ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2043 เล่นพิษทำลายตน
ผู้อาวุโสท่านหนึ่งจึงสั่งการลงไปทันที และเตรียมที่จะลงมือกับมู่เฉียนซีด้วยตนเอง แต่ผลสุดท้ายกลับถูกเจ้าก้อนกลมสีขาวขนาดใหญ่เตะเขาจนกระเด็นลอยออกไปเสียก่อน
“ไสหัวไปนู้นไป มีนายท่านอู๋ตี้อย่างข้าอยู่ จะปล่อยให้เจ้ามีโอกาสทำร้ายเจ้านายของข้าได้อย่างไรกัน” ทันทีที่พูดจบ อู๋ตี้ก็พุ่งทะยานเข้าไปอย่างทรงพลัง
ผู้ช่วยที่มีเพียงคนเดียวก็ไปต่อสู้อยู่กับอู๋ตี้เสียแล้ว และตอนนี้คุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬท่านนี้ก็ต้องอยู่เพียงลำพังโดยไร้ความช่วยเหลือใด ๆ
เขากำลังดิ้นรนอย่างทุกข์ทรมาน แต่กลับไม่ยอมแพ้แต่อย่างใด
“ท่านพ่อเคยบอกว่า หากมีพิษร้ายแรงที่ไม่อาจทนไหวแล้วละก็ ตอนนั้นก็ให้กินยาที่เขาให้มาแล้วก็จะสามารถแก้ไขได้ ทำไมข้าคิดไม่ถึงกันนะ และนี่ก็คือยาลูกกลอนระดับกึ่งเทพที่ท่านพ่อให้พี่น้องของพวกเรากลั่นออกมาเป็นพิเศษ”
ในตอนนี้ดวงตาคู่นั้นของคุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬก็เปล่งประกายออกมา เพราะก่อนหน้านี้ตื่นตระหนกเกินไปจนคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ได้ คิดไม่ถึงเลยว่าสวรรค์ยังคงเหลือหนทางรอดให้เขาบ้าง
เขาหยิบยาออกมาแล้วกลืนมันลงไป สำหรับพ่อของตนเองนั้นเขามีความเคารพเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่งอยู่แล้ว
เขารู้สึกว่าบนโลกใบนี้ไม่มีเรื่องใดที่ท่านพ่อของเขาจะจัดการไม่ได้ และแน่นอนว่าการจัดการกับแผนสกปรกของผู้หญิงคนนี้ก็ต้องเป็นเรื่องที่ง่ายดายเช่นกัน
หลังจากที่เขากลืนยาเข้าไปแล้วก็หัวเราะขึ้นมา “ฮ่า ฮ่า ฮ่า! นางผู้หญิงโง่ ข้าเป็นถึงคุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬเชียวนะ และข้าก็คือลูกชายแท้ ๆ ของเจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬ เจ้าคิดว่าเจ้าใช้วิธีเช่นนี้แล้วจะสามารถจัดการข้าได้อย่างนั้นหรือ?”
“ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอก!”
เขาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจในเวลานี้ กลับเห็นรอยยิ้มที่ประชดประชันปรากฏขึ้นบนมุมปากของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้
“อ๋อ! เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬ เก่งกาจขนาดนั้นเลยหรือ? เช่นนั้นก็ทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาสักหน่อยเถอะ!”
เขาจ้องเขม็งไปทางมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “เจ้าอย่าได้ใจไปนักเลย!”
พรวด! พรวด พรวด!
คุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬจะคาดคิดได้อย่างไรว่า หลังจากที่กินยาเข้าไปแล้ว เขาจะยิ่งกระอักเลือดออกมาอย่างรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นนี้ได้
เลือดเหล่านั้นพุ่งออกมาราวกับสิ่งไร้ค่า หลังจากที่กลืนยานั้นไปแล้วนอกจากจะไม่ได้ทำให้ดีขึ้น คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำให้สถานการณ์กลับแย่ลงมากขึ้นเรื่อย ๆ เสียได้
ตูมมม!
พลังวิญญาณ และพิษที่อยู่ภายในร่างกายของเขาได้ทะลักออกมา
ทันใดนั้นคุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬก็รู้สึกว่าภายในร่างกายของตนเองว่างเปล่า นอกจากนี้ยังไม่มีพลังวิญญาณเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้ภายในสมองของคุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬมีก็แต่ความว่างเปล่าเช่นกัน และมันก็ทำให้เขาเกือบที่จะหมดสติไปแล้ว
ขะ…เขากลายเป็นคนพิการไปแล้ว กลายเป็นคนพิการ…
“ไม่!!!!!” เขาตะโกนร้องขึ้นมาอย่างเสียงดัง
“คุณชายใหญ่!”
“คุณชายใหญ่ ท่านเป็นอะไรไป?”
เมื่อคนอื่น ๆ ของสำนักหมอทมิฬได้ยินเสียงที่น่ารันทดของคุณชายใหญ่ตอนนี้ก็รู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่ง แต่ทว่าพวกเขาในตอนนี้ก็ยังเอาตัวเองไม่รอด เลยหมดหนทางที่จะเข้าไปให้การช่วยเหลือได้
แม้ว่าตอนนี้ทั่วทั้งร่างกายของคุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬจะไม่เหลือพลังวิญญาณเลยแม้แต่น้อย แต่ทว่าเขาในตอนนี้ก็ได้ถูกห่อหุ้มไปด้วยพิษหลายชั้น
ด้วยสภาพของเขาในตอนนี้ อย่าว่าแต่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตจะไม่สามารถเข้าใกล้เพื่อไปสังหารเขาได้เลย แม้แต่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงก็ไม่สามารถสังหารเขาได้เช่นกัน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” เขาหัวเราะขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
“มาฆ่าข้าสิ! ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากจะฆ่าข้ามากหรืออย่างไร! มาสิ!”
“ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากจะฆ่าข้ามากหรอกหรือ? ไม่ใช่ว่าเจ้ามั่นใจความสามารถในการต้านพิษของตนเองอย่างนั้นหรือ? รีบเข้ามาสิ!”
“เจ้าเข้ามาสิ!”
เขารู้ว่าตนเองในตอนนี้ไร้เรี่ยวแรงที่จะตอบโต้ได้ ดังนั้นจึงได้คิดที่จะกระตุ้นให้มู่เฉียนซีเป็นคนเข้ามาหาเขาเอง
หากนางเดินเข้ามาแล้วละก็ นางจะต้องถูกพิษตายในทันทีอย่างแน่นอน
แม้ว่านางที่ถูกโจมตีก่อนหน้านี้จะไม่เป็นอะไรเลยก็ตาม แต่เขาเชื่อว่านางไม่มีทางสกัดกั้นพิษที่ร้ายแรงระดับนี้ได้อย่างแน่นอน
แม้ว่าจะต้องตาย เขาก็อยากที่จะลากผู้หญิงที่ทำร้ายเขาจนตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชเช่นนี้ไปลงนรกกับเขาด้วย
ทันใดนั้นมู่เฉียนซีก็เดินเข้าไปหาเขา ราวกับว่าถูกเขากระตุ้นเข้าจริง ๆ อย่างไรอย่างนั้น
เขากำมือเอาไว้แน่น ดีมาก ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แล้ว ใกล้เข้ามาแล้ว…
พลังธาตุวายุนั้นได้ทำให้หมอกพิษกระจายออกไป และมู่เฉียนซีก็เดินเข้าไปด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย จากนั้นนางก็มองไปที่คุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬ
เขาจ้องมองไปที่ใบหน้าขาวหมดจดของมู่เฉียนซี ซึ่งมันก็ไม่มีร่องรอยว่าถูกพิษแต่อย่างใด
เขานั่งลงไปบนพื้นพร้อมถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว พลางกล่าวอย่างตื่นตกใจว่า “เป็นไปได้อย่างไร?”
“เจ้าไม่โดนพิษอย่างนั้นหรือ? นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าบอกเจ้าไปตั้งแต่แรกแล้วนี่ เจ้ายังอ่อนแอเกินไปที่จะเล่นพิษกับข้า แต่เจ้าดันอยากที่จะเล่นเสียอย่างนั้น! นี่มันไม่ใช่การเล่นพิษจนทำลายตนเองหรืออย่างไรล่ะ”
“หากเจ้าใช้วิธีนี้อื่น ข้าคงไม่สามารถทำให้เจ้ากลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างรวดเร็วถึงขนาดนี้หรอก แต่เจ้าดันอยากจะเล่นกับข้าในเรื่องที่ข้าชำนาญมากที่สุด ซึ่งนอกจากจะเป็นการรนหาที่ตายแล้ว มันจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ”
“เจ้ามันพูดจาไร้สาระ!” หากกล่าวถึงการเล่นกับพิษ ใครจะสามารถเล่นกับพิษสู้สำนักหมอทมิฬของเขาได้กัน
แม้ว่าพรสวรรค์ของเขาจะสู้ว่าที่เจ้าสำนักอย่างน้องชายของเขาไม่ได้ แต่เมื่ออยู่ในสำนักหมอทมิฬ พรสวรรค์ของเขาก็ถือว่าอยู่ในลำดับต้น ๆ เช่นกัน แล้วจะมาพ่ายแพ้ให้กับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตคนหนึ่งได้อย่างไร
“ถึงขนาดตกอยู่ในสภาพเช่นแล้ว เจ้าจะยังไม่เชื่ออีกหรือ?”
พรวด พรวด พรวด!
เขากระอักเลือดออกมาอย่างต่อเนื่อง และมู่เฉียนซีก็รีบถอยออกไปอย่างรวดเร็ว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เขามากระอักเลือดใส่นางได้
“ยาถอนพิษ ส่งยาถอนพิษมาให้ข้า ข้าเป็นถึงคุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬ หากเจ้าฆ่าข้า ท่านพ่อของข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปอย่างแน่นอน และสำนักหมอทมิฬก็จะต้องตามไล่ล่าเจ้าไปจนสุดหล้าฟ้าเขียวเป็นแน่” เขาจ้องเขม็งไปที่มู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “ข้าไม่สนใจหรอก! อย่างไรเสียสำนักหมอทมิฬของพวกเจ้าก็ไม่คิดจะปล่อยข้าไปอยู่แล้ว ไม่ว่าจะฆ่าเจ้าหรือปล่อยเจ้าไป พวกเจ้าก็จะไม่ปล่อยข้าไปอยู่ดี ฉะนั้นการฆ่าเจ้ามันจะคุ้มค่ามากกว่าเสียอีก!”
“เจ้ากล้า…”
“แน่นอนว่าข้ากล้าอยู่แล้ว!” เข็มยาที่เย็นเฉียบเล่มหนึ่งปักลงไปบนขมับของคุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬทันที
“หยุดนะ…”
“ปล่อยข้าไป…”
“……”
เมื่อความตายกำลังใกล้เข้ามา เขาทั้งตื่นตระหนกและหวาดกลัว จนมีความวิงวอนปรากฏออกมาจากสายตาของเขา
คุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬในเวลานี้ไม่ได้เป็นภัยคุกคามที่เลวร้ายอีกแล้ว แต่เป็นเพียงแค่คนที่ต้องการเอาตัวรอดอย่างขี้ขลาดเท่านั้น
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าก็ได้ แต่เจ้าต้องตอบคำถามข้ามาข้อหนึ่ง! เรื่องที่เจ้าสำนักของสำนักหมอทมิฬของพวกเจ้าใช้ประโยชน์จากมนุษย์ในการหลอมรวมแก่นเลือด เพื่อทำการการทดลองปลูกฝังอัจฉริยะไร้เทียมทาน อันที่จริงแล้วตอนนี้มีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?”
เขาจ้องมองไปทางมู่เฉียนซีอย่างเหลือเชื่อ “จะ…เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน?”
“เป็นไปไม่ได้…”
“ที่จริงแล้วเจ้าเป็นใครกันแน่?”
เรื่องเหล่านี้ มีเพียงคนที่ท่านพ่อไว้ใจมากที่สุดเท่านั้นถึงรู้ได้? แม้แต่คนทั่วไปในสำนักของสำนักหมอทมิฬยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ฉะนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนภายนอกเลย
อย่างไรเสียเรื่องที่พวกเขากำลังทำนี้ ก็นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ และแน่นอนว่ามันสามารถดึงดูดความหวาดกลัวของผู้อื่นได้อยู่แล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งราชวงศ์ตงหวงผู้เป็นถึงกองกำลังระดับห้าที่จะต้องกลัวว่าพวกเขาจะเป็นภัยคุกคามต่อสถานะของตนจนส่งคนมาจัดการกับสำนักหมอทมิฬของพวกเขาอย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงดำเนินการเรื่องนี้อย่างเป็นความลับมาโดยตลอด
แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกคนนอกรับรู้เข้าเสียแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “คุณชายของสำนักหมอทมิฬของพวกเจ้าส่งคนมาลอบสังหารข้า เจ้าไม่รู้ว่าข้าคือใครอย่างนั้นหรือ?”
“เจ้า…หรือว่าเจ้าคือคนที่น้องชายของข้ากำลังตามล่าอยู่ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเจ้าจะรู้ความลับที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้”
คุณชายผู้เป็นว่าที่เจ้าสำนักไม่ได้เอาเรื่องที่มู่เฉียนซีบุกเข้าไปสร้างความวุ่นวายในหมู่เกาะเฮยสุ่ยมาบอกให้กับคนอื่น ๆ หรือแม้กระทั่งพ่อของเขาได้รับรู้ เนื่องจากว่ากลัวที่จะต้องถูกลงโทษ ฉะนั้นคุณชายใหญ่ก็ต้องไม่รู้เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว และรู้เพียงแต่ว่าน้องชายของเขาต้องการจะฆ่าปิดปากผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น!
“เจ้าจะพูดหรือว่าไม่พูด?” น้ำเสียงของมู่เฉียนซีเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกลงอย่างกะทันหัน
ปลายเข็มอันแหลมคมขูดไปตามผิวหนังของเขา และทั่วทั้งร่างของคุณชายใหญ่ก็สั่นสะท้านขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากพูด แต่ข้าไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริง ๆ! ด้วยความแข็งแกร่งและความสามารถของข้า เดิมทีแล้วไม่มีคุณสมบัติในการเข้าร่วมการทดลองอันยิ่งใหญ่นั้นเลยด้วยซ้ำ มีเพียงน้องชายของข้าที่มีคุณสมบัติในการเข้าร่วมเพียงคนเดียวเท่านั้น และเกรงว่าจะมีเพียงน้องชายของข้า ผู้เป็นคุณชายว่าที่เจ้าสำนักซึ่งเป็นถึงอัจฉริยะอันดับหนึ่งของสำนักหมอทมิฬเท่านั้นที่รู้! แต่ความจริงแล้วเรื่องส่วนใหญ่ท่านพ่อของข้าจะเป็นคนทำมันด้วยตนเองเสมอ ถึงแม้ว่าน้องชายของข้าจะรู้ แต่ก็คงไม่ได้มากมายอะไรนักหรอก”
“สิ่งที่ข้ารู้มีเพียงเท่านี้ และข้าก็พูดมันไปหมดแล้ว อย่าข้าฆ่าเลย! อย่าฆ่า…”
.