ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1972 กำลังจะแต่งงาน
แต่ทว่า มันกลับทำราวกับกระโดดลงไปในมหาสมุทร จนเกือบที่จะจมน้ำตายอย่างไรอย่างนั้น
พลังวิญญาณอันทรงพลังเป็นราวกับรังไหมรังหนึ่งที่ห่อหุ้มมันเป็นชั้น ๆ จนมันก็ไม่สามารถดิ้นหลุดออกมาได้
สัตว์ร้ายแห่งความฝันในเวลานี้สับสนเป็นอย่างมาก เหตุใดมนุษย์ถึงสามารถจับมันได้กัน?
อาจารย์ฉู่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “แม่สาวน้อยอย่างเจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
กลิ่นหอมภายในห้องจางลงไปมากแล้ว มู่เฉียนซีเดินออกมาจากดินแดนแห่งความฝัน และสัตว์ร้ายแห่งความฝันตัวน้อยนั้นก็ถูกนางขังเอาไว้ในทะเลแห่งจิตวิญญาณเรียบร้อยแล้ว
พลังของเจ้าตัวนี้มีไม่มากเท่าไรนัก หากเตรียมตัวมาก่อนหน้านี้ หรือมีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งพอ มันก็ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว
“แค่ก แค่ก แค่ก!”
ในตอนนี้อาจารย์ฉู่ก็ฟื้นขึ้นมาแล้วเช่นกัน เนื่องจากมีคนที่คุ้นเคยอยู่ข้างกาย ภายในสภาพแวดล้อมที่แปลกประหลาดเช่นนี้ จึงทำให้เขาไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวมากเท่าไรนัก
“ซีเอ๋อร์ เป็นเจ้าที่ช่วยอาจารย์หรือ” เขากล่าว
“ท่านอาจารย์ฉู่ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว อันที่จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“อยู่ ๆ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาในสำนักลั่วเยว่ของพวกเรากลางดึก ทุกคนล้วนเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ทั้งนั้น เดิมทีคนสำนักลั่วเยว่ของพวกเราก็ต่อสู้ไม่ไหวอยู่แล้ว แต่ทว่าเป้าหมายของพวกเขาก็คือเจ้าเด็กฉู่หลีนั่น เจ้าเด็กน้อยฉู่หลียิ่งต่อสู้ก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนพวกเขาทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นจึงได้ใช้เจ้าสิ่งนั้นมาจัดการข้า…”
“และต่อมาข้าก็หมดสติไปอย่างน่าประหลาด หลังจากนั้นก็ไม่รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง”
เจ้าสำนักฉู่เล่าเรื่องทั้งหมดในคราวเดียว และมู่เฉียนซีก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดเหล่านี้ได้อย่างคร่าว ๆ แล้ว
คาดว่าหลังจากที่เขาหมดสติไป พวกเขาก็เอาอาจารย์ฉู่มาข่มขู่ศิษย์พี่ และทำให้ศิษย์พี่ตามพวกเขามาถึงตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลแห่งนี้
แม้ว่าศิษย์พี่จะเกียจคร้านเกินกว่าจะใส่ใจเรื่องทั้งหมด แต่ทว่าสำหรับอาจารย์ฉู่ที่เลี้ยงดูเขามาก็ยังมีความรู้สึกที่ไม่ธรรมดาอยู่ดี
อาจารย์ฉู่กล่าวถามว่า “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเจ้าหนูฉู่หลีนั่นกำลังจะแต่งงานอย่างนั้นหรือ? แม่นางคนไหนกันที่ตาบอดมาตกหลุมรักเจ้าหนูนั่น ไม่มีความน่ารัก ไม่มีความเอาใจใส่เลยสักนิด อีกทั้งยังขี้เกียจแบบสุด ๆ และขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจเรื่องใด ๆ อีกด้วย”
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “ท่านอาจารย์ฉู่ ผู้หญิงที่ตกหลุมรักศิษย์พี่คนนั้นไม่ได้ตาบอดหรอก”
“ถึงจะคิดมากเพียงใดก็คิดไม่ออกจริง ๆ นี่นา!” อาจารย์ฉู่กล่าว
“ถึงอย่างไรเจ้าหนูนั่นก็ต้องไม่ได้ยินยอมด้วยตนเองแน่นอน ข้ามั่นใจ มีวิธีไหนทำให้ศิษย์พี่ของเจ้าหนีงานแต่งงานได้บ้างหรือไม่?”
ลูกศิษย์ของเขาคนนี้มีความพิเศษมาตั้งแต่เด็ก แม้กองกำลังระดับสี่คิดที่จะกักขังเขาเอาไว้ก็ไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้นหรอก เขารู้ว่าต้องเป็นเพราะเขา เจ้าลูกศิษย์ดื้อนั่นถึงได้ยอมถูกขังเป็นแน่!
“เหตุใดท่านอาจารย์ฉู่ถึงมั่นใจว่าศิษย์พี่จะไม่ยินยอมล่ะ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“ข้าเลี้ยงเจ้าเด็กบ้านั่นมากับมือจะไม่รู้ได้อย่างไรกัน! ตอนแรกที่เขาโตเป็นผู้ใหญ่ ข้าถามเขาว่าคิดอยากจะแต่งงานบ้างหรือไม่? แต่เขากลับตอบกลับข้ามาประโยคเดียวเท่านั้น…” เจ้าสำนักฉู่กล่าวอย่างโกรธเคือง
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “‘แต่งงาน น่ารำคาญ’ ใช่หรือไม่?”
“ใช่แล้ว! ประโยคนี้แหละ ซีเอ๋อร์สมแล้วที่เจ้าเป็นศิษย์น้องของเขา! มีความเข้าใจเขามากเลยจริง ๆ”
จากนั้นมู่เฉียนซีจึงได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้กับอาจารย์ฉู่ฟัง และอาจารย์ฉู่ก็กล่าวว่า “ถึงอย่างไรก็เป็นถึงกองกำลังระดับสี่ กล้าไร้ยางอายถึงเพียงนี้เลยหรือ! เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจับข้ามาเพื่อข่มขู่เจ้าหนูฉู่หลีนั่น คิดไม่ถึงว่ายังจะกล้าพูดเรื่องที่จะพยายามอย่างหนักเพื่อเชิญข้ามาเป็นประธานงานแต่งให้ได้ ข้าอยากจะเปิดเผยหน้ากากของพวกเขาจริง ๆ เลย”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “คนของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลทำการแสดงเก่งมาก อีกทั้งกองกำลังของพวกเรายังอ่อนแอ แม้อาจารย์ฉู่จะพูดเรื่องจริงออกมา พวกเขาก็สามารถกล่าวได้ว่าท่านไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของศิษย์พี่และอยากก่อกวนให้เกิดปัญหา”
“เช่นนั้นจะทำเช่นไรดี? พรุ่งนี้ก็จะจัดงานแต่งงานแล้ว” ภายในใจของอาจารย์ฉู่กระวนกระวายเป็นอย่างมาก
ได้ยินศิษย์ตัวน้อยบอกว่าสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความแปลกประหลาด หญิงสาวที่ดันทุรังจะแต่งงานกับลูกศิษย์ของเขาคนนั้น ก็คงจะไม่ได้บริสุทธิ์ใจอย่างแน่นอน เพราะนางเพียงแค่ต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากฉู่หลีเท่านั้น!
คนเช่นนี้ รับไม่ได้อย่างแน่นอน!
“ท่านอาจารย์แสร้งทำเป็นหมดสติแล้วยังไม่ฟื้นไปก่อนเถิด ตอนนี้ภายในอาณาเขตของพวกเขา ข้าไม่สามารถหาตัวศิษย์พี่พบได้ แต่ทว่าในวันแต่งงานวันนั้น พวกเขาจะต้องให้ศิษย์พี่ปรากฏตัวออกมาอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นค่อยเข้าไปฉกตัวเขามาก็พอแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าว
“ฉกตัวคนหรือ ข้าก็จะไปด้วย! แม้ว่าข้าจะเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรก็เป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งเชียวนะ!”
มู่เฉียนซีตอบกลับว่า “หากท่านอาจารย์ฉู่ไปด้วยละก็ มันก็จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น และทำให้พวกเขารู้ว่าข้ามีวิธีที่จะจัดการเจ้าสัตว์ร้ายแห่งความฝันตัวนั้น! ท่านอาจารย์ฉู่ถูกเจ้าสัตว์ร้ายแห่งความฝันทรมานมานานถึงเพียงนี้ ควรที่จะพักผ่อนให้เต็มที่เถิด”
“เอาเถอะ! ปล่อยให้เด็กน้อยอย่างพวกเจ้าทั้งสองไปจัดการก็แล้วกัน! ขอเพียงแค่อย่าเป็นอะไรไปก็พอแล้ว” เจ้าสำนักฉู่กล่าว
ลูกศิษย์คนหนึ่งของเขามีความแข็งแกร่งที่ลึกลับและผิดปกติมาก ส่วนลูกศิษย์อีกคนก็เป็นลูกสาวของมู่เฟิงอวิ๋น ทั้งสองล้วนไม่ใช่คนธรรมดา มีวิธีการอยู่ภายในใจมากมาย เขาจึงค่อนข้างที่จะวางใจ
“หากมีอันตรายก็ไม่ต้องไปสนใจศิษย์พี่ของเจ้า ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ชาย แค่แต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้ทุกข์ทรมานมากขนาดนั้นหรอก แต่อย่าทำให้ตนเองต้องมีอันตราย มิเช่นนั้นข้าคงต้องรู้สึกผิดต่อพ่อของเจ้าเป็นแน่” เจ้าสำนักฉู่กล่าวเตือน
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เจ้าตำหนักเมิ่งส่งคนมาสอบถามว่า “เจ้าสำนักฉู่ฟื้นแล้วหรือยังขอรับ?”
“ยังไม่ฟื้นหรอก”
“เช่นนั้นงานแต่งงานวันนี้…”
“หรือว่าจะให้อาจารย์ฉู่ไปนอนเป็นประธานอยู่ในงานแต่งงานอย่างนั้นหรือ? เรื่องนี้ให้ท่านเจ้าตำหนักเป็นคนจัดการเถอะ!”
เรื่องทั้งหมดนี้เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้แล้ว ในเมื่อถูกสัตว์ร้ายแห่งความฝันกักขังเอาไว้ภายในดินแดนแห่งความฝัน นอกจากเจ้าตำหนักจะลงมือด้วยตนเองแล้ว คนผู้นั้นไม่มีทางฟื้นขึ้นมาอย่างแน่นอน
“เช่นนั้นข้าจะกลับไปเรียนท่านเจ้าสำนักให้ขอรับ”
นี่เป็นวันแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหล และเจ้าสาวก็ได้เตรียมตัวแต่งองค์ทรงเครื่องตั้งแต่เช้าแล้ว ส่วนทางเจ้าบ่าวก็คาดว่าจะเป็นอย่างนี้เช่นกัน
มู่เฉียนซีกล่าวกับเจ้าสำนักฉู่ว่า “ท่านอาจารย์ฉู่ ถึงเวลาที่ข้าต้องเตรียมของขวัญแล้ว ถึงอย่างไรข้าก็ต้องการที่จะมอบของขวัญให้เจ้าสาวแทนท่านสักอย่างหนึ่ง”
ดังนั้น มู่เฉียนซีจึงเริ่มกลั่นยา
ขวดยาสีสันสดใสแพรวพราวขวดหนึ่งถูกมู่เฉียนซีกลั่นออกมา เจ้าสำนักฉู่กล่าวถามว่า “ยานี้มันใช้ประโยชน์อะไรได้อย่างนั้นหรือ?”
“ตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลของพวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการควบคุมดินแดนแห่งความฝัน พวกเขาปลูกดอกไม้ไว้นานาชนิด และยังเอาสัตว์ร้ายแห่งความฝันมาใช้เป็นวิธีในการจัดการท่าน เช่นนั้นเขาก็จะต้องปฏิบัติต่อพวกเขาแบบเดียวกันอย่างแน่นอน” มู่เฉียนซีกล่าว
นางหยิบยาขวดนั้นขึ้นมาเขย่าเบา ๆ ครู่หนึ่ง “ยาน้ำนี้เอาไปใช้กับเจ้าสาวอย่างเมิ่งเสี่ยวชิงถึงจะเหมาะสมที่สุด”
หลังจากที่ปรุงยาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มีสาวใช้มาแจ้งข่าวว่า “แม่นางมู่ เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วยามก็จะเริ่มแล้ว ฉะนั้นจึงได้มาเชิญท่านไปยังโถงด้านหน้าก่อน”
“ตกลง!”
วันนี้ ดอกไม้ที่อยู่ในตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลบานสะพรั่งงดงาม และโดยเฉพาะดอกไม้หน้าห้องโถงใหญ่ที่จัดงานแต่งงานในคราวนี้ พวกมันล้วนบานสะพรั่งชูช่อกันด้วยความคึกคัก
แขกเหรื่อก็ทยอยมาถึงกันอย่างต่อเนื่อง และในเวลานี้ก็มีคนรายงานขึ้นมาว่า “ผู้อาวุโสสามของสำนักสือเหมินมาถึงแล้ว!”
ทันทีที่อาวุโสท่านนั้นเห็นมู่เฉียนซี เขาก็กล่าวขึ้นมาด้วยความโกรธว่า “มู่เฉินซี คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้ามาปรากฏตัวเช่นนี้ ช่างกล้าหาญเสียจริง ๆ!”
“คนที่กล้าหาญนั่นมันเจ้าถึงจะถูก! คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าพูดเช่นนี้กับซีซีของข้า” ร่างเงาสีแดงเพลิงร่างหนึ่งเดินเข้ามา ด้วยท่วงท่าที่ลุ่มลึกนั้นดูเหมือนว่าจะบดบังความงามของดอกไม้โดยรอบไปจนหมดสิ้นแล้ว
ผู้อาวุโสสามมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที “คุณชายจูเชว่”
เมื่อจูเชว่ปรากฏตัวออกมา ความโดดเด่นของเขาก็ฉายชัดขึ้นในทันที
หลังจากที่เขามาได้ไม่นาน ไป๋เจ๋อก็เดินตามเข้ามาอย่างสงบนิ่ง และกล่าวทักทายมู่เฉียนซีเบา ๆ
“คุณชายฉงหมิงมาถึงแล้ว!”
พลันนั้นชายชุดคลุมสีดำคนหนึ่งก็เดินเข้ามา ท่าทางของเขาดูหยิ่งผยองและเอาแต่ใจมากเป็นพิเศษ เขามองมาทางมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “มู่เฉินซี ข้าไม่ได้มาที่นี่เพราะเจ้า ข้าเพียงแค่อยากจะเห็นหน้าเจ้าคนที่เป็นอัจฉริยะอันดับสองของดินแดนทางทิศใต้เท่านั้นแหละ”