ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2051 ไม่ได้มาเสียเปล่า
ในเมื่ออาถิงโมโหแล้ว นางจึงกล่าวว่า “ข้ารู้แล้ว นี่คือความคิดของข้าเอง! ไม่ได้เป็นเพราะความสามารถของอาถิงจัดการกับเจ้าเอ้อคุนตัวนี้ไม่ได้ แต่เป็นข้าเองที่ทำให้สุ่ยจิงอิ๋งต้องออกมาช่วย แต่นั่นก็เป็นเพราะข้าอยากให้อาถิงอยู่ข้างนอกไปนาน ๆ อย่างไรเล่า!”
“ถึงท่านพี่จะไม่ออกโรง ข้าก็สามารถทำได้เช่นกัน!” อาถิงกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง
“ใช่แล้ว! นี่เป็นความคิดพลาดของข้าเอง ข้าขอโทษไม่ได้หรือ?”
“เห็นแก่ท่าทางที่จริงใจของเจ้า ข้าจะไม่โกรธเจ้าไปก่อนก็แล้วกัน และคราวหน้าข้าไม่อนุญาติให้เจ้าคิดเองเออเองอีกแล้ว!”
“ไม่มีปัญหา!”
แปะ! แปะ!
เอ้อคุนน้อยตัวนั้นกำลังดิ้นรนอยู่บนพื้นจนเกิดเสียงเปาะแปะ ซึ่งการดิ้นรนของมันนั้นล้วนไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง
สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวถามว่า “ซีเอ๋อร์ จะให้จัดการเจ้าสิ่งนี้อย่างไร?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ฆ่ามันทิ้งไปเถอะ! หากปล่อยเจ้าสิ่งนี้เอาไว้ก็จะเป็นอันตรายเสียเปล่า ๆ”
“ด้วยความสามารถของพวกเราในตอนนี้ทำได้เพียงคนึกมันเอาไว้ และไม่สามารถฆ่ามันได้อย่างสมบูรณ์ แม้จะฆ่ามันแต่ก็เป็นการกำจัดแค่เพียงร่างกายของมันเท่านั้น แต่ดวงวิญญาณของมันก็ยังไม่สูญสลายไปอยู่ดี เพราะว่ามันเป็นสัตว์ร้ายโบราณ!”
ดูเหมือนว่าเจ้าสิ่งดุร้ายเช่นนี้จะไม่เหมาะแก่การฆ่าทิ้ง มิเช่นนั้นหอคอยนิรันดร์ก็คงไม่มีทางทำแค่เพียงคนึกมันเอาไว้เป็นแน่
แม้ว่ามันจะเปลี่ยนไปมีขนาดที่เล็กลงแล้ว แต่มันก็สามารถเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาพูดได้ และตอนนี้มันก็รู้สึกว้าวุ่นใจเป็นอย่างมาก!
“คนึกมันเอาไว้สักสองสามหมื่นปีก่อนแล้วกัน เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราคงจะฟื้นตัวกันแล้ว และการฆ่าเจ้าตัวนี้ก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”
ในตอนที่อาถิงและสุ่ยจิงอิ๋งกำลังเตรียมจะปิดคนึกอยู่นั้น เสี่ยวหงก็กล่าวขึ้นมาว่า “นายท่าน ข้าหิวแล้ว! ยกปลาตัวนี้ให้ข้ากินได้หรือไม่?”
อู๋ตี้กล่าวอย่างประหลาดใจว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าคนขี้เกียจอย่างเจ้ายังรู้จักกินด้วย ข้าคิดว่าเจ้าแค่นอนหลับก็สามารถทำให้อิ่มได้แล้วไม่ใช่หรือ?”
มู่เฉียนซีให้เสี่ยวหงออกไปก่อน แล้วนางจึงกล่าวว่า “เสี่ยวหงบอกว่ามันอยากจะกินเอ้อคุนตัวนี้!”
สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวว่า “เจ้าสิ่งนี้ไม่ธรรมดา การกินเนื้อหนังของเอ้อคุนอาจจะมีประโยชน์ต่อเขาก็ได้ แม้ว่าจิตวิญญาณของมันจะหนีออกมาได้พวกเราก็สามารถขังมันไว้ได้อยู่ดี เช่นนั้นก็ให้มันกินไปเถอะ!”
เมื่อเอ้อคุนเห็นเสี่ยวหงก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะว่ารูปร่างของมันในตอนนี้มีขนาดเล็กนิดเดียวเท่านั้น ซึ่งทำให้มันไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะพูดเลยด้วยซ้ำ
ราวกับว่ามันไม่ได้ยินคำพูดของเสี่ยวหงก็มิปาน เพราะหลังจากนั้นมันก็ได้พุ่งตรงไปอยู่ข้างหน้าของเสี่ยวหงอย่างตื่นเต้น ซึ่งนี่ก็เหมือนกับว่ามาให้กินถึงที่อย่างไรอย่างนั้นเลย!
และเสี่ยวหงก็ไม่มีทางปฏิเสธอาหารที่มาส่งถึงที่เช่นนี้อยู่แล้ว จากนั้นมันจึงได้อ้าปากแล้วกลืนกินเจ้าเอ้อคุนเข้าไปโดยตรง!
เอ้อคุนที่ถูกกลืนเข้าไปก็พลันสัมคัสได้ถึงการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวของเปลวไฟอันร้อนแรง ในตอนนี้มันเริ่มรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งแล้ว มัน…คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าหมูนี่จะไม่ช่วยมัน แต่กลับต้องการจะทำลายมันอีกด้วย!
เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน?
ตอนนี้เอ้อคุนสิ้นหวังต่อชีวิตไปแล้ว และหากพลังของมันอยู่ในระดับสูงสุดคงจะสามารถหนีไปได้ แต่ทว่ามันตอนนี้กลับถูกคู้พิทักษ์นิรันดร์และศาลานิรันดร์ทำให้น่าสังเวชอย่างไม่สามารถดิ้นรนใด ๆ ได้อีกเลย
สุดท้ายมันก็ทำได้เพียงปล่อยให้ร่างของตนเองถูกกลืนกิน เพราะถึงอย่างไรเสีย จิตวิญญาณของมันก็หนีไปไหนไม่รอดอยู่แล้ว ซึ่งนี่มันช่างน่าสิ้นหวังเหลือเกิน
หลังจากที่จิตวิญญาณของสัตว์ร้ายโบราณอันทรงพลังนี้กลายเป็นความว่างเปล่า เสี่ยวหงก็เรอออกมาด้วยความอิ่มเอม แล้วกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “นายท่าน ข้าง่วงแล้ว ข้าคงต้องไปนอนสักพัก”
“แต่ว่าหลังจากที่ข้าตื่นขึ้นมาจะต้องเลื่อนขั้นได้อย่างแน่นอน และเจ้าแมวโง่นั่นจะต้องโมโหจนตายเป็นแน่! ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
เสี่ยวหงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง และราวกับว่ามันกำลังร้อนใจก็มิปาน มันไม่กล้าที่จะมองมู่เฉียนซีและพวกของสุ่ยจิงอิ๋งเลยด้วยซ้ำ จากนั้นก็รีบร้อนกลับไปยังมิติพันธสัญญาเพื่อนอนหลับในทันที
อู๋ตี้กระทืบเท้าด้วยความเดือดดาล “เจ้านี่กำลังฝันอยู่สินะ! มันคิดว่าเป็นเหมือนนายท่านอู๋ตี้อย่างข้าหรืออย่างไร! ที่จะกิน ๆ ๆ แล้วจะสามารถเลื่อนขั้นได้เลยน่ะ มันจะต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน!”
สุ่ยจิงอิ๋งและอาถิงเหลือบมองหน้ากัน พวกเขาไม่รู้สึกถึงจิตวิญญาณของเอ้อคุนที่หนีออกมาเลย แต่มันกลับสลายหายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว!
เจ้าสัตว์พันธสัญญาตัวนั้น!
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “สุ่ยจิงอิ๋ง อาถิง เป็นอะไรอย่างนั้นหรือ?”
สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ต่อไปก็ไม่ต้องกังวลอีกแล้ว จิตวิญญาณของเอ้อคุนตัวนั้นได้สูญสลายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว สัตว์พันธสัญญาตัวนั้นของเจ้าไม่ธรรมดาเลย”
“หญิงอัปลักษณ์คู้นี้มักมีสิ่งที่แปลกประหลาดเข้ามาอยู่รอบตัวนางเสมอ ช่างน่ารําคาญเสียจริง ๆ เลย!” อาถิงกล่าวอย่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“เช่นนั้นมันก็ดีไม่ใช่หรือ!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เรื่องทั้งหมดนี้ทำให้โลกต้องหวาดความากเกินไปแล้ว ส่วนซูอี้ชิงที่อยู่อีกข้างหนึ่งก็ราวกับเป็นอากาศ
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ในเมื่อคลี่คลายได้แล้ว เช่นนั้นพวกเราก็ออกไปจากที่นี่กันเถอะ! ดูเหมือนว่าที่นี่นอกจากจะคนึกเอ้อคุนแล้ว ก็ไม่มีอย่างอื่นอีก นอกจากนี้ยังไม่มีเบาะแสของหอคอยนิรันดร์อีกด้วย!”
สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวกับมู่เฉียนซีอย่างอ่อนโยนว่า “ซีเอ๋อร์ไม่อาจมามือเปล่าได้ มากับข้าสิ!”
หรือว่ายังมีของดี ๆ อะไรอีกอย่างนั้นหรือ? ทันใดนั้นแววตาของมู่เฉียนซีก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที
สุ่ยจิงอิ๋งลากมู่เฉียนซีเข้าไปในเมืองที่กลายเป็นซากปรักหักพังที่อยู่ภายใต้หอแห่งความมืดเหล่านั้นในทันที และทันทีที่อาถิงโบกมือ เศษซากเหล่านั้นก็หายวับไปในพริบตา
ทันใดนั้นสถานที่แห่งนี้ก็มีหอคอยแห่งความมืดเจ็ดชั้นที่ขนาดเล็กเท่าฝ่ามือปรากฏออกมา และอาถิงก็ได้โยนหอคอยขนาดเล็กนั้นลงไปในมือของมู่เฉียนซี
อาถิงกล่าว “ขอเพียงเจ้าเก็บรวบรวมหอคอยแห่งความมืดนำทางนี้ได้มากเพียงพอ บางทีเจ้าอาจจะหาที่อยู่ของเจ้าหมอนั่นเจอก็เป็นได้”
หลังจากนั้นสุ่ยจิงอิ๋งก็อธิบายอย่างอดทนว่า หอคอยนิรันดร์มักเคยชินกับการทิ้งสิ่งของส่งเดช ซึ่งอันที่จริงแล้วมันก็เป็นเหมือนบททดสอบสำหรับมนุษย์อย่างหนึ่ง หากหลังจากที่คนึกของสัตว์ร้ายถูกทำลายไปแล้ว และมีคนที่สามารถจัดการมันได้แล้วละก็ พวกเขาก็จะได้รับหอคอยแห่งความมืดนำทางนี้ได้
หากมีโอกาส รวบรวมหอคอยแห่งความมืดนำทางนี้จนเพียงพอแล้ว มันน่าจะสามารถนำทางนางไปหาหอคอยนิรันดร์ได้อย่างนั้นสินะ
สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “นี่ก็คือประโยชน์ประการแรก และมันก็ยังมีอีกประการหนึ่ง!”
“ซีเอ๋อร์หยดเลือดเพื่อยืนยันความเป็นเจ้านายก่อนเถิด!”
เมื่อมู่เฉียนซีได้ยินคำพูดของสุ่ยจิงอิ๋งนางก็หยดเลือดเพื่อยืนยันความเป็นเจ้านายในทันที คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าหอคอยแห่งความมืดที่เล็กกะทัดรัด และดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรที่พิเศษนี้ กลับเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพระดับสูงชิ้นหนึ่ง
มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพชิ้นนี้มีความสามารถเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือการสืบทอดมรดกบางส่วนของหอคอยนิรันดร์นั่นเอง
หม้อวิญญาณนิรันดร์ของหม้อเทพนิรันดร์นั้น มีร่างที่สามารถใช้กลั่นยาได้ นอกจากนี้มันยังเป็นนักปรุงยาที่แข็งแกร่งที่สุดอีกด้วย
เช่นนั้นหอคนึกสัตว์ร้ายแห่งความมืดของหอคอยนิรันดร์ ก็คือมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพที่สามารถใช้ควบคุมสัตว์เทพและสัตว์ร้ายได้ อีกทั้งร่างของมันยังถือว่าเป็นนักฝึกอสูรในเวลาเดียวกันอีกด้วย
มรดกที่สืบทอดมาของเจ้าหอคอยขนาดเล็กนี้ ก็คือมรดกของนักฝึกอสูรนั่นเอง
พลังวิญญาณของมู่เฉียนซีนั้นทรงพลังอย่างคิดปกติมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้นางก็เคยฝึกสัตว์อสูรมาแล้วเช่นกัน แต่กลับยังไม่เคยได้รับมรดกอย่างเป็นกิจจะลักษณะเช่นนี้มาก่อนเลย และก็ยังไม่เคยได้รับมรดกที่ล้ำค่าเช่นนี้มาก่อนเช่นกัน
มรดกจำนวนนับไม่ถ้วนของนักฝึกอสูรได้ถูกมู่เฉียนซีทำให้กลายเป็นเรื่องตลกไปเสียแล้ว หากเป็นคนทั่วไปคาดว่าน่าจะปวดหัวจนแทบจะระเบิดไปแล้ว ทว่าแม้แต่สิ่งที่เรียกว่ามรดกของคัมภีร์หมื่นคำสาปมู่เฉียนซียังสามารถรับการสืบทอดได้ ฉะนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าเจ้านี่แทบจะไม่มีคลอะไรกับนางเลย
มู่เฉียนซีหัวเราะร่วน และนางก็กล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “สุ่ยจิงอิ๋ง ดูเหมือนว่าการมาครั้งนี้ของข้าจะไม่เสียเปล่าจริง ๆ ไม่เพียงแต่จะไม่เสียเปล่าเท่านั้น แต่กลับได้รับรางวัลใหญ่อีกด้วย! นี่มันช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ เลย!”
อาถิงเลิกคิ้วพลางกล่าวว่า “นี่คือทั้งหมดที่เจ้ามีในตอนนี้! ซึ่งมันก็เป็นเพียงแค่มรดกเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นเอง หากเจ้าได้รับมรดกทั้งหมดของหอคอยนิรันดร์ เจ้าคงจะดีใจจนบ้าคลั่งไปเลยอย่างนั้นสินะ!”
“ชิ! ทำกับคนอื่นราวกับเป็นสมบัติ ทีกับข้าทำเหมือนเป็นแค่ต้นหญ้า! หญิงอัปลักษณ์ เจ้านี่มันน่ารังเกียจเกินไปแล้ว ข้าไม่อยากสนใจเจ้าอีกแล้ว!”
กล่าวจบอาถิงก็กลับไปยังมิติในทันที เขาไม่อยากให้คู้หญิงคนนี้รู้ว่าเขาสูญเสียพลังไปมากเกินไป ฉะนั้นจึงคิดที่จะไปพักฟื้นก่อนแล้วค่อยว่ากัน
อาถิงรีบกลับไปอย่างไม่บอกไม่กล่าว จึงทำให้มู่เฉียนซีกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เจ้าหนูนี่จะอารมณ์ร้ายเกินไปแล้ว”
สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เช่นนั้นซีเอ๋อร์ ข้าก็ต้องกลับไปเหมือนกัน เจ้าค่อย ๆ อบรมมันไปก็ได้ ดูแลตนเองดี ๆ ด้วย!”
ดูท่าแล้วจะไม่ได้มีเพียงมู่เฉียนซีที่ทำกับเขาเหมือนต้นหญ้าเท่านั้น เพราะหลังจากที่มีเจ้านายแล้วท่านพี่ก็ทำกับเขาเหมือนเป็นเพียงแค่วัชพืชด้วยซ้ำ ซึ่งนี่ก็ทำให้อาถิงโกรธจนแทบจะกระอักเลือดเลยทีเดียว