุญธรรมได้เร็วเกินไปนัก มิเช่นนั้นผลที่ตามมาอาจจะเหนือความคาดหมายก็เป็นได้”
“คุณชายพิจารณาได้รอบคอบยิ่งนัก”
…
ในงานชุมนุมอัจฉริยะของดินแดนทางทิศใต้ ได้มีม้ามืดอย่างมู่เฉินซีปรากฏออกมาให้เห็น ซึ่งตอนนี้งานชุมนุมอัจฉริยะของดินแดนทางทิศตะวันออกก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
มันเป็นการแข่งขันที่แตกต่างกับของดินแดนทางทิศใต้พอสมควร คราวนี้สุดยอดสำนักใหญ่ทั้งสี่ของกองกำลังระดับสี่ครึ่งเป็นผู้เปิดซากโบราณสถานแห่งหนึ่ง ซึ่งมันก็คือสุสานโบราณนั่นเอง
ที่แต่ละสำนักใหญ่ทำเช่นนี้ แน่นอนว่าเป็นเพราะต้องการให้ลูกศิษย์ของพวกเขาแสดงความสามารถออกมา และยังต้องการสร้างแรงบันดาลใจในการต่อสู้ท่ามกลางการแข่งขันระหว่างอัจฉริยะ เพื่อก้าวไปสู่ระดับที่สูงขึ้น
สำหรับผู้บำเพ็ญอิสระอื่น ๆ คาดว่าจะไปอวดโฉมก็เท่านั้น แต่ทว่างานชุมนุมเช่นนี้ ก็ทำให้เหล่าผู้บำเพ็ญวัยหนุ่มสาวของดินแดนทางทิศตะวันออกให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ฉะนั้นพวกเขาจึงค่อย ๆ ทยอยมายังเมืองตงไห่กันมากขึ้นเรื่อย ๆ
.