ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1976 ผู้หญิงชั่วจิตใจอำมหิต
เจ้าตำหนักเมิ่งกล่าวว่า “ได้! ข้าจะลองดู เพียงแต่ว่าสภาพของคุณชายฉู่หลีในตอนนี้ ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสามารถทำอะไรได้หรือไม่”
ด้วยเหตุนี้เจ้าตำหนักเมิ่งจึงลงมือ และสีหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นซีดเซียวขึ้นมาทันที
นางถอยหลังไปหลายก้าว และกล่าวอย่างอ่อนแอว่า “ขะ…ข้าก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน”
มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของนาง และท่าทางของนางก็ดูจะทรมานมาก ซึ่งทำให้คนมากมายต่างรู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจเลยทีเดียว
“ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าคุณชายฉู่หลีไปโดนใครลอบโจมตีมา ความสามารถของคนที่ลงมือแข็งแกร่งมาก และข้าก็หมดปัญญาที่จะแก้ไขแล้วเช่นกัน!” เจ้าตำหนักเมิ่งกล่าวด้วยสีหน้าเสียใจ
“มู่เฉินซี เจ้าตำหนักเมิ่งเป็นถึงขนาดนี้แล้ว เจ้าก็อย่าได้ทำให้นางลำบากใจอีกเลย”
“นางพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว!”
“ที่คุณชายฉู่หลีเป็นเช่นนี้เพราะอุบัติเหตุ และตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลก็ไม่น่าที่จะเป็นคนทำเช่นนี้ได้”
มู่เฉียนซีและจูเชว่ต่างมองหน้ากันและกัน ‘การแสดงของผู้หญิงคนนี้ดีเสียยิ่งกว่าเจ้าอีก เจ้าคงจะต้องยอมซูฮกให้นางแล้วล่ะ’
จูเชว่กระพริบตาปริบ ๆ และจ้องมองไปที่นาง ‘มิกล้าเทียบเลยจริง ๆ!’
มู่เฉียนซีเหลือบมองไปที่เมิ่งเสี่ยวชิงและเจ้าตำหนักเมิ่งสองแม่ลูกผู้ไร้ยางอายคู่นี้ ไม่รับผิดชอบใช่ไหม! ไม่ยอมรับสินะ!
ได้ ให้พวกเขาใช้เวลาให้เต็มที่เลยแล้วกัน!
“อื้อ!” ในเวลานี้ เมิ่งเสี่ยวชิงที่เจ็บปวดจนสลบไปก็ได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว
“กรี๊ดดด! เซี่ยโหวจือ เซี่ยโหวจือ…เหตุใดเจ้าถึงยังมีชีวิตอยู่ล่ะ? อย่าเข้ามา อย่าเข้ามานะ…”
หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาแล้ว เมิ่งเสี่ยวชิงก็ทำท่าราวกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น จากนั้นก็เข้าไปเกาะแข้งเกาะขาแม่ของตนเองพลางกรีดร้องออกมาด้วยเสียงที่ดังลั่น
เมื่อผู้นำตระกูลเซี่ยโหวได้ยินเมิ่งเสี่ยวชิงตะโกนเรียกชื่อลูกสาวของตนเอง เขาก็มองไปที่นางทันที
ในเวลานี้เมิ่งเสี่ยวชิงก็กล่าวขึ้นมาว่า “อย่ามาหาข้า เป็นมู่เฉินซี เป็นมู่เฉินซีที่เป็นคนทำร้ายเจ้าจนตาย อย่ามายุ่งกับข้านะ”
ผู้นำตระกูลเซี่ยโหวกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “มู่เฉินซี เจ้าเป็นคนทำร้ายลูกสาวของข้าจนตายจริง ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะไม่กล้ายอมรับเช่นนี้”
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นมาอย่างสงบนิ่งว่า “ท่านผู้นำตระกูลเซี่ยโหว ท่านฟังต่อไปก่อนเถอะ”
จากนั้นเมิ่งเสี่ยวชิงก็กล่าวต่อไปว่า “หากไม่ใช่เพราะมู่เฉินซีจัดการยากเกินไป ข้าก็คงไม่ต้องฆ่าและใช้เลือดของเจ้ามาสังเวยดอกไม้วิญญาณหลับใหลเช่นนี้หรอก”
“หากเจ้าจะหาก็ไปหานางสิ!”
หลังจากที่ได้ฟัง ผู้นำตระกูลเซี่ยโหวก็ไม่กล้าที่จะเชื่อหูตนเองอย่างสิ้นเชิง
เพียะ!
ผู้นำตระกูลเมิ่งตบหน้านางฉากใหญ่ เพื่อต้องการทำให้นางได้สติกลับคืนมา
และแม้ว่าแก้มด้านหนึ่งของนางจะบวมขึ้นมาจนกลายเป็นเหมือนยอดเขาเล็ก ๆ ไปแล้วก็ตาม แต่เมิ่งเสี่ยวชิงก็ยังคงไม่ได้สติกลับมาอยู่ดี
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ข้าเอากริชแทงเข้าไปในหัวใจของเจ้าแล้วเป็นอย่างไรบ้างล่ะ? คนโง่เขลาเช่นเจ้ามีสิทธิอะไรมาเทียบเคียงกับข้า ความจริงแล้วตอนนั้นข้ามีหนทางที่จะจัดการกับมู่เฉินซีมากมาย แต่การที่ข้าสามารถฆ่าเจ้าแล้วโยนความผิดไปให้กับมู่เฉินซีได้ด้วย มันจะทำให้การตายของเจ้ามีคุณค่ามากกว่ามิใช่หรือ? เจ้าควรที่จะขอบคุณข้ามากกว่านะ”
ทุกคนต่างพากันตะลึงงัน นี่…นี่คือความจริงหรือ!
เมิ่งเสี่ยวชิงต่างบอกกับทุกคนว่ามู่เฉินซีคือคนที่สังหารเซี่ยโหวจือ แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางจะโยนความผิดให้คนอื่นเช่นนี้
มันยากมากสําหรับพวกเขาเหล่านี้ที่จะจินตนาการถึงหญิงสาวที่อ่อนโยนและน่ารักว่าสามารถทําเรื่องแบบนี้ได้ แต่หากเป็นมู่เฉินซีที่พูดออกมาเช่นนี้ พวกเขาจะต้องคิดว่ามู่เฉินซีกำลังที่จะตลบตะแลง และโยนความผิดให้กับนางเป็นแน่
แต่ทว่านี่เป็นสิ่งที่นางพูดออกมาด้วยตนเอง ถึงคนอื่นไม่อยากจะเชื่อก็เป็นไปไม่ได้แล้ว
ดวงตาทั้งคู่ของผู้นำตระกูลเซี่ยโหวแดงก่ำ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะถูกเด็กสาวคนหนึ่งปั่นหัวเล่นเช่นนี้ ผู้นำตระกูลสูญเสียยอดฝีมือไปมากมายถึงเพียงนี้ แต่กลับเป็นแค่การแก้แค้นผิดคนอย่างนั้นหรือ?
“นางผู้หญิงสาวเลว ข้าจะให้เจ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิตแน่” สีหน้าของผู้นำตระกูลเซี่ยโหวฉายแววดุร้ายออกมา จากนั้นก็ฟาดฝ่ามือไปที่เมิ่งเสี่ยวชิงฉาดหนึ่ง
ตึง!
ในเวลานี้ เจ้าตำหนักเมิ่งก็ลงมืออย่างรุนแรง เพื่อสกัดกั้นการโจมตีของผู้นำตระกูลเซี่ยโหวเอาไว้
เจ้าตำหนักเมิ่งในเวลานี้มีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งขึ้นมาทันที อีกทั้งยังไม่มีท่าทางที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนอ่อนแอราวกับจะหมดสติไปเหมือนก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อยอีกด้วย ซึ่งมันก็ทำให้ทุกคนพูดไม่ออกไปเลยจริง ๆ
ผู้หญิงของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลเหล่านั้นหลอกคนอื่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ช่างน่าหวาดกลัวเหลือเกิน!
ผู้นำตระกูลเซี่ยโหวกล่าวว่า “ผู้นำตระกูลเมิ่ง นางยอมรับมาด้วยตนเองว่าฆ่าลูกสาวของข้า เจ้าถอยออกไปซะ”
เจ้าตำหนักเมิ่งตอบกลับว่า “ผู้นำตระกูลเซี่ยโหว ต้องเป็นเพราะก่อนหน้านี้มู่เฉินซีลอบโจมตีลูกสาวของข้าเป็นแน่ และนางก็ทำให้ลูกสาวของข้าขาดสติจนพูดจาไร้สาระเช่นนี้ออกมา ลูกสาวของข้าไม่มีทางฆ่าจือเอ๋อร์ของพวกท่านได้อย่างแน่นอน”
“ข้าไม่เชื่อ!” ผู้นำตระกูลเซี่ยโหวคำรามกล่าว
เจ้าตำหนักเมิ่งให้ยอดฝีมือคนอื่นคุ้มครองเมิ่งเสี่ยวชิงเอาไว้ นางเหลือบมองไปที่มู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “แม่นางมู่ ที่จริงแล้วเจ้าทำอะไรกับลูกสาวของข้ากันแน่?”
“ทำอะไรอย่างนั้นหรือ? มันไม่ใช่สิ่งที่ตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลของพวกเจ้าเชี่ยวชาญมากที่สุดหรอกหรือ? เจ้าใช้สิ่งนั้นจัดการกับอาจารย์ฉู่ของข้า หรือว่าท่านจะไม่ยอมให้ข้าคืนมันให้กับเมิ่งเสี่ยวชิงเลยหรืออย่างไร นี่ถือว่าเป็นของขวัญแต่งงานของนางเลยนะ” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเยาะเย้ย
นางมองไปทางผู้นำตระกูลเซี่ยโหวแล้วกล่าวว่า “ข้าเพียงแค่มอบสัตว์ร้ายแห่งความฝันตัวหนึ่งให้เมิ่งเสี่ยวชิงเท่านั้น นางพูดสิ่งที่นางฝันถึง ซึ่งเป็นทั้งเรื่องที่เคยทำมาแล้วและเรื่องที่อยากจะทำ และข้าก็ไม่มีความสามารถในการปั้นแต่งเรื่องนั้นขึ้นมาได้ด้วย”
เมิ่งเสี่ยวชิงกำลังพูดข้อมูลออกมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังบอกอย่างละเอียดด้วยว่านางสังหารเซี่ยโหวจืออย่างไรบ้าง และใส่ร้ายมู่เฉินซีอย่างไร หลังจากนั้นนางก็บอกว่าก่อนหน้านี้ไม่พอใจเซี่ยโหวจือในเรื่องใดบ้าง แล้วยังบอกด้วยว่านางรังเกียจคนอย่างเซี่ยโหวจือมากมายขนาดไหน...
ตูมมม!
ผู้นำตระกูลเซี่ยโหวจะทนให้ลูกสาวอันล้ำค่าของตนเองถูกนางผู้หญิงสารเลวที่มีจิตใจอำมหิตผู้นี้พูดจาใส่ร้ายได้อย่างไร ดังนั้นผู้นำตระกูลเซี่ยโหวจึงออกคำสั่งให้คนของตระกูลพวกเขาลงมือทันที
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตามจะต้องฆ่านางหญิงสารเลวผู้นี้ให้ได้ และข้าก็ไม่สนใจว่าที่นี่จะเป็นอาณาเขตของใครก็ตาม”
“คุ้มครองคุณหนูใหญ่!”
เดิมทีแล้วความสัมพันธ์ของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลกับผู้นำตระกูลเซี่ยโหวนั้นดีเป็นอย่างมาก แต่ทว่าในเวลานี้กลับต่อสู้กัน และดูท่าว่าจะไม่มีที่สิ้นสุดจนกว่าจะตายกันไปข้างอีกด้วย
ส่วนเมิ่งเสี่ยวชิงที่เผยข้อมูลออกมาแค่บางส่วน ก็ดูเหมือนจะยังไม่ทำให้นางพึงพอใจมากเท่าไรนัก นางจึงกล่าวต่อไปอีกว่า “ฮ่า ฮ่า ฮ่า! พวกเจ้าทุกคนจะต้องตาย ตายให้หมด อีกเดี๋ยวตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลของพวกข้าก็จะกลายเป็นกองกำลังระดับห้าแล้ว แม้ว่าราชวงศ์ตงหวงจะสืบทอดกันมานับหมื่นปีแล้วยังไงล่ะ? ถึงอย่างไรก็ต้องถูกบดขยี้เช่นเดียวกัน และข้าก็จะกลายเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นตงหวงแต่เพียงผู้เดียว”
ทุกคนต่างมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง คุณหนูเมิ่งคนนี้ดูเหมือนจะฝันกลางวันเก่งเหลือเกิน
ราชวงศ์ที่สืบทอดกันมานับหมื่นปี จะสั่นสะเทือนด้วยกองกำลังระดับสี่สำนักหนึ่งได้อย่างไร
สีหน้าของเจ้าตำหนักเมิ่งเริ่มน่าเกลียดมากขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดนางก็ต้องลงมือแล้ว นางลงมือดึงเอาสัตว์ร้ายแห่งความฝันตัวนั้นออกมา และไม่อาจปล่อยให้ลูกสาวของนางคนนี้พูดจาส่งเดชต่อไปจนทำลายแผนการดี ๆ ของนางเป็นแน่
เป็นคนที่มือไม่พายแล้วยังเอาเท้าราน้ำเสียจริง ๆ!
ทุกคนต่างพากันตะลึงงันเมื่อเห็นสัตว์ร้ายแห่งความฝันตัวนั้น “เป็นสัตว์ร้ายแห่งความฝันจริง ๆ ด้วย ดูเหมือนว่าเรื่องไร้สาระที่คุณหนูเมิ่งพูดก่อนหน้านี้มันเป็นจริงถึงแปดในเก้าส่วนเลยทีเดียว”
“เมิ่งเสี่ยวชิงผู้นี้ปกปิดเอาไว้ได้ลึกล้ำมากเลยจริง ๆ! หากไม่ใช่เพราะแม่นางมู่ใช้สัตว์ร้ายแห่งความฝันได้อย่างชาญฉลาด เกรงว่าคงจะไม่มีทางล้างมลทินของตนเองได้แน่ และผู้นำตระกูลเซี่ยโหวก็คงไม่มีทางรู้ว่าใครคือฆาตกรตัวจริงที่ฆ่าลูกสาวของเขาตลอดไป”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้าตำหนักเมิ่ง การที่ข้ามาตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลในคราวนี้ ข้าทำเรื่องที่ควรทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมิ่งเสี่ยวชิงที่เป็นเช่นนี้ไม่เหมาะสมกับศิษย์พี่ของข้า และศิษย์พี่ของข้าก็ไม่มีทางขอนางแต่งงานแน่ ดังนั้นข้าจะพาศิษย์พี่ไปก็แล้วกัน”
มู่เฉียนซีเดินออกไปพร้อมกับลากฉู่หลีไปด้วย พลางกล่าวว่า “ไปเถอะ!”
พายุฝนที่บ้าคลั่งปรากฏขึ้นในแววตาของเจ้าตำหนักเมิ่ง และจ้องเขม็งไปที่มู่เฉินซีทันที
“แม่นางมู่ เจ้ามาก่อเรื่องใหญ่โตถึงเพียงนี้ และยังทำให้ตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลของพวกเราอับอายถึงที่สุด อีกทั้งยังทำลายงานแต่งงานของลูกสาวของข้า แล้วคิดที่จะหลบหนีไปง่าย ๆ อีกอย่างนั้นหรือเจ้านี่มันจะไร้เดียงสาเกินไปหน่อยแล้วนะ!” เจ้าตำหนักเมิ่งกล่าวประชดประชัน
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ทำไมล่ะ? เจ้าตำหนักเมิ่งคิดอยากจะขวางข้าอย่างนั้นหรือ? เจ้าแค่เพียงพยายามหยุดข้าอย่างเต็มที่ก็พอแล้ว เพราะอย่างมากที่สุดข้าก็แค่ฆ่าฟันเพื่อเปิดทางออกก็เท่านั้น!”
“ลูกสาวของเจ้าใส่ร้ายว่าข้าฆ่าเซี่ยโหวจือ ทำให้ข้าต้องถูกผู้นำตระกูลเซี่ยโหวไล่ล่า! จับอาจารย์ของข้ามา แล้วยังบังคับให้ศิษย์พี่ของข้าแต่งงานกับลูกสาวเจ้า แม้ว่านี่จะเป็นเรื่องที่น่าอับอาย แต่พวกเจ้าก็เป็นคนหาเรื่องเองทั้งนั้น!”
.