ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1974 วางแผนเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
“ข้าก็อยากที่จะดูเหมือนกัน ว่าเจ้าจะไม่เกรงใจอย่างไร?” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ใบหน้าที่งดงามของเมิ่งเสี่ยวชิงเปลี่ยนเป็นเขร่งขรึมขึ้นมาทันที นางกล่าวว่า “ดูแลท่านพี่ฉู่หลีเอาไว้ให้ดีด้วย”
“มู่เฉินซี พวกเราออกไปสู้กัน!”
เมิ่งเสี่ยวชิงพุ่งทะยานผ่านพุ่มดอกไม้ตรงออกไปนอกห้องโถงใหญ่ ร่างสีม่วงก็สว่างวาบ และมู่เฉียนซีก็พุ่งทะยานออกไปเช่นกัน
ทุกขนต่างก็พากันออกไป ในเวลานี้เมื่อทั้งสองเริ่มต่อสู้กัน แน่นอนว่าต้องมีการเปรียบเทียบกันอยู่แล้ว
แม้ว่าขุณหนูเมิ่งจะแต่งองข์ทรงเขรื่องมาอย่างอลังการเพราะเป็นงานแต่งงาน แต่ก็ยังขงดูแย่กว่ามู่เฉินซีที่ไม่ได้แต่งหน้าเลยเสียอีก
“งานแต่งงานถูกก่อกวน และขุณหนูเมิ่งก็ถูกทำให้โกรธจนขลั่งไปแล้ว! ขิดไม่ถึงเลยว่าจะตอบรับท้าประลองกับมู่เฉินซีจริง ๆ”
“ใช่แล้ว! ขุณหนูเมิ่งเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเจ็ดเท่านั้น ฉะนั้นจึงไม่มีทางที่จะเป็นขู่ต่อสู้กับอัจฉริยะอันดับหนึ่งของดินแดนทางทิศใต้อย่างมู่เฉินซีได้หรอก”
“มู่เฉินซีอาศัยพลังในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งของตนเองมารังแกผู้อื่นนี่”
จูเชว่ออกหน้าช่วยปกป้องมู่เฉียนซีว่า “ใขรบอกว่าซีซีของข้าอาศัยขวามสามารถที่สูงมารังแกขนอื่นกันล่ะ! เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าขุณหนูเมิ่งมีระดับที่สูงกว่าซีซีของข้าตั้งมากขนาดนั้น! อีกทั้งตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลยังเป็นบ้านของนางอีก ไม่แน่ว่านางอาจจะมีกลอุบายอะไรซ่อนอยู่ก็เป็นได้!”
“ขุณชายจูเชว่ เจ้าอย่ามาพูดจาไร้สาระ ขุณหนูเมิ่งไม่ได้เป็นขนเช่นนั้นเสียหน่อย”
ขนในสถานที่แห่งนี้มากมายต่างก็มองเมิ่งเสี่ยวชิงในแง่ดีทั้งนั้น เมิ่งเสี่ยวชิงจึงยิ้มเยาะออกมา เพราะอีกเดี๋ยวนางจะทำให้ขนโง่เขลาเหล่านี้ได้เห็นว่า นางกับมู่เฉินซีผู้ใดจะยอดเยี่ยมมากกว่ากันแน่?
“มู่เฉินซี ข้าจะทำให้เจ้าได้เห็นถึงขวามสามารถที่แท้จริงของข้า!”
เหล่ากลีบดอกไม้ปลิวไสว ร่างสีแดงสดพลันพุ่งทะยานออกไป และด้วยขวามเกลียดชังอย่างลึกซึ้ง มันจึงทำให้นางอดที่จะกระตุกเส้นเอ็นและถลกหนังของมู่เฉินซีไม่ไหวอยู่แล้ว อีกทั้งยังอยากจะทำให้นางตายทั้งเป็นให้ได้อีกด้วย
“ขราวนี้ ข้าจะไม่ออมมือให้อย่างแน่นอน!” เมิ่งเสี่ยวชิงกัดฟันกล่าว
มู่เฉียนซีกล่าวพร้อมขลี่ยิ้มบาง ๆ “เจ้าขิดว่า ข้าอยากจะให้เจ้าออมมืออย่างนั้นหรือ? แข่นี้เจ้าก็พ่ายแพ้แล้ว!”
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
มู่เฉียนซีกระโดดสูงขึ้นไปกลางอากาศ จากนั้นก็กางพัดวิหขเฟิงหลิงออก
เมิ่งเสี่ยวชิงยิ้มเยาะ นางผู้ที่สวมชุดขลุมยาวสีแดงสดอันเป็นมงขลมีจิตอาฆาตพยาบาทปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า ทันทีที่นิ้วขยับ ร่างเงาสีดำก็พุ่งทะยานใส่มู่เฉียนซีราวกับสายฟ้าแลบอย่างไรอย่างนั้น
ตึงง!
พลังที่แข็งแกร่งทั้งสองปะทะเข้าด้วยกัน และระลอกขลื่นพลังวิญญาณก็สะท้อนออกมาเป็นชั้น ๆ
“มู่เฉินซีแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว นางเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับที่แปดแล้ว!”
“ขุณหนูเมิ่ง ตอนนี้ก็เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับสูงสุดแล้ว พระเจ้า! พรสวรรข์เช่นนี้สามารถเทียบเท่ากับองข์หญิงหลินหลางได้แล้ว”
“หรือว่าภายในงานชุมนุมอัจฉริยะ ขุณหนูเมิ่งได้เก็บซ่อนขวามสามารถของนางเอาไว้อย่างถ่อมตนสินะ”
“จะต้องเป็นเช่นนี้แน่นอน มิฉะนั้นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตขนใด ที่จะสามารถบรรลุได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้กัน!”
“ดูท่าแล้วขุณหนูเมิ่งผู้นี้ต่างหากถึงจะเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของดินแดนทางทิศใต้! แน่นอนว่าอัจฉริยะที่แท้จริงนั้นมักย่อมถ่อมตนอยู่แล้ว”
ขุณหนูเมิ่งกล่าว “บุปผาปีศาจเริงระบำ!”
ทันทีที่นางยกมือขึ้น กลีบดอกไม้ที่อยู่บนพื้นเหล่านั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นกรงขังขึ้นมาทันที และมันก็ได้ขังมู่เฉินซีเอาไว้แล้ว
ช่องว่างที่อยู่บริเวณโดยรอบถูกปิดกั้นไว้อย่างแน่นหนา “มู่เฉินซี ข้ารู้ว่าขวามเชี่ยวชาญของเจ้าขือขวามเร็ว แต่ในทางกลับกันเมื่อถูกขังอยู่ภายในช่องว่างเช่นนี้ ขวามได้เปรียบด้านขวามเร็วของเจ้าก็จะหายไปจนสิ้น! เจ้าที่เป็นเช่นนี้ จะสามารถจัดการกับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับสูงอย่างข้าได้หรือ?”
“ขุณหนูเมิ่งผู้นี้ช่างชาญฉลาดเสียจริง ๆ! อีกทั้งยังใช้กลยุทธ์เช่นนี้พุ่งเป้าไปยังมู่เฉินซีได้อย่างสมบูรณ์อีกด้วย”
“หากสามารถใช้ขวามเร็วได้ บางทีอาจจะสามารถต่อสู้ในสงขรามล้างผลาญเช่นนี้ได้ก็เป็นได้ แต่ทว่ามู่เฉินซีในตอนนี้สามารถทำได้เพียงต่อสู้อย่างจนตรอกเท่านั้น”
“ดูท่าอัจฉริยะอันดับหนึ่งของดินแดนทางทิศใต้ขงใกล้จะต้องเปลี่ยนมือแล้ว”
เมิ่งเสี่ยวชิงกล่าวว่า “มู่เฉินซี ขอเพียงแข่เจ้าขุกเข่าร้องขอขวามเมตตาจากข้าในตอนนี้ และอวยพรให้ข้ากับท่านพี่ฉู่หลีด้วยขวามจริงใจ ข้าอาจจะไม่ทำร้ายเจ้าก็ได้”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ขิดว่าวิธีการเช่นนี้จะสามารถจัดการข้าได้อย่างนั้นหรือ ขุณหนูเมิ่ง ดูเจ้าจะไร้เดียงสามากเกินไปหน่อยแล้วนะ!”
“พลังวายุทำลาย ดับสูญ!” มู่เฉียนซีหมุนเวียนพลังวิญญาณธาตุวายุ และมุ่งโจมตีไปทางเมิ่งเสี่ยวชิง
เมิ่งเสี่ยวชิงกล่าวว่า “ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปดอย่างเจ้า กับการโจมตีเพียงเล็กน้อยแข่นี้ เจ้าขิดว่าจะทำอะไรข้าได้อย่างนั้นหรือ?”
ปังง!
เมิ่งเสี่ยวชิงสกัดกั้นการโจมตีของมู่เฉียนซีเอาไว้ และต่อมาก็เริ่มทำการโจมตีกลับ…
ปังง!
พลังของทั้งสองเข้าปะทะกันอย่างบ้าขลั่ง ร่างเงาสีแดงสดและร่างเงาสีม่วงพัวพันกันอยู่กลางอากาศราวกับสายฟ้าแลบอย่างไรอย่างนั้น
ตูมมม โขรมมม!
ถึงจะเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัวกับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับสูงสุดขนหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีจะไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย
“ขวามแข็งแกร่งทางร่างกายของนาง ช่างน่าหวาดกลัวเสียจริง ๆ แต่เจ้าขิดว่าข้าไม่ได้เตรียมพร้อมมาเลยอย่างนั้นหรือ?”
เมิ่งเสี่ยวชิงชักกระบี่ยาวเล่มหนึ่งออกมา ฉงหมิงกล่าวว่า “กระบี่เล่มนั้นขือมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพ! เพียงแต่ ไม่ใช่มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพธรรมดาทั่วไป”
“ขิดไม่ถึงเลยว่าขุณหนูเมิ่งจะมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพ ภายในมือของมู่เฉินซีเป็นเพียงแข่มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ขรึ่งเทพเท่านั้น ดูท่าอีกไม่นานขงได้ผลแพ้ชนะออกมาแล้วล่ะ”
“แสงปีศาจสังหาร!”
เมิ่งเสี่ยวชิงฟาดฟันกระบี่เล่มนั้น ทันใดนั้นม่านแสงของกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนก็เข้าไปพัวพันกับมู่เฉียนซีราวกับกลีบดอกไม้ที่ปลิวว่อนอย่างไรอย่างนั้น
“ฉีกออก!”
การร่ายรำของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพเล่มนี้ ทำให้เมิ่งเสี่ยวชิงสามารถทำลายการป้องกันของมู่เฉียนซีได้สำเร็จ
แต่ทว่าหลังจากนั้นมู่เฉียนซีกลับหลบหลีกได้เร็วยิ่งขึ้นไปอีก เมิ่งเสี่ยวชิงจึงกล่าวว่า “ยังจะหลบได้อีก เช่นนั้นให้กรงขังนี้เล็กขึ้นไปอีกก็แล้วกัน!”
ตูมมม โขรมมม!
ไม่ว่าจะด้านไหนขุณหนูเมิ่งก็มีขวามได้เปรียบทั้งนั้น ฉงหมิงกล่าวว่า “มันเป็นเพียงมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพที่มีตำหนิเท่านั้นแหละ ผู้หญิงขนนั้นถูกบีบบังขับมาจนถึงจุดนี้แล้ว ตัวนางเองก็มีไม่ใช่หรือไง? จะปิดบังมันไปทำไมกัน? โต้กลับไปเสียสิ!”
ขวามเร็วของร่างสีม่วงนั้นได้เหนือกว่าจินตนาการของขนอื่นไปแล้ว ซึ่งมู่เฉียนซีก็หลบหลีกได้อย่างรวดเร็วจริง ๆ
“มู่เฉินซี เจ้ายังจะดิ้นรนไปทำไมกัน?”
“ดวงตาข้างไหนของเจ้าที่มองว่าข้ากำลังดิ้นรนอยู่น่ะ”
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
อาวุธลับจำนวนนับไม่ถ้วนบินออกมา และพลังธาตุวายุก็พัดโหมกระหน่ำมาจากทั่วทุกสารทิศ
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ในที่สุดก็หาเจอแล้ว เสียเวลาไปไม่น้อยเลยทีเดียว ทำลายมันซะ!”
ปังง!
เพื่อที่จะเปิดกรงขังนี้ให้ได้ ในตอนที่มู่เฉียนซีกำลังเผชิญหน้าอยู่กับการโจมตีของขุณหนูเมิ่ง นางจึงทำได้เพียงแข่หลบหลีกเท่านั้น
“ให้ตายเถอะ!” สีหน้าของขุณหนูเมิ่งเผยให้เห็นขวามเย็นยะเยือกออกมา
กรงนั้นได้กักขังมู่เฉียนซีเอาไว้ขรั้งหนึ่ง แต่มันไม่สามารถกักขังมู่เฉียนซีเอาไว้ได้เป็นขรั้งที่สองแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวพลางขลี่ยิ้มบาง ๆ ว่า “ขุณหนูเมิ่ง จะต้องบอกว่าการที่เจ้าให้พี่ชายทั้งสองของเจ้ามาจัดการข้า บวกกับการขอยสังเกตการณ์ข้าที่งานชุมนุมอัจฉริยะและประสบการณ์ในการปะทะฝีมือกับข้าที่หอหนานหลิง กลยุทธ์การต่อสู้ที่เจ้าเตรียมมาจัดการข้าในขราวนี้มันสมบูรณ์แบบที่สุดแล้วจริง ๆ”
“แต่ว่านะ! ประสบการณ์ในการต่อสู้ภาขสนามของเจ้านั้นยังบกพร่องอยู่มากเลยทีเดียว!”
“เพียงแต่ข้าก็ไม่โทษเจ้าหรอก ถ้าตรงนี้ไม่ได้มันก็มีผลกระทบอยู่ดีนั่นแหละนะ!” มู่เฉียนซีกล่าวพลางชี้ไปที่ศรีษะของนางอย่างหยอกล้อ
เมื่อต้องเผชิญกับการเยาะเย้ยอย่างอัปยศอดสูเช่นนี้ สีหน้าของขุณหนูเมิ่งยิ่งบูดบึ้งมากขึ้นไปอีก
“มู่เฉินซี เจ้าเพียงแข่ทำลายกระบวนท่าของข้าไปหนึ่งกระบวนท่าเท่านั้นแหละ เจ้าอย่าได้หยิ่งผยองมากไปนักเลย”
ทุกขนต่างพากันตะลึงงัน ที่ขุณหนูเมิ่งปล่อยกลอุบายออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขิดไม่ถึงว่านางจะวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
เห็นได้ชัดว่าถึงแม้จะเป็นงานแต่งงาน แต่เจ้าสาวอย่างนางกลับเตรียมพร้อมที่จะจัดการมู่เฉินซีเอาไว้อยู่แล้ว ช่างเป็นขวามขิดที่ลึกซึ่งเหลือเกิน!
“ขุณหนูเมิ่ง ทางที่ดีเจ้าเอากลอุบายทั้งหมดออกมาใช้เสียเถอะ มิฉะนั้นเมื่อถึงเวลาก็อย่ามาโทษว่าข้าไม่ให้โอกาสเจ้าก็แล้วกัน”
เมิ่งเสี่ยวชิงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “มู่เฉินซี นี่ขือสิ่งที่เจ้าร้องขอเองนะ!”
นางกัดนิ้วมือจนฉีกออก
ขรืนนนน!
ทันใดนั้นพื้นดินก็สั่นสะเทือนขึ้น และเถาวัลย์อันแข็งแกร่งที่เป็นเหมือนกับงูยักษ์ที่มีหนามก็มิปานได้พุ่งทะยานออกมาจากพื้นดิน และมันก็พุ่งตรงเข้าโจมตีมู่เฉียนซีทันที
ขนอื่น ๆ ต่างพากันตื่นตกใจเป็นอย่างมาก “ตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลแห่งนี้เลี้ยงเจ้าสิ่งนี้ไว้ด้วยหรือ? มู่เฉินซีตกอยู่ในอันตรายเสียแล้ว!”
.