ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1987 ข้าไม่เชื่อ
สายเลือดของหงส์นั้นแข็งแกร่งกว่าวิหคอัคคีมากมายนัก อีกทั้งยังเป็นหงส์กลายพันธุ์ที่ครอบครองพลังแห่งความมืด ก็ยิ่งพบเจอได้ยากอีกด้วย
มู่หลินหลางออกคำสั่งว่า “วิหคอัคคี ทำลายมันซะ!”
“นายท่านโปรดวางใจ เพียงแค่หงส์นิลที่ยังไม่โตเต็มวัยตัวหนึ่งเท่านั้น มันเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับวิหคอัคคีที่จะจัดการมัน” วิหคอัคคีกล่าวอย่างหยิ่งผยอง
“เฮอะ! ถึงข้าจะยังไม่โตเต็มวัย แต่แค่จัดการนกโสมมเช่นเจ้า เท่านี้ก็เหลือเฟือแล้ว” เสี่ยวโม่โม่กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก
หลังจากที่ติดตามมู่เฉียนซีมานาน มันจึงได้เรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ มากมาย รวมไปถึงเชี่ยวชาญในทักษะความปากร้ายอีกด้วย
วิหคอัคคีตัวนั้นได้ถูกเสี่ยวโม่โม่ทำให้โมโหเสียแล้ว “เจ้าหงส์น้อย เจ้าช่างรนหาที่ตายเสียจริง ๆ!”
“รนหาที่ตายน่าจะเป็นเจ้าถึงจะถูก!”
เพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดระเบิดออกมา และวิหคอัคคีก็เผยสีหน้าที่หวาดกลัวขึ้นมาทันที แต่ทว่ามันก็ยังกระโจนใส่เสี่ยวโม่โม่อย่างสุดกำลัง
ส่วนมู่หลินหลางก็โจมตีมู่เฉียนซีอีกครั้ง จากนั้นพลังวิญญาณที่บ้าคลั่งก็พุ่งเข้ามารัดคอของมู่เฉียนซีเอาไว้
พลังวิญญาณของมู่หลินหลางบ้าคลั่งเป็นอย่างมาก อย่าว่าแต่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตเลย แม้แต่ผู้ที่มีระดับที่ต่ำกว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ก็ยากที่จะหลบการโจมตีของมู่หลินหลางได้
แต่ทว่า คู่ต่อสู้ของมู่หลินหลางในวันนี้คือมู่เฉินซีน่ะสิ
ธาตุวายุหมุนวนขึ้นมา และความเร็วของมู่เฉียนซีก็เร็วมากขึ้นไปอีก การโจมตีกลับไปด้วยธาตุวายุ ไม่ได้ทำให้มู่หลินหลางได้เปรียบมากเท่าไรนัก
“วายุกลืน จันทร์สะพรั่ง!”
คลื่นพลังนั้นถูกสะท้อนกลับไป และพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่พุ่งเข้ามาก็ทำได้เพียงให้มู่หลินหลางรู้สึกอึดอัดเพียงเท่านั้น
“เจ้าอย่าได้ใจมากเกินไปหน่อยเลย!”
มู่หลินหลางได้แต่ในสิ่งที่นางต้องการมาโดยตลอด และนางไม่มีทางยอมให้ผู้ใดก็ตามบนโลกใบนี้มาคุกคามตำแหน่งของนางได้ อีกทั้งจะไม่ยอมให้ตนเองต้องพ่ายแพ้ให้กับผู้ใดด้วย
พลังงานที่น่าสะพรึงกลัวนั้นปะทุออกมาอย่างต่อเนื่อง “มู่เฉินซี คราวนี้มาดูกันว่าเจ้าจะหลบมันพ้นได้อย่างไร?”
แม้ว่ามู่หลินหลางจะติดคอขวดอยู่ที่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับสูงสุดจนยากที่จะบรรลุได้ แต่อย่างไรก็ตามพลังในการต่อสู้ของนางกลับสามารถเพิ่มขึ้นได้เรื่อย ๆ
แม้ว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำคนหนึ่ง ต่างก็ยากที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของนางได้
ตูมมม โครมมม!
พลังนั้นโหมกระหน่ำเข้ามา หากไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งทางกายภาพของมู่เฉียนซี คาดว่าน่าจะบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีเพียงครั้งเดียวนี้ของมู่หลินหลางไปแล้ว
“มู่หลินหลาง เจ้าก็คงทำได้แค่นี้สินะ! อัจฉริยะอันดับหนึ่งของแดนซวนเทียน ข้าคิดว่าอีกเพียงไม่นาน เจ้าก็คงจะต้องส่งไม้ต่อให้คนอื่นแล้วล่ะ” รอยยิ้มประชดประชันปรากฏขึ้นมาบนมุมปากของมู่เฉียนซีที่กล่าวยั่วยุมู่หลินหลางอย่างเปิดเผย
“มู่เฉินซี เจ้านี่ปากคอเราะร้ายจริง ๆ นะ! ข้าว่าวันนี้เจ้าคงจะไม่มีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่แล้วล่ะ” แววตาของมู่หลินหลางเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกมากขึ้นเรื่อย ๆ
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเยาะเย้ยว่า “อาศัยเจ้าเพียงคนเดียว ก็ยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะทำให้ข้าต้องมาทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ได้หรอกนะ”
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!” พลังธาตุวายุได้รวมตัวกันอีกครั้ง จากนั้นมันก็ระเบิดขึ้นมาทันที
“ฝีมือเล็กน้อยแค่นี้ ต้องให้ระดับของเจ้าเลื่อนขึ้นไปอีกระดับหนึ่งเลยล่ะ ถึงจะพอมีทุนที่จะสามารถทำให้เจ้ามาเผชิญหน้ากับข้าได้ แต่ตอนนี้ มันก็ยังไม่พอหรอกนะ!”
“หากข้ามีความสามารถนั้นจริง ๆ แล้วละก็ มู่หลินหลางวันนี้เจ้าจะต้องถูกข้าฆ่าตายภายในพริบตาเดียวเป็นแน่!”
“ช่างกล้า…”
ตูมมมม!
มู่หลินหลางยังคงโจมตีอย่างต่อเนื่อง ส่วนมู่เฉียนซีก็หลบหลีกอย่างรวดเร็ว หรือไม่ก็ต่อสู้อย่างสุดกำลัง หรือไม่ก็พุ่งเข้าโจมตีไปด้วย
การต่อสู้ในคราวนี้มู่หลินหลางคิดว่าตนเองจะสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย คิดไม่ถึงว่าต้องต่อสู้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานถึงเพียงนี้ และมันก็ทำให้มู่หลินหลางยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย
คลื่นพายุก่อตัวขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ได้แผ่กระจายไปทั้วทั้งพื้นที่ “มู่เฉินซี ไปตายซะเถอะ! ข้าปล่อยให้เจ้ามีชีวิตมานานมากเกินพอแล้ว”
แข็งแกร่งมาก หากอาศัยเพียงแค่ความเร็วของนางเหมือนก่อนหน้านี้ต้องไม่มีทางหลบพ้นแน่
ด้วยความสามารถของมู่หลินหลางได้บีบบังคับให้นางต้องใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตา อัจฉริยะที่ได้รับการเลี้ยงดูจากกองกำลังระดับห้าประมาทไม่ได้เลยจริง ๆ
เพียงแต่ว่ายังไม่ทันที่นางจะได้ใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาเพื่อหลบหนีการโจมตีของมู่หลินหลาง ก็ได้มีนกที่หัวล้านตัวหนึ่งตกลงมาจากท้องฟ้าและขวางพลังส่วนใหญ่ให้กับมู่เฉียนซีได้พอดิบพอดี
ปัง!
ทว่ามู่เฉียนซีก็ถูกพลังนี้กระแทกจนกระเด็นลอยออกไปเช่นกัน เพียงแต่ว่านางมีพลังในการป้องกันทางกายภาพที่แข็งแกร่ง จึงทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสมากเท่าไรนัก
มู่หลินหลางจ้องมองไปที่วิหคอัคคีที่ถูกนางโจมตีจนเกือบตายด้วยมือของตนเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ บนร่างไม่ใช่ว่าเปลือยเปล่าแต่เป็นเพราะขนถูกเผาไหม้ไปจนหมด และมองไม่เห็นรูปร่างที่งดงามเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว
“ไร้ประโยชน์สิ้นดี!”
สัตว์เทพทั้งสองตัวมีระดับที่เท่ากัน และของนางนั้นก็ดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อยอีกด้วย แต่กลับกลายเป็นฝ่ายที่ต้องพ่ายแพ้ไปเสียแล้ว!
อายุของเสี่ยวโม่โม่นั่นน้อยเป็นอย่างมาก และวิหคอัคคีก็ดูถูกเสี่ยวโม่โม่ไว้อีกด้วย
เสี่ยวโม่โม่ได้สืบทอดเพลิงหงส์อมตะของเทพหงส์ อีกทั้งยังกลายพันธุ์เป็นเพลิงหงส์อมตะแห่งความมืด ซึ่งพลังเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่สัตว์เทพระดับหนึ่งทั่วไปจะสามารถต้านทานได้
“นายท่าน...ข้าไร้ความสามารถ…”
เมื่อพ่ายแพ้ให้กับหงส์น้อยที่อายุน้อยถึงเพียงนั้น มันก็รู้สึกว่าตนเองได้ทำให้เผ่าวิหคอัคคีต้องอับอายอย่างที่สุดไปเสียแล้ว
“ไสหัวกลับไปซะ!” มู่หลินหลางกล่าวอย่างเย็นชา
“เจ้าอย่าได้ใจมากเกินไปนัก วันนี้เจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน!” มู่หลินหลางเอามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพออกมาอีกครั้ง และมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่อันตราย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เสี่ยวโม่โม่ ยังสู้ต่อได้หรือไม่?”
“แน่นอนอยู่แล้วนายท่าน แค่จัดการเจ้านกโสมมตัวหนึ่งไม่ได้เปลืองแรงข้าเท่าไรนักหรอก!”
“เจ้าเป็นฝ่ายโจมตีหลัก! สู้มัน!”
“เจ้าค่ะ!”
ตูมมม!
เพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดของเสี่ยวโม่โม่โจมตีมู่หลินหลางอย่างบ้าคลั่ง
มู่หลินหลางไม่ได้สนใจการโจมตีของเสี่ยวโม่โม่เลยแม้แต่น้อย นางได้เหวี่ยงกระบี่ออกไป และเป้าหมายนั้นก็คือมู่เฉียนซีนั่นเอง
เพราะว่า เมื่อเทียบกับสัตว์เทพหงส์ตัวหนึ่ง นางอยากที่จะให้มู่เฉินซีผู้นี้ตายก่อนเสียมากกว่า
เพียงแต่ว่าในเมื่อมีเสี่ยวโม่โม่ขวางเอาไว้อยู่ แม้ว่าจะใช้มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพที่น่าสะพรึงกลัวเพียงใด ก็เป็นไปไม่ได้ที่มู่หลินหลางจะสามารถโจมตีมู่เฉียนซีที่มีความเร็วมากขนาดนั้นได้อย่างง่ายดายอยู่ดี
ตูมมม โครมมม!
หลังจากการต่อสู้ที่แสนวุ่นวาย และท่ามกลางขนของหงส์ที่ร่วงหล่น ก็ได้มีเสียง ‘ฟิ้วว!’ ดังขึ้น จากนั้นก็มีลูกศรอันแหลมคมดอกหนึ่งพุ่งออกไป
โดนแล้ว!
แววตาของมู่เฉียนซีเปล่งประกายระยิบระยับ แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่ง่ายดายขนาดนั้น!
แสงสว่างสีขาวได้ปะทุออกมา และขวางกั้นการโจมตีเอาไว้
มู่หลินหลาง เป็นถึงองค์หญิงที่เกิดจากมเหสีเอกของกองกำลังระดับห้าแห่งราชวงศ์ตงหวง และในมือของนางจะไม่มีสมบัติที่เอาไว้ป้องกันร่างกายของนางเลยได้อย่างไร
“พลังธาตุแสง”
สิ่งนี้มีพลังเช่นเดียวกับมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่าง นางสามารถเอาเกล็ดมาได้ มู่หลินหลางในฐานะอัจฉริยะของกองกำลังระดับห้า ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่จะได้รับสิ่งของอื่น ๆ ที่มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างทิ้งเอาไว้ก่อนหน้านี้
“มู่เฉินซี เจ้านี่มันต่ำช้าเสียจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าจะลอบโจมตีเช่นนี้” มู่หลินหลางกล่าวอย่างเดือดดาล
“แต่ก็คงสู้เจ้าไม่ได้หรอก! เมื่อตนเองค้นพบว่าที่ใดมีคนที่มีพรสวรรค์ปรากฏตัวขึ้นมา เจ้าก็สั่งให้พวกสุนัขรับใช้ของเจ้าไปจัดการคนอื่นโดยไม่เลือกวิธีการ อย่างเช่นการลอบสังหาร! หรือการรุมล้อมโจมตี! ไม่ว่าจะวิธีการใดเจ้าก็เคยทำมาแล้วทั้งนั้นนี่” และรอยยิ้มเยาะเย้ยก็ปรากฏขึ้นมาที่มุมปากของมู่เฉียนซี
“มู่หลินหลาง ชื่อของอัจฉริยะอันดับหนึ่งไม่ได้รักษาไว้ด้วยวิธีการเช่นนี้หรอกนะ อัจฉริยะที่แท้จริง จำเป็นที่จะต้องมีความเชื่อมั่นในตนเองอย่างเพียงพอและขยันอยู่เสมอ แต่เจ้า…ทำได้เพียงแค่ใช้วิธีนี้เท่านั้น ช่างน่าสงสารเสียจริง ๆ”
“แต่ที่เจ้าไม่มั่นใจตนเองถึงขนาดนี้ ข้าคิดว่าเหตุผลมันคงเป็นเพราะที่สายเลือดที่ไม่บริสุทธิ์ของเจ้า ที่อยากจะมาครอบครองตำแหน่งที่ไม่ได้เป็นของตนเอง อีกทั้งคนในครอบครัวล้วนเป็นหัวขโมย หากเจ้าสามารถมั่นใจในตนเองได้ก็คงเป็นเรื่องแปลกแล้วล่ะ”
ครั้งแรกที่ต่อสู้กับมู่หลินหลาง นางยังไม่รู้เรื่องราวทั้งหมด
แต่ตอนนี้นางได้รับรู้เรื่องราวมามากมายแล้ว และมู่เฉียนซีก็ไม่รังเกียจเลยที่จะพูดเรื่องที่ทำให้นางไม่มีความสุขออกมา
ต้องบอกก็รู้ว่า คำพูดเหล่านี้ของมู่เฉียนซี มาจากใจของนางเอง
สีหน้านั้นของมู่หลินหลางก็เปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมาทันที “อย่ามาพูดจาไร้สาระ ข้าอยากจะฉีกปากนั้นของเจ้าเสียจริง ๆ!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พาลโกรธขึ้นมาแล้วสินะ สีหน้าถึงได้ดูน่าเกลียดถึงขนาดนี้”
ตูมมม โครมมม!
ไม่เคยมีผู้ใดมากระตุ้นให้นางโกรธเช่นนี้มาก่อนเลย และในเวลานี้มู่หลินหลางก็มองไปที่มู่เฉียนซีอย่างโกรธเกรี้ยวถึงที่สุดอีกด้วย
.
.