ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1961 ร่างเงาของสกุลมู่
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไสหัวไปซะ!”
องครักษ์สีเงินเหล่านั้นกล่าวว่า “ผู้ที่ขวางทาง ต้องตาย! นายน้อยเฟิงต้องกลับไปรายงานองค์หญิงหลินหลางของพวกข้า”
พลังอำนาจที่รุนแรงขององครักษ์สีเงิน ซึ่งพวกเขาต่างตกใจกลัวไม่น้อย และมันก็ทำให้พวกเขาต้องถอยหลังไปหลายสิบก้าวเลยทีเดียว
นายน้อยเฟิง เป็นนายน้อยของตระกูลใดกันแน่?
พวกเขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาภายหลัง หรือว่าจะเป็นตระกูลเฟิงนั้น
พระเจ้า! คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะกล้าขวางทางนายน้อยของตระกูลนั้น นี่มันบ้าไปแล้วจริง ๆ!
ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ผู้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดและผู้ที่มีความโดดเด่นที่สุดในราชวงศ์ตงหวง แน่นอนว่าต้องเป็นเชื้อพระวงศ์สกุลมู่ของราชวงศ์ตงหวงอยู่แล้ว
นอกจากนี้ยังมีอยู่อีกสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือตระกูลเฟิงที่เป็นเหมือนร่างเงาคอยติดตามเชื้อพระวงศ์สกุลมู่อยู่
นับตั้งแต่ตระกูลมู่สร้างราชวงศ์ตงหวงขึ้นมาเมื่อหมื่นปีก่อน และตระกูลเฟิงก็ดำรงอยู่ในฐานะตระกูลองครักษ์เงาของตระกูลมู่มาตลอด
สายเลือดของพวกเขาเหมาะสมที่จะฝึกฝนทักษะวิชาลับเป็นพิเศษ ซึ่งสามารถคอยปกป้องเจ้านายของตนเองได้เหมือนกับร่างเงาอย่างไรอย่างนั้น
ได้ยินข่าวมาว่าตอนแรกที่คุณชายเฟิงอวิ๋นคิดทรยศและหลบหนีไป หากไม่ใช่เพราะผู้นำตระกูลเฟิงที่ตอนนั้นอยู่ในฐานะร่างเงาของเขาคอยปกป้องเอาไว้ด้วยชีวิต คุณชายเฟิงอวิ๋นคงจะไม่สามารถหลบหนีออกไปได้แล้ว
ตระกูลเฟิงและคนของตระกูลเฟิงคอยปกป้องเชื้อพระวงศ์สกุลมู่มาตลอดหลายชั่วอายุคน หากยอมรับว่าเป็นเจ้านาย ก็จะยอมอยู่ใต้อำนาจและมอบสิทธิผลประโยชน์ทั้งหมดให้ด้วยใจ และยอมร่วมเป็นร่วมตายไปด้วยกัน!
นับตั้งแต่การตายของผู้นำตระกูลเฟิง สถานะของตระกูลเฟิงก็เริ่มเสื่อมถอยลง และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่ปีก็ถูกกวาดล้างไป
คิดไม่ถึงเลยว่านายน้อยของตระกูลเฟิงจะโชคดีจนมีชีวิตรอดมาได้ และดูเหมือนว่าจะกลายไปเป็นร่างเงาขององค์หญิงหลินหลางไปแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้พวกเขาประหลาดใจเป็นอย่างมากเช่นกัน
ด้วยสถานะเช่นนี้ แม้ว่าจะไม่มีตระกูลเฟิงอยู่แล้ว แต่สถานะของเขาก็อยู่สูงเกินเอื้อมอยู่ดี
ตอนนี้ไม่มีใครกล้าขวาง หรือสอบถามอีกต่อไปแล้ว และหลังจากนั้นพวกเขาก็หายไปต่อหน้าต่อตาอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ออกไปแล้ว จิตใจของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ”พวกเรา…พวกเราควรจะทำอย่างไรดี?”
“ทำอย่างไรหรือ?”
“ยังสามารถทำอะไรได้อีกล่ะ?”
ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือของสำนักสือเหมินหรือสมาคมการค้าเฮยอวิ๋น ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ต่างตายกันไปหมดแล้ว และพวกเขาก็กำลังเผชิญหน้ากับข่าวร้ายอย่างแท้จริง
มีหลายคนที่รีบหนีเอาชีวิตรอด และยังมีบางคนที่เหลือความโชคดีอยู่บ้าง
ตอนนี้ สาขาภายในของทั้งสองกำลังหลัก ได้เริ่มมีการแก่งแย่งอำนาจ เนื่องจากอยู่ในภาวะไร้ผู้นำกันแล้ว
แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายที่สุด เพราะเรื่องที่เลวร้ายที่สุดคือการที่คนของสำนักหลางซิงและผู้นำตระกูลเซี่ยโหวเข้ามาสร้างปัญหานั่นเอง
เดิมทีแล้วพวกเขาร่วมมือกันเพื่อที่จะสังหารมู่เฉินซี แต่ก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ถึงได้ไม่มีคนกลับมาเลยแม้แต่คนเดียว
ตอนนี้พวกเขาไม่กล้าผลีผลามเข้าไปจัดการคุณชายฉงหมิง และแน่นอนว่าคนอ่อนแอย่อมถูกรังแกได้ง่ายกว่าอยู่แล้ว
ดังนั้นพวกเขาจึงไปที่สมาคมการค้าเฮยอวิ๋นและสำนักสือเหมิน เพราะต้องการจะขอคำอธิบายสักอย่างจากพวกเขา
แต่ในเมื่อไม่สามารถอธิบายได้ พวกเขาก็คิดที่จะกลืนกินกองกำลังทั้งสองนั้นเสียเลย
แม้ว่าคนเหล่านี้จะอ่อนแอยิ่งกว่าพวกเขาไปสักหน่อย แต่ก็ยังโชคดีที่เป็นถึงกองกำลังระดับสี่ ซึ่งมีผลประโยชน์อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
หลังจากนั้นสองวันฉงหมิงก็รักษาอาการบาดเจ็บจนหายดีแล้ว มู่เฉียนซีกล่าวว่า ”ในเมื่อร่างกายกลับมาแข็งแรงดีแล้ว เช่นนั้นพวกเรามาพูดถึงเรื่องการเดิมพันกันเถอะ! เจ้าพ่ายแพ้แล้ว”
ฉงหมิงกล่าวว่า ”ข้าแพ้แล้ว ข้ายอมรับ! ข้าจะพูดเรื่องดี ๆเกี่ยวกับเจ้าต่อหน้าพ่อบุญธรรมก็แล้วกัน ส่วนที่ว่าตอนนั้นเจ้าจะสามารถสมหวังดั่งใจได้หรือไม่ ก็ต้องดูที่ความสามารถของเจ้าเองแล้วล่ะ”
“แค่นี้ก็พอใจแล้ว เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้แล้วกัน”
และในตอนนี้เองจูเชว่ได้ส่งข่าวมาเร่งเร้าพวกเขา เพื่อให้พวกเขาเร่งเคลื่อนไหวกันได้แล้ว มิฉะนั้นจะต้องถูกสำนักหลางซิงและผู้นำตระกูลเซี่ยโหวพรากไปจนหมดแน่
มู่เฉียนซีกล่าวว่า ”สำนักหลางซิงและตระกูลเซี่ยโหวยังจะกล้าส่งคนมาอีกหรือ รีบไประดมกำลังพลมาเคลื่อนไหว และทำให้พวกเขาไม่กล้ากลับมาอีกเลยเถอะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
ฉงหมิงกล่าวว่า ”มาเดิมพันกันอีกสักรอบเป็นอย่างไร? หากแพ้เดิมพันเงื่อนไขเหมือนเดิม”
“ดูท่าแล้วเจ้าอยากจะถูกฉีกหน้าอีกรอบสินะ ได้สิ! เช่นนั้นข้าเลือกไปสมาคมการค้าเฮยอวิ๋นแล้วกัน”
“ข้าเลือกไปที่สำนักสือเหมินเอง!”
หลักจากที่เลือกเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็รีบออกเดินทางในทันที และในตอนที่จะกำลังจะมุ่งหน้าไปสังหารสมาคมการค้าเฮยอวิ๋นอีกครั้ง มู่เฉียนซีก็ได้มอบอาวุธลึกลับให้พวกเขาอย่างหนึ่ง
“ในเมื่อไม่ได้มียอดฝีมือมากนัก เช่นนั้นก็ใช้พิษเล็กน้อยนี่ในการจัดการพวกปลาซิวปลาสร้อยเหล่านี้ไปก่อน เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงตัวเกะกะ! หลังจากที่เข้าไปแล้ว ก็โยนมันเข้าไปก่อนค่อยว่ากัน ส่วนนี่ก็ยาแก้พิษ”
“ขอรับ!”
ตูมมมมม!
เสียงระเบิดดังกึกก้อง พวกเขาเดินไปตามทาง และคนที่นี่ก็เริ่มโจมตีกันยกใหญ่
“นี่คือพิษเล็กน้อยอย่างนั้นหรือ?” พลันนั้นมุมปากของพวกเขาก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย
“ผลของมันจะดีเกินไปแล้วหรือเปล่านะ! ดูเหมือนว่าคราวนี้คุณชายคงต้องพ่ายแพ้ให้กับแม่นางมู่อีกแล้วเป็นแน่”
“……”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า ”พวกเจ้าคงไม่อยากเห็นคุณชายของพวกเจ้าพ่ายแพ้อย่างยับเยินเกินไปสินะ เช่นนั้นก็อ่อนให้หน่อยก็แล้วกัน!”
เนื่องจากฐานทัพของสมาคมการค้าเฮยอวิ๋นถูกโจมตีอย่างกะทันหัน ดังนั้นทุกคนจึงตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
“บัดซับเอ้ย เป็นใครอีกล่ะ?”
“……”
ที่มั่นของสมาคมการค้าเฮยอวิ๋นตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายจนเละเทะไปหมด คนของตระกูลเซี่ยโหวกล่าวขึ้นมาด้วยความโกรธว่า ”คนของพวกเราอยู่ที่นี่? ยังมีใครกล้ามาสร้างปัญหาอีกอย่างนั้นหรือ!”
และเสียงที่ฟังดูเย่อหยิ่งเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา ”แน่นอนว่าต้องเป็นข้าอยู่แล้ว”
คนของตระกูลเซี่ยโหวเบิกตาโพลง พร้อมกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า ”คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเจ้า มู่เฉินซี เจ้ายังกล้าปรากฏตัวอีกอย่างนั้นหรือ?”
“ทำไมข้าต้องไม่กล้าปรากฏตัวด้วยล่ะ เหล่าตาเฒ่าของพวกเจ้าตระกูลเซี่ยโหวก็ถูกข้าฆ่าตายไปจนหมดแล้ว แล้วข้ายังต้องกลัวพวกเจ้าอีกหรือ?”
“นางสาวน้อยนี่ เจ้ารนหาที่ตายนัก!”
“เสี่ยวโม่โม่ ลงมือได้!”
ตูมมมม!
คนของสมาคมการค้าเฮยอวิ๋นต่างก็ตัวสั่นเทา พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายที่ฆ่าพวกเขาไปมากมายขนาดนั้นแล้ว ยังไม่คิดที่จะปล่อยพวกเขาไปอีก
คนที่ยังดึงดันที่จะต่อต้านเหลือเพียงคนของตระกูลเซี่ยโหว พวกเขาก็ไม่คิดมาก่อนว่าคนของคุณชายฉงหมิงจะมาเร็วถึงเพียงนี้ ดังนั้นจึงได้ส่งคนมาเพียงเล็กน้อยเพื่อจัดการปลาซิวปลาสร้อยของสมาคมการค้าเฮยอวิ๋นเหล่านี้เท่านั้น
ผลลัพธ์ก็คือ…
“นางเด็กน้อย ตายซะเถอะ!”
คนของตระกูลเซี่ยโหวไม่มีทางปล่อยให้มู่เฉียนซีทำแบบนี้เป็นแน่ และคอยหายโอกาสที่จะโจมตีมู่เฉียนซีอยู่ตลอดเวลา
มู่เฉียนซีกล่าวว่า ”คนของตระกูลเซี่ยโหวของพวกเจ้ายังไม่ยอมแพ้อีกหรือ หรือพวกเจ้าไม่เห็นว่าคนเหล่านั้นตายไปอย่างไร?”
เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนก มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่รู้ และเขาก็เป็นหนึ่งในคนที่รู้คนนั้น
เมื่อนึกถึงภาพที่ได้เห็นในวันนั้น มันก็ทำให้เขานอนไม่หลับไปหลายวันและไม่กล้าให้คนอื่นได้รู้ว่าเขาหวาดกลัวแค่ไหน เมื่อถูกมู่เฉียนซีพูดขึ้นมา พลังวิญญาณของเขาก็เปลี่ยนเป็นปั่นปวนขึ้นมาทันที
“หากข้าเป็นเจ้าละก็ ข้าจะรีบไสหัวกลับไปที่ตระกูลเซี่ยโหวเสีย แล้วไปบอกผู้นำตระกูลของพวกเจ้า ว่าอย่ามายั่วยุข้าอีก”
“นางสาวน้อย เจ้าอย่าได้ประมาทเกินไปนักเลย! พวกเจ้าแค่บังเอิญเจอผู้แข็งแกร่งที่ผ่านมาช่วยจนมีชีวิตรอดมาได้เท่านั้น ข้าไม่เชื่อว่าคุณชายฉงหมิงจะมียอดฝีมือเช่นนั้นเป็นลูกน้องได้”
หากมียอดฝีมือเช่นนั้นแล้วละก็ คุณชายฉงหมิงไม่มีทางปล่อยให้สมาคมการค้าเฮยอวิ๋นและสำนักสือเหมินหลงระเริงมาได้นานถึงเพียงนี้หรอก
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างหยอกล้อว่า ”โอ้! ที่แท้พวกเจ้าก็คิดกันอย่างนี้นี่เอง!”
“เพลิงเผาดาราพิฆาต!”
มู่เฉียนซีหลบไปด้วย โจมตีไปด้วย และหลังจากนั้นก็ปล่อยอาวุธลับออกมาด้วย
คนของตระกูลเซี่ยโหวนั้นมีจำนวนน้อยกว่า และสุดท้ายพวกเขาก็เลือกที่จะล่าถอย เพราะยังมีโอกาสอื่นอีกมากในอนาคต
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า ”ข้าปล่อยให้พวกเจ้าไปแล้วอย่างนั้นหรือ? ตรงประตูทางเข้า โจมตีพวกเขาซะ”
ฟิ้ว ฟิ้วว ฟิ้วว!
อาวุธลับจำนวนนับไม่ถ้วนบินเข้ามาจากประตูทางเข้า พวกเขากล่าวอย่างโกรธเคืองว่า ”พวกเจ้ามันต่ำช้านัก คิดไม่ถึงว่าจะมีคนซุ่มโจมตีอยู่ที่ประตูทางเข้าด้วย”
พลังของอาวุธลับนั้นแข็แกร่งมาก เพียงไม่นานพวกเขาต่างก็บาดเจ็บและล้มตาย ท้ายที่สุดแล้วก็มีคนบาดเจ็บคนหนึ่งหนีรอดออกไปได้ด้วยความรวดเร็ว
มีคนกล่าวถามว่า “แม่นางมู่ ให้ข้าไล่ตามไปหรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จัดการคนอื่นก่อนเถอะ!”
นางพุ่งทะยานออกไป เพื่อไล่ล่าคนผู้นั้น และคนผู้นั้นก็เกือบที่จะล้มลงไปอยู่แล้ว