ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1940 ต้องการแสดงออก
มีคนที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือดคนหนึ่งถูกหามเข้ามา สีหน้าของฉงหมิงเย็นชาขึ้นมาทันที พลางกล่าวว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน?”
“คุณชาย ข้าคือหัวหน้าหน่วยขนส่งเหมืองแร่เยว่โกว พวกเราถูกคนโจมตีตอนที่กำลังทำการขนส่งแร่ซวนระดับสูงออกมา กองกำลังถูกทำลายไม่เหลือ แร่ซวนก็ถูกคนเหล่านั้นขโมยไป มีเพียงข้าคนเดียวที่รอดชีวิตกลับมารายงานได้ขอรับ”
แววตาของฉงหมิงเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที เขากล่าวว่า “ช่างกล้าดีเสียจริง ๆ! คิดไม่ถึงว่าจะกล้าลงมือกับคนของข้า เจ้าลงไปรักษาบาดแผลก่อน!”
“ขอรับ!”
“ส่งข่าวไปให้กับจูเชว่ ให้เขาไปตรวจสอบมา!”
“ขอรับ คุณชาย!” และอีกคนหนึ่งก็รีบพุ่งตัวออกไป
แม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเป็นคู่แข่งกัน แต่ก็มีความชำนาญที่ไม่เหมือนกัน และเรื่องข้อมูลข่าวสารก็เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของจูเชว่มาโดยตลอดอยู่แล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?”
“แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นแหละ! หลังจากที่ได้ข่าวแล้วก็ให้มารายงานข้าด้วย”
“ขอรับ!”
หลังจากนั้นฉงหมิงก็ไปทำการวิจัยอาวุธลับต่อ มุมปากของมู่เฉียนซีก็พลันกระตุกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย “เจ้าหมอนี่ช่างใจใหญ่จริง ๆ!”
ในฐานะผู้ค้าโรงหลอมอาวุธรายใหญ่ในตลาดมืด ลูกน้องของฉงหมิงมีเหมืองแร่อยู่นับไม่ถ้วน มีตั้งแต่วัตถุดิบไปจนถึงโรงหลอมอาวุธ ซึ่งถือได้ว่าเป็นกิจการแบบครบวงจรเลยทีเดียว อีกทั้งยังไม่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของใครอีกด้วย
ถึงจะมีใครบางคนกำลังเคลื่อนไหวเรื่องแร่ซวนอยู่ แต่ทว่าฉงหมิงก็ยังคงใจเย็นและต้องการจะไปค้นคว้าวิจัยอาวุธลับแบบใหม่อยู่ดี เพราะการหลอมอาวุธดึงดูดใจเขามากกว่าการหาเงินเสียอีก
ข้อมูลของจูเชว่ถูกส่งมาถึงอย่างรวดเร็ว และสีหน้าของฉงหมิงก็ดูจะไม่พอใจเอามาก ๆ เมื่อความคิดของเขาถูกขัดจังหวะ เขาก็ดูราวกับเป็นภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุอย่างไรอย่างนั้น ส่วนคนที่เป็นลูกน้องของเขาต่างก็พากันตัวสั่นเทา เพราะกลัวว่าจะถูกภูเขาไฟลูกนี้กลืนกินเข้าไป
“คุณชาย คุณชายจูเชว่ส่งข่าวมาให้แล้วขอรับ”
ทันทีที่ฉงหมิงได้เห็น เขาก็กล่าวอย่างเย็นชาว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าสมาคมการค้าเฮยอวิ๋นจะร่วมมือกับสือเหมินมาจัดการพวกเรา พวกเขาช่างกล้าจริง ๆ! เจ้าพวกฝูงแมลงวันน่ารำคาญนี่”
สมาคมการค้าเฮยอวิ๋นและสือเหมินต่างก็มีความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์กับคุณชายฉงหมิงด้วยกันทั้งนั้น ฉงหมิงจากตัวละครเล็ก ๆ ที่ไม่โดดเด่นกลับเติบโตมาถึงขนาดนี้ได้ มันทำให้พวกเขาหวาดกลัวเป็นอย่างมาก และตอนนี้ก็จำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันจัดการเขา มิเช่นนั้นแล้วละก็ เกรงว่าจะต้องไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเขาเป็นแน่
‘ตำแหน่งของเหมืองแร่จิ่วโกวยังไม่รั่วไหลออกไป แต่ทว่าเส้นทางขนส่งได้ถูกเปิดเผยออกไปแล้ว พวกเขาจะต้องไม่ทำเพียงครั้งเดียวแน่นอน! แนะนำให้น้องเล็กไปดูด้วยตนเอง เพื่อจะได้ไม่เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นอีก’
‘อีกอย่าง! อย่าได้รังแกซีซีของข้า มิฉะนั้นข้าจะปล่อยข่าวลือที่น่าเกลียดของเจ้าให้ทุกคนรู้อย่างแน่นอน!’
สีหน้าของฉงหมิงตอนนี้ดำยิ่งกว่าก้นหม้อเสียอีก เขากล่าวว่า “เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ เจ้าจิ้งจอกบ้านี่ยังต้องมาคอยเตือนข้าอีกหรือ? คิดไม่ถึงเลยว่าจะข่มขู่ข้า ใครมันจะไปรังแกนางผู้หญิงบ้าคนนี้ได้กัน”
สมาคมการค้าเฮยอวิ๋นและสือเหมินร่วมมือกันแล้วหรือ เยี่ยมมาก!
กลิ่นอายของฉงหมิงเริ่มอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ คงจะเป็นการดีกว่าที่จะไปจัดการกับพวกเขาด้วยตนเอง? ให้พวกเขาไม่สามารถสร้างปัญหาใด ๆ ได้อีก แต่ทว่าตอนนี้มีเบาะแสของอาวุธลับใหม่แล้วทำให้เขาไม่อยากที่จะไปไหนเลย
ฉงหมิงกำลังยุ่งวุ่นวายเป็นอย่างมาก และเวลานี้มู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นมาว่า “การคุ้มกันตอนขนส่งแร่ซวนในครั้งนี้ แน่นอนว่าเจ้าจะต้องส่งยอดฝีมือไป หากไม่อยากไปด้วยตนเองละก็ ข้าไปแทนเจ้าเองก็จบแล้ว! รออยู่แต่ในป้อมปราการเหล็กของเจ้าจนอึดอัดจะตายอยู่แล้ว”
ฉงหมิงเหลือบมองไปที่มู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “เจ้าอยากไปหรือ? สำนักหลางซิงกับตระกูลเซี่ยโหวต่างก็อยากจะฆ่าเจ้า เจ้ารออยู่ที่นี่จะปลอดภัยมากที่สุด ปกป้องตัวเองยังยาก แล้วยังจะยุ่งไม่เข้าเรื่องอีก”
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “ข้าผู้นี้ไม่ได้เป็นคนสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ให้กับคุณชายฉงหมิงอย่างเจ้าหรอกหรือ? อย่างไรเสียเรื่องนี้เจ้าก็ต้องเชื่อใจข้าสักหน่อย! ให้ข้าได้มีโอกาสแสดงมันออกมาบ้างสิ!”
“ความสามารถของเจ้าอ่อนแอเช่นนี้ ข้าเชื่อเจ้าไม่ลงหรอก!”
“ไม่ใช่ว่ามีอาวุธลับเหล่านั้นหรอกหรือ? ตอนนี้เป็นโอกาสเหมาะที่ได้ไปทดลองพลังของอาวุธลับพวกนั้นพอดี ข้าก็อยากจะออกไปดูด้วยเช่นกัน!”
มู่เฉียนซีตัดสินใจว่าจะต้องไป และฉงหมิงก็สนใจเรื่องหลอมอาวุธมากกว่า ฉะนั้นจึงทำได้เพียงแค่ตอบรับ เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่กลัวว่ามู่เฉียนซีจะหนีไปอยู่แล้ว
หลังจากที่ฉงหมิงสั่งการเสร็จ เขาก็ได้จัดตั้งกองกำลังใหม่ขึ้นมากองหนึ่ง และหลังจากที่บอกพวกเขาว่ามู่เฉียนซีเป็นหัวหน้ากองแล้ว เขาก็กลับไปยังห้องหลอมอาวุธของเขาอีกครั้ง
พวกเขาจ้องมองไปที่หญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าอย่างประหลาดใจ “คิดไม่ถึงเลยว่าคุณชายจะให้หญิงสาวคนหนึ่งมาเป็นผู้นำ ไม่ได้มีอะไรผิดพลาดไปใช่หรือไม่!”
“การตัดสินใจของคุณชาย ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามมีคำถามทั้งนั้น!”
“……”
คนในกองกำลังนี้ต่างก็เป็นหัวกะทิทั้งนั้น ซึ่งมีทั้งผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับสูงและผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำ ซึ่งการขนส่งแร่ซวนได้ใช้กองกำลังเช่นนี้ก็ถือว่าแข็งแกร่งมากแล้ว
มู่เฉียนซี จ้องมองไปทางพวกเขาแล้วกล่าวว่า “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าไม่พอใจมาก เช่นนั้นพวกเราก็มาแข่งขันกันเถอะ! โจมตีเข้ามาพร้อมกันเลย ข้าจะได้แสดงวิธีการอำพรางอาวุธใหม่ให้พวกเจ้าดูเสียหน่อย!”
พวกเขาทุกคนต่างก็มองหน้ากันและกัน ไม่ได้ยินผิดไปใช่หรือไม่! ไม่คิดว่าแม่นางน้อยผู้นี้จะให้พวกเขาโจมตีเข้าไปพร้อมกัน
มันจะบ้าระห่ำเกินไปแล้ว!
“นี่เป็นสิ่งที่เจ้าพูดเองนะ หากเจ้าแพ้ขึ้นมาละก็ เจ้าจะต้องยอมแพ้การเป็นหัวหน้ากองกำลังขนส่งหินแร่ในครั้งนี้ไปซะ!”
“ข้าไม่มีทางแพ้หรอก!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างมั่นใจ
“เช่นนั้น ข้าจะเป็นคนสั่งสอนเจ้าเอง!”
ร่างเงาจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งทะยานออกมา และมู่เฉียนซีก็ทำได้เพียงหลบหลีกเท่านั้น หลังจากนั้นก็โจมตีด้วยใช้อาวุธลับหลากหลายชนิดที่อยู่ในมือ
ฟิ้วว!
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
อาวุธลับเหล่านี้ยากที่จะให้คนสามารถป้องกันได้ หลังจากที่ต่อสู้ไปได้ไม่นานนัก พวกเขาเหล่านี้ก็ถึงกับต้องเหงื่อแตกพลั่กกันเลยทีเดียว
“หยุด หยุด หยุด!”
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
“…”
มู่เฉียนซีหยุดมือแล้วกล่าวว่า “พวกเจ้าแพ้แล้ว!”
พวกเขากล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “อาวุธลับเหล่านี้เป็นของที่คุณชายเพิ่งหลอมออกมาใหม่เมื่อครู่ใช่หรือไม่? ช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน ภารกิจครั้งนี้พวกเราจะได้ใช้อาวุธลับเช่นนี้หรือ?”
“ศัตรูอยู่ในความมืด ส่วนพวกเราอยู่ในที่แจ้ง แน่นอนว่าครั้งนี้จะต้องติดตั้งอุปกรณ์ที่แข็งแกร่งที่สุด และต่อไปทุกคนก็จะถูกแบ่งปันให้จำนวนหนึ่งแน่นอน! หากไม่เข้าใจเกี่ยวกับการควบคุมสามารถถามข้าได้ ก่อนออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ พวกเจ้าทุกคนจะต้องสามารถใช้อาวุธลับเหล่านี้ได้อย่างอิสระ”
“ขอรับ!”
แม้ว่าอาวุธลับจะดึงดูดความสนใจของพวกเขา แต่ทว่าพวกเขาก็ยังไม่ค่อยเห็นด้วยกับมู่เฉียนซีอยู่ดี?
แม้ว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปดคนหนึ่งจะสามารถใช้อาวุธลับได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ความสามารถของนางก็อ่อนแอเกินไปจนไม่เหมาะที่จะเป็นหัวหน้ากองได้ ทว่าก่อนหน้านี้พวกเขาได้พ่ายแพ้ไปแล้ว ตอนนี้จึงไม่สามารถพูดอะไรได้อีก
วันรุ่งขึ้น หลังจากที่ทุกคนคุ้นเคยกับการควบคุมอาวุธลับแล้ว พวกเขาก็เริ่มออกเดินทาง!
ฐานที่มั่นขนาดใหญ่ของฉงหมิงเป็นราวกับกำแพงเหล็ก ที่มีการป้องกันที่แข็งแกร่ง แต่ทว่าหลังจากอยู่เป็นเวลานานมันก็แสนจะน่าเบื่อ และในที่สุดมู่เฉียนซีก็ได้ออกมาสูดอากาศที่บริสุทธิ์จนรู้สึกสบายไปทั้งตัวเลยทีเดียว
ก่อนที่จะเดินทางไปยังเหมืองแร่ พวกเขาก็ได้ปลอมตัวเป็นกลุ่มพ่อค้า และรีบออกเดินทางอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าตอนที่กำลังเดินทาง มู่เฉียนซีก็ได้ยินข่าวลือมากมายไปตลอดทั้งทาง ตัวอย่างเช่น…
“รายชื่ออัจฉริยะนักหลอมอาวุธของดินแดนทางทิศ ใต้ออกมาแล้ว มู่หรงโช่วอยู่ลำดับที่หนึ่งของรายชื่อ และมู่เฉินซีก็อยู่ในลำดับที่หนึ่งอีกคนด้วยเหมือนกัน!”
“มู่เฉินซีเป็นใครกัน? เป็นคนเดียวกับมู่เฉินซีที่อยู่ในรายชื่ออัจฉริยะคนนั้นไหม?”
“เจ้านี่ช่างไม่รู้อะไรเสียเลย ข้าได้ยินข่าวมาว่าตอนแรกนักหลอมอาวุธของสำนักเจี้ยนเหมิน...”
“น่าเสียดายที่อัจริยะผู้นี้ ดูเหมือนว่าจะถูกคุณชายฉงหมิงแย่งตัวไปแล้ว หวังว่าคุณชายฉงหมิงจะชื่นชอบในพรสวรรค์การหลอมอาวุธของนาง และอย่าได้ทำลายสาวงามด้วยน้ำมือนั้นก็พอ!”
แม้ว่านางจะถูกฉงหมิงจับตัวไป แต่ทว่าสำนักหลางซิงและตระกูลเซี่ยโหวก็ยังไม่ยอมแพ้ที่จะตามสังหารนาง เพียงแต่ฐานที่มั่นของฉงหมิงนั้นลึกลับเกินไป จนพวกเขาหาไม่เจอเท่านั้นเอง
หลังจากที่ฉงหมิงล้มเหลวในการทดลองครั้งนี้ เขาก็กล่าวด้วยความเคร่งขรึมว่า “ส่งคนไปแล้วหรือยัง?”
“คุณชาย เราได้ส่งคนไปแล้วขอรับ พวกเขาจะต้องปกป้องแม่นางมู่ได้อย่างแน่นอน คุณชายโปรดวางใจ!”
.
.