ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1943 ต้องการทำให้นางพิการ
มู่เฉียนซีเอ่ยปากออกมาว่า ”กำลังเสริมรึ พวกเจ้ายอมแพ้เสียเถอะ! พวกเจ้าลองทายดูสิว่าเหตุใดข้าถึงรู้ว่าพวกเจ้าแอบซุ่มโจมตีอยู่ตรงนี้ อีกทั้งยังลอบโจมตีพวกเจ้าได้อีกด้วย?”
พวกเขาตะลึงงันไปครู่หนึ่ง หรือว่าจะมีคนทรยศคอยแจ้งเบาะแส
คนทรยศซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มของพวกเขาอย่างนั้นหรือ?
เดิมทีแล้วสถานการณ์อันตรายเป็นมาก แต่เมื่อถูกมู่เฉียนซีกล่าวเช่นนี้ พวกเขาต่างก็มโนกันไปเองต่าง ๆ นานา และเริ่มหวาดระแวงซึ่งกันและกันขึ้นมา อีกทั้งยังไม่สามารถร่วมมือกันเพื่อกำจัดศัตรูได้อีกด้วย
แม้แต่คนที่อยู่ฝ่ายเดียวกับมู่เฉียนซีต่างก็สงสัยว่า เป็นคุณชายของพวกเขาที่ได้เตรียมหน่วยลับให้ไปอยู่กับคนเหล่านั้นหรือไม่ มิเช่นนั้นแล้วแม่นางมู่จะค้นพบอย่างทันท่วงทีครั้งแล้วครั้งเล่าได้อย่างไร ซึ่งราวกับว่านางสามารถทำนายอนาคตได้อย่างไรอย่างนั้น!
จิตวิญญาณในการต่อสู้ที่เหลืออยู่ของพวกเขาเหล่านี้ได้สลายหายไปทันที
พรวด พรวด! มีหลายคนที่ได้รับบาดเจ็บพร้อมทั้งกระเด็นลอยออกไป
“พวกเจ้า…”
พวกเขาโกรธเคืองเป็นอย่างมาก แต่ทว่าตอนนี้กลับทำได้เพียงรอให้คนอื่นมาสังหารเท่านั้น
“ท่านเจ้าสำนักของพวกเราจะต้องแก้แค้นให้พวกเราอย่างแน่นอน!”
“ใช่ ท่านเจ้าสำนักจะต้องแก้แค้นเพื่อพวกเราแน่”
“…”
ในตอนที่กำลังจะกำจัดพวกคนกลุ่มนี้ให้สิ้นซาก มู่เฉียนซีก็สัมผัสได้ว่ามีกลิ่นอายของผู้ที่แข็งแกร่งหลายคนกำลังใกล้เข้ามา อีกทั้งยังเคลื่อนไหวมาอย่างรวดเร็วและดุดันอีกด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “จัดการให้รวดเร็วและฉับไว รีบฆ่าพวกเขาทิ้งซะ!”
“เร็วกว่านี้อีก!”
“ขอรับ!”
ในตอนที่คนของสือเหมินคนสุดท้ายล้มลงบนพื้น มู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นมาว่า ”พวกเรารีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า เร็ว!”
พวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่าที่จริงแล้วมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกันแน่ “แม่นางมู่!”
“ไปซะ! ถ้าไม่อยากตายก็อย่าตามมา นี่คือคำสั่งของข้าในฐานะหัวหน้ากอง”
หลังจากที่มู่เฉียนซีรีบจากไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังอำนาจอันน่าขนพองสยองเกล้าขึ้นทันที
“ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูง! ดูเหมือนว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงจะมาโจมตีแล้ว!”
“ยอดฝีมือระดับนี้ไม่ใช่คนที่พวกเราจะสามารถจัดการได้ ฉะนั้นพวกเรากลับไปส่งข่าวก่อน แล้วค่อยยกกำลังคนมาช่วยเหลือ!”
“……”
พวกเขาไปขอความช่วยเหลืออย่างกระวนกระวายใจ และภายในป้อมปราการของฉงหมิงในเวลานี้ ก็ได้มีข่าวถูกส่งมา
“คุณชาย คุณชายจูเชว่ส่งข่าวมาขอรับ!”
“ข้ากำลังยุ่งอยู่ ไสหัวออกไป!” ฉงหมิงที่กำลังศึกษาการหลอมอาวุธอยู่ในเวลานี้ ไม่อยากที่จะให้ความสนใจกับเรื่องอื่นแม้แต่น้อย
“เป็นข่าวที่เร่งด่วนมาเลยขอรับ! คุณชาย!”
ฉงหมิงรู้แค่ว่าเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับเขาอย่างแน่นอน เขากล่าวว่า ”เอาข่าวมานี่!”
หลังจากที่ดูข้อมูลแล้ว ฉงหมิงก็เกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที
“ผู้หญิงคนนั้น คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกสำนักหลางซิงและตระกูลเซี่ยโหวพบที่อยู่ได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ เขาบอกนางแล้วว่าอย่าไป นางก็ยังจะดึงดันไปอยู่อีก หาเรื่องตายเสียจริง!”
ถึงจะกรนด่าไปด้วย แต่ฉงหมิงก็พุ่งทะยานออกไปอยู่ดี
ยอดฝีมือที่เป็นลูกน้องของเขาทั้งหมดก็ได้ติดตามไปด้วย และรีบไปช่วยเหลือคนอย่างร้อนใจ
เขาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะยังไม่ยอมแพ้และส่งคนมามากมายถึงเพียงนี้ นางผู้หญิงนั่นอย่าตายเร็วเกินไปก็พอ แม้ว่าสิ่งที่เขาควรเรียนรู้ต่างก็เรียนมาทั้งหมดแล้ว และเขาก็ไม่ได้รับความเสียหายมากนักหากจะนางตายไปจริง ๆ ก็ตามที
เป้าหมายของคนเหล่านั้นมีเพียงมู่เฉินซีเท่านั้น ทำให้ไม่ได้สนใจผู้อื่นแม้แต่น้อย และทำเพียงแค่ไล่ตามมู่เฉินซีไป
ยอดฝีมือกลุ่มนั้นพยายามจะโอบล้อมนางเอาไว้ แม้ว่าการเคลื่อนไหวของมู่เฉียนซีจะรวดเร็วแค่ไหน หรือต่อให้ติดปีกไว้ก็ไม่อาจหลบหนีไปได้ เพราะเพียงไม่นานนางก็ถูกล้อมเอาไปแล้ว
“มู่เฉินซี เจ้าหนีไปไหนไม่รอดแล้ว!”
มู่เฉียนซียิ้มเยาะพลางกล่าวว่า “พวกเจ้าต่างก็อายุมากขนาดนี้แล้ว มาจัดการผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตเพียงคนเดียว ไม่กลัวขายหน้าบ้างหรือ?”
ชายชราผู้นั้นรู้สึกอัปยศอดสูจึงเดือดดาลขึ้นมาทันที ”ไม่ต้องพูดจาไร้สาระกับนางเด็กน้อยผู้นี้แล้ว ทำให้นางพิการแล้วลากกลับไป!”
พวกเขาแสยะยิ้มออกมาพร้อมกับพลังวิญญาณที่หนาแน่น และทรงพลังถึงที่สุด ในเวลานี้เองก็มีชายชราในชุดคลุมสีเทาคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาว่า ”แม่นางมู่ เจ้าหนีไปซะ! ข้าจะขวางพวกเขาไว้เอง!”
นี่คือผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงคนหนึ่ง มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าคิดว่าฉงหมิงจะไม่สนใจว่าข้าจะอยู่หรือตายไปแล้วเสียอีก! คิดไม่ถึงเลยว่าจะส่งผู้อาวุโสมาคุ้มครองข้าด้วย”
“ความจริงแล้วคุณชายเป็นห่วงแม่นางมู่มาก เพียงแต่เขาแค่ปากแข็ง! เช่นนั้นแม่นางมู่โปรดอย่าถือสาคุณชายเลย” ชายชราในชุดคลุมสีเทากล่าว
พวกเขากล่าวด้วยน้ำเสียงชั่วร้ายว่า “มู่เฉินซี อย่าคิดว่ามีตาเฒ่าผู้นี้มาคุ้มครองเจ้า แล้วเจ้าคิดว่าจะหนีไปได้! ฝันไปเถอะ!”
“ลงมือ!”
สงครามก็พลันปะทุขึ้นมาในทันที ด้วยพลังที่น่าสะพรึงกลัวจึงทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวสั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม
ชายชราชุดคลุมเทาไม่สามารถที่จะสกัดกั้นทุกคนเอาไว้ได้ และมู่เฉียนซีก็ใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาในการหลบหลีกการโจมตีของพวกเขา
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
“ลูกไม้เล็กน้อยเช่นนี้ ยังคิดว่าจะทำร้ายข้าได้อีกอย่างนั้นหรือ!”
ทันทีที่ชายชราคนนั้นโบกมือ ร่างของมู่เฉียนซีก็ลอยละลิ่วออกไป จากนั้นร่างของนางก็กระแทกเข้ากับต้นไม้ต้นหนึ่งอย่างแรง
ชายชราอีกคนขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า ”พี่รอง ท่านอย่าได้ลงมือหนักเกินไปนัก หากฆ่านางแล้วเราจะเสียหายมากกว่า!”
“ข้าเข้าใจ! เข้าใจแล้ว หากแม่สาวน้อยผู้นี้ตายไป คงจะง่ายดายเกินไปสำหรับนาง อีกทั้งนางยังมีความเชี่ยวชาญในการหลอมอาวุธลับเช่นนั้นด้วย แน่นอนว่าไม่อาจให้นางตายได้! ได้ยินมาว่าแม่สาวน้อยผู้นี้มีร่างกายที่แข็งแกร่ง ที่ข้าลงมือไปเล็กน้อยเมื่อครู่นี้เอาชีวิตของนางไม่ได้หรอก”
ทักษะวิญญาณของมู่เฉียนซีแข็งแกร่งมาก พรสวรรค์ด้านการฝึกฝนก็ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน อีกทั้งวิธีในการหลอมอาวุธลับนั้น แม้ว่าสำนักหลางซิงและตระกูลเซี่ยโหวอยากที่จะกำจัดนางเพื่อแก้แค้นมากเหลือเกิน แต่ก็ทนที่จะฆ่านางไปเลยไม่ได้จริง ๆ
พวกเขารู้ดีเป็นอย่างยิ่งว่า อัจฉริยะที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้ ในตัวของนางจะต้องมีสมบัติล้ำค่าที่ทำให้พวกเขาพึงพอใจได้อย่างแน่นอน
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ในเมื่อการโจมตีด้วยธาตุวายุไร้ผล เข็มยาทั้งหมดที่เป็นอาวุธลับของมู่เฉียนซี จึงได้พุ่งโจมตีไปที่ศัตรูเหล่านั้นแทน
เมื่อพวกเขาเห็นอาวุธลับเหล่านี้ต่างก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย แต่กลับจ้องมองมันอย่างสนอกสนใจเป็นอย่างมาก
“อาวุธลับเหล่านี้น่าสนใจมากเลยทีเดียว ข้ามองออกแล้ว มู่เฉินซี! หากเจ้าให้ความร่วมมืออย่างดี แล้วทำให้ตนเองพิการไปซะ พวกข้าจะทำให้เจ้าทุกข์ทรมานน้อยลงกว่านี้อีกหน่อยก็ได้”
มู่เฉียนซีเช็ดเลือดที่อยู่มุมปากของนางออกไปแล้วกล่าวว่า “ไอ้แก่ตายยากอย่างพวกเจ้า คิดที่จะจัดการข้า มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”
พัดวิหคเฟิงหลิงถูกเก็บกลับไป จากนั้นมู่เฉียนซีก็หยิบเอากระบี่มังกรเพลิงออกมา
ทันใดนั้น ธาตุอัคคีที่น่าสะพรึงกลัวก็พุ่งเข้าจู่โจมจากทั่วทุกสารทิศ
“เพลิงสังหารซิวหลัว!”
“เก้ามังกรพิฆาต!”
ตูมมม โครมมม!
ตอนที่มู่เฉียนซีได้ระเบิดพลังวิญญาณธาตุอัคคีออกมา พวกเขาต่างก็ต้องมองไปที่นางอย่างตื่นตะลึง
“คิดไม่ถึงเลยว่ามู่เฉินซีผู้นี้จะเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวิญญาณคู่!”
“ในงานชุมนุมอัจฉริยะ นางใช้เพียงแค่ความสามารถของผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวายุในการเอาชนะอัจฉริยะของดินแดนทางทิศใต้ทั้งหมดมาได้ ช่างเก็บซ่อนเอาไว้ได้ลึกยิ่งนัก!”
“พรืดด! แล้วอย่างไรล่ะ มีพลังวิญญาณธาตุเพิ่มขึ้นมาอีกชนิด แต่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปดอย่างนางเพียงคนเดียวจะไปสามารถพลิกสถานการณ์อะไรได้!”
“ลงมือได้! สามารถทำลายอัจฉริยะที่น่าทึ่งเช่นนี้ได้ มันทำให้ตอนนี้ข้ารู้สึกตื่นเต้นมากเลยจริง ๆ!”
มู่เฉียนซีกำกระบี่มังกรเพลิงเอาไว้แน่นพลางกล่าวว่า “เสี่ยวโม่โม่ โจมตีใส่พวกเขาซะ!”
ตูมมม โครมมม!
ไม่ว่าจะมีเล่ห์เหลี่ยมมากมายแค่ไหน หรือร่างกายแข็งแกร่งเพียงใด ก็ไม่อาจต้านทานการโจมตีของตาแก่เหล่านี้ได้เลย
ชายชราในชุดคลุมสีเทากล่าวว่า ”แม่นางมู่ เจ้าไปเสียเถอะ คนที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมเช่นเจ้า ไม่มีทางให้กลายเป็นศพอยู่ที่นี่ได้เป็นอันขาด ข้าจะสู้ตายกับพวกมันเอง!”
เขาต้องการที่จะระเบิดตนเอง เพื่อสร้างโอกาสให้มู่เฉินซีได้หนีไป
ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถทรยศต่อสิ่งที่คุณชายฝากฝังเอาไว้ได้ แม้ว่าคุณชายจะหมกมุ่นอยู่กับการหลอมอาวุธ และแสดงท่าทีที่ไม่ดีต่อแม่นางมู่เป็นอย่างมาก แต่ทว่าสีหน้าเช่นนั้นจะปรากฏเฉพาะเมื่อเผชิญหน้ากับคุณชายท่านอื่น ๆ เท่านั้น
ความจริงแล้วภายในหัวใจของคุณชาย แม่นางมู่มีน้ำหนักไม่ได้ต่างไปจากคุณชายท่านอื่นเลย เพียงแต่ว่าเขายังไม่รู้ตัวเองก็เท่านั้น
และในเวลานี้ เข็มยาเล่มหนึ่งก็ปักลงไปบนแขนของชายชราชุดคลุมสีเทาผู้นี้เสียแล้ว