ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1973 โชคดีของพวกเรา
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าวว่า “โอ้! ข้าเข้าใจแล้ว”
“เจ้าเข้าใจจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? ข้าไม่เชื่อหรอก” ฉงหมิงกล่าว
จูเชว่กล่าวว่า “ฉงหมิง เจ้าคิดว่าซีซีของข้าจะโง่เขลาขนาดนั้นเลยหรือ?”
มุมปากของไป๋เจ๋อยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย “ฉงหมิงที่เอาแต่ให้ความสนใจเพียงแค่อัจฉริยะนักหลอมอาวุธมาโดยตลอด เริ่มมาสนในอัจฉริยะที่ฝึกบำเพ็ญตั้งแต่เมื่อใดกัน”
“ขนาดจูเชว่ยังเริ่มตกหลุมรักผู้หญิงได้แล้ว หรือว่าข้าจะเปลี่ยนความชอบสักหน่อยไม่ได้เลยหรือ?” ฉงหมิงกล่าวตอบ
พวกเขาพูดคุยกันอย่างมีสนุกสนาน ผู้คนมากมายต่างก็จ้องมองไปยังพวกเขา
มีคนบ่นพึมพำว่า “นั่นคือมู่เฉินซีอย่างนั้นหรือ?”
“มิน่านางถึงกล้ามาปรากฏตัวอยู่ที่ตำหนักเทพวิญญาณหลับใหล ที่แท้ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณชายทั้งสามนี่เองสินะ?”
มีคนอดที่จะอิจฉาไม่ได้กล่าวขึ่นมาว่า “คุณชายจูเชว่ คุณชายฉงหมิง คุณชายไป๋เจ๋ออะไรกัน ใบหน้ายังไม่กล้าจะเปิดเผยเลย เอาแต่สวมหน้ากากอยู่ได้! ก็แค่หลอกลวงจนได้มาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศก็เท่านั้นแหละ”
จูเชว่ ไป๋เจ๋อและฉงหมิงไม่ได้มีความร่วมมืออะไรที่เห็นได้อย่างชัดเจน และไม่มีผู้ใดคาดเดาได้ว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์ราวพี่น้องกัน และคิดเพียงแค่ว่ารู้จักกันเท่านั้นเอง
มีคนมาถึงห้องรับรองแขกเยอะมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าห้องโถงของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลแห่งนี้จะกว้างขวางมาก แต่ก็ยังเห็นได้ชัดว่ามันค่อนข้างจะแออัดไปสักเล็กน้อย
ฤกษ์มงคลยังเหลืออยู่อีกครึ่งชั่วยาม และในเวลานี้เองเจ้าตำหนักเมิ่งก็ได้มาถึงแล้ว
เมื่อเจ้าตำหนักเมิ่งสวมเสื้อผ้าชุดที่สวยหรูก็ยิ่งดูงดงามมากขึ้นไปอีก และมันก็ทำให้ผู้คนตาเป็นประกายกันเลยทีเดียว
ต่อมาเจ้าตำหนักก็ได้เริ่มกล่าวด้วยถ้อยคำที่สุภาพว่า “ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่มาเข้าร่วมงานแต่งงานลูกสาวของข้า…”
หลังจากนั้นนางก็เริ่มพูดคุยกับผู้คน จะเห็นได้ว่าคนผู้นี้มีความสามารถที่แข็งแกร่งมาก และท่วงท่าที่สง่างามของเจ้าตำหนักเมิ่งก็ทำให้ได้รับความโปรดปรานจากผู้คนมากมายเลยทีเดียว
เจ้าตำหนักเมิ่งเดินมาจนถึงทางด้านของมู่เฉียนซี นางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แม่นางมู่นี่ช่างเป็นคนที่โชคดีมากเสียจริง ๆ! คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีความสัมพันธ์อันดีกับคุณชายที่มีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา และมีความสามารถที่พิเศษอย่างทั้งสามท่านนี้ได้”
จูเชว่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “การที่ได้รู้จักกับซีซีมันเป็นความโชคดีของพวกเราเสียมากกว่า เจ้าตำหนักเมิ่งต่างหากที่เป็นคนผู้มากไปด้วยความโชคดี ท่านมีลูกชายลูกสาวถึงห้าคน และแต่ละคนต่างก็ไม่ได้มีพ่อคนเดียวกันเลย ช่างโชคดีจริง ๆ ที่ได้อยู่กับเหล่าสามีอย่างเพลิดเพลิน”
รอยยิ้มของเจ้าตำหนักเมิ่งในเวลานี้ดูบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย หลังจากนางนั้นจึงกล่าวว่า “ไม่ทราบว่าคุณชายจูเชว่ไปได้ยินข่าวลือมาจากที่ใดกัน”
“ในเมื่อท่านเจ้าตำหนักบอกว่าเป็นข่าวลือ แน่นอนว่าข้าแค่ได้ยินมาโดยไม่ได้ตั้งใจเท่านั้น และข้าก็จำไม่ได้แล้วเช่นกัน” จูเชว่กล่าวพลางเผยรอยยิ้มสดใสออกมา
ทั้งสองมีความสามารถในการสื่อสารเป็นอย่างดี เจ้าตำหนักเมิ่งทนที่จะไม่พอใจจูเชว่ผู้ที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับข้อมูลอันดำมืดทุกชนิดผู้นี้ไม่ไหวแล้ว จึงทำได้เพียงแค่เดินไปหาคนอื่นอย่างสุภาพเท่านั้น
ฉงหมิงกล่าวว่า “ในที่สุดก็ไปได้เสียที กลิ่นนั่นมันจะรมคนตายได้อยู่แล้ว”
“จูเชว่รู้เรื่องเยอะมากจริง ๆ นั่นคงไม่ใช่เรื่องจริงหรอกใช่หรือไม่?” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว ข้อมูลที่ข้าจูเชว่ได้ยินมาจะเป็นเรื่องเท็จได้อย่างไร ใครใช้ให้พวกเขามาทำซีซีโกรธกันล่ะ ถึงก่อนหน้านี้จะไม่ได้สนใจตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลมากนัก แต่ช่วงนี้ก็มีเรื่องให้ขุดออกมาได้มากมายเลยล่ะ เจ้าตำหนักผู้นี้ดูเป็นคนงดงามอ่อนโยน ทว่าความจริงแล้วเลี้ยงดูชายที่โปรดปรานเอาไว้ไม่น้อยเลยทีเดียว” จูเชว่ตอบกลับ
และเขายังเปิดเผยอีกข่าวใหญ่ออกมาอีกว่า “นอกจากนี้ ผู้ชายที่ทำให้นางท้องทั้งหมด ได้ถูกนางฆ่าไปจนสิ้นแล้วด้วย”
ไป๋เจ๋อกล่าวว่า “คนผู้นี้ช่างโหดเหี้ยมอำมหิต ไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้นจริง ๆ และที่ให้กองกำลังแห่งดินแดนทางทิศใต้มากมายมาเข้าร่วมงานแต่งงานในคราวนี้ ดูท่าแล้วคงไม่ได้เป็นเพราะว่านางรักลูกสาวของตนเองหรอก แต่น่าจะมีเป้าหมายอื่นมากกว่า พวกเจ้าก็ระวังตัวไว้หน่อยก็แล้วกัน”
จากนั้นเรื่องที่พุดคุยของพวกเขา ยังเป็นเรื่องข่าวซุบซิบนินทาต่าง ๆ นานาจากจูเชว่ ที่ไม่ได้มีเพียงของภายในตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลเท่านั้น แต่ยังมีของเหล่าแขกที่ถูกเชิญมาร่วมงานเหล่านั้นอีกด้วย
ฉงหมิงกล่าววว่า “วัน ๆ เอาแต่สืบเรื่องชั่วช้าเหล่านี้ ช่างได้เรื่องได้ราวเสียจริง!”
“เฮอะ! ข้าเห็นว่าเจ้าฟังอย่างชื่นชอบมากนะ! และข้าก็ไม่ได้บังคับให้เจ้าฟังด้วย ไสหัวไปทางนั้นไป เจ้าไปคลุกคลีกับพวกเศษโลหะเหล่านั้นเถอะไป!” จูเชว่กล่าวด้วยความรังเกียจ
มุมปากของไป๋เจ๋อยกยิ้มขึ้นเลยน้อย มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “ดูเจ้าจะมีความสุขมากเลยนะ”
ไป๋เจ๋อกล่าวว่า “อื้ม! พวกเราทั้งสามคนไม่ได้รวมตัวกันมานานมากแล้ว โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ที่ร่างกายของข้าไม่แข็งแรง แม้ว่าจะรวมตัวกันแต่พวกเขาก็อดที่จะเป็นกังวลไม่ได้ ทว่าหลังจากนี้จะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว”
“เป็นอย่างที่จูเชว่กล่าวไว้ไม่มีผิด การพบเจอเจ้า ถือว่าเป็นโชคดีของพวกข้าจริง ๆ”
ฉงหมิงกล่าววว่า “เฮ้ อย่าเพิ่มข้าเข้าไปในพวกเจ้าด้วยสิ”
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเวลานี้ก็ได้มีความกล่าวขึ้นว่า “ฤกษ์ดีมาถึงแล้ว เชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องโถงได้”
มีเสียงดนตรีบรรเลงขึ้นมา ต่อมาร่างของคนทั้งสองก็เดินเข้ามาพร้อมกัน เรือนร่างงดงามอ่อนช้อยของเจ้าสาวเต็มไปด้วยสีสัน ช่างดูมีเสน่ห์ยิ่งนัก
เพียงแต่เจ้าบ่าวดูมีบางอย่างที่ผิดปกติ ซึ่งดูราวกับว่าเขาไม่มีสติอย่างไรอย่างนั้น
ยังไม่ทันรอให้เขาเข้ามาในห้องโถง มู่เฉียนซีก็เดินตรงเข้าไป และดึงฉู่หลีเอาไว้
ทุกคนต่างพากันตะลึงงัน นี่มันเกิดเรื่องอะไรกันแน่? มู่เฉินซีต้องการที่จะชิงตัวเจ้าบ่าวอย่างนั้นหรือ?
เจ้าตำหนักเมิงกับเมิ่งเสี่ยวชิงไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่ามู่เฉียนซีจะลงมือทำเรื่องเช่นนี้ต่อหน้าผู้คนมากมาย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าขอแนะนำตนเองกับแขกทุกท่านสักหน่อย ข้าคือมู่เฉินซี เป็นศิษย์น้องของฉู่หลี อีกทั้งยังเป็นนักปรุงยาของหอหมอปีศาจ และสภาพของศิษย์ของข้าไม่ปกติเป็นอย่างมาก นั่นเป็นเพราะตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลได้บีบบังคับให้ศิษย์พี่ของข้าต้องแต่งงานโดยไม่สนใจความต้องการของเขาเลย”
“หากทุกท่านไม่เชื่อ ข้าสามารถถามศิษย์พี่ของข้าโดยตรงได้”
มู่เฉียนซีหันหน้าไปยังฉู่หลีแล้วกล่าวถามว่า “ศิษย์พี่ ท่านยินยอมแต่งงานกับเมิ่งเสี่ยวชิงด้วยตนเองหรือไม่?”
ไม่ใช่ว่าฉู่หลีไม่ยอมตอบ แต่เขาไม่สามารถตอบกลับได้
ทุกคนโห่ร้องอย่างไม่หยุดหย่อน “เจ้าบ่าวพูดไม่ได้นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
“แม้ว่าจะลืมตาอยู่ แต่เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าท่าทางเช่นนี้ของเจ้าบ่าวเหมือนกำลังหลับอยู่เลยล่ะ!”
“หรือว่าคุณหนูเมิ่งจะบีบบังคับให้คนอื่นมาแต่งงานด้วยจริง ๆ”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน? คุณหนูใหญ่ของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลก็เห็นอยู่ว่าทั้งมีความสามารถ และรูปร่างหน้าตางดงาม เหตุใดถึงต้องใช้วิธีบีบบังคับให้ชายคนหนึ่งมาแต่งงานกับนางด้วย บนโลกใบนี้มีชายหนุ่มมากมายที่อยากจะแต่งงานกับนาง! ข้าเองก็เป็นหนึ่งคนนั้นเช่นกัน”
“แต่ทว่ารูปร่างหน้าที่หล่อเหลาของฉู่หลี ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถเทียบได้ อีกทั้งพรสวรรค์ยังอยู่ในอันดับที่สองของอัจฉริยะแห่งดินแดนทางทิศใต้อีกด้วย ฉะนั้นการที่ทั่วทั้งแดนซวนเทียนจะพบเจอผู้ชายที่ไม่เลวเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!”
มู่เฉียนซีโพล่งเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเช่นนี้ออกมา จึงทำให้ทุกคนเริ่มพูดคุยกัน และคนเหล่านั้นก็แตกออกเป็นสองฝ่าย จากนั้นก็เริ่มถกเถียงกันขึ้นมา
เมิ่งเสี่ยวชิงตัวสั่นสะท้านด้วยความโกรธ นางเปิดผ้าแพรแดงออกไปจนเผยให้เห็นใบหน้าที่แต่งแต้มมาอย่างงดงามอ้อนช้อยนั้นพลางกล่าวว่า “มู่เฉินซี ข้ารู้ดีว่าเจ้าไม่ชื่นชอบข้า และไม่คิดว่าท่านพี่ฉู่หลีจะขอข้าแต่งงานได้ แต่เจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้า”
“ที่วันนี้ท่านพี่ฉู่หลีไม่สามารถพูดได้ก็เพราะว่าเขาป่วย และเขาก็ไม่ได้กล่าวปฏิเสธการแต่งงานของพวกเราทั้งสองคนด้วยไม่ใช่หรือ?”
มู่เฉินซีกล่าวอย่างหยอกล้อว่า “ศิษย์พี่ของข้าป่วยเจ้าก็ยังจะทนรอที่จะแต่งงานไม่ไหวเชียวหรือ คุณหนูเมิ่งเจ้ากังวลว่าจะเป็นคนไร้คู่เกินไปแล้ว! ถึงอย่างไรวันนี้ศิษย์พี่ของข้าก็จะไม่แต่งงานกับเจ้า หากเจ้ากลัวว่าตนเองจะไร้คู่ครองแล้วละก็ สถานที่แห่งนี้มีผู้คนมากมายที่ยอมแต่งงานกับเจ้า เช่นนั้นเจ้าก็เลือกเอาสักคนเถิด!”
เมิ่งเสี่ยวชิงกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “มู่เฉินซี เจ้านี่มันจะมากเกินไปแล้ว วันนี้เป็นวันมงคลของข้านะ”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเยาะเย้ยว่า “โอ้! หากรู้สึกว่าข้าทำเกินไป เช่นนั้นอยากจะสู้กับข้าสักรอบไหมล่ะ! หากว่าเจ้าพ่ายแพ้ เจ้าต้องทำให้ศิษย์พี่ของข้ากลับมาเป็นปกติ และปลดการคุมขังของเขาด้วย”
“มิฉะนั้น วันนี้ข้าจำเป็นที่จะต้องก่อเรื่องให้ถึงที่สุด และพวกเจ้าก็อย่าหวังว่าวันนี้จะอยู่อย่างราบรื่นอีกเลย” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างหยิ่งผยองและไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น
เมิ่งเสี่ยวชิงกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “แม่นางมู่ เจ้าเป็นคนบังคับข้าเองนะ เดิมทีแล้วในวันแต่งงานของข้า ข้าก็ไม่อยากที่จะเปื้อนเลือดของเจ้าเลยด้วยซ้ำ แต่เจ้ารังแกคนอื่นมากเกินไปแล้วจริง ๆ! ฉะนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน”
.