ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1963 ตำหนักเทพเมิ่งหุย
ฉงหมิงกล่าวถามว่า “เจ้าจิ้งจอกบ้านั่นมันส่งข่าวอะไรมาถึงทำให้เจ้าโกรธได้ถึงเพียงนี้กัน?”
“ข้ามีธุระคงต้องไปก่อนแล้ว ข้าจะมาขอคำแนะนำจากเจ้าในวันหลังแล้วกัน” และมู่เฉียนซีก็พุ่งทะยานออกไป
ฉงหมิงรีบร้อนไล่ตามไป “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? เจ้าบอกข้ามาสิ! เจ้าช่วยข้ามามากมายขนาดนี้ หากมีเรื่องอะไรก็พูดออกมาเถอะ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้าเพิ่งจะจัดการคู่แข่งไปสองสำนัก และยังมาอยู่ที่สมาคมนักหลอมอาวุธอีกตั้งหลายวัน เจ้าควรจะกลับไปเก็บตัวและจัดการเรื่องของตนเองได้แล้ว แล้วข้าก็ไม่ใช่พวกคนอ่อนแอเสียหน่อย”
มู่เฉียนซีพุ่งตรงออกนอกเมืองไป ในตอนที่ฉงหมิงไล่ตามไปนั้น มู่เฉียนซีก็ได้บินไปกับเสี่ยวโม่โม่เสียแล้ว
“ให้ตายเถอะ!” ฉงหมิงกล่าวอย่างโกรธเคือง!
“คุณชาย!” มีคนคุกเข่าอยู่ข้างกายของเขา
จูเชว่ส่งข่าวอะไรมาให้กันแน่? เหตุใดถึงทำให้นางพุ่งออกไปอย่างนั้นได้?”
คนผู้นั้นกล่าวตอบว่า “เรียนคุณชาย คุณชายจูเชว่ส่งข่าวมาว่า เพื่อนของแม่นางมู่กำลังจะจัดงานแต่งงานกับนายหญิงน้อยของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลขอรับ!”
ฉงหมิงบ่นพึมพำว่า “งานแต่งงานของคนอื่นจะตื่นเต้นไปทำไมกัน? หรือว่าจะเป็นคนที่ผู้หญิงคนนั้นแอบชอบอย่างนั้นหรือ”
“ไปเตรียมสัตว์ศักดิ์สิทธิ์บินได้ที่เร็วที่สุดมาให้ข้า!” ฉงหมิงออกคำสั่ง
“คุณชาย…ทะ…ท่านยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องจัดการนะขอรับ ท่านโปรด…”
ฉงหมิงกล่าวว่า “ถึงอย่างไรเสียตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลก็เป็นกองกำลังระดับสี่เช่นกัน คุณหนูใหญ่ของพวกเขาแต่งงานข้าก็แค่ไปร่วมงานเท่านั้น มีอะไรที่ไม่ดีกันล่ะ? ตอนแรกพวกเจ้าแนะนำให้ข้าสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับแต่ละกองกำลังใหญ่ไม่ใช่หรือ? ตอนนี้ข้ายอมทำตามแล้ว พวกเจ้ายังมีความคิดเห็นอะไรอีกหรือไง?”
มุมปากของลูกน้องคนนั้นกระตุกขึ้นเล็กน้อย คุณชาย คนอย่างท่านไม่ได้ไปสร้างความสัมพันธ์ที่ดีหรอก แต่ท่านจะไปหาเรื่องต่างหากล่ะ
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คุณชายก็คือเจ้านาย และไม่ว่าคุณชายจะพูดอะไรมันก็ถูกทั้งนั้นแหละ
“ขอรับคุณชาย! ข้าน้อยจะไปเตรียมมาให้เดี๋ยวนี้”
เสี่ยวโม่โม่กำลังบินไปด้วยความเร็วสูงสุด พิฆาตวิญญาณที่นั่งอย่างเกียจคร้านอยู่ข้างกายของนางกล่าวว่า “ลูกแมวน้อย เหตุใดถึงเป็นกังวลเรื่องศิษย์พี่คนนั้นถึงเพียงนั้นล่ะ! ก็แค่แต่งงานเท่านั้นเอง หรือว่าลูกแมวน้อยจะชอบเขาจนอยากจะไปฉุดเขามาแต่งงานด้วยหรือ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “คราวที่แล้วข้าปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นหนีไปได้ คิดไม่ถึงเลยว่านางจะยังไม่ยอมแพ้เรื่องของศิษย์พี่ ถึงอย่างไรศิษย์พี่ไม่มีทางแต่งงานกับนางแน่ ตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลต้องใช้วิธีอะไรบางอย่างแน่นอน น่าเสียดายที่แม้แต่จูเชว่ก็ไม่ได้รับข้อมูลเฉพาะเจาะจง และรู้แค่เพียงข่าวการแต่งงานเท่านั้น”
ดวงตาสีแดงเลือดของพิฆาตวิญญาณคู่นั้นจ้องมองมาที่มู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “เช่นนั้นลูกแมวน้อย ต้องการให้ข้าสังหารหมู่ และทำให้มันเป็นฉากงานแต่งงานที่นองเลือดเพื่อเจ้าหรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เว้นแต่จะอยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็น เจ้าอย่าใช้พลังให้มากเกินไปจะดีกว่า แม้ว่าเจ้าจะกระสับกระส่ายมาก แต่เพราะเจ้ามีพลังที่บ้าคลั่งอยู่ จึงทำให้ข้าทำงานโดยไม่จำเป็นต้องระมัดระวังมากเกินไปนัก”
มุมปากของพิฆาตวิญญาณกระตุกขึ้นเล็กน้อย เขากล่าวว่า “อื้ม! ข้ารู้แล้ว ลูกแมวน้อยคงไม่อยากให้ข้ากลับไปหลับใหลต่อสินะ! วางใจเถอะ ข้าจะต้องอยู่ได้นานกว่าเจ้านิรันดร์นั่นอย่างแน่นอน”
“เจ้าจะพูดมากเกินไปแล้ว หากถึงตอนนั้นมาหน้าแตก ระวังจะถูกนิรันดร์หัวเราะเยาะเอาที่หลังได้นะ”
“เจ้าคิดว่าข้าจะให้เจ้านิรันดร์นั่นมีโอกาสนั้นอย่างนั้นหรือ?”
ทั้งสองคนพูดคุยตอบโต้กันไปมา ทำให้ตลอดทั้งการเดินทางนั้นมู่เฉียนซีไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเลยแม้แต่น้อย
นางรู้ดีว่าศิษย์พี่ไม่ใช่คนธรรมดา และไม่มีทางถูกเมิ่งเสี่ยวชิงหลอกได้อย่างง่ายดายเช่นนั้นแน่นอน
ตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลตั้งอยู่ที่ดินแดนทางทิศใต้ของราชวงศ์ตงหวงและยังอยู่ใกล้เมืองใหญ่อย่างเมืองเมิ่งหุยอีกด้วย เสี่ยวโม่โม่บินไปทางเมืองเมิ่งหุยอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ
แน่นอนว่ามู่เฉียนซีไม่อาจพุ่งไปยังตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลได้โดยตรงได้ นางจึงเลือกหาสถานที่ในการสอบถามหาข่าวคราวก่อน และตอนนี้ทุกคนต่างก็พูดคุยเรื่องการแต่งงานของคุณหนูใหญ่เมิ่งแห่งตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลกันทั้งนั้น
“ได้ยินมาว่าคนที่คุณหนูใหญ่เมิ่งต้องการจะแต่งงานด้วย เป็นเพียงแค่ลูกศิษย์กองกำลังระดับสามคนหนึ่งเท่านั้น เรื่องนี้ทำให้คนอื่นค่อนข้างที่จะอึดอัดมากเลยทีเดียว”
“นั่นเป็นเพราะสายตาเจ้าคับแคบเกินไป แม้ว่าคุณชายฉู่หลีจะเป็นเพียงลูกศิษย์ของกองกำลังระดับสาม แต่ทว่าพรสวรรค์ในการฝึกฝนของเขาอยู่ในระดับที่สูงมาก อีกทั้งยังเป็นอัจฉริยะอันดับสองของดินแดนทางทิศใต้ของพวกเราอีกด้วย”
“หากคุณชายฉู่หลีต้องการที่จะเอาอันดับที่หนึ่งมาก็ไม่มีปัญหาเลย เพียงแต่ไม่อยากที่จะแข่งขันกับมู่เฉินซีเท่านั้นเอง ตอนอยู่ที่กองกำลังระดับสามยังมีพลังได้ถึงเพียงนี้ ตอนนี้แต่งงานกับคุณหนูใหญ่เมิ่ง และได้ครอบครองทรัพยากรในการฝึกฝนของกองกำลังระดับสี่ น่าจะเฟื่องฟูขึ้นมาชั่วพริบตาเดียวเป็นแน่”
“คุณหนูใหญ่เมิ่งถือได้ว่าเป็นคนสวยคนหนึ่งเลยทีเดียว! แม้ว่านางจะไม่ได้มีความงามที่ล่มเมืองได้ แต่ก็เป็นคนอ่อนโยนที่มีอนาคตไกล คุณชายฉู่หลีนี่ช่างโชคดีเสียจริง ๆ”
เสียงของการสนทนายังคงดำเนินต่อไป มีบางคนที่อิจฉาและบางคนที่ริษยา พิฆาตวิญญาณกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ลูกแมวน้อย ทุกคนต่างก็พูดว่าศิษย์พี่ของเจ้าได้กำไรก้อนโต หรือว่าพวกเราแค่ไปมอบของขวัญใหญ่ เพื่ออวยพรให้พวกเขาอยู่ด้วยกันชั่วนิรันดร์ดีล่ะ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ผู้หญิงคนนั้นไม่มีคุณสมบัติเช่นนั้นหรอก”
เมิ่งเสี่ยวชิงเป็นคนแปลกประหลาดมาก ที่นางอยากแต่งงานกับศิษย์พี่ต้องไม่ใช่เพราะนางชอบคนอย่างศิษย์พี่ แต่ต้องเป็นเพราะมีแผนการอื่นอย่างแน่นอน
“ลูกแมวน้อยเจ้าระวังตัวด้วย ข้าจะไปดูที่ตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลเสียหน่อย” และพิฆาตวิญญาณก็หายไปจากเบื้องหน้ามู่เฉียนซีในทันที
“ไปรอข่าวจากจูเชว่ที่โรงเตี้ยมก่อนดีกว่า เมื่อยืนยันได้แล้วค่อยเคลื่อนไหวขั้นต่อไป” มู่เฉียนซีบ่นพึมพำ
ปล่อยให้คนอื่นมาใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ใต้จมูุกตนเอง อีกทั้งยังมีช่องโหว่ในเครือข่ายข้อมูลข่าวสารของตนเองปรากฏขึ้นมาอีก นี่ถือเป็นการยั่วยุจูเชว่มากเลยทีเดียว
เพียงไม่นานจูเชว่ก็ได้ส่งข่าวต่อไปมาว่า หลังจากที่ข่าวเรื่องการแต่งงานของฉู่หลีและคุณหนูใหญ่เมิ่งถูกปล่อยออกมา จูเชว่ก็ตรวจสอบพบว่าท่านอาจารย์ฉู่ก็ไม่ได้อยู่ในสำนักลั่วเยว่เช่นกัน
และเกรงว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนจับตัวท่านอาจารย์ฉู่ไป เพื่อข่มขู่ฉู่หลี เพราะฉู่หลีที่เป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่ง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถต่อต้านกองกำลังระดับสี่ได้ แต่พวกเขาก็ไม่มีทางจับเขาได้เช่นกัน
และจูเชว่ยังค้นพบเรื่องประหลาดอีกนิดหน่อย นั่นก็คือตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลกระทำการอย่างเป็นความลับด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้เขารู้เพียงแค่ว่านี่เป็นกองกำลังระดับสี่ธรรมดาเท่านั้น จึงไม่ได้เปลืองพลังงานไปกับพวกเขามากเท่าไรนัก
แต่เมื่อมาดูตอนนี้แล้ว ตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลแห่งนี้ค่อนข้างพิเศษเลยทีเดียว เขาให้มู่เฉียนซีระมัดระวังตัวให้ดี และเขาก็จะมาเข้าร่วมงานแต่งงานของคุณหนูเมิ่งผู้นี้เช่นกัน
หลังจากที่อ่านข้อมูลของจูเชว่แล้ว มู่เฉียนซีก็เผาทำลายมันทิ้งในทันที นางเหลือบมองไปนอกหน้าต่าง และมุมปากก็กระตุกยกขึ้นเล็กน้อย พลางพึมพำว่า “ตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลแห่งนี้ คงจะดูถูกเกินไปไม่ได้แล้วสินะ!”
มีใครบางคนคอยสอดแนมนาง และคาดว่าน่าจะเป็นคนของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลด้วย
นางเพิ่งเข้ามาในเมืองได้เพียงไม่นานเท่านั้น แต่พวกเขากลับรู้ตัวแล้ว เพียงแต่ฝ่ายตรงข้ามมีความอดทนมากพอ จึงยังไม่ได้เริ่มลงมือเสียที
นี่ไม่ใช่โอกาสที่ดีที่สุดในการเคลื่อนไหว ฉะนั้นก่อนหน้านั้นมู่เฉียนซีจึงเริ่มฝึกฝนอย่างใจเย็น และรอให้ถึงเวลาพลบค่ำเสียก่อน
เป็นอย่างที่คาดไว้ เมื่อถึงช่วงเวลาพลบค่ำแล้ว ก็ได้มีเสียงต่อสู้ที่รุนแรงดังขึ้นมา ‘ตูมม!’ ซึ่งเป็นเสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหวเป็นอย่างมาก และมู่เฉียนซีก็หลบหลีกการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างรวดเร็ว
มู่เฉียนซีเหลือบมองไปที่คนเหล่านั้นพลางเยาะเย้ยว่า “มาถึงพอดีเลย! เจ้าคิดว่าข้าจะหาคนของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลไม่เจออย่างนั้นหรือ?”
“มู่เฉินซี เข้ามาในเมืองเมิ่งหุยโดยที่ไม่พลางตัวเลยสักนิด วันนี้ต้องเป็นวันตายของเจ้าแน่” อีกฝ่ายกล่าวอย่างดุร้าย
มุมปากของมู่เฉียนซีแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยัน “คนอย่างเจ้าหรือ! เมิ่งเสี่ยวชิงคงจะประเมินข้าต่ำเกินไป! ถึงได้อาศัยผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำเช่นเจ้า อีกทั้งยังหมายจะเอาชีวิตข้าอีกด้วย”
นางหยิบเอาพัดวิหคเฟิงหลิงออกมา และวาดผ่านออกไป
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
“เสี่ยวโม่โม่ จงออกมา และจัดการอย่างรวดเร็วซะ!”
ตูมมม โครมมม!
อาศัยเขาเพียงคนเดียวไม่สามารถที่จะจัดการกับมู่เฉียนซีได้ และทันใดนั้นก็มีเสียงแหวกอากาศดังขึ้น ยังมีที่ซ่อนอยู่อีกคนหนึ่งสินะ!
.