ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1967 มาหาทางแก้แค้น
สำหรับคำพูดนี้ของเมิ่งเสี่ยวชิง มู่เฉียนซีตอบกลับไปว่า “เจ้ารู้จักอายเสียบ้างเถอะ!”
หลังจากนั้น มู่เฉียนซีก็สาวเท้าออกไป และสีหน้าของเมิ่งเสี่ยวชิงก็บูดบึ้งมากเลยทีเดียว
นางรักษาหน้ากากจอมปลอมที่สมบูรณ์แบบเอาไว้ได้เสมอ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากที่ได้มาพบเจอกับมู่เฉินซีอีกครั้ง นางกลับต้องล้มเหลวเช่นนี้
น่ารังเกียจนัก!
ผู้นำตระกูลเซี่ยโหวต้องการที่จะปกป้องเมิ่งเสี่ยวชิง แต่ผลก็คือมู่เฉียนซีได้เดินออกไปจากตรงนั้นเสียแล้ว
พวกเขาได้รออยู่ในตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลเป็นการชั่วคราว และเหลิ่งหนิงจือกล่าวว่า “นายท่าน ท่านคิดว่าคุณหนูเมิ่งผู้นั้นจะจัดการกับพวกเราอย่างไร?”
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “คาดว่าพวกเขาน่าจะรอให้พวกเราเคลื่อนไหวก่อน อีกทั้งยังรู้แล้วว่าพวกเจ้าเป็นคนของหอหมอปีศาจ หากพวกเขาวางยาพิษแล้วละก็ ข้าคงจะสงสัยในสติปัญญาของพวกเขามากเลยทีเดียว”
เป็นอย่างที่คาดไว้ ว่าอาหารเลิศรสที่ส่งมานั้นไม่ได้วางยาพิษ และยังอร่อยมากอีกด้วย
มู่เฉียนซีเพลิดเพลินเป็นอย่างมาก และหลังจากนั้นก็กล่าวว่า “ไปกันเถอะ! ไปเดินเล่นรอบ ๆ กัน แม้จะหาศิษย์พี่ไม่เจอ แต่ก็ต้องหาอาจารย์ให้เจอให้ได้”
“เจ้าค่ะ!”
ในตอนที่มู่เฉียนซีออกมาจากเขตที่พักของตนเอง เมิ่งเสี่ยวชิงก็ได้รับข่าวในทันที
ดวงตาที่อ่อนโยนคู่นั้นของนางฉายแววของเจตนาฆ่าออกมา “คิดไม่ถึงว่านางจะยังไม่ยอมแพ้! ยังคิดจะมาเดินเตร็ดเตร่ไปมาส่งเดชในตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลของข้าอีก คิดว่าตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลเป็นสถานที่ที่จะเดินไปมาได้ตามใจชอบหรืออย่างไรกัน?”
“ให้พวกเขาเคลื่อนไหวได้!”
“ขอรับ!”
ตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลเป็นเหมือนกันทุ่งดอกไม้นานาชนิดอย่างไรอย่างนั้น และหมู่ดอกไม้ที่งดงามก็บานสะพรั่งไปทั่วบริเวณ
แววตาของมู่เฉียนซีมืดลงทันที ถึงดอกไม้เหล่านี้จะไม่มีพิษ แต่ว่า…
ทันใดนั้นผู้ที่ติดตามมู่เฉียนซีมาเหล่านั้น ก็รู้สึกราวกับถูกความง่วงเข้าโจมตีอย่างกะทันหัน และตกลงสู่ห้วงนิทราอย่างไม่ทันได้รู้ตัว
ในเวลานี้ เงาดำสองสามร่างก็พุ่งทะยานออกมา และรอยยิ้มที่ชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของอีกฝ่าย จากนั้นกระบี่ยาวที่กวัดแกว่งในอากาศที่ว่างเปล่า ก็ได้ตวัดลงไปที่ต้นคอของมู่เฉียนซี
ในชั่วพริบตาเดียวนั้นเอง มู่เฉียนซีกลับหายวับไปจากเบื้องหน้าของพวกเขาอย่างกะทันหัน
ปัง!
กลีบดอกไม้นานาชนิดร่วงโรยลงมาจากกลางอากาศ มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ดูเหมือนว่าตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลจะปฏิบัติต่อแขกได้เป็นอย่างดีจริง ๆ!”
คนอื่น ๆ รวมไปถึงเหลิ่งหนิงจือต่างมีแววตาที่ขุ่นมัว แต่ทว่าแววตาของมู่เฉียนซีกับสดใสเป็นอย่างมาก
คนเหล่านี้กล่าวอย่างประหลาดใจว่า “นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร? คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะไม่เป็นอะไรเลย”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “กระบวนท่าเช่นนี้เมิ่งเสี่ยวชิงต่างก็เคยใช้มาแล้ว พวกเจ้าคิดว่าข้าจะโดนกระบวนท่านี้อีกเป็นครั้งที่สองหรือ?”
“เสี่ยวโม่โม่ เผาดอกไม้เหล่านี้ให้ราบเป็นหน้ากองเลย”
“เจ้าค่ะ นายท่าน!”
เพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดพุ่งทะยานออกมา ไม่เพียงแต่พุ่งไปยังทุ่งดอกไม้เหล่านั้น แค่มันยังพุ่งไปที่ชายชุดดำเหล่านั้นอีกด้วย
พวกเขารีบถอยหลังออกไปอย่างรีบร้อน และไม่อยากที่จะเผชิญหน้ากับเพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดนี้
เมื่อดอกไม้ถูกเผาจนสิ้นแล้ว พวกของเหลิ่งหนิงจือก็ได้สติกลับคืนมา เมื่อพวกเขารู้ว่าติดกับของคนพวกนี้เข้าแล้ว ก็รู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นว่าพวกเขาคิดจะล่าถอย เหลิ่งหนิงจือก็กล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “อย่าหนีนะ!”
ตูมมม โครมมม!
พวกเขาเหล่านั้นทั้งหมดถูกขวางเอาไว้ อีกทั้งยังถูกโจมตีจนล้มลงไปบนพื้นอีกด้วย
เปลวเพลิงสีดำที่โหมไหม้อยู่ทางนี้ ต้องดึงดูดให้มีคนมาแน่นอนอยู่แล้ว
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน? ไฟไหม้อย่างนั้นหรือ?”
“ทางด้านนั้น!”
“……”
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ร่างคนจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งทะยานเข้ามา และก็มีคนที่คุ้นเคยอยู่ด้วย อย่างเช่นเมิ่งเสี่ยวชิงและยังมีคนของผู้นำตระกูลเซี่ยโหวเหล่านั้นด้วย
นอกจากนี้ยังมีคนแปลกหน้ามาด้วย นั่นก็คือเจ้าตำหนักของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลที่ไม่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้เลย นางสวมชุดสีขาวราวกับฝ่ายในที่อยู่ในพระราชวัง และรูปร่างหน้าตาของนางก็โดดเด่นยิ่งกว่าเมิ่งเสี่ยวชิงเล็กน้อยอีกด้วย
อีกทั้งมีแขกคนอื่น ๆ ก็มาด้วยเช่นกัน
มู่เฉียนซีเริ่มลงมือก่อนเพื่อไม่ให้เสียเปรียบมากนัก “นี่คือวิธีการต้อนรับแขกของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลอย่างนั้นหรือ? ข้าเพียงแค่ออกมาเดินเล่นเท่านั้น แต่กลับถูกคนลอบวางยาพิษเสียได้? พวกเจ้าจัดการข้าเช่นนี้ได้ แล้วยังต้องการจะจัดการแขกคนอื่นด้วยหรือไม่ล่ะ”
ทันทีที่มู่เฉียนซีกล่าวจบ แขกคนอื่นก็เผยสีหน้าที่สงสัยออกมา จากนั้นก็มองไปทางเจ้าตำหนักเมิ่งและเมิ่งเสี่ยวชิง
เจ้าตำหนักเมิ่งกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “แม่นางน้อย จะต้องมีเรื่องเข้าใจผิดเกิดขึ้นที่นี่อย่างแน่นอน ข้าจะต้องหาคำอธิบายให้เจ้าได้แน่”
เรื่องราวต่าง ๆ เริ่มใหญ่ขึ้นเล็กน้อยแล้ว ประสิทธิภาพในการทำงานของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลก็สูงมากขึ้นด้วย ทันใดนั้นพวกเขาก็คุมตัวชายหนุ่มคนหนึ่งไปในทันที
ชายหนุ่มคนนั้นกล่าวด้วยความโกรธเคืองว่า “มู่เฉินซี คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะไม่ตาย ทำไมเจ้าถึงได้มีชีวิตอยู่กัน! เจ้าทำให้น้องเซี่ยโหวต้องตายยังจะกล้ามาที่ตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลอีก ข้าจะต้องให้เจ้าชดใช้ด้วยชีวิตอย่างแน่นอน”
ผู้คนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ต่างตะลึงงั้น พวกเขาจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “เด็กสาวผู้นี้คืออัจฉริยะอันดับหนึ่งของดินแดนทางทิศใต้ มู่เฉินซีหรือ และเด็กสาวคนนั้นก็เป็นคนฆ่าตู๋กูล่างและเซี่ยโหวจือสินะ”
“นี่นางอยากตายหรืออย่างไร? ทำเรื่องเช่นนั้นออกมาแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้ามาที่ตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลเช่นนี้ด้วย”
“ดูท่าแล้วคนของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลคงจะไม่ลงมือกับแขกอย่างไม่มีเหตุผลหรอก”
ชายหนุ่มคนนี้กล่าวว่า “ข้าชอบน้องเซี่ยโหวมาตั้งแต่ยังเด็กแล้ว และชอบนางมาตลอด อีกทั้งยังคิดอยากที่จะขอนางมาเป็นภรรยา แต่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเจ้าจะทำร้ายนางจนตาย แม้ว่าข้าจะต้องกลายเป็นนักโทษของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหล ข้าก็จะต้องฆ่าเจ้าเพื่อแก้แค้นให้นางให้ได้”
ผู้นำตระกูลเซี่ยโหวถอนหายใจพลางกล่าวว่า “เฮ้อ! ตอนแรกคุณชายสี่เมิ่งเสี้ยวมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกสาวตัวน้อยของข้ามาตั้งแต่ยังเด็ก น่าเสียดายที่ลูกสาวตัวน้อยของข้าไม่ได้รับพรเช่นนั้น น้องสาวของเจ้ากำลังจะจัดงานแต่งงาน คุณชายสี่อย่าได้หุนหันพลันแล่นเกินไปนักเลย หนี้แค้นของจือเอ๋อร์ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามข้าในฐานะที่เป็นพ่อจะเป็นคนแก้แค้นให้นางเอง”
เมิ่งเสี้ยวกล่าวว่า “ท่านลุงเซี่ยโหว ท่านอย่าได้เกลี้ยกล่อมข้าเลย! หากแก้แค้นให้น้องเซี่ยโหวไม่ได้ ข้าก็ไม่ใช่ลูกผู้ชายแล้ว”
เขากำหมัดแน่น แล้วก้าวเดินไปข้างหน้าพลางกล่าวว่า “มู่เฉินซี เจ้ากล้าทำแต่ไม่กล้ารับ ข้าอยากจะท้าทายเจ้า! อยากจะฆ่าเจ้าเพื่อล้างแค้นให้น้องเซี่ยโหว เจ้าจะกล้ารับคำท้าหรือไม่?”
คำพูดนี้ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือโกหกกันแน่? แต่เป้าหมายที่อยากจะท้าทายนาง นั้นเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้ามีอะไรที่ต้องไม่กล้ากัน? และข้าก็ไม่ใช่คนที่กล้าทำแต่ไม่กล้ารับด้วย เรื่องที่ข้าไม่เคยทำ ทำไมข้าจะต้องรับผิดชอบมันด้วยล่ะ?”
“เจ้าอย่ามาเถียงข้าง ๆ คู ๆ ไปหน่อยเลย อย่างไรเจ้าก็เป็นคนทำร้ายน้องเซี่ยโหวจนตาย และข้าก็ต้องการจะฆ่าเจ้า!”
หอกยาวสีดำด้ามหนึ่งแผดเสียงก้อง และมันก็เล็งไปที่ระหว่างคิ้วของมู่เฉียนซี
ในเวลานี้ความปิติยินดีปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเมิ่งเสี่ยวชิง ถึงพี่สี่จะฆ่านางไม่ได้ แต่เขาก็จะทำให้นางบาดเจ็บสาหัสให้ได้เช่นกัน
คนของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลแอบซุ่มอยู่ในที่ลับตา หากคนของหอหมอปีศาจเหล่านั้นยืนมือเข้าไปยุ่ง พวกเขาก็จะสามารถขัดขวางเอาไว้ได้ และแน่นอนว่าคนอื่นก็ไม่มีโอกาสที่จะช่วยเหลือมู่เฉินซีได้เช่นเดียวกัน
หอกยาวสีดำนั้นกวัดแกว่งไปมา และพุ่งเข้าใส่มู่เฉียนซีราวกับมังกรมหึมาอย่างไรอย่างนั้น
พรสวรรค์ของเมิ่งเสี้ยวไม่สูงเท่าเมิ่งเสี่ยวชิง หลังจากที่ผ่านไปสามสิบปีเขาพึ่งจะฝึกฝนได้ถึงระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าเท่านั้น แต่ทว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าคนหนึ่งจะจัดการมู่เฉินซีที่เป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปด แค่นี้ก็เหลือเฟือมากพอแล้ว
ทุกคนต่างลอบถอนหายใจ อัจฉริยะอันดับหนึ่งของดินแดนทางทิศใต้ผู้นี้ดูจะเย่อหยิ่งมากเกินไปหน่อย แม้ว่านางจะมีพรสวรรค์ที่ดีมาก แต่ทว่าระยะการฝึกฝนของคุณชายสี่ก็นานมากกว่านางถึงสองเท่า แล้วนางจะต่อต้านได้อย่างไร!
เมื่อเห็นท่าทางที่โหดเหี้ยมของคุณชายสี่ผู้นี้ ถึงแม้ว่ามู่เฉินซีผู้นี้จะไม่ตาย แต่คาดว่าน่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสเลยทีเดียว
มู่เฉียนซีหยิบเอาพัดวิหคเฟิงหลิงออกมา เมื่อพัดวิหคเฟิงหลิงก็บินออกไป มันก็แยกออกจากกัน และนางก็หายไปจากเบื้องหน้าของเมิ่งเสี้ยวอย่างฉับพลัน
“มันช่างเป็นความเร็วที่เร็วมากจริง ๆ!” คนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้หลายคนต่างไม่เคยเข้าร่วมงานชุมนุมอัจฉริยะงานนั้นมาก่อน และเมื่อได้เห็นความเร็วอันน่าแปลกประหลาดของมู่เฉียนซีจากระยะใกล้เช่นนี้แล้ว ทุกคนต่างก็ต้องตกตะลึงกันทั้งนั้น
“อย่าคิดว่าหลบหลีกได้แล้วเจ้าจะรอดตายนะ” เมิ่งเสี้ยวกล่าวอย่างดุร้าย
.
.