ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1975 ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างน่าเวทนา
เมิ่งเสี่ยวชิงอาศัยใช้เถาวัลย์ปีศาจเหล่านี้ และมู่เฉียนซีก็ได้ให้เสี่ยวโม่โม่ออกมาช่วยสู้ด้วยเช่นกัน
ทันทีที่หงส์นิลแห่งความมืดปรากฏตัวออกมา เปลวเพลิงก็พัดโหมกระหน่ำ แต่ดูเหมือนไม่ว่าจะน้ำหรือไฟก็ไม่อาจกล้ำกลายเถาวัลย์ปีศาจเหล่านี้ได้เลย
เมิ่งเสี่ยวชิงกล่าวอย่างเยาะเย้ยขึ้นมาว่า “มู่เฉินซี เจ้าควรที่จะเรียกสัตว์พันธสัญญาออกมาตั้งนานแล้ว ถึงจะเรียกออกมาตอนนี้…มันสายเกินไปแล้ว”
ปัง ปัง ปัง!
นางไม่ได้ควบคุมเถาวัลย์ปีศาจเพียงอันเดียวเท่านั้น แต่ทว่ายังสามารถควบคุมได้อีกหลายอันเลยทีเดียว และนางก็อาศัยความแข็งแกร่งในเรื่องของจำนวน ปิดล้อมเพื่อโจมตีเสี่ยวโม่โม่อีกด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “ยังไม่สาย ๆ หากเจ้าไม่ได้เอาเจ้าของเล่นนี่ออกมา ข้าคงไม่เอาเสี่ยวโม่โม่ออกมารังแกเจ้าเช่นกัน!”
“มู่เฉินซี เจ้ารอชดใช้ให้กับความเย่อหยิ่งของเจ้าเสียเถอะ!” สีหน้าเมิ่งเสี่ยวชิงก็เย็นยะเยือกขึ้น และนางก็เริ่มโจมตีอย่างกะทันหัน
แสงสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนพัดโหมกระหน่ำเข้ามา และพลังธาตุวายุก็ได้ปกคลุมมู่เฉียนซีเอาไว้ จากนั้นมู่เฉียนซีก็กล่าวอย่างเย็นชาว่า “วายุกลืน จันทร์สะพรั่ง!”
“การป้องกันของเจ้า ขวางมันเอาไว้ไม่ได้หรอก เจ้ายอมแพ้เสียเถอะ!”
พลังอันแปลกประหลาดกระทบลงบนกำแพงวายุอย่างต่อเนื่อง และมันก็ทำลายเกราะป้องกันของมู่เฉียนซีไปอย่างดุร้าย อีกทั้งยังแยกธาตุวายุออกจากกันอีกด้วย
ปัง ปัง ปัง!
การโจมที่ดุเดือดกระแทกลงไปบนร่างของมู่เฉียนซี และมันก็ทำให้มู่เฉียนซีลอยกระเด็นออกไป
ถึงเสื้อผ้าบนร่างกายของนางจะขาดรุ่งริ่ง แต่ดูเหมือนว่าร่างกายของนางจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย
มุมปากของมู่เฉียนซียกขึ้นเล็กน้อย “แม้ว่าเจ้าจะทำลายเกราะป้องกันของข้า แต่หากเจ้าคิดที่จะทำร้ายข้า ยังอีกไกลนัก!”
แววตาที่อ่อนโยนของเมิ่งเสี่ยวชิงคู่นั้นฉายแววเย็นยะเยือกออกมา “มู่เฉินซี เจ้าอย่าชะล่าใจเกินไปนักเลย เข้ามาสิ!”
และนางก็ไม่เชื่อว่าจะไม่สามารถจัดการมู่เฉินซีได้
ตูมมม โครมมม!
คนอื่น ๆ ต่างก็ได้รับรู้ถึงความแข็งแกร่งในการป้องกันทางกายภาพของมู่เฉียนซีแล้วเช่นกัน
พวกเขาพูดคุยกันว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าแม่นางน้อยคนหนึ่งจะขัดเกลาจนร่างกายเป็นเช่นนี้ได้ นางสามารถทำมันได้อย่างไรกัน?”
“ทั่วทั้งดินแดนซวนเทียนมีคนที่ฝึกฝนขัดเกลาร่างกายน้อยมาก และยิ่งเป็นเด็กผู้หญิงก็ยิ่งมีจำนวนน้อยมากจนนับนิ้วได้เลยทีเดียว”
“ดูท่าแล้วอัจฉริยะอันดับหนึ่งของดินแดนทางใต้ กว่าจะได้มานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ”
ปัง ปัง ปัง!
อัจฉริยะสาวทั้งสอง ในเวลานี้ได้ปะทะฝีมือกันหลายสิบรอบแล้ว
พลังที่เข้าปะทะกันอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ทั้งสองเสมอกันชั่วขณะหนึ่ง
เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป ในเวลานี้เมิ่งเสี่ยวชิงก็ไม่สามารถทนต่อการต่อสู้ที่ดุเดือดเช่นนี้ได้ไหวอีกแล้ว และบนหน้าผากของนางก็เต็มไปด้วยเหงื่อเย็นที่ผุดออกมามากมาย อีกทั้งมู่เฉินซียังดูผ่อนคลายมากกว่านางอีกด้วย
ฉะนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องจัดการมู่เฉินซีให้ได้โดยเร็วที่สุด หลังจากนั้นเพียงไม่นานเถาวัลย์ปีศาจเหล่านั้นก็ได้กลายร่างเป็นราวกับปีศาจขึ้นมา
พรึ่บบ!
เสี่ยวโม่โม่ได้ถูกมันล้อมโจมตีจนได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นมู่เฉียนซีกล่าวว่า “เสี่ยวโม่โม่ กลับมา!”
พรวด พรวด พรวด
เสี่ยวโม่โม่พ่นเพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดออกมา และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “นายท่าน ข้าสามารถเอาชนะพวกมันได้”
เมื่อได้ครอบครองสายเลือดของสัตว์เทพอันทรงพลัง ความความดื้อรั้นที่จะไม่ยอมแพ้และความกระหายในการต่อสู้ของมันยิ่งฝังลึกเข้าไปในกระดูกเลยทีเดียว
มู่เฉียนซีกล่าวปลอบโยนอย่างอ่อนโยนว่า “ไม่เป็นไร เจ้านายของเจ้าจะแก้แค้นให้เอง กลับมารักษาอาการบาดเจ็บก่อนเถอะ”
แม้ว่าจะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไรนัก แต่เสี่ยวโม่โม่ก็มักที่จะเชื่อฟังอยู่เสมอ ฉะนั้นมันจึงกลับไปอย่างว่านอนสอนง่าย
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
ในตอนที่เสี่ยวโม่โม่กำลังจะกลับไปยังมิติพันธสัญญานั้น เหล่าเถาวัลย์ปีศาจเหล่านั้นก็ไม่ได้ขวางเสี่ยวโม่โม่เอาไว้แต่อย่างใด ทว่าพวกมันกลับพุ่งเข้าใส่มู่เฉียนซีอย่างบ้าคลั่ง
พวกมันได้พุ่งเป้าไปที่ดวงตา หน้าอก และคอของมู่เฉียนซี…
เมิ่งเสี่ยวชิงกล่าวว่า “มู่เฉินซี แม้แต่สัตว์พันธสัญญายังช่วยเจ้าไม่ได้เลย ดูท่าว่าเจ้าจะต้องยอมแพ้แล้วล่ะ”
“ใครบอกว่าข้าจะยอมแพ้กัน” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา
นางรวบรวมพลังของมิติ จากนั้นก็ใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีที่ร้ายแรงคราวนี้
ความเร็วเช่นนี้ทำให้คนอื่นมองไม่ชัดเลยทีเดียว พวกเขาต่างพากันตะลึงงันพลางกล่าวว่า “ความเร็วนี้…”
“มันไม่ใช่การเคลื่อนไหวทางร่างกายอย่างแน่นอน แต่น่าจะเป็นการใช้อาวุธวิญญาณในการเคลื่อนย้ายมิติภายในชั่วพริบตาเสียมากกว่า”
“……”
“ฆ่ามัน!” เมิ่งเสี่ยวชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“มู่เฉินซี ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะสามารถหลบหลีกไปได้ตลอด สุดท้ายพลังของเจ้าก็จะถูกใช้ไปจนหมดแน่นอน”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าชอบที่จะเล่นกับเถาวัลย์ปีศาจเหล่านี้มากสินะ เช่นนั้นพวกเราก็มาเล่นด้วยกันเถอะ!”
ยาน้ำขวดหนึ่งได้ถูกมู่เฉียนซีโยนออกไป
ปัง ปัง ปัง!
สายลมที่กรรโชกแรงทำให้ขวดยาน้ำเหล่านั้นระเบิดออก และยาน้ำเหล่านั้นก็สาดกระเซ็นไปทั่วพื้นดิน
เถาวัลย์ปีศาจเหล่านี้ยังคงไล่ล่ามู่เฉียนซีอยู่อย่างไม่ลดละ และเมิ่งเสี่ยวชิงก็ยืนอยู่อีกด้านเพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณ
นางที่ได้เห็นมู่เฉินซีวิ่งหนีอย่างหัวซุกหัวซุนในตอนนี้ รู้สึกอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก
และในเวลานี้เอง จากเดิมที่เถาวัลย์ปีศาจเหล่านี้ควรจะต้องไล่ล่ามู่เฉินซี แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพวกมันจะกลับมาโจมตีเมิ่งเสี่ยวชิงแทน
ซึ่งเรื่องเช่นนี้แม้แต่เมิ่งเสี่ยวชิงเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเช่นกัน ดังนั้นในตอนที่เถาวัลย์ปีศาจนั้นพุ่งเข้ามาโจมตี นางจึงไม่ได้มีการตอบสนองในทันทีนั่นเอง
เมื่อสัมผัสได้ถึงอันตรายเมิ่งเสี่ยวชิงจึงใช้พลังจิตวิญญาณควบคุมเถาวัลย์ปีศาจเหล่านั้น แต่ทว่ามันกลับไม่ได้ผล…
พรวด!
เถาวัลย์ปีศาจเหล่านั้นพุ่งผ่านหน้าท้องของเมิ่งเสี่ยวชิงออกไป จากนั้นเมิ่งเสี่ยวชิงก็ใช้กระบี่ดัดมันออก แต่ทว่าใบหน้าขนาดเท่าฝ่ามือที่แย้มยิ้มในก่อนหน้านี้นั้น ตอนนี้ไม่มีเลือดฝาดแล้วแม้แต่น้อย
นางกล่าวพลางสั่นสะท้านไปทั้งตัว “นะ…นี่…นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร?”
นางยังคิดที่จะควบคุมเถาวัลย์ปีศาจอันอื่นอีก แต่ทว่าเถาวัลย์ปีศาจเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะบ้าคลั่งไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น อีกทั้งมันก็ได้เสียการควบคุมไปแล้วด้วย
พวกมันไม่เพียงแต่จะไม่โจมตีมู่เฉินซีเท่านั้น แต่พวกมันยังโจมตีเมิ่งเสี่ยวชิงที่คอยเลี้ยงดูพวกมันมาอีกด้วย
สีหน้าของเมิ่งเสี่ยวชิงเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก นางหลบหลีกอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าจะพยายามอย่างเต็มที่ให้ทันเวลาแต่ก็ไม่สามารถหลบหลีกความเร็วของมู่เฉียนซีได้ และเพียงชั่วพริบตาเดียวก็ได้ถูกเจ้าปีศาจเหล่านี้ทำร้ายจนร่างกายฟกช้ำดำเขียวไปหมดแล้ว
เจ้าตำหนักเมิ่งก็ตื่นตกใจเล็กน้อยเช่นกัน นางได้รวบรวมพลังวิญญาณเพราะคิดที่จะควบคุมเถาวัลย์ปีศาจเหล่านั้น แต่ทว่ามันกลับไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย
ให้ตายเถอะ! ใบหน้าของเจ้าตำหนักเมิ่งยิ่งมืดมนลงเรื่อย ๆ
พรวด พรวด พรวด!
“กรี๊ดดดด!”
หลังจากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้น เมิ่งเสี่ยวชิงยังคงติดอยู่ในวงล้อมของเถาวัลย์ปีศาจเหล่านั้น และชุดเจ้าสาวสีแดงชุดสดนั้นก็ถูกย้อมไปด้วยเลือดเสียแล้ว
เจ้าตำหนังเมิ่งกล่าวว่า “ยังยืนบื้อกันอยู่ทำไมล่ะ? ยังไปรีบเข้าไปช่วยเหลือคุณหนูใหญ่อีก รีบไปเร็วเข้า!”
ร่างเงาสีแดงร่างหนึ่งได้มาขวางหน้าคนของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลเหล่านั้นเอาไว้ จูเชว่กล่าวว่า “เจ้าตำหนักเมิ่ง ตอนนี้ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ หากท่านให้คนยื่นมือเข้าไปยุ่งมันคงไม่ดีแน่!”
“ตอนนี้เสี่ยวชิงกำลังตกอยู่ในอันตรายถึงขนาดนั้น จะให้ข้าทนได้อย่างไร” เจ้าตำหนักเมิ่งกล่าวอย่างเจ็บปวด
“นั่นมันง่ายนิดเดียว! อันดับแรกเจ้าตำหนักเมิ่งก็ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้แทนคุณหนูเมิ่งต่อหน้าคนมากมายนี้เสีย อย่างไรท่านก็เป็นท่านแม่ของนาง แน่นอนว่าสามารถยอมแพ้แทนนางได้อยู่แล้ว เมื่อถึงตอนนั้นก็ต้องรบกวนให้ท่านเจ้าตำหนักเมิ่งช่วยทำให้ฉู่หลีคืนสติกลับมาด้วย ต่อหน้าพยานมากมายในสถานที่แห่งนี้ หวังว่าท่านเจ้าตำหนักเมิ่งจะไม่ผิดคำมั่นสัญญา” จูเชว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
แววตาของเจ้าตำหนักเมิ่งมืดมนลงทันที แต่ทว่าสถานการณ์ของเมิ่งเสี่ยวชิงในเวลานี้อันตรายเป็นอย่างมาก และเห็นว่าเจ้าเถาวัลย์ปีศาจนั่นจะทะลุผ่านหัวใจของเมิ่งเสี่ยวชิงอยู่แล้ว
เจ้าตำหนักเมิ่งจึงรีบกล่าวว่า “เสี่ยวชิงแพ้แล้ว คนของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลของข้าจะไม่ผิดคำมั่นสัญญาอย่างแน่นอน!”
นางเริ่มลงมือในทันที และทันใดนั้นนางรีบทำลายเถาวัลย์ปีศาจที่เกือบจะฆ่าเมิ่งเสี่ยวชิงเหล่านั้นไปเสีย แต่ทว่ามันก็ยังเหลืออยู่อีกมากมายเลยทีเดียว
เจ้าตำหนักเมิ่งสั่งการว่า “ยังจะยืนทื่ออยู่ทำไม? รีบไปกำจัดเถาวัลย์ปีศาจที่ควบคุมไม่ได้เหล่านั้นเสียสิ!”
“ขอรับ ท่านเจ้าตำหนัก!”
ผู้แข็งแกร่งของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลได้จัดการกับเถาวัลย์ปีศาจเหล่านั้นเป็นอย่างดี และพวกเขาก็จำกัดเถาวัลย์ปีศาจอื่น ๆ ได้อย่างราบรื่นเป็นอย่างมาก
หน้าห้องโถงใหญ่มีสภาพเหมือนสถานที่ที่มีพายุไต้ฝุ่นพัดผ่านไปอย่างไรอย่างนั้น และสวนทั้งหมดต่างก็ถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดีเลยทีเดียว
นักปรุงยาของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลรีบเข้ามารักษาอาการบาดเจ็บให้กับเมิ่งเสี่ยวชิง และรีบห้ามเลือดเอาไว้ด้วย
มู่เฉียนซียืนอยู่ข้างกายของฉู่หลีที่ไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย และกล่าวกับเจ้าตำหนักเมิ่งว่า “ในเมื่อคุณหนูเมิ่งพ่ายแพ้แล้ว เจ้าตำหนักเมิ่ง โปรดรักษาสัญญาด้วย ท่านทำให้ศิษย์พี่ของข้ากลับมาเป็นปกติเถอะ!”