ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1999 หนีไปก่อนเถอะ
“อย่าชะล่าใจนักเลย ข้าจะฆ่านางเด็กน้อยอย่างเจ้าให้ตายเดี๋ยวนี้แหละ!”
เจ้าสำนักหลางซิงเดือดดาลขึ้นมาทันที เขาคิดที่จะฉวยโอกาสตอนที่ยังพอมีแรงอยู่บ้าง จับมู่เฉียนซีเพื่อที่จะเอายาแก้พิษมาให้ได้!
ในตอนที่เจ้าสำนักหลางซิงกระโจนเข้าใส่มู่เฉียนซีอย่างสุดแรง คิดไม่ถึงเลยว่ามู่เฉียนซีจะหนีไปเสียแล้ว
“อย่าคิดจะหนีนะ!”
เจ้าสำนักหลางซิงกระโจนเข้าใส่นางอีกครั้งอย่างไม่คิดชีวิต และด้วยความพยายามเพียงพริบตาเดียว เขาก็กลายเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำไปแล้ว
และมันก็ยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ด้วย
หลังจากที่ใช้ดาบฟันลงไปหลายครั้งติดต่อกัน มู่เฉียนซีก็ได้กางพัดวิหคเฟิงหลิงออก
“จันทร์สะพรั่ง กลืนดารา!”
นางสกัดกั้นด้วยสายลม และใช้พลังวายุในการโจมตี
ตูมมมม โครมมม!
“อะไรน่ะ?” สำหรับอัจฉริยะอันดับหนึ่งของดินแดนทางทิศใต้ผู้นี้ ทำให้เขาที่เป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดคนหนึ่งรู้สึกว่าความสามารถของนางเอาเรื่องมากเลยจริง ๆ
หลังจากที่ได้ปะลองฝีมือกันวันนี้ เขาเพิ่งจะได้รู้ว่าเด็กสาวผู้นี้จัดการไม่ง่ายเลยแม้แต่น้อย เพราะการควบคุมทางพลังวิญญาณธาตุของนางแข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้อาวุโสอย่างเขาที่เป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์เสียอีก
ในที่สุดพลังของเขาก็หยุดการลดระดับลงแล้ว และหลังจากที่รักษาระดับของมันไว้ที่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งแล้ว เจ้าสำนักหลางซิงก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ตราบใดที่ลดลงไม่ต่ำไปกว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ เด็กสาวอย่างเจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน” เจ้าสำนักหลางซิงตะโกนกล่าวอย่างเดือดดาล
ทันใดนั้นพลังวิญญาณที่อยู่รอบตัวของเขาก็พลุ่งพล่านขึ้นมา จากนั้นเขาก็กระโจนใส่มู่เฉียนซีพร้อมดาบที่เต็มไปด้วยจิตสังหารที่หมายจะเอาชีวิตเล่มนั้น
และคราวนี้เจ้าสำนักหลางซิงก็ลงมืออย่างไม่มีความเมตตาเลยแม้แต่น้อย เขาได้ใช้กลยุทธ์ที่อันตรายถึงชีวิตในการผนึกมู่เฉียนซีเอาไว้ และไม่ว่ามู่เฉียนซีจะหลบหลีกอย่างไร ก็ยากที่จะหนีได้พ้น
การแสดงทักษะนี้ทำให้มู่เฉียนซีสัมผัสได้ถึงการคุกคาม โชคดีที่ความสามารถของเขาถูกกดไปไว้ให้อยู่ที่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับที่หนึ่ง มิเช่นนั้นคงจะต้องเกิดปัญหาแน่นอน
“เกราะพลังวายุ”
จากนั้นพลังธาตุวายุของมู่เฉียนซี ก็ได้แผ่กระจายออกมาเป็นชั้น ๆ
ทันใดนั้นเอง เจ้าสำนักหลางซิงก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คิดที่จะอาศัยเกาะป้องกันเพียงเท่านี้ในการสกัดกั้นข้าอย่างนั้นหรือ! ฝันไปเถอะ!”
เขากระโดดขึ้นไปบนอากาศ และกวัดแกว่งดาบลงมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า และทุกครั้งที่กวัดแกว่งดาบไปมาความแข็งแกร่งของมันก็เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
“ตัดเมฆาขวางนภา!”
ทักษะวิญญาณนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และนี่คือแรงกดดันของผู้ที่มีความสามารถระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์สูงสุดคนหนึ่งที่ถูกลดระดับลงมาที่มีต่อมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีก็ยังไม่ได้เปิดเผยไพ่ตายของตนเองเช่นกัน ต่อมานางก็ได้กางเกาะป้องกันเพิ่มอีกชั้นหนึ่ง
“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
เมื่อความสามารถของมู่เฉียนซียกระดับขึ้น เกาะพลังธาตุวารีของนางก็เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นมาไม่น้อยเลย
บรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที เจ้าสำนักหลางซิงกล่าวอย่างประหลาดใจว่า “ผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวิญญาณคู่ธาตุวายุวารีรึ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวิญญาณคู่!”
“อย่าคิดว่าเช่นนี้จะขวางข้าได้เลย!”
และการโจมตีของเขา ก็ยังคงแข็งแกร่งมากอยู่ดี
ในตอนที่เงาดาบกำลังจะเฉือนลงไปบนต้นคอของมู่เฉียนซี ก็ได้มีกระบี่ยาวสีแดงก่ำมาสกัดกั้นเงาดาบนั้นไว้ได้
เคร้ง!
กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณปรากฏตัวออกมาแล้ว และมันก็ได้สกัดกั้นพลังสังหารส่วนใหญ่ของดาบนั้นเอาไว้ และมู่เฉียนซีก็ลอยละลิ่วออกไป
ในตอนที่กระบี่เล่มนี้ปรากฏตัวขึ้น เจ้าสำนักหลางซิงก็ตื่นตกใจเล็กน้อย
“ใช้มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพเล่มหนึ่งออกมาสกัดกั้นเอาไว้หรือ แต่เจ้าก็ยังคงประเมินข้าต่ำไปอยู่ดี พลังที่เหลืออยู่นี้ ก็เพียงพอที่จะทำลายร่างของเจ้าได้แล้วล่ะ”
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ร่างของมู่เฉียนซีที่ลอยกระเด็นออกไปนั้นจะสามารถกลับมามั่นคงได้อย่างรวดเร็ว
มู่เฉียนซีเหลือบมองไปทางเขาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ต้องขอโทษด้วย เพราะพลังที่เหลือเพียงน้อยนิดนั้นของเจ้าไม่เพียงพอที่จะทำลายข้าได้ และอย่างมากที่สุดก็ทำลายได้แค่เสื้อผ้าของข้าเท่านั้น อีกทั้งเสื้อผ้าของข้าก็ค่อนข้างแพงเลยทีเดียว แต่หากเอาชีวิตของเจ้าสำนักหลางซิงมาชดใช้ให้ได้ ก็ถือว่าไม่ขาดทุนเท่าไรหรอก!”
เปลวเพลิงสีแดงก่ำระเบิดออกมา จนสัมผัสได้ถึงพลังของธาตุอัคคีที่น่าสะพรึงกลัว
ตอนนี้เจ้าสำนักหลางซิงแยกไม่ออกว่าเป็นเพราะพลังวิญญาณธาตุอัคคีที่มีอยู่ร่างกายของมู่เฉินซีหรือว่าเป็นของพลังของกระบี่เล่มนั้นกันแน่
แต่นี่ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไรแล้ว เพราะในตอนที่มู่เฉินซีเอากระบี่เล่มนั้นของออกมา เขาก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังแห่งความกดดันที่แข็งแกร่งแล้ว!
มันเป็นพลังธาตุอัคคีที่แข็งแกร่งจริง ๆ ช่างเป็นทักษะวิญญาณที่แข็งแกร่งยิ่งนัก!
อันตราย!
เจ้าสำนักหลางซิงเลือกที่จะหลีกเลี่ยง อีกทั้งเขายังหลบหลีกได้พอดีอีกด้วย
ตูมมม!
มุมปากของมู่เฉียนซีเผยรอยยิ้มที่เย็นชาออกมา “อย่าตายไวเกินไปนักล่ะ อย่างไรเสียงข้าก็อยากที่จะให้เจ้าสำนักหลางซิงฝึกฝนกระบี่เป็นเพื่อนข้า”
เปลวเพลิงสีแดงฉานโบกสะบัดขึ้นมาอีกครั้ง และเปลวเพลิงจำนวนนับไม่ถ้วนก็ทำให้นางเสมือนกลายร่างเป็นสัตว์ร้ายไปแล้วอย่างไรอย่างนั้นเลย จากนั้นมันก็ได้พุ่งทะยานเข้าไปหาเจ้าสำนักหลางซิงอย่างบ้าคลั่ง
“สาม…คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีสามธาตุ”
ในตอนนี้เจ้าสำนักหลางซิงสัมผัสได้อย่างชัดเจนแล้วว่ามู่เฉียนซีเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุอัคคีด้วย ครอบครองพลังวิญญาณธาตุถึงสามธาตุ นี่นางยังเป็นมนุษย์อยู่อย่างนั้นหรือ?
“อย่าประหลาดใจขนาดนั้นเลย เพราะสุดท้ายแล้วเจ้าก็ต้องตายภายใต้ธาตุอัคคีอยู่ดี และมันจะแผดเผาเจ้าจนกลายเป็นเถ้าถ่านไปเลยทีเดียว!”
มู่เฉียนซีถือกระบี่มังกรเพลิงไว้ในมือ นางใช้พลังธาตุอัคคีในการสังหารศัตรู ใช้ธาตุวายุในการเร่งความเร็ว และเปลี่ยนธาตุวารีให้กลายเป็นโล่น้ำแข็ง
อย่างไรเสียเจ้าสำนักหลางซิงก็มีระดับที่สูงกว่ามู่เฉียนซีมากมายนัก ฉะนั้นไม่ว่ามู่เฉียนซีจะใช้วิธีการมากมายเพียงใดก็ไม่มีทางที่จะเอาชนะเขาอย่างรวดเร็วได้
อย่างไรก็ตาม การที่พ่ายแพ้ช้าเกินไป สำหรับเจ้าสำนักหลางซิงแล้วถือว่าค่อนข้างทรมานเลยทีเดียว
ด้านหนึ่งเขาต้องเผชิญหน้ากับกระบวนท่าอันแข็งแกร่งของมู่เฉียนซี ส่วนอีกด้านหนึ่งต้องทนเห็นคนของสำนักหลางซิงล้มตายลงไปด้วยจำนวนที่มากขึ้นเรื่อย ๆ
เขาได้ส่งคนออกไปขอความช่วยเหลือแล้ว แต่ทว่าถึงเวลาจะผ่านไปนานมากเท่าไร แต่ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย ซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกร้อนรนเป็นอย่างยิ่ง
หรือว่าชะตากรรมของสำนักหลางซิงของพวกเขากำลังจะสิ้นสุดลงแล้วอย่างนั้นหรือ?
เจ้าสำนักหลางซิงมีความคิดสุดท้ายอยู่ภายในใจ เขาเอ่ยปากกล่าวว่า “มู่เฉินซี พวกเจ้าเอาแค่หอมปากหอมคอเถอะ ด้วยพรสวรรค์ของพวกเจ้า จะต้องทำให้กองกำลังระดับห้าของราชวงศ์ตงหวงให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษแน่! ขอเพียงพวกเจ้าหยุดการต่อสู้ในวันนี้ไปซะ ข้าจะแนะนำพวกเจ้าให้กับฝ่าบาทหลินหลางได้รู้จัก และยังมอบทรัพยากรการในการฝึกฝนที่ดีที่สุดให้แก่พวกเจ้าด้วย ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ สำนักหลางซิงของพวกเราจะไม่คิดเล็กคิดน้อยอย่างแน่นอน!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าสำนักหลางซิง เจ้าคิดว่าพวกเราเป็นเด็กสามขวบจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? เจ้าไม่รู้ถึงวิธีการของมู่หลินหลางหรือ วันนี้ถึงได้พูดคำโกหกเช่นนี้กับพวกเรา ดูเหมือนว่าสำนักหลางซิงของเจ้าจะจนตรอกแล้วสินะ!”
เขาก็รู้ดีว่าคนเหล่านนี้ไม่ง่ายที่จะหลอกลวงได้ เจ้าสำนักหลางซิงกล่าวว่า “ข้า…ข้าสามารถแนะนำเจ้าให้องค์จักรพรรดิรู้จักได้ ฝ่าบาทหลินหลางยังอายุน้อยนัก ดังนั้นจึงไม่ค่อยรู้เรื่องจนทำเรื่องเช่นนั้นออกมา แต่องค์จักรพรรดิของพวกเราเห็นคุณค่าในความสามารถของผู้คนมากเลยทีเดียว”
“คนที่สามารถเลี้ยงดูเด็กสาวคนหนึ่งให้ออกมาเป็นเช่นนี้ได้ สำหรับข้าแล้วไม่ค่อยเชื่อองค์จักรพรรดิของพวกเจ้าเท่าไรนักหรอก อีกอย่างเจ้าเป็นเพียงแค่สุนัขรับใช้ที่มู่หลินหลางเลี้ยงไว้เท่านั้น คาดว่าพวกเจ้าคงจะไม่มีสิทธิ์แม้แต่เข้าพบองค์จักรพรรดิเลยด้วยซ้ำ” มุมปากของมู่เฉียนซีเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา
สีหน้าของเจ้าสำนักหลางซิงดูขัดเขินเล็กน้อย จูเชว่กล่าวว่า “ซีซีพูดได้ถูกต้องแล้ว อย่าเอาแต่ฟังเรื่องไร้สาระอยู่เลย ทางที่ดีที่สุดพวกเราทำลายสำนักหลางซิงนี้ไปเสียเถอะ”
“ซีซีเจ้าจัดการเขาไปก่อน รอให้ข้าจัดการทางนี้เรียบร้อยแล้วข้าจะไปช่วยเจ้าจัดการตาแก่นั่นด้วย!” จูเชว่กล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
และทันทีที่เจ้าสำนักหลางซิงหันไปดู ก็เห็นว่าทางด้านของจูเชว่ใกล้ที่จะจัดการคนของสำนักหลางซิงเสร็จเรียบร้อยแล้วจริง ๆ
เจ้าสำนักหลางซิงกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “ข้าจะสู้กับเจ้า!”
เจ้าสำนักหลางซิงรู้ดีว่าเขาสามารถอยู่ต่อไปได้อีกไม่นานเท่าไรแล้ว ฉะนั้นเขาจึงจู่โจมมู่เฉียนซีอย่างรุนแรงอีกครั้ง และดูเหมือนว่าไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร เขาก็อยากที่จะปกป้องสำนักหลางซิงของเขาเอาไว้ให้ได้
ปัง ปัง ปัง!
การโจมตีนั้นเป็นราวกับพายุที่โหมกระหน่ำที่พัดกระแทกใส่มู่เฉียนซีอย่างรุนแรง
หากไม่ใช่เพราะมู่เฉียนซีมีความสามารถทางกายภาพที่แข็งแกร่ง หรือเปลี่ยนเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำคนอื่น เมื่อถูกโจมตีด้วยพลังเช่นนี้คงลุกขึ้นมาไม่ไหวเป็นแน่
ด้วยการต่อสู้ที่มีระดับความแข็งแกร่งสูง ทำให้เขาไม่กล้าผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งพลังวิญญาณยังถูกใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย
ในฐานะเจ้าสำนัก เดิมทีแล้วเขาไม่ควรที่จะหลบหนี แต่ทว่าสถานการณ์ของเขาในตอนนี้ย่ำแย่เป็นอย่างมาก ดังนั้น…
เขาจึงควรหนีออกไปก่อนจะดีกว่า ส่วนความแค้นของคนอื่น ๆ รอให้เขานำเรื่องทั้งหมดไปรายงานต่อองค์หญิงหลินหลางแล้ว นางจะต้องแก้แค้นให้พวกเขาอย่างแน่นอน