ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1966 ต้องการเจอศิษย์พี่
“เจ้า…คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้าแย่งชิงมัน!” ผู้นำตระกูลเซี่ยโหวตกใจเป็นอย่างมาก และคนในตระกูลของพวกเขาต่างรีบเตรียมตั้งรับกันขึ้นมาทันที
“เจ้าอย่าทำอะไรส่งเดชนะ จะมาแย่งบัตรเชิญที่หน้าประตูตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลเช่นนี้ เจ้ามันจะบ้าระห่ำเกินไปหน่อยแล้วนะ!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านผู้นำตระกูลเซี่ยโหว ดูเหมือนว่าข้าจะล้อเล่นกับท่านมากไปหน่อยใช่หรือไม่ ดูท่าทางของท่านสิ ตื่นตระหนกไปหมดแล้ว”
“เสี่ยวเหลิ่ง เอาบัตรเชิญมาให้ข้าหน่อย” มู่เฉียนซียืนมือออกไป
“เจ้าค่ะ นายท่าน!” เหลิ่งหนิงจือเอาบัตรเชิญมามอบให้กับมู่เฉียนซี จากนั้นมู่เฉียนซีก็เดินเข้าไป
หลังจากที่องครักษ์เฝ้าประตูได้เห็นบัตรเชิญ พวกเขาก็เชิญมู่เฉียนซีเข้าไปข้างใน
คนของตระกูลเซี่ยโหวกลุ่มนั้นจ้องมองไปที่แผ่นหลังของพวกเขาอย่างตกตะลึง “เหตุใดตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลถึงเชิญแม้กระทั่งมู่เฉินซีด้วย นี่มันไม่แปลกเกินไปหน่อยหรือ?”
“น่าจะเป็นเจ้าบ่าวที่เป็นฝ่ายเชิญมาหรือเปล่า! ความสัมพันธ์ของเจ้าบ่าวกับมู่เฉินซีนั้นไม่ธรรมดาเลยด้วย”
“……”
ใบหน้าของผู้นำตระกูลเซี่ยโหวซีดเผือด เมื่อครู่เขาถูกนางเด็กสาวคนนั้นกลั่นแกล้งแล้วสินะ ช่างน่ารังเกียจนัก
“อย่าได้มาเสียเวลาอยู่ตรงนี้ ยังไม่รีบพาข้าเข้าไปอีก! มีบัตรเชิญแล้วมันยอดเยี่ยมตรงไหน! ของขวัญที่ผู้นำตระกูลเซี่ยโหวนำมามอบให้ จะต้องดีกว่าของนางเด็กสาวน่าเกลียดนั้นแน่”
ดังนั้นผู้นำตระกูลเซี่ยโหวก็สาวเท้าก้าวเข้าไปข้างใน และคนอื่น ๆ ก็ตามเขาเข้ามา
มู่เฉินซีและผู้นำตระกูลเซี่ยโหวมาแล้ว และเมิ่งเสี่ยวชิงที่เป็นเจ้าสาวก็ออกมาตอนรับแขกด้วยตนเองเพียงลำพัง
นางยิ้มอย่างอ่อนโยนพลางกล่าวว่า “ศิษย์น้องมู่ ท่านลุงเซี่ยโหว พวกท่านมาแล้วอย่างนั้นหรือ?”
ศิษย์น้องรึ?
คนของตระกูลเซี่ยโหวเหล่านั้นต่างตะลึงงั้น เหตุใดคุณหนูเมิ่งถึงได้เรียกมู่เฉินซีว่าศิษย์น้องกันล่ะ? มู่เฉินซีเป็นคนของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลอย่างนั้นหรือ!
มู่เฉียนซีกล่าววอย่างเรียบเฉยว่า “คุณหนูเมิ่งอย่าได้เรียกอย่างส่งเดชเช่นนี้ หากคิดจะเรียกข้าว่าศิษย์น้อง ก็จะต้องให้ศิษย์พี่ของข้าแนะนำก่อนถึงจะสามารถเรียกได้ ตอนนี้เจ้ายังไม่มีสิทธิ์นั้น”
ผู้นำตระกูลเซี่ยโหวกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “มู่เฉินซี เหตุใดเจ้าถึงได้พูดเช่นนี้ นี่คืออาณาเขตของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลนะ แม่สาวน้อยเมิ่ง ไม่ต้องไปสนใจนางเด็กสาวน่าเกลียดที่ไม่รู้จักมารยาทผู้นี้หรอก ลุงเซี่ยโหวเอาของดีมาให้เจ้าด้วย”
หลังจากที่เข้ามาแล้ว แน่นอนว่าผู้นำตระกูลเซี่ยโหวก็อยากที่จะมอบของขวัญให้อย่างรวดเร็วอยู่แล้ว
ทันทีที่ผู้นำตระกูลเซี่ยโหวพูดจบ เขาก็ให้ลูกน้องหยิบเอาของกล่องขวัญขนาดใหญ่ชิ้นหนึ่งออกมา
เมื่อเปิดกล่องของขวัญออกมา ก็พบว่าทั้งหมดนั้นต่างก็เป็นของล้ำค่าอย่างไม่ต้องสงสัย
บนใบหน้าของเมิ่งเสี่ยวชิงคลี่ยิ้มออกมาพลางกล่าวว่า “ขอบคุณท่านลุงเซี่ยโหว เสี่ยวชิงมีความสุขมากจริง ๆ”
ทักษะการแสดงของเมิ่งเสี่ยวชิงนั้นสมบูรณ์แบบมากจริง ๆ เมื่อผู้นำตระกูลเซี่ยโหวมองนางก็ทำให้นึกถึงลูกสาวของตนเองขึ้นมา และก็ยิ่งทำให้รู้สึกไม่ดีกับมู่เฉียนซีมากขึ้นไปอีก
เขากล่าวว่า “เจ้ากับจือเอ๋อร์ของข้าเป็นราวกับพี่น้องกัน เมื่อเห็นเจ้าก็รู้สึกเหมือนกับเห็นนางอย่างไรอย่างนั้น หลังจากนี้อีกสองวันเจ้าก็จะแต่งงานแล้ว แน่นอนว่าข้าไม่อาจทำให้เจ้าอึดอัดใจได้ แต่มันน่าเสียดายจริง ๆ ที่นางไม่อาจเข้าร่วมได้”
ผู้นำตระกูลเซี่ยโหวเหลือบมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างดุร้าย
มู่เฉียนซีครุ่นคิดอยู่ในใจว่า หากลูกสาวของผู้นำตระกูลเซี่ยโหวจือสามารถมาได้ นั่นคงไม่ใช่เพราะนางจะมาร่วมงานแต่งงาน แต่น่าจะมาเพื่อทำลายงานแต่งนี้ และแก้แค้นให้ตนเองเสียมากกว่า
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คุณหนูเมิ่ง ในวันที่คุณหนูเซี่ยโหวต้องตายเจ้าก็อยู่ที่นั่นด้วย ในเมื่อตอนนี้เจอหน้ากันแล้ว ก็อยากให้เจ้าบอกท่านผู้นำตระกูลเซี่ยโหวให้ชัดเจน ว่ามู่เฉินซีผู้นี้ไม่ได้เป็นคนฆ่าเซี่ยโหวจือ”
เมิ่งเสี่ยวชิงผงะไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวขึ้นมาอย่างลำบากใจว่า “แม่นางมู่ แม้ว่าเจ้าจะเป็นศิษย์น้องของท่านพี่ฉู่หลี แต่ข้า…แต่ข้าก็ไม่สามารถช่วยเป็นพยายานเท็จให้เจ้าได้หรอกนะ เพราะไม่เช่นนั้นข้าคงต้องขอโทษพี่สาวเซี่ยโหวมากกว่านี้แน่”
มู่เฉียนซีโบกมือไปมาแล้วกล่าวว่า “อ้อ! เช่นนั้นก็ช่างมันเถอะ ข้าก็ไม่ได้คาดหวังว่าเจ้าจะช่วยข้าหรอก! ข้าเอาของขวัญมามอบให้เจ้า ฉะนั้นเจ้าโปรดรับเอาไว้ด้วยแล้วกัน”
เพียงไม่นาน ลูกน้องของนางก็นำเอากล่องขนาดใหญ่ออกมาจากภายในแหวนมิติทีละใบ
ตึง!
เมื่อกล่องเหล่านี้ตกลงพื้น ก็ได้ยินเสียงราวกับว่าเป็นของหนักอย่างไรอย่างนั้น อีกทั้งยังมีจำนวนมากมายอีกด้วย
ผู้นำตระกูลเซี่ยโหวบ่นพึมพำอยู่ในใจ กล่องมากมายขนาดนี้ อันที่จริงแล้วมู่เฉินซีมอบของขวัญอะไรให้กับตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลกันแน่นะ!
“เปิดกล่องซะ!” มู่เฉียนซีโบกมือ
ปัง ปัง ปัง!
กล่องแต่ละใบถูกเปิดออก และภายในไม่ได้มีของล้ำค่าอะไร แต่กลับเป็นคนคนหนึ่งเท่านั้น
ทุกคนต่างสวมชุดคลุมยาวสีแดงของงานมงคลทั้งนั้น พวกเขาถูกมัดเอาไว้และไม่สามารถพูดได้ อีกทั้งยังทำได้เพียงแค่มองไปทางเมิ่งเสี่ยวชิงด้วยดวงตาที่เบิกกว้างเท่านั้น
ผู้นำตระกูลเซี่ยโหวชะงักงันไปครู่หนึ่ง เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคนเหล่านี้กันแน่?
เขารู้สึกว่าคนสองสามคนเหล่านี้ดูคุ้นหน้าคุ้นตานัก ราวกับเคยเห็นมาก่อน ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้จะเป็นยอดฝีมือของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลสินะ
ของขวัญชิ้นนี้ทำให้คนของตระกูลเซี่ยโหวตกใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังทำให้เมิ่งเสี่ยวชิงเกือบจะรักษาหน้ากากปลอม ๆ นั่นไว้ไม่ไหวเลยทีเดียว
นางกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “แม่นางมู่ นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไรกันแน่?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “หากว่าคนเหล่านี้ต้องถูกฆ่าตายอยู่ข้างนอก สำหรับตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลของพวกเจ้าก็คงเป็นการสูญเสียอย่างหนึ่งเช่นกัน ข้าจึงได้ส่งพวกเขาที่ยังมีชีวิตอยู่กลับมาให้ และนี่ก็คือของขวัญใหญ่ของข้า มันสามารถช่วยทำให้ตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลของพวกเจ้าสูญเสียน้อยลงมาก หรือว่าคุณหนูเมิ่งไม่ชอบอย่างนั้นหรือ?”
เมิ่งเสี่ยวชิงกล่าวด้วยใบหน้าที่แข็งทื่อว่า “แม่นางมู่เจ้าช่างมีน้ำใจเหลือเกิน”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ความจริงแล้วข้ารู้สึกว่าศิษย์พี่ของข้าไม่เหมาะสมกับเจ้า และไม่อาจเป็นครอบครัวที่เหมาะสมได้เลย อีกทั้งศิษย์พี่ของข้าไม่มีทางแต่งเข้าบ้านเจ้าสาวเป็นแน่ คนเหล่านี้ของพวกเจ้าต่างก็สวมชุดเจ้าบ่าวเรียบร้อยแล้ว ไม่อย่างนั้นเจ้าก็เลือกหนึ่งในพวกเขาสักคนเถอะ!”
เมิ่งเสี่ยวชิงกำหมัดไว้แน่น จนเล็บมือของนางเจาะเข้าไปในเนื้อเลยทีเดียว
นางกล่าวว่า “แม่นางมู่ ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ชอบข้า แต่ก็อย่าให้มันมากเกินไปนักเลย เพราะข้าชอบท่านพี่ฉู่หลีจริง ๆ”
“เช่นนั้นศิษย์พี่ของข้าชอบเจ้าหรือเปล่าล่ะ?”
“แน่นอนว่าต้องชอบอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่จะตอบตกลงแต่งงานกับข้าหรอก” เมิ่งเสี่ยวชิงกล่าวตอบด้วยท่าทางที่เยือกเย็น
ผู้นำตระกูลเซี่ยโหวกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “มู่เฉินซี พอได้แล้ว ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นศิษย์น้องของฉู่หลี ก็ดูจะยุ่งมากเกินไปแล้ว! เรื่องการหมั้นหมายแต่งงานเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเขา! หากเจ้าจะมาสร้างปัญหาล่ะก็รีบกลับออกไปซะ คิดว่าตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลจะอ่อนแอจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”
มู่เฉียนซีกล่าวกับเมิ่งเสี่ยวชิงว่า “ข้าต้องการพบกับศิษย์พี่ของข้า”
เมิ่งเสี่ยวชิงกล่าวว่า “แม่นางมู่ ต้องขอโทษด้วย ก่อนถึงงานแต่งงานเจ้าบ่าวไม่อาจพบคนภายนอกได้”
“ข้าคือศิษย์น้องของเขา!”
“ไม่ใช่น้องสาวแท้ ๆ ก็ไม่ได้หรอก เด็ก ๆ! เตรียมห้องพักไว้ให้แม่นางมู่พักผ่อน และดูแลอย่างดีด้วย แล้วก็อย่าละเลยเป็นอันขาด” เมิ่งเสี่ยวชิงปฏิเสธความต้องการของมู่เฉียนซีอย่างเด็ดขาด
ต่อมานางก็กล่าวอย่างเอาใจมากว่า “หากแม่นางมู่ไม่คุ้นเคยที่จะอยู่ที่นี่ ก็สามารถไปอยู่ที่โรงเตี้ยมได้ และเมื่อถึงวันงานแต่งงานค่อยมาเข้าร่วมก็ได้เช่นกัน”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าขี้เกียจวิ่งไปวิ่งมาเช่นกัน บรรยากาศของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลของพวกเจ้าถือได้ว่าไม่เลวเลย ข้าจะอยู่ที่นี่แหละ! นำทางไปเถอะ!”
ตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลมีการวางแผนการร้าย และมู่เฉียนซีก็รู้ดีว่าไม่ว่าจะพูดอย่างไรนางก็ไม่มีทางให้โอกาสนางได้เจอกับศิษย์พี่แน่
ในตอนที่มู่เฉียนซีกำลังจะเดินผ่านเมิ่งเสี่ยวชิงนั้น เมิ่งเสี่ยวชิงก็กระซิบข้างหูของมู่เฉียนซีว่า “แม่นางมู่ อยู่ในตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลของข้าอย่าได้เดินไปมาส่งเดช หากพลาดพลั้งไปเจอกับอันตรายอะไรก็ตามในเขตต้องห้าม ถึงข้าอยากจะช่วยเจ้าข้าก็ช่วยไม่ได้หรอกนะ ฉะนั้นเจ้าต้องระวังให้มากล่ะ!”
มู่เฉียนซีก็กล่าวตอบกลับไปอย่างตรงไปตรงมาเช่นกัน “คนอื่นอาจจะไม่รู้ใบหน้าที่แท้จริงของเจ้า หรือคิดว่าข้าก็จะไม่รู้ด้วยอย่างนั้นหรือ? เมิ่งเสี่ยวชิง เจ้าอย่าเสแสร้งนักเลย ทางที่ดีเจ้าปล่อยให้ข้าพบศิษย์พี่จะดีกว่า มิฉะนั้นเมื่อถึงตอนที่อยู่ในงานแต่งงานข้าอาจจะทุบทำลายงานจนทำให้เจ้าต้องขายหน้าต่อหน้าทุกคนก็เป็นได้”
“เจ้าคือศิษย์น้องของท่านพี่ฉู่หลี หากคิดถึงเขาจริง ๆ แล้วล่ะก็ เจ้าก็ควรที่จะอวยพรในงานแต่งงานของเรา และอย่าได้มาสร้างปัญหาจะดีกว่านะ!” เมิ่งเสี่ยวชิงกล่าว
.