ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1978 การปรากฏตัวของปีศาจแห่งฝันร้าย
“ไป รีบไปเร็วเข้า ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้ว” คนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ปกติ และสีหน้าของทุกคนก็แสดงออกถึงความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ไปหรือ? มายังตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลของข้าแล้ว พวกเจ้าคิดว่ายังจะหนีไปได้อีกอย่างนั้นหรือ?”
ในตอนที่พวกเขากำลังจะพุ่งทะยานออกไป ก็ค้นพบว่าภายในบริเวญโดยรอบทั่วทั้งห้องโถงใหญ่นั้นได้ถูกปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์สีดำอย่างแน่นขนัดเสียแล้ว
ปังง!
พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่ในการตัดเถาวัลย์เหล่านี้ออกไป แต่ไม่ว่าพวกเขาจะใช้พลังมากเพียงใด ก็ทำได้เพียงแค่ทิ้งรอยตื้น ๆ เอาไว้บนเถาวัลย์ที่แข็งแกร่งราวกับเหล็กดำหมื่นปีก็มิปานนี้ได้เท่านั้น
พรวด พรวด พรวด!
ไม่เพียงแต่เปิดเส้นทางไม่ได้เท่านั้น แต่พวกเขากลับถูกเถาวัลย์พัดจนกระเด็นออกไปอีกด้วย
“อ๊ากกก! ช่วยด้วย อ๊ากก!”
“ท่านพี่หวงฝูช่วยข้าด้วย…”
“……”
วันนี้ซึ่งเป็นวันที่เป็นมงคลยิ่ง แต่ห้องโถงใหญ่ที่จัดงานแต่งงานในเวลานี้ กลับเต็มไปด้วยเสียงร้องไห้คร่ำครวญดังระงมไปหมด
“อ๊ากกกกก!” ในเวลานี้คุณชายเมิ่งที่ถูกฉู่หลีทำร้ายจนบาดเจ็บเริ่มหายใจติดขัดแล้ว เมื่อคนผู้นี้ไม่มีอันตรายแล้ว ดังนั้นฉู่หลีจึงถอยกลับไปอยู่ข้างกายมู่เฉียนซีอย่างระวังตัว
และไม่ว่าใครก็ตามที่เข้าใกล้มู่เฉียนซีล้วนถูกเขาขับไล่ออกไปจนหมด
คนที่อยากจะหนีไปต่างก็ถอยกลับมาอย่างถอดใจ พวกเขาต่างหันไปมองทางเจ้าตำหนักเมิ่งพลางกล่าวว่า “เจ้าตำหนักเมิ่ง พวกเรามีความสัมพันธ์อันดีกับตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลมาโดยตลอด ไม่มีอะไรที่กระทบกระทั่งกัน เหตุใดเจ้าถึงต้องทำเช่นนี้กับพวกข้าด้วย”
“ใช่แล้ว! ข้าเลื่อมใสศรัทธาเจ้ามากถึงเพียงนี้ เจ้าตำหนักเมิ่ง เจ้าสามารถทำเรื่องที่เสียสติเช่นนี้ออกมาได้อย่างไรกัน?”
“เจ้าตำหนักเมิ่ง เจ้าพูดออกมาตามตรงเถิด! จะต้องทำเช่นไรถึงจะยอมปล่อยพวกข้าไป”
เจ้าตำหนักเมิ่งคลี่ยิ้มอย่างสดใสพลางกล่าวว่า “ความจริงแล้วทุกท่านไม่ควรที่จะโทษข้านะ”
ไม่โทษนาง เช่นนั้นจะให้โทษผู้ใดกัน?
เจ้าตำหนักเมิ่งกล่าวต่อไปว่า “แน่นอนว่าต้องโทษมู่เฉินซีน่ะสิ! หากมู่เฉินซีไม่สร้างความวุ่นวายในงานแต่งงานของลูกสาวข้า เมื่อถึงตอนนั้นพวกท่านคงสามารถอิ่มหนําสําราญไปกับเหล้ามงคลได้แล้ว หลังจากที่อิ่มหนําสําราญแล้วก็จะตกอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน และตายไปอย่างไม่ต้องรับรู้และทุกข์ทรมานใด ๆ อีกเลย ซึ่งดีกว่าต้องตายไปอย่างหวาดกลัวเช่นตอนนี้มากมายนัก”
เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าตำหนักเมิ่ง พวกเขาก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว หากตายไปเช่นนี้ การตายของพวกเขาก็จะยิ่งไม่ชัดเจนมากกว่าเดิมน่ะสิ
“ต่อสู้กับเจ้าตำหนักเมิ่งซะ!” ตอนนี้พวกเขาถึงคราวจนตรอกเสียแล้ว ฉะนั้นการต่อสู้อย่างสุดชีวิตจึงเป็นวิธีเดียวในตอนนี้
ดวงตาทั้งคู่ของผู้นำตระกูลเซี่ยโหวแดงก่ำ ในเมื่อถูกคนของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลบีบบังคับถึงขั้นจนตรอกเช่นนี้แล้ว สุดท้ายเขาก็ระเบิดพลังออกมาอย่างบ้าคลั่ง และพุ่งตรงเข้าหาเมิ่งเสี่ยวชิงอย่างไม่ลังเล
“ถูกพวกเจ้าหลอกลวงราวกับคนโง่เง่าก็มิปานเช่นนี้ ข้ายอมรับมันแล้วจริง ๆ แต่ทว่าข้าก็จะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่! ถึงข้าจะจัดการเจ้าไม่ได้ แต่นางเด็กสารเลวผู้นี้ วันนี้นางจะต้องตาย!”
“แย่แล้ว…ผู้นำตระกูลเซี่ยโหวกำลังจะทำลายตัวเองแล้ว!”
สีหน้าของยอดฝีมือตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลเหล่านั้นเปลี่ยนไปทันที และในเวลานี้เมิ่งเสี่ยวชิงก็ถูกจับได้แล้ว
เจ้าสำนักของกองกำลังระดับสี่คนหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะถูกบีบบังคับมาจนถึงจุดนี้ได้
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้นำตระกูลเซี่ยโหวที่บ้าคลั่งเช่นนี้ เมิ่งเสี่ยวชิงก็หวาดกลัวจนสั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัว “ท่านแม่ ช่วยข้าด้วย! ท่านยาย ช่วยข้าที!”
ผู้นำตระกูลเมิ่งกล่าวว่า “ท่านแม่ สภาพร่างกายของนางเด็กน้อยเสี่ยวชิงผู้นี้หาได้ยากยิ่ง ไม่สามารถปล่อยให้ได้รับความเสียหายอยู่ที่นี่ได้”
“ข้าเข้าใจแล้ว!”
เสียงที่แก่ชราดังออกมา ทันใดนั้น พื้นที่ของผู้นำตระกูลเซี่ยโหวก็ดูเหมือนว่าจะถูกขังไว้อย่างไรอย่างนั้น
พรวด พรวด พรวด!
เขาหมดหนทางที่จะทำเรื่องใดได้แล้ว เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสไปทั่วทั้งตัว อีกทั้งยังถูกความสามารถของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณคนหนึ่งบดขยี้ จนตอนนี้เขาก็ไม่มีพื้นที่เหลือให้เคลื่อนไหวใด ๆ ได้อีกแล้ว
สีหน้าของคนอื่นเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณลงมือแล้ว พวกเขาไม่เหลือโอกาสให้ต่อสู้ได้เลยแม้แต่น้อย
แรงกดดันของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณพัดโหมกระหน่ำ พวกเขาได้แต่สั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัว เจ้าตำหนักเมิ่งกล่าวว่า “พวกเจ้าไม่ต้องดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์อีกต่อไปแล้ว การที่พวกเจ้ามีส่วนช่วยเพื่อให้ตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลของข้าเติบโตมากขึ้นไปอีกขั้นได้นั้น นั่นก็ถือว่าเป็นเกียรติแก่พวกเจ้าแล้ว”
ใครรู้สึกว่ามันเป็นเกียรติกัน? ตอนนี้ชีวิตก็จะไม่มีอยู่แล้ว
ภายใต้แรงกดดันเช่นนี้ พวกเขาไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย และในเวลานี้เองเจ้าตำหนักเมิ่งก็มองไปทางมู่เฉียนซี
“ทั้งหมดเป็นเพราะนางเด็กสาวผู้นี้ถึงได้ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ขึ้น และยังจะมาทำร้ายลูกชายลูกสาวของข้าอีก ข้าจะต้องจัดการเจ้าอย่างแน่นอน”
เจ้าตำหนักเมิ่งพุ่งทะยานออกมา ด้วยแรงกดดันของพลังผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดที่รุนแรงเป็นอย่างมาก ทำให้หุ่นเชิดตัวหนึ่งก็ไม่สามารถที่จะขวางทางนางเอาไว้ได้เลย
ใบหน้าของเมิ่งเสี่ยวชิงเผยรอยยิ้มออกมา มู่เฉินซีจะต้องตายอย่างแน่นอน
แต่สิ่งที่ทำให้นางยากที่จะเชื่อก็คือ คิดไม่ถึงว่าฉู่หลีจะขวางอยู่เบื้องหน้าของมู่เฉินซีอย่างไม่กลัวเกรงสิ่งใด อีกทั้งยังต่อสู้กับแม่ของนางด้วย
“ท่านแม่ อย่าฆ่าท่านพี่ฉู่หลี อย่า…” เมิ่งเสี่ยวชิงตะโกนบอก
“แน่นอนอยู่แล้วว่าจะฆ่าเขาไม่ได้ เพราะกลิ่นอายปีศาจบนตัวเขา ข้าก็ชอบมันมากเช่นกัน!” เจ้าตำหนักเมิ่งกล่าวพลางแสยะยิ้มหวานเยิ้มออกมาพร้อมมองไปที่ฉู่หลี
ตูมม โครมมม!
หญิงชราที่เดิมทีแล้วไม่ใส่ใจที่จะเคลื่อนไหวก็เริ่มลงมือแล้วเช่นกัน “จะปล่อยให้ท่านผู้นั้นรอนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว พวกเจ้าทุกคนตายกันเสียให้หมดเถอะ! ฆ่ามัน!”
พรวด พรวด พรวด!
กลิ่นคาวเลือดที่ลอยคละคลุ้งอยู่ภายในห้องโถงใหญ่เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และคนที่กำลังจะตายก็มากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย
ตูมมม!
ในเวลานี้เอง ทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ก็เริ่มแตกร้าวจากตรงกลาง พื้นดินเริ่มแตกออกจากกัน และกลิ่นอายของปีศาจก็ทะลักออกมาจากพื้นดินอย่างต่อเนื่อง
หลังจากนั้นเพียงไม่นาน สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ ทั่วทั้งร่างของมันเป็นสีดำสนิท และมีเพียงดวงตาที่กลมโตคู่หนึ่งที่มีสีแดงเข้มอย่างน่าประหลาดเท่านั้น
ทั่วทั้งร่างของมันต่างเต็มไปด้วยจิตวิญญาณที่เฉียบคมอย่างผิดปกติ และกรงเล็บทั้งสองก็เหมือนกำลังยื่นออกมาอย่างไรอย่างนั้น
ทุกคนต่างกล่าวอย่างตื่นตระหนกว่า “นี่มันตัวอะไรกันแน่?”
มันส่งเสียงออกมาอย่างอึมครึมและน่าสะพรึงกลัวว่า “ไม่พอ ไม่พอ มันยังไม่พอ…”
ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายลำแสงสีแดงเลือดออกมา และลำแสงนั้นก็ปกคลุมไปทั่วทุกทิศทาง หลังจากนั้นไม่นานดวงตาของทุกคนก็ส่องแสงสีแดงออกมา แล้วไม่ว่าจะเป็นศัตรูหรือมิตรต่างก็เข้าต่อสู้ห้ำหั่นกันอย่างสุดชีวิตเลยทีเดียว
มู่เฉียนซีรวบรวมพลังวิญญาณเพื่อต่อต้านเอาไว้ แต่ทว่าผู้ที่มีพลังที่อ่อนแอกว่าเล็กน้อยได้ถูกควบคุมเอาไว้อย่างสมบูรณ์แล้ว
“ฆ่า! ฆ่ามัน!”
“……”
พวกเขาทั้งหมดราวกับตกอยู่ในฝันร้ายอย่างไรอย่างนั้น อีกทั้งยังคิดถึงแต่เรื่องที่จะฆ่าฟันอย่างไม่หยุดหย่อยอีกด้วย
และในตอนที่สิ่งนี้ปรากฏตัวออกมา เจ้าตำหนักเมิ่งก็พาคนหลบหนี และล้มเลิกการโจมตีมู่เฉียนซีในทันที
จูเชว่ ฉงหมิงและไป๋เจ๋อมีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งมาก แต่ทว่าในเวลานี้ก็ได้รับผลกระทบจนเกิดความสับสนขึ้นมาเช่นกัน
จูเชว่กรนด่าออกมาว่า “บัดซบเอ้ย นี่มันตัวอะไรกันแน่เนี่ย?”
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
ทันทีที่มู่เฉียนซีขยับนิ้วของนาง เข็มยาทั้งสามเล่มก็ปักไปบนแขนของพวกเขา และความรู้สึกของพวกเขาก็กลับมาชัดเจนขึ้นในทันที
“ซีซี!”
“……”
“เจ้าสิ่งนี้แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก ต้องทำให้คนของฝั่งเราหมดสติไปก่อนค่อยว่ากัน มิฉะนั้นพวกเขาต้องต่อสู้กันจนตายแน่” มู่เฉียนซีโยนยาน้ำและยาลูกกลอนเหล่านั้นออกไป
“ตกลง!”
ตึง ตึง ตึง!
เวลานี้บริเวณโดยรอบวุ่นวายไปหมด ไม่ได้มีเพียงแค่เหล่าแขกที่มาเข้าร่วมงานแต่งงานเท่านั้นที่ต่อสู้ฆ่าฟันกัน คนของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลก็เป็นไปด้วยเหมือนกัน
และมีเพียงแค่คนที่อยู่ข้างกายเจ้าตำหนักเมิ่งจำนวนไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เลย
เมิ่งเสี่ยวชิงกล่าวว่า “ท่านแม่ หากฆ่าฟันกันต่อไปเช่นนี้ คนของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลจะต้องเหลือน้อยมากเป็นแน่”
เจ้าตำหนักเมิ่งกล่าวว่า “การมีอยู่ของพวกเขา เดิมทีแล้วก็เป็นเพียงแค่เครื่องสังเวยของท่านปีศาจแห่งฝันร้ายเท่านั้น พวกเขาตายอย่างคุ้มค่า! เพราะหากไม่มีพวกเขา และเอาแต่พึ่งพาคนเหล่านี้เพียงอย่างเดียว คงไม่สามารถทำให้ท่านปีศาจแห่งฝันร้ายฟื้นฟูพลังที่แข็งแกร่งที่สุดได้แน่”
“ตราบใดที่ท่านปีศาจแห่งฝันร้ายฟื้นฟูได้แล้ว ทั่วทั้งแดนซวนเทียนก็ไม่มีผู้ใดที่เป็นคู่ต่อสู้ของท่านได้อีก เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราก็จะกลายเป็นกองกำลังระดับห้าหรือแม้กระทั่งกลายเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด แล้วจะยังกลัวไม่มีคนเข้ามาเพิ่มไปอีกทำไมกันล่ะ?”
เมิ่งเสี่ยวชิงกล่าวว่า “ที่ท่านแม่พูดมาก็ถูก”
.
.
“ไป รีบไปเร็วเข้า ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้ว” คนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ปกติ และสีหน้าของทุกคนก็แสดงออกถึงความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ไปหรือ? มายังตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลของข้าแล้ว พวกเจ้าคิดว่ายังจะหนีไปได้อีกอย่างนั้นหรือ?”
ในตอนที่พวกเขากำลังจะพุ่งทะยานออกไป ก็ค้นพบว่าภายในบริเวญโดยรอบทั่วทั้งห้องโถงใหญ่นั้นได้ถูกปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์สีดำอย่างแน่นขนัดเสียแล้ว
ปังง!
พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่ในการตัดเถาวัลย์เหล่านี้ออกไป แต่ไม่ว่าพวกเขาจะใช้พลังมากเพียงใด ก็ทำได้เพียงแค่ทิ้งรอยตื้น ๆ เอาไว้บนเถาวัลย์ที่แข็งแกร่งราวกับเหล็กดำหมื่นปีก็มิปานนี้ได้เท่านั้น
พรวด พรวด พรวด!
ไม่เพียงแต่เปิดเส้นทางไม่ได้เท่านั้น แต่พวกเขากลับถูกเถาวัลย์พัดจนกระเด็นออกไปอีกด้วย
“อ๊ากกก! ช่วยด้วย อ๊ากก!”
“ท่านพี่หวงฝูช่วยข้าด้วย…”
“……”
วันนี้ซึ่งเป็นวันที่เป็นมงคลยิ่ง แต่ห้องโถงใหญ่ที่จัดงานแต่งงานในเวลานี้ กลับเต็มไปด้วยเสียงร้องไห้คร่ำครวญดังระงมไปหมด
“อ๊ากกกกก!” ในเวลานี้คุณชายเมิ่งที่ถูกฉู่หลีทำร้ายจนบาดเจ็บเริ่มหายใจติดขัดแล้ว เมื่อคนผู้นี้ไม่มีอันตรายแล้ว ดังนั้นฉู่หลีจึงถอยกลับไปอยู่ข้างกายมู่เฉียนซีอย่างระวังตัว
และไม่ว่าใครก็ตามที่เข้าใกล้มู่เฉียนซีล้วนถูกเขาขับไล่ออกไปจนหมด
คนที่อยากจะหนีไปต่างก็ถอยกลับมาอย่างถอดใจ พวกเขาต่างหันไปมองทางเจ้าตำหนักเมิ่งพลางกล่าวว่า “เจ้าตำหนักเมิ่ง พวกเรามีความสัมพันธ์อันดีกับตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลมาโดยตลอด ไม่มีอะไรที่กระทบกระทั่งกัน เหตุใดเจ้าถึงต้องทำเช่นนี้กับพวกข้าด้วย”
“ใช่แล้ว! ข้าเลื่อมใสศรัทธาเจ้ามากถึงเพียงนี้ เจ้าตำหนักเมิ่ง เจ้าสามารถทำเรื่องที่เสียสติเช่นนี้ออกมาได้อย่างไรกัน?”
“เจ้าตำหนักเมิ่ง เจ้าพูดออกมาตามตรงเถิด! จะต้องทำเช่นไรถึงจะยอมปล่อยพวกข้าไป”
เจ้าตำหนักเมิ่งคลี่ยิ้มอย่างสดใสพลางกล่าวว่า “ความจริงแล้วทุกท่านไม่ควรที่จะโทษข้านะ”
ไม่โทษนาง เช่นนั้นจะให้โทษผู้ใดกัน?
เจ้าตำหนักเมิ่งกล่าวต่อไปว่า “แน่นอนว่าต้องโทษมู่เฉินซีน่ะสิ! หากมู่เฉินซีไม่สร้างความวุ่นวายในงานแต่งงานของลูกสาวข้า เมื่อถึงตอนนั้นพวกท่านคงสามารถอิ่มหนําสําราญไปกับเหล้ามงคลได้แล้ว หลังจากที่อิ่มหนําสําราญแล้วก็จะตกอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน และตายไปอย่างไม่ต้องรับรู้และทุกข์ทรมานใด ๆ อีกเลย ซึ่งดีกว่าต้องตายไปอย่างหวาดกลัวเช่นตอนนี้มากมายนัก”
เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าตำหนักเมิ่ง พวกเขาก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว หากตายไปเช่นนี้ การตายของพวกเขาก็จะยิ่งไม่ชัดเจนมากกว่าเดิมน่ะสิ
“ต่อสู้กับเจ้าตำหนักเมิ่งซะ!” ตอนนี้พวกเขาถึงคราวจนตรอกเสียแล้ว ฉะนั้นการต่อสู้อย่างสุดชีวิตจึงเป็นวิธีเดียวในตอนนี้
ดวงตาทั้งคู่ของผู้นำตระกูลเซี่ยโหวแดงก่ำ ในเมื่อถูกคนของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลบีบบังคับถึงขั้นจนตรอกเช่นนี้แล้ว สุดท้ายเขาก็ระเบิดพลังออกมาอย่างบ้าคลั่ง และพุ่งตรงเข้าหาเมิ่งเสี่ยวชิงอย่างไม่ลังเล
“ถูกพวกเจ้าหลอกลวงราวกับคนโง่เง่าก็มิปานเช่นนี้ ข้ายอมรับมันแล้วจริง ๆ แต่ทว่าข้าก็จะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่! ถึงข้าจะจัดการเจ้าไม่ได้ แต่นางเด็กสารเลวผู้นี้ วันนี้นางจะต้องตาย!”
“แย่แล้ว…ผู้นำตระกูลเซี่ยโหวกำลังจะทำลายตัวเองแล้ว!”
สีหน้าของยอดฝีมือตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลเหล่านั้นเปลี่ยนไปทันที และในเวลานี้เมิ่งเสี่ยวชิงก็ถูกจับได้แล้ว
เจ้าสำนักของกองกำลังระดับสี่คนหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะถูกบีบบังคับมาจนถึงจุดนี้ได้
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้นำตระกูลเซี่ยโหวที่บ้าคลั่งเช่นนี้ เมิ่งเสี่ยวชิงก็หวาดกลัวจนสั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัว “ท่านแม่ ช่วยข้าด้วย! ท่านยาย ช่วยข้าที!”
ผู้นำตระกูลเมิ่งกล่าวว่า “ท่านแม่ สภาพร่างกายของนางเด็กน้อยเสี่ยวชิงผู้นี้หาได้ยากยิ่ง ไม่สามารถปล่อยให้ได้รับความเสียหายอยู่ที่นี่ได้”
“ข้าเข้าใจแล้ว!”
เสียงที่แก่ชราดังออกมา ทันใดนั้น พื้นที่ของผู้นำตระกูลเซี่ยโหวก็ดูเหมือนว่าจะถูกขังไว้อย่างไรอย่างนั้น
พรวด พรวด พรวด!
เขาหมดหนทางที่จะทำเรื่องใดได้แล้ว เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสไปทั่วทั้งตัว อีกทั้งยังถูกความสามารถของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณคนหนึ่งบดขยี้ จนตอนนี้เขาก็ไม่มีพื้นที่เหลือให้เคลื่อนไหวใด ๆ ได้อีกแล้ว
สีหน้าของคนอื่นเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณลงมือแล้ว พวกเขาไม่เหลือโอกาสให้ต่อสู้ได้เลยแม้แต่น้อย
แรงกดดันของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณพัดโหมกระหน่ำ พวกเขาได้แต่สั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัว เจ้าตำหนักเมิ่งกล่าวว่า “พวกเจ้าไม่ต้องดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์อีกต่อไปแล้ว การที่พวกเจ้ามีส่วนช่วยเพื่อให้ตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลของข้าเติบโตมากขึ้นไปอีกขั้นได้นั้น นั่นก็ถือว่าเป็นเกียรติแก่พวกเจ้าแล้ว”
ใครรู้สึกว่ามันเป็นเกียรติกัน? ตอนนี้ชีวิตก็จะไม่มีอยู่แล้ว
ภายใต้แรงกดดันเช่นนี้ พวกเขาไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย และในเวลานี้เองเจ้าตำหนักเมิ่งก็มองไปทางมู่เฉียนซี
“ทั้งหมดเป็นเพราะนางเด็กสาวผู้นี้ถึงได้ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ขึ้น และยังจะมาทำร้ายลูกชายลูกสาวของข้าอีก ข้าจะต้องจัดการเจ้าอย่างแน่นอน”
เจ้าตำหนักเมิ่งพุ่งทะยานออกมา ด้วยแรงกดดันของพลังผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดที่รุนแรงเป็นอย่างมาก ทำให้หุ่นเชิดตัวหนึ่งก็ไม่สามารถที่จะขวางทางนางเอาไว้ได้เลย
ใบหน้าของเมิ่งเสี่ยวชิงเผยรอยยิ้มออกมา มู่เฉินซีจะต้องตายอย่างแน่นอน
แต่สิ่งที่ทำให้นางยากที่จะเชื่อก็คือ คิดไม่ถึงว่าฉู่หลีจะขวางอยู่เบื้องหน้าของมู่เฉินซีอย่างไม่กลัวเกรงสิ่งใด อีกทั้งยังต่อสู้กับแม่ของนางด้วย
“ท่านแม่ อย่าฆ่าท่านพี่ฉู่หลี อย่า…” เมิ่งเสี่ยวชิงตะโกนบอก
“แน่นอนอยู่แล้วว่าจะฆ่าเขาไม่ได้ เพราะกลิ่นอายปีศาจบนตัวเขา ข้าก็ชอบมันมากเช่นกัน!” เจ้าตำหนักเมิ่งกล่าวพลางแสยะยิ้มหวานเยิ้มออกมาพร้อมมองไปที่ฉู่หลี
ตูมม โครมมม!
หญิงชราที่เดิมทีแล้วไม่ใส่ใจที่จะเคลื่อนไหวก็เริ่มลงมือแล้วเช่นกัน “จะปล่อยให้ท่านผู้นั้นรอนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว พวกเจ้าทุกคนตายกันเสียให้หมดเถอะ! ฆ่ามัน!”
พรวด พรวด พรวด!
กลิ่นคาวเลือดที่ลอยคละคลุ้งอยู่ภายในห้องโถงใหญ่เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และคนที่กำลังจะตายก็มากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย
ตูมมม!
ในเวลานี้เอง ทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ก็เริ่มแตกร้าวจากตรงกลาง พื้นดินเริ่มแตกออกจากกัน และกลิ่นอายของปีศาจก็ทะลักออกมาจากพื้นดินอย่างต่อเนื่อง
หลังจากนั้นเพียงไม่นาน สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ ทั่วทั้งร่างของมันเป็นสีดำสนิท และมีเพียงดวงตาที่กลมโตคู่หนึ่งที่มีสีแดงเข้มอย่างน่าประหลาดเท่านั้น
ทั่วทั้งร่างของมันต่างเต็มไปด้วยจิตวิญญาณที่เฉียบคมอย่างผิดปกติ และกรงเล็บทั้งสองก็เหมือนกำลังยื่นออกมาอย่างไรอย่างนั้น
ทุกคนต่างกล่าวอย่างตื่นตระหนกว่า “นี่มันตัวอะไรกันแน่?”
มันส่งเสียงออกมาอย่างอึมครึมและน่าสะพรึงกลัวว่า “ไม่พอ ไม่พอ มันยังไม่พอ…”
ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายลำแสงสีแดงเลือดออกมา และลำแสงนั้นก็ปกคลุมไปทั่วทุกทิศทาง หลังจากนั้นไม่นานดวงตาของทุกคนก็ส่องแสงสีแดงออกมา แล้วไม่ว่าจะเป็นศัตรูหรือมิตรต่างก็เข้าต่อสู้ห้ำหั่นกันอย่างสุดชีวิตเลยทีเดียว
มู่เฉียนซีรวบรวมพลังวิญญาณเพื่อต่อต้านเอาไว้ แต่ทว่าผู้ที่มีพลังที่อ่อนแอกว่าเล็กน้อยได้ถูกควบคุมเอาไว้อย่างสมบูรณ์แล้ว
“ฆ่า! ฆ่ามัน!”
“……”
พวกเขาทั้งหมดราวกับตกอยู่ในฝันร้ายอย่างไรอย่างนั้น อีกทั้งยังคิดถึงแต่เรื่องที่จะฆ่าฟันอย่างไม่หยุดหย่อยอีกด้วย
และในตอนที่สิ่งนี้ปรากฏตัวออกมา เจ้าตำหนักเมิ่งก็พาคนหลบหนี และล้มเลิกการโจมตีมู่เฉียนซีในทันที
จูเชว่ ฉงหมิงและไป๋เจ๋อมีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งมาก แต่ทว่าในเวลานี้ก็ได้รับผลกระทบจนเกิดความสับสนขึ้นมาเช่นกัน
จูเชว่กรนด่าออกมาว่า “บัดซบเอ้ย นี่มันตัวอะไรกันแน่เนี่ย?”
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
ทันทีที่มู่เฉียนซีขยับนิ้วของนาง เข็มยาทั้งสามเล่มก็ปักไปบนแขนของพวกเขา และความรู้สึกของพวกเขาก็กลับมาชัดเจนขึ้นในทันที
“ซีซี!”
“……”
“เจ้าสิ่งนี้แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก ต้องทำให้คนของฝั่งเราหมดสติไปก่อนค่อยว่ากัน มิฉะนั้นพวกเขาต้องต่อสู้กันจนตายแน่” มู่เฉียนซีโยนยาน้ำและยาลูกกลอนเหล่านั้นออกไป
“ตกลง!”
ตึง ตึง ตึง!
เวลานี้บริเวณโดยรอบวุ่นวายไปหมด ไม่ได้มีเพียงแค่เหล่าแขกที่มาเข้าร่วมงานแต่งงานเท่านั้นที่ต่อสู้ฆ่าฟันกัน คนของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลก็เป็นไปด้วยเหมือนกัน
และมีเพียงแค่คนที่อยู่ข้างกายเจ้าตำหนักเมิ่งจำนวนไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เลย
เมิ่งเสี่ยวชิงกล่าวว่า “ท่านแม่ หากฆ่าฟันกันต่อไปเช่นนี้ คนของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลจะต้องเหลือน้อยมากเป็นแน่”
เจ้าตำหนักเมิ่งกล่าวว่า “การมีอยู่ของพวกเขา เดิมทีแล้วก็เป็นเพียงแค่เครื่องสังเวยของท่านปีศาจแห่งฝันร้ายเท่านั้น พวกเขาตายอย่างคุ้มค่า! เพราะหากไม่มีพวกเขา และเอาแต่พึ่งพาคนเหล่านี้เพียงอย่างเดียว คงไม่สามารถทำให้ท่านปีศาจแห่งฝันร้ายฟื้นฟูพลังที่แข็งแกร่งที่สุดได้แน่”
“ตราบใดที่ท่านปีศาจแห่งฝันร้ายฟื้นฟูได้แล้ว ทั่วทั้งแดนซวนเทียนก็ไม่มีผู้ใดที่เป็นคู่ต่อสู้ของท่านได้อีก เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราก็จะกลายเป็นกองกำลังระดับห้าหรือแม้กระทั่งกลายเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด แล้วจะยังกลัวไม่มีคนเข้ามาเพิ่มไปอีกทำไมกันล่ะ?”
เมิ่งเสี่ยวชิงกล่าวว่า “ที่ท่านแม่พูดมาก็ถูก”
.