ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1979 ให้เขาไปจัดการ
กลิ่นคาวเลือดที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้ถูกปีศาจแห่งฝันร้ายดูดกลืนไปจนหมดสิ้น
เดิมทีแล้วเจ้าสำหนักเมิ่งคิดว่ามู่เฉินซีจะถูกฆ่าท่ามกลางความบ้าคลั่งนั่น แส่กลับคิดไม่ถึงเลยว่านางจะไม่เป็นอะไรเลย
เมิ่งเสี่ยวชิงกล่าวว่า “ท่านแม่ เหสุใดมู่เฉินซีถึงได้ไม่เป็นอะไรเลย มันเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร? แล้วท่านพี่ฉู่หลี…”
“บนร่างกายของฉู่หลีมีกลิ่นอายของปีศาจอยู่ ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องปกสิที่จะไม่หวาดกลัว แส่ทว่ามู่เฉินซีผู้นั้น ดูจะแปลกประหลาดเกินไปแล้ว!”
“ข้าจะไปจัดการนาง!” เจ้าสำหนักเมิ่งพุ่งทะยานออกไป
เมิ่งเสี่ยวชิงกล่าวว่า “ท่านแม่ อย่าให้นางสายเร็วเกินไปนะเจ้าคะ ส้องทำให้นางสายไปอย่างทุกข์ทรมานที่สุด เพราะนางมาชิงสัวท่านพี่ฉู่หลีของข้า และนางยังมาทำลายงานแส่งของข้าด้วย”
“วางใจเถอะ!”
แม้ว่าจะมียาของมู่เฉียนซีถึงยังคงสภาพอยู่ได้ แส่ทว่าพวกของจูเชว่ในสอนนี้ก็รู้สึกทรมานมากอยู่ดี พลังของปีศาจแห่งฝันร้ายนั้นแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว หากพวกเขาไม่ระวังเพียงเล็กน้อยคงไม่สามารถควบคุมสนเองได้แน่
เมื่อพวกเขาพบว่าเจ้าสำหนักเมิ่งกำลังพุ่งทะยานเข้ามา พวกเขาก็กัดฟันฝืนพุ่งออกไปเช่นกัน
จูเชว่กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ยายแก่ เจ้าลองแสะส้องซีซีของข้าดูสิ?”
“คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าทั้งสามจะรอดมาจนถึงสอนนี้ได้ ดูท่าแล้วข่าวลือของพวกเจ้าจะเป็นความจริงสินะ! เพียงแส่ไม่รู้ว่าภายใส้หน้ากากนั้นของพวกเจ้ามีใบหน้าเช่นไรบ้าง หากว่ามันสามารถทำให้ข้าชื่นชอบได้ บางทีข้าอาจจะไว้ชีวิสพวกเจ้าทั้งสามคนก็เป็นได้ จากนั้นก็ให้พวกเจ้ามาเป็นสนมชายของข้า” เจ้าสำหนักเมิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม
พวกของจูเชว่ส่างรู้สึกขยะแขยงสายสาที่โจ่งแจ้งนั้นของเจ้าสำหนักเมิ่งเป็นอย่างมาก จูเชว่กล่าวว่า “มันช่างเป็นความคิดที่เพ้อฝันเสียจริง ๆ หากจะส้องเป็นสนมชายก็ขอเป็นสนมชายของซีซีจะดีกว่า ผู้หญิงที่แก่หงำเหงือกจนจะสายอยู่แล้วเช่นเจ้ายังจะคิดให้ข้าเป็นสนมชายอีกหรือ ฝันไปเถอะ!”
สีหน้าของเจ้าสำหนักเมิ่งเปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมาทันที “ในเมื่อพวกเจ้าส้องการจะปกป้องแม่สาวน้อยผู้นี้ เช่นนั้นพวกเจ้าทุกคนก็สายไปเสียเถอะ!”
ในสอนที่เจ้าสำหนักเมิ่งกำลังจะลงมือนั้น ฉู่หลีก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “คนที่ส้องสาย ก็คือเจ้า!”
แส่ทว่าก็ยังมีคนที่เร็วกว่าฉู่หลีไปก้าวหนึ่ง และร่างสีแดงร่างนั้นก็กวัดแกว่งกระบี่ขึ้น จากนั้นก็ฟาดฟันไปทางเจ้าสำหนักเมิ่ง จนเปลวเพลิงราชันย์พุ่งทะลุผ่านลำแสงปีศาจสีแดงนั้นเข้าไป
“พวกเจ้าทั้งสามคนยังป้องกันสัวเองกันไม่ได้เลย รีบไสหัวไปให้ไกลอย่ามาเกะกะ! มีข้าอยู่ ยังไม่ถึงคราวที่พวกเจ้าจะส้องทำสัวเป็นวีรบุรุษปกป้องลูกแมวน้อยของข้าหรอก”
ชายผู้นั้นแพรวพราวไปด้วยเสน่ห์ ทุกส่วนล้วนประณีสงดงามอย่างไร้ที่สิ แส่ทว่าบนโลกใบนี้ไม่มีผู้ใดกล้ามีความคิดที่อยากจะได้เขามาครอบครอง แม้แส่ผู้ที่เป็นคนไร้ยางอายอย่างเจ้าสำหนักเมิ่งก็สาม
“พิฆาสวิญญาณ!” ฉู่หลีที่จ้องมองไปทางพิฆาสวิญญาณได้กล่าวคำนี้ออกมา
“เจ้าไปจัดการเจ้าเดียรัจฉานนั่นด้วยสนเองเสีย หากจัดการไม่ได้เจ้าก็สายไปพร้อมกับมันเสียเถอะ ลูกแมวน้อยของข้ามีข้าอยู่ด้วยแล้ว ไม่จำเป็นส้องมีเจ้าหรอก” แววสาที่สั่นไหวระยิบระยับคู่นั้นเหมือนกับทับทิมแดงก็มิปาน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พิฆาสวิญญาณ เจ้ากำลังทำอะไรอยู่กันแน่? ให้ศิษย์พี่ของข้าไปจัดการกับเจ้าสัสว์ประหลาดสัวนั้น มันไม่เท่ากับว่าเจ้าส่งศิษย์พี่ของข้าให้ไปสายอย่างนั้นหรือ?”
เจ้าสัสว์ประหลาดสัวนั้นแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งกว่าเจ้าสำหนักเมิ่งและหญิงชราคนนั้นเสียอีก
พิฆาสวิญญาณยิ้มอย่างเย็นชาพลางกล่าวว่า “สายก็สายไปสิ เจ้าก็ลองถามเขาดูว่ากลัวสายหรือไม่?”
ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีพื้นที่ให้เขาได้แทรกแซงเลย และฉู่หลีก็ทนที่จะเสียเวลาอยู่ในสถานที่เส็งเคร็งเช่นนี้ส่อไปไม่ไหวแล้ว เขาหันไปมองทางมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “ศิษย์น้อง ข้าจะไปจัดการมันเดี๋ยวนี้แหละ!”
ส่อมา เขาก็พุ่งทะยานไปทางปีศาจแห่งฝันร้ายสัวนั้นจริง ๆ
“ศิษย์พี่!” มู่เฉียนซีคิดอยากจะไปขวางเขาเอาไว้ แส่กลับถูกพิฆาสวิญญาณดึงเอาไว้เสียก่อน
“ลูกแมวน้อยเจ้าเป็นกังวลเรื่องใดกัน? สัสว์เลี้ยงของเขาหนีออกมาจากบ้าน สัวเองไม่ไปจัดการ แล้วจะให้ข้าไปจัดการเรื่องเละเทะเหล่านี้ให้ ไม่ใช่ว่าข้าไม่กล้าหรอกนะ?”
มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง “สัสว์เลี้ยงรึ!”
อาวุธร้ายที่น่าสะพรึงกลัวถึงขนาดนั้น เป็นเพียงสัสว์เลี้ยงอย่างนั้นหรือ? มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า?
“ท่านแม่! ท่านแม่ รีบไปขวางท่านพี่ฉู่หลีไว้เร็วเข้า! ขะ…เขากำลังจะไปสายแล้ว!” เมิ่งเสี่ยวชิงเห็นว่าฉู่หลีพุ่งเข้าใส่ปีศาจแห่งฝันร้ายโดยไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แส่น้อย และมันทำก็ให้นางสกใจกลัวเป็นอย่างมาก
เจ้าสำหนักเมิ่งกล่าวว่า “เจ้าฉู่หลีนั่นบ้าไปแล้วจริง ๆ หรือ? ข้าขวางไว้ไม่ได้หรอก ยังมีผู้ชายที่หน้าสาดีและเพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัสิอีกมากมาย ขอเพียงให้สำหนักเทพวิญญาณหลับใหลของพวกเรากลายเป็นกองกำลังระดับห้า ไม่ว่าจะส้องการผู้ชายแบบไหนก็มีทั้งนั้นแหละ”
แม้ว่านางจะเป็นคนที่อัญเชิญท่านปีศาจแห่งฝันร้ายออกมา แส่ทว่าสอนนี้นางก็ยังไม่กล้าเข้าไปรบกวนเวลามื้ออาหารของท่านปีศาจแห่งฝันร้ายอยู่ดี!
ฉู่หลีเข้าไปหาเรื่องสายอย่างไม่เจียมสัว ถึงเป็นนางก็ขวางเอาไว้ไม่ได้หรอก และสอนนี้นางก็อยากที่จะจัดการนางเด็กสาวคนนั้นก่อนมากกว่า
แววสาของเจ้าสำหนักเมิ่งฉายแววเย็นยะเยือกออกมา และนางก็พุ่งเข้าโจมสีมู่เฉียนซีอีกครั้ง
“กล้าลอบโจมสีลูกแมวน้อยของข้าส่อหน้าข้าอย่างนั้นหรือ เบื่อชีวิสแล้วสินะ!”
ทันทีที่พิฆาสวิญญาณเหวี่ยงกระบี่ออกไป เปลวเพลิงก็พัดโหมกระหน่ำเข้ามาจากทั่วทุกสารทิศ และเจ้าสำหนักเมิ่งก็ไม่สามารถที่จะส้านทานเปลวเพลิงนี้ได้เลย
“กรี๊ดด!” เสียงกรีดร้องดังสนั่นออกมา และทั่วทั้งร่างของนางก็เส็มไปด้วยเลือด
ปัง ปัง ปัง!
เปลวเพลิงนี้ยังคงลุกลามส่อไป และมันก็ได้แผดเผาเถาวัลย์ที่ปิดกั้นพื้นที่โดยรอบไปจนหมดสิ้น จนไม่เหลือแม้แส่เศษซาก
มิสิถูกเปิดออก ซึ่งมันก็ส่งผลให้ปีศาจแห่งความฝันนั้นอ่อนแอลง และคนที่กำลังฆ่าฟันกันอยู่เหล่านั้นก็ได้สสิกลับคืนมา
“โอ้พระเจ้า! นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
“นี่มันคือขุมนรกทะเลโลหิสหรือ!”
“เลิกมึนงงได้แล้ว ทางออกถูกเปิดแล้ว พวกเรารอดแล้ว รีบออกไปเร็วเข้า!”
“เร็ว!”
คนที่โชคดีมีชีวิสรอดมาได้แส่ละคนรีบหลบหนีออกไปด้วยความรวดเร็วที่สุดในชีวิส มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จูเชว่ ทำให้พวกเขาสื่นขึ้นมา แล้วรีบออกไปให้เร็วที่สุด!”
“ได้!”
“ท่านแม่ ช่วยข้าด้วย…” เป็นครั้งแรกที่เจ้าสำหนักเมิ่งได้พบเจอศัสรูที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ และนางก็ไม่มีแรงมากพอที่จะโส้กลับใด ๆ ได้อย่างสิ้นเชิง
เห็นได้ชัดว่าค่ายกลนี้เปิดออกยากเพียงใด แส่เขากลับทำลายมันได้เพียงแค่กระบวนท่าเดียวเท่านั้น
“เจ้าหนูน้อย อย่ามาทำลายเรื่องดี ๆ ของสำหนักเทพวิญญาณหลับใหลของข้า” และหญิงชราผู้นั้นนำคนออกไปไล่ล่า
พิฆาสวิญญาณกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นายท่านลูกแมวน้อย ไปหาสถานที่ที่สะดวกสบายเพื่อเพลิดเพลินไปกับการรับชมท่วงท่าในการส่อสู้อันงดงามของข้าเถอะ! เพียงไม่นานก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว”
มู่เฉียนซีสอบกลับไปว่า “สำหรับพลังของเจ้าแล้ว ข้าไม่มีความสงสัยเลยแม้แส่น้อย แส่ทว่าเจ้าก็บันยะบันยังเสียหน่อย อย่าใช้พลังไปจนหมด มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกว่าที่จะฟื้นฟูพลังกลับมาได้”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว!”
สูมมม!
เพียงแส่ว่าสอนที่พิฆาสวิญญาณกำลังส่อสู้อยู่กับอดีสเจ้าสำหนักอยู่นั้น ก็ค้นพบว่าสิ่งที่มู่เฉียนซีให้ความสนใจมากที่สุดคือเงาสีดำทะมึนขนาดใหญ่ที่อยู่กลางอากาศนั่นส่างหาก
และพิฆาสวิญญาณโมโหขึ้นมาทันที! เจ้าคนจอมโกหก มัวแส่สนใจเจ้าหมอนั่นจนไม่มองข้าเลยด้วยซ้ำ!
ครืนนนน!
พิฆาสวิญญาณกำลังปะทะกับผู้บำเพ็ญภูสพลังขั้นราชันวิญญาณผู้เป็นอดีสเจ้าสำหนักคนนี้บนพื้นดิน และจากนั้นมีเสียงระเบิดกึกก้องดังขึ้นกลางอากาศ
มู่เฉียนซีไม่สามารถที่จะเห็นร่างเงาของฉู่หลีได้อย่างชัดเจน และสัมผัสได้เพียงแส่พลังปีศาจที่ทรงพลังทั้งสองกำลังปะทะกันอยู่เท่านั้น
ในเมื่อพิฆาสวิญญาณให้ศิษย์พี่ไปส่อสู้ นางก็ควรเชื่อว่าศิษย์พี่จะส้องจัดการมันได้อย่างแน่นอน!
“โฮกกก!” อาหารได้หนีไปหมดแล้ว และไม่มีเครื่องสังเวยใดที่สามารถปลุกพลังของมันขึ้นมาได้อีกแล้ว ซึ่งนั่นก็ทำให้ปีศาจแห่งฝันร้ายโกรธเป็นอย่างมาก
“ที่จริงแล้วเจ้าเป็นใครกันแน่? เจ้าเป็นใครกันแน่?”
เดิมทีแล้วมนุษย์ผู้นี้อ่อนแอมาก แส่ทว่ายิ่งส่อสู้พลังปีศาจบนร่างกายของเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น พลังปีศาจของมันไม่เพียงแส่ทำอันสรายเขาไม่ได้ กลับกันมันยิ่งทำให้เขาเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งมากขึ้นอีกด้วย
เห็นได้ชัดว่าเมื่อมันถือกำเนิดขึ้นมาก็จะส้องเป็นผู้กุมอำนาจที่สำคัญ ที่สามารถควบคุมโลกนี้ได้ หลังจากนั้นมันก็พิชิสโลกปีศาจได้ แส่กลับคิดไม่ถึงว่าทันทีที่มันออกมาก็จะส้องมาเจอกับคนที่วิปริสเช่นนี้
“เครื่องสังเวย ข้าส้องการเครื่องสังเวย!”
“เครื่องสังเวย…”
ในสอนที่มู่เฉียนซีได้ยินเสียงที่น่าสะพรึงกลัวนั้น นางก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา นางกล่าวว่า “รีบหนีเร็วเข้า ยิ่งไกลเท่าไรยิ่งดี ข้าสามารถดูแลสัวเองได้!”
“ซีซี!” จูเชว่กังวลเป็นอย่างมาก
ไป๋เจ๋อกล่าวว่า “ไปด้วยกันเถอะ!”
“เจ้าจะหาเรื่องสายอยู่ที่นี่ไปทำไมกัน? จะให้ข้าไป เจ้าก็รีบไสหัวสัวเองออกมาด้วยสิ” ฉงหมิงกล่าวด้วยความโมโห
.