ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1965 ส่งบัตรเชิญมาให้
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้าลองพูดดูสิ”
“หากจะให้ข้าพูด ลูกแมวน้อยไม่มีรางวัลให้ข้าสักหน่อยหรือ?”
มู่เฉียนซีโยนยาขวดหนึ่งออกไป พลางกล่าวว่า “รางวัล! ค่าที่เจ้าต้องลำบาก!”
“ยาลูกกลอนไม่มีประโยชน์สำหรับข้า ข้าไม่สนใจหรอก”
“ใครบอกว่าเป็นยาลูกกลอนกัน นั่นมันถั่วหวานที่เอาไว้กินต่างหาก”
พิฆาตวิญญาณกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ลูกแมวน้อยคิดว่าข้าเป็นเด็กอย่างนั้นหรือ? ถึงได้มอบถั่วหวานให้ข้าอย่างขอไปทีเช่นนี้”
“เช่นนั้นเจ้าอยากจะพูดหรือว่าไม่พูดกันแน่ล่ะ?”
พิฆาตวิญญาณกล่าวว่า “ในเมื่อรับรางวัลมาแล้ว ก็ไม่อาจให้เจ้าเอาคืนไปได้เช่นกัน ข้าก็แค่พูดไปก็จบแล้ว”
พิฆาตวิญญาณเหลือบมองไปที่นอกหน้าต่างแล้วกล่าวว่า “พื้นที่ของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลมีความแปลกประหลาดมาก นั่นก็คือค่ายกลที่ผนึกมังกรและสังเวยปีศาจ เขาหยิบเอาดินที่ซ่อนอยู่ออกมาจากดินแดนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของปีศาจ ในใต้ดินนี้มีสิ่งของบางอย่าง และมันก็น่าจะเป็นปีศาจตัวหนึ่งอีกด้วย”
“กลิ่นอายมันอ่อนแอมาก แต่ว่าข้าสัมผัสถึงมันได้ และเรื่องนี้ก็น่าสนใจมากเลยทีเดียว! ลูกแมวน้อย เจ้าคิดว่าอย่างไรบ้าง!”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ดูเหมือนว่าตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลจะแปลกประหลาดมากจริง ๆ พรุ่งนี้ไปดูกันเถอะ! พลังของศิษย์พี่มีกลิ่นอายปีศาจอยู่ด้วย ดูแล้วเมิ่งเสี่ยวชิงคงจะชื่นชอบในสิ่งนี้ ดังนั้นถึงได้มาติดพันศิษย์พี่เช่นนี้”
พิฆาตวิญญาณจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “ลูกแมวน้อย ถึงแม้ว่าเจ้าจะรู้ว่าใต้ดินนี้มีอันตรายแต่เจ้าก็อยากที่จะช่วยศิษย์พี่ผู้นั้นอย่างนั้นหรือ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
“เจ้าไม่กลัวเลยหรืออย่างไร?”
“ตอนแรกที่ข้าต่อสู้กับเจ้าข้ายังไม่กลัวเลย เจ้าคิดว่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นมันจะดุร้ายยิ่งกว่าเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
พิฆาตวิญญาณหัวเราะแล้วกล่าวว่า “ข้าชอบฟังคำนี้นะ”
และคนที่เป็นผู้ส่งข่าวคนนั้นก็ได้ไปแจ้งข่าวให้เมิ่งเสี่ยวชิงได้รับรู้อีกทั้งเจ้าตำหนักก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน “เจ้าพูดว่าอะไรนะ? คิดไม่ถึงว่าทางฝ่ายมู่เฉินซีจะมีหุ่นเชิดผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดอยู่ด้วย และยังมียอดฝีมือมาด้วยอีกไม่น้อยเลยหรือ”
“ใช่ขอรับ ท่านเจ้าตำหนัก คุณหนูใหญ่!”
สีหน้าของพวกเขาเคร่งขรึมขึ้นมาทันที กองกำลังของอีกฝ่าย ไม่ใช่ว่าตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลของพวกเขาจะจัดการไม่ได้
เพียงแต่ว่าพวกเขายังมีเรื่องที่ต้องทำอีก และไม่อยากที่จะสิ้นเปลืองกำลังคนมากเกินไป อีกทั้งยังไม่อยากเผยความแข็งแกร่งมากเกินไปด้วย
แต่เมิ่งเสี่ยวชิงรู้สึกว่า หากไม่กำจัดมู่เฉินซีผู้นี้ออกไปเสีย นางก็รู้สึกราวกับว่ามีอะไรสักอย่างติดอยู่ในลำคอของนางน่ะสิ!
เมิ่งเสี่ยวชิงกล่าวว่า “มู่เฉินซียังพูดอะไรอีกหรือไม่?”
“นางบอกว่านางเป็นศิษย์น้องของคุณชายฉู่หลี และพรุ่งนี้นางอยากจะมาที่ตำหนักเทพวิญญาณหลับใหล ฉะนั้นจึงบอกให้คุณหนูใหญ่ส่งบัตรเชิญไปให้นางด้วย เมื่อถึงเวลานั้นนางจะนำของขวัญอันล้ำค่ามามอบให้” คนผู้นั้นกล่าวอย่างระเอียด
เมิ่งเสี่ยวชิงมองไปทางเจ้าตำหนักเมิ่งพลางกล่าวว่า “ท่านแม่ ในเมื่อนางอยากจะมา เช่นนั้นก็ให้นางมาเถอะ!”
เจ้าตำหนักเมิ่งกล่าวว่า “ได้! เช่นนั้นก็ให้นางมา เมื่อเข้ามาในตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลของข้าแล้ว นางสาวน้อยผู้นั้นอย่าคิดที่จะมีชีวิตออกไปเลย แม่จะต้องแก้แค้นให้เจ้าอย่างแน่นอน”
“ใช่แล้ว ชายผู้นั้นยังไม่หวั่นไหวกับชิงเอ๋อร์อีกอย่างนั้นหรือ?” เจ้าตำหนักเมิ่งกล่าวถาม
“หลังจากที่แต่งงาน และมีพลังอำนาจที่สมบูรณ์แล้ว ถึงเขาจะไม่หวั่นไหว แต่เขาก็จะเป็นผู้ชายของลูก ฉะนั้นท่านแม่โปรดวางใจเถิด”
“อื้ม! ชิงเอ๋อร์เป็นคนจัดการเรื่องต่าง ๆ เอง แม่ต้องวางใจแน่นอนอยู่แล้ว”
ในเมื่อพวกเขาวางแผนจะให้นางมาติดกับด้วยตนเองแล้ว ดังนั้นจึงไม่สิ้นเปลืองกำลังคนไปจัดการมู่เฉียนซีอีก และทั้งคืนนั้นมู่เฉียนซีก็พักผ่อนได้อย่างดีเลยทีเดียว
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลก็ส่งคนมามอบบัตรเชิญให้
เหลิ่งหนิงจือกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายเลือกที่จะไม่ลงมือแล้ว เมื่อคืนวานพวกเขาก็ไม่ได้รบกวนนายท่าน และยังปล่อยนายท่านได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ด้วย”
นางได้นอนจนตื่นด้วยตนเอง และหลังจากที่กินอิ่มแล้วเหลิ่งหนิงจือก็มอบบัตรเชิญให้กับมู่เฉียนซี
“ดูเหมือนว่าเมิ่งเสี่ยวชิงจะรู้จักเอาตัวรอดได้ดีเลยทีเดียว!”
เหลิ่งหนิงจือกล่าวว่า “การไปในคราวนี้จะต้องเป็นเหมือนการเข้าไปในถ้ำเสือเป็นแน่ นายท่านจะต้องระมัดระวังให้มากนะเจ้าคะ”
“กล้ามาโจมตีความคิดของศิษย์พี่ ไม่ว่ามันจะเป็นถ้ำเสือหรืออะไรก็ตาม ข้าไม่พลาดที่จะพลิกมันให้คว่ำอย่างแน่นอน”
ก่อนที่จะไปยังตำหนักเทพวิญญาณหลับใหล มู่เฉียนซีก็รอจนกว่าจูเชว่จะส่งจดหมายฉบับถัดไปมาให้ และในจดหมายฉบับนี้เป็นข้อมูลที่บอกว่าคุณหนูเมิ่งจะจัดงานแต่งงานในอีกสามวัน และต่อมาก็คือรายชื่อที่ได้รับบัตรเชิญกลุ่มหนึ่ง
ดูเหมือนว่ากองกำลังระดับสี่ทั้งหมดของดินแดนทางทิศใต้ต่างก็ถูกเชื้อเชิญมาทั้งหมด และเท่านั้นยังไม่พอ แม้แต่กองกำลังระดับสามต่างก็ยังไม่ละเว้นเช่นกัน
การจัดงานแต่งงานที่มีรูปแบบที่ยุ่งยากเช่นนี้ ในร้อยปีมานี้ไม่เคยมีกองกำลังไหนทำเช่นนี้มาก่อนเลย
สิ่งนี้ได้ดึงดูดเสียงฮือฮาไม่น้อยเลยทีเดียว “ตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลไม่โอ้อวดเกินไปหน่อยหรือ! ลูกสาวอันล้ำค่าของพวกเขาไม่ได้แต่งงานกับอัจฉริยะอันดับหนึ่งของดินแดนใต้เสียหน่อย”
“แม้จะแต่งงานกับคนที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ไม่ขนาดจะนี้เลยนะ!”
“……”
แม้ว่านี่มันจะผิดปกติเล็กน้อย แต่ทุกคนต่างก็รู้สึกเพียงแค่ว่าเจ้าตำหนักของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลรักและทะนุถนอมลูกสาวของตนเองมาก จึงได้ทำเรื่องที่โอ้อวดเกินจริงเช่นนี้ออกมาเท่านั้น
แต่มู่เฉียนซีก็รู้อยู่แล้วว่าตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลนั้นมีบางอย่างที่ไม่ปกติ และรู้สึกว่าที่อีกฝ่ายโอ้อวดเช่นนี้ กลัวว่าจะมีเรื่องผิดปกติเสียมากกว่า
“ส่งข่าวไปให้กับจูเชว่ ไป๋เจ๋อและฉงหมิง บอกพวกเขาให้ระมัดระวังด้วย และให้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่” เพราะพวกเขาทั้งสามคน ต่างก็อยู่ในรายชื่อที่ถูกเชิญมาเช่นกัน
“ขอรับ!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไปกันเถอะ! พวกเราไปที่ตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลกัน”
แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ที่เมืองเมิ่งหุย แต่คนที่มายังตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลเร็วที่สุดกลับไม่ใช่พวกเขา เพราะมีกองกำลังระดับสามบางสำนักที่เมื่อได้รับข่าวแล้วก็รีบรุดหน้ามาอย่างไม่หยุดหย่อนตั้งแต่เช้าแล้ว
โอกาสที่ดีเช่นนี้ แน่นอนว่าพวกเขาต้องฉวยโอกาสมาประจบประแจงอยู่แล้ว
ในตอนที่มู่เฉียนซีมาถึงนอกประตูตำหนักของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหล คนอีกกลุ่มหนึ่งก็รีบร้อนมาจากอีกทางด้านหนึ่งอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ในตอนที่ชายวัยกลางคนคนหนึ่งจ้องมองไปที่มู่เฉียนซี เขาก็กล่าวอย่างเดือดดาลว่า “มู่เฉินซี คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้ามาที่ตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลเช่นนี้ เจ้าช่างรนหาที่ตายนัก!”
มู่เฉียนซีกวาดตามองไปยังพวกเขาอย่างเรียบเฉยพลางกล่าวว่า “เจ้าเป็นใครกัน?”
“เจ้าไม่รู้ว่าข้าผู้นี้เป็นใครอย่างนั้นหรือ?”
เหลิ่งหนิงจือกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “นายท่าน คนผู้นี้ก็คือผู้นำตระกูลเซี่ยโหวเจ้าค่ะ”
มู่เฉียนซีกล่าวพลางคลี่ยิ้มบาง ๆ ว่า “ที่แท้ก็เป็นผู้นำตระกูลเซี่ยโหวนี่เอง ยินดีที่ได้พบ”
“เจ้าฆ่าลูกสาวของข้า คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้ามาปรากฏตัวต่อหน้าข้าเช่นนี้ เจ้านี่ช่างกล้าหาญนัก”
“ข้าได้ให้คนเอาคำพูดไปบอกท่านผู้นำตระกูลเซี่ยโหวแล้ว หรือว่าท่านผู้นำตระกูลเซี่ยโหวยังไม่ได้รับอย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“ข้าไม่เชื่อเจ้าหรอก แม่หนูน้อยเมิ่งก็บอกอยู่ว่าเจ้าเป็นคนฆ่า”
“อ้อ! ในเมื่อท่านผู้นำตระกูลเซี่ยโหวต้องการแก้แค้นให้ลูกสาวของท่าน เช่นนั้นก็ลงมือได้เลย! ใครกลัวใครกันล่ะ?” ทันทีที่มู่เฉียนซีโบกมือ คนของหอหมอปีศาจก็เตรียมพร้อมแล้ว
หุ่นเชิดทั้งหมดถูกปล่อยออกมา และแต่ละตัวต่างก็แผ่กลิ่นอายที่อันตรายออกมาด้วย
สีหน้าของผู้นำตระกูลเซี่ยโหวเปลี่ยนไปทันที “จะ…เจ้า…”
คราวนี้ผู้นำตระกูลเซี่ยโหวมาเพื่อเข้าร่วมงานแต่งงาน จึงพายอดฝีมือมาไม่มากนัก ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่ได้จะมาก่อเรื่อง แล้วจะพาคนมากมายมาด้วยทำไมกันล่ะ?
เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่ามู่เฉินซีก็จะมาที่นี่ด้วย และกองกำลังของอีกฝ่ายก็เก่งกาจกว่าพวกเขามากอย่างเห็นได้ชัด
หากจะเริ่มต่อสู้กันจริง ๆ พวกเขาคงจะต้องแบกรับผลที่ตามด้วยเป็นแน่!
เขากล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “มู่เฉินซี เจ้าอย่าเข้ามาส่งเดช ที่นี่คืออาณาเขตของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหล หรือว่าเจ้าต้องการที่จะมาสร้างปัญหาที่นี่อย่างนั้นหรือ”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างผู้บริสุทธิ์ว่า “เป็นท่านผู้นำตระกูลเซี่ยโหวที่มาตะโกนร้องอยากจะฆ่าข้าเอง ข้าก็แค่พยายามป้องกันตัวเองอย่างถูกต้องไม่ใช่หรือ? ในเมื่อท่านผู้นำตระกูลเซี่ยโหวไม่ได้มีความหมายเช่นนั้น ข้าก็ไม่คิดจะเคลื่อนไหวให้เปลืองแรงหรอก”
พวกเขาก็เก็บหุ่นเชิดไปอย่างรวดเร็ว และยังเรียกคือพลังของพวกเขาด้วย
ผู้นำตระกูลเซี่ยโหวกล่าวว่า “มู่เฉินซี ข้ารู้ว่าเจ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับเจ้าหนุ่มฉู่หลีผู้นั้น! ถึงเจ้าคิดจะเข้าร่วมงานแต่งของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหล แต่หากไม่มีบัตรเชิญเจ้าก็เข้าร่วมไม่ได้หรอกนะ!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าไม่มีบัตรเชิญน่ะสิ! แต่ว่าท่านผู้นำตระกูลเซี่ยโหวไม่ใช่ว่าท่านมีอย่างนั้นหรือ?”
“อยากจะให้ข้าพาเจ้าเข้าไปด้วยอย่างนั้นหรือ เจ้าฝันไปเสียเถอะ!”
“ข้ายังไม่ได้บอกเลยว่าต้องการให้ท่านผู้นำตระกูลเซี่ยโหวพาข้าเข้าไปเลย แต่ข้าจะบอกว่าข้าสามารถแย่งมันมาได้ต่างหากล่ะ!” มู่เฉียนซีจ้องมองไปยังเจ้าตระกูลเซี่ยโหวอย่างหยอกล้อ
.