ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1950 ความเจ็บปวดของพิฆาตวิญญาณ
พิฆาตวิญญาณกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “แม้ว่าพลังจะน้อยนิด แต่ก็ถือว่าเรียนสำเร็จแล้ว! เมื่อเห็นว่าลูกแมวน้อยของข้าชาญฉลาดขนาดนี้ เช่นนั้นข้าก็จะไม่ลงโทษเจ้าแล้ว! พักผ่อนเสียเถอะ!”
มู่เฉียนซีจึงเริ่มรักษาอาการบาดเจ็บอีกครั้ง ส่วนฉงหมิงนั้นก็โมโหเป็นอย่างมาก เพราะมู่เฉินซีเอาแต่ต่อสู้กับพิฆาตวิญญาณ ทำให้อาณาเขตของเขาต้องเสียหายไปไม่น้อยเลยทีเดียว
“นางผู้หญิงบ้า หากเจ้าต้องการจะทรมานตนเองแล้วละก็! รบกวนเจ้าอย่ามาลงมือในอาณาเขตของข้าอีก เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเจ้าทำลายสิ่งของของข้าไปมากมายแค่ไหน?” ฉงหมิงกล่าวกับมู่เฉียนซีด้วยความโกรธ
เป็นครั้งแรกที่ได้พบเจอหญิงสาวที่วิปลาสเช่นนี้ บาดเจ็บสาหัสแต่ละครั้งกลับทำตัวราวกับคนที่ไม่เป็นอะไรเลยอย่างไรอย่างนั้น อีกทั้งยังทรมานตัวเองต่อไปได้อีกด้วย!
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “คุณชายฉงหมิง เจ้าอย่าขี้เหนียวขนาดนี้สิ ไม่ใช่ว่าแค่ชดใช้ด้วยเงินก็พอหรือ? เจ้าของหอหมอปีศาจอย่างข้าไม่ขาดเงินหรอก ก็แค่จ่ายเงินให้ก็จบแล้ว”
ฉงหมิงกล่าวว่า “มีเงินแล้วมันยังไง! มีเงินแล้วจะทำลายข้าวของข้าอย่างไรก็ได้หรือ? หากคราวหน้าเจ้าทำลายของของข้าอีก เจ้าก็ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ”
“ทำไมถึงโกรธขนาดนี้ล่ะ! ความจริงแล้วเจ้าไม่ได้โกรธที่ข้าทำลายสิ่งของในพื้นที่ของเจ้าหรอก แต่เจ้าโกรธที่ข้าบาดเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่ามากกว่าสินะ!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ฉงหมิงกล่าวว่า “สมองของเจ้ามีปัญหาสินะ! เจ้าบาดเจ็บ ข้าก็กินอิ่มนอนหลับมีอะไรให้ต้องปวดใจกัน?”
“ความจริงแล้วข้ากำลังฝึกฝนอยู่ ครึ่งหนึ่งของพิฆาตวิญญาณถือว่าเป็นอาจารย์ของข้าเลยนะ! ข้าเรียนทักษะวิญญาณธาตุอัคคีใหม่มา เจ้าอยากลองดูหน่อยไหม?” มู่เฉียนซีกล่าว
“ตอนนี้เจ้าเป็นแค่คนเจ็บเท่านั้น จะมาลองอะไรกัน? เจ้าอยากจะให้ปากแผลเปิดขึ้นมาอีกครั้งหรืออย่างไร?” ฉงหมิงคำรามด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์
“เบาเสียงลงหน่อยสิ ข้าก็เป็นคนเจ็บนะ เสียงของเจ้าดังเกินกว่าที่หูของข้ารับไม่ไหวแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวพลางอุดหูไปด้วย
ฉงหมิงเหลือบมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างดุร้าย หลังจากนั้นก็พุ่งตัวออกไปด้วยความโมโห
พิฆาตวิญญาณตรงเข้ามานั่งอยู่ข้างกายของมู่เฉียนซี และมองไปที่นางพลางกล่าวว่า “รู้ความผิดแล้วหรือยัง?”
“มีเพียงข้าที่สามารถทำร้ายเจ้าได้ และไม่ว่าใครก็ไม่อาจะทำร้ายเจ้าได้ ลูกแมวน้อยเจ้าต้องจำไว้ให้ดี!”
มู่เฉียนซีมองไปทางเขาแล้วกล่าวว่า “ขอโทษนะ ถ้าข้าไม่จำล่ะ?”
ดวงตาที่กระหายเลือดคู่นั้นฉายแววเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที “หากจำไม่ได้แล้วละก็ เช่นนั้นข้าก็คงจะดูดเลือดของเจ้าลูกแมวน้อยออกมาให้หมด และกักขังจิตวิญญาณของเจ้าไว้ในสถานที่ที่มีเพียงข้าเท่านั้นที่มองเห็นได้น่ะสิ”
มู่เฉียนซีหันกลับไปแล้วกล่าวว่า ”เจ้าคิดว่าผู้ผูกพันธสัญญาอย่างข้าจะกินหญ้าหรืออย่างไร? สถานะเจ้าอยู่ต่ำที่สุด เหตุใดถึงได้เสียงดังเพลงนี้ อย่าฝันไปหน่อยเลย คิดว่าคนอื่นเขากินหญ้าไปหมดเลยหรืออย่างไร?”
“ลูกแมวน้อย เจ้าหาเรื่องโดนตีหรือ!” พิฆาตวิญญาณกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
มู่เฉียนซีขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “เจ็บเหลือเกิน! ท่านพิฆาตวิญญาณผู้สง่างามรังแกคนบาดเจ็บ”
“ก็แค่รังแกลูกแมวน้อยของข้าเท่านั้น ไม่มีคนรู้หรอก”
จากนั้นมู่เฉียนซีก็หันกลับไป และไม่สนใจเขาอีก
หลังจากที่ผ่านไปครู่หนึ่ง มู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นมาว่า ”ถนนของผู้แข็งแกร่งมักเต็มไปด้วยขวากหนาม นับประสาอะไรกับข้า ข้าในตอนนี้ยังไม่รู้ว่าต้องเผชิญหน้ากับอะไรบ้าง แต่ว่าก็ไม่อยากจากพวกเจ้าไป และการเผชิญหน้ากับอันตรายก็เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วด้วย! ข้าเกือบตายเพียงเพราะเรียนรู้ทักษะวิญญาณหนึ่งกับเจ้า จำเป็นที่จะต้องถูกต้อนให้จนมุม บางเรื่องมันก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงทั้งหมดได้ และข้าก็ไม่ได้ทำมาจากแก้วเช่นกัน”
“มีผู้พิทักษ์นิรันดร์อย่างสุ่ยจิงอิ๋งอยู่ด้วย ไม่ว่าข้าจะบาดเจ็บขนาดไหนก็ไม่มีทางทำให้ตัวเองตายหรอก”
เรื่องนี้ พิฆาตวิญญาณจะไม่เข้าใจได้อย่างไร?
“ข้าไม่ได้เป็นห่วงเจ้า และก็ไม่ได้ปวดใจเพราะเจ้า เพียงแค่อยากรังแกเจ้าลูกแมวน้อยอย่างโหดร้ายเท่านั้น เรื่องนี้ต่างหากที่น่าสนใจมากกว่า!”
ทันทีที่พูดประโยคนี้จบ พิฆาตวิญญาณก็หายไป และเขาก็ได้ไปนั่งอยู่ที่จุดสูงสุดของป้อมปราการ
หากพูดว่าเจ้านายของเขาได้รับบาดเจ็บเหมือนก่อนหน้านี้ นางคงโกรธไปแล้ว แต่ตอนนี้ก็ได้ค้นพบว่านางรับรู้ทุกอย่าง และเข้าใจทุกอย่างแล้ว ซึ่งมันทำให้ตรงไหนสักที่ของเขาเจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อย
เขาที่โชกไปด้วยเลือดสดมานานนับหมื่นปี คนทั่วไปสำหรับเขาก็เป็นเพียงแค่มดปลวกเท่านั้น แต่นี่กลับเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่น่าประหลาดเช่นนี้
และความเจ็บปวดนั้นก็ทำให้คนเสียสติได้จริง ๆ!
แววตาที่กระหายเลือดฉายแววดุร้ายออกมา เขาอยากที่จะฟื้นตัวให้เร็วกว่านี้จริง ๆ!
แม้ว่าจะต้องฆ่าสิ่งมีชีวิตทุกตัวที่มาเผชิญหน้า เขาก็อยากที่จะฟื้นฟูให้ได้ หลังจากนั้นจะได้กำจัดเสี้ยนหนามที่ทำให้ลูกแมวน้อยต้องบาดเจ็บทั้งหมดนั้นทิ้งไปเสีย
ตูมมม!
สายฟ้าฟาดผ่านลงมาจากกลางท้องฟ้า พิฆาตวิญญาณกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เกะกะจริง!”
ความคิดที่บ้าคลั่งเช่นนี้ ด้วยกฏบนโลกใบนี้ไม่มีทางที่จะยอมรับมันได้อย่างแน่นอน
แน่นอนว่า สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ เจ้านายที่รักของเขาก็ไม่ยอมรับมันเช่นกัน
มู่เฉียนซีที่กำลังพักผ่อนอยู่เมื่อได้ยินเสียงฟ้าผ่าก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไมปได้ไม่นานเท่าไรเอง เจ้าคิดถึงข้าแล้วหรือ?”
เฉียนซีกล่าวว่า “ใช่แล้ว! คิดถึงเจ้า คิดถึงเจ้าจะตายอยู่แล้ว!”
แม้ว่าจะเรียนรู้ทักษะได้แล้ว แต่ทว่าก็ถูกพิฆาตวิญญาณทรมานอย่างสาหัส พลันนั้นก็ได้เห็นลูกไฟอยู่ภายในใจของนาง แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้นางไม่มีพลังพอที่จะทรมานเขาได้
หลังจากที่มู่เฉียนซีฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์แล้ว แน่นอนว่านางก็ทนไม่ได้อีกต่อไป และอยากที่จะต่อสู้กับฉงหมิงให้ได้
ฉงหมิงเห็นนางหงุดหงิดเป็นอย่างมาก เขาจึงกล่าวว่า ”เอาล่ะ! ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าทักษะวิญญาณที่เจ้าเอาชีวิตน้อย ๆ ของเจ้าไปต่อสู้มามันจะเก่งกาจสักแค่ไหนเหมือนกัน”
“เจ้าอย่าประมาทเกินไปนักเลย! มิเช่นนั้นหากชีวิตหายไปครึ่งหนึ่งข้าก็คงช่วยได้ยากเช่นกัน”
“เจ้าอย่าหยิ่งผยองให้มันมากเกินไปนัก”
มู่เฉียนซีและฉงหมิงยืนอยู่คนล่ะฝั่ง ทันใดนั้นทั้งสองคนก็ต่อสู้กัน และมู่เฉียนซีก็ใช้เพียงพลังธาตุอัคคีที่บริสุทธิ์เท่านั้น
“เพลิงสังหารซิวหลัว!”
ตอนแรกที่ทั้งสองคนต่อสู้กัน เป็นเพียงแค่การอุ่นเครื่องเท่านั้น หลังจากที่ต่อสู้กันสองสามรอบ มู่เฉียนซีก็สามารถหลบหลีกการโจมตีของฉงหมิงได้แล้ว
“ข้าจะลงมือแล้วนะ!”
ทันทีที่กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณเคลื่อนไหว พลังวิญญาณธาตุอัคคีทั้งหมดก็มารวมตัวกัน และได้ฟาดฟันไปยังอากาศที่ว่างเปล่า มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า ”เพลิงเผาดาราพิฆาต!”
พลังของกระบี่เล่มนี้ ราวกับสามารถทำลายดาวเคราะห์ได้ก็มิปาน และกำลังพุ่งเข้าไปโจมตีฉงหมิง
สีหน้าของฉงหมิงเปลี่ยนไปอย่างมาก และกล่าวว่า “รุนแรงเหลือเกิน!”
เขาพยายามที่จะหลบหลีกมันอย่างสุดกำลัง และเมื่อหลบไม่พ้น ฉงหมิงก็สามารถใช้ของป้องกันได้โดยไม่ขี้เหนียวเลย
เขาก็เป็นนักหลอมอาวุธคนหนึ่ง ฉะนั้นไม่มีทางขาดแคลนอาวุธวิญญาณป้องกันอยู่แล้ว
ตูมมม!
เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น และฉงหมิงก็ล่าถอยหลังไปหลายก้าวเลยทีเดียว
เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ทว่าเขาถูกพลังในการโจมตีนี้ทำให้ตกตะลึงเสียแล้ว
“แค่ก แค่ก แค่ก!”
เขามองไปทางมู่เฉียนซีอย่างตื่นตะลึงพลางกล่าวว่า “นี่เป็นทักษะวิญญาณที่วิปริตอะไรเช่นนี้!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าบาดเจ็บถึงสามครั้งเพื่อเรียนรู้ทักษะวิญญาณนี้ยอดเยี่ยมมากใช่ไหมล่ะ!”
ฉงหมิงนึกถึงตอนที่มู่เฉียนซีบาดเจ็บสาหัสเจียนตายก่อนหน้านี้ และคาดว่าคนธรรมทั่วไปไม่อาจทนเรียนทักษะวิญญาณนี้ได้แน่
การฝึกฝนทักษะวิญญาณไม่ใช่การบีบบังคัญที่ธรรมดา แต่เป็นการเผชิญหน้ากับวิกฤตชีวิตและความตายอย่างแท้จริง
ฉงหมิงพุ่งเข้ามาอีกรอบแล้วกล่าวว่า “ยอดเยี่ยม มันก็ยอดเยี่ยมอยู่หรอก แต่ทว่าเพียงกระบวนท่าเดียวพลังวิญญาณของเจ้าก็ถูกใช้ไปจนหมดแล้ว ดังนั้น…”
มู่เฉียนซีหมุ่นเวียนพลังธาตุวายุเพื่อหลบหลีก “พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
“มีเพียงพลังวิญญาณธาตุอัคคีที่ถูกใช้ไปจนหมดเท่านั้น อย่าลืมว่าข้าเป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุสามธาตุเชียวนะ!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างยั่วยุ
ทันทีหลังจากนั้น ทักษะวิญญาณธาตุวายุก็พุ่งเข้าโจมตีอีกครั้ง “พลังวายุทำลาย จันทราหนาวเหน็บ”
“มังกรวารีจงบังเกิด!”
ตูมมม โครมมม!
ต่อมาฉงหมิงก็ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของพลังธาตุคู่อย่างวายุและวารี
ซึ่งนั่นก็ทำให้ฉงหมิงโกรธมาก!
“มีพลังธาตุเยอะนี่มันน่ารำคาณจริง ๆ เลย”
สุดท้ายแล้วทั้งสองก็ต่อสู้กัน และฉงหมิงก็เสียเปรียบด้วย
มู่เฉียนซีมองไปทางพิฆาตวิญญาณแล้วกล่าวว่า ”พิฆาตวิญญาณ เจ้าคิดอย่างไรกับการใช้พลังเพลิงเผาดาราพิฆาตครั้งที่สองของข้า?”