ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1937 แววตาที่ลุกโชติช่วง
ได้ยินคำพูดของมู่เฉินซีหรือไม่ แววตาที่คลุ้มคลั่งของฉงหมิงจ้องมองไปยังนางอย่างดุดันราวกับสัตว์ร้ายอย่างไรอย่างนั้น “มู่เฉินซี เจ้าเบื่อชีวิตแล้วสินะ! วันนี้ข้าจะยึดชีวิตของเจ้ามาซะ!”
คนอื่น ๆ ต่างจ้องมองไปที่มู่เฉินซีอย่างเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง ภายใต้การคลุ้มคลั่งเช่นนี้ของคุณชาย คิดไม่ถึงเลยว่าแม่นางมู่จะกล้าพูดอย่างนี้ออกมาอีก นี่เป็นการราดน้ำมันลงบนกองไฟอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
แม่นางมู่ช่างเป็นนักรบอย่างแท้จริง!
“อย่าหงุดหงิดขนาดนั้นสิ!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ผลสุดท้ายฉงหมิงยิ่งโมโหมากขึ้นไปอีก จนทำให้คนอื่นไม่กล้าที่จะอยู่ต่อนานเท่าไรนัก และแต่ละคนก็ทยอยล่าถอยไปจริง ๆ
แม้ว่าคุณชายจะโมโหมากแค่ไหน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการจัดการปัญหาสนามนี้ด้วยตนเอง และไม่ได้มีความคิดที่จะต้องการความช่วยเหลือแต่อย่างใด
ถึงฉงหมิงเป็นอัจฉริยะด้านการหลอมอาวุธคนหนึ่ง แต่ทว่าพลังในการต่อสู้ของเขาก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน ซึ่งไม่ได้มีพลังในการต่อสู้ที่ย่ำแย่เหมือนกับนักหลอมอาวุธอัจฉริยะของโรงหลอมอาวุธขั้นสุดยอดผู้นั้นด้วย
ลักษณะการปะทุของพลังธาตุอัคคีที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ถูกฉงหมิงถ่ายทอดออกมาได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
พลังธาตุอัคคีที่ทรงพลังโจมตีเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่า แต่ทว่าการโจมตีของเขาดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผลกับมู่เฉินซีเลย
ถึงแม้ว่าจะหลบหลีกได้แล้ว แต่ทว่ากลับไม่สามารถที่จะเอาชนะได้
จิตวิญญาณในการต่อสู้ของฉงหมิงยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เขากล่าวว่า “เจ้าเป็นถึงจอมภูตพลังธาตุคู่ ฉะนั้นอย่าได้หลบซ่อนมันอีกเลย! แสดงความสามารถออกมาอย่างเต็มที่เถอะ!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้าแข็งแกร่งกว่าข้ามากนัก หากไม่หาจังหวะในการสังหารหรือลอบโจมตี ก็คงไม่มีทางกำจัดเจ้าได้! แต่หากกำจัดเจ้าไปทั้งอย่างนี้ คาดว่าเจ้าคงจะไม่พอใจเป็นอย่างมาก เช่นนั้นเรามาต่อสู้กันให้เต็มที่ไปเลยเถอะ!”
“มังกรวารีสังหาร!”
จะจัดการกับจอมภูตพลังธาตุอัคคี แน่นอนว่าการใช้พลังธาตุวารีนั้นดีที่สุดแล้ว
หลังจากที่มังกรน้ำแข็งสีฟ้าพุ่งทะยานออกมา ฉงหมิงก็กล่าวขึ้นมาอย่างประหลาดใจว่า “จอมภูตพลังธาตุวารี เจ้าโกหกข้า เจ้าไม่ได้บอกว่าเจ้าเป็นจอมภูตพลังธาตุอัคคีอย่างนั้นหรือ?”
มู่เฉียนซีเพียงแค่หัวเราะเบา ๆ แล้วจ้องมองไปที่เขา แต่ไม่ได้ตอบกลับมา และจากนั้นก็โจมตีใส่เข้าไปอีกครั้งหนึ่ง!
“มังกรวารีจงบังเกิด!”
ดูเหมือนว่าพลังวิญญาณธาตุวารีที่น่าสะพรึงกลัวนั้นกำลังทำให้ฉงหมิงจมอยู่ใต้น้ำ และฉงหมิงก็ได้ระเบิดพลังที่แข็งแกร่งออกมาสกัดกั้นเอาไว้เท่าที่จะทนได้
เพียงแต่ว่าตอนนี้เขากลับไม่รู้สึกดีเลยแม้แต่น้อย เพราะราวกับว่าเลือดและพลังกำลังถูกดูดรีดออกไป!
ทักษะธาตุวารีนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก มันทั้งรุนแรงอีกทั้งยังทรงพลังมากด้วย
“คิดที่จะเอาชนะข้า แค่นี้ยังไม่พอหรอกนะ!” ทันใดนั้นเปลวเพลิงบนร่างกายของเข้าก็กลายเป็นลาวา และลาวานั้นก็ไหลทะลักเข้าจู่โจมมู่เฉียนซีราวกับสิ่งมีชีวิตอย่างไรอย่างนั้น
“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
“เกราะพลังวายุ!”
ธาตุวายุและธาตุวารีทั้งสองทำหน้าที่เป็นโล่ขวางกั้นการโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าของเขา และฉงหมิงก็ได้ตระหนักรู้ถึงความแปลกประหลาดของผู้หญิงคนนี้ ซึ่งนั่นก็คือความสามารถในการสลับใช้พลังธาตุทั้งสองได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุคู่มาก่อน แต่คนที่สามารถใช้ทักษะพลังธาตุทั้งสองในเวลาเดียวกันได้อย่างใจนึกเช่นนี้ เขาเคยเห็นมู่เฉินซีเป็นคนแรกอย่างแน่นอน
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
“มังกรวารีท้าสวรรค์!”
ตูมมม โครมมม!
การต่อสู้ที่ดุเดือดของทั้งสองคนบ้าคลั่งเป็นอย่างมาก ถึงจะต่อสู้กันเป็นเวลานานมากแล้วแต่ผลแพ้ชนะก็ยังไม่ออกมาเสียที
คนอื่นไม่กล้าที่จะเข้ามาไปตรวจสอบสถานการณ์ของทางด้านนี้ แต่รู้ว่าการต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป
“สมแล้วที่แม่นางมู่เป็นถึงอัจฉริยะอันดับหนึ่งของดินแดนทางทิศใต้ คิดไม่ถึงเลยว่าต่อสู้กับคุณชายมานานขนาดนี้แล้วยังไม่พ่ายแพ้เสียที!”
“คุณชายไม่ได้ตั้งใจต่อสู้เช่นนี้มานานมากแล้ว ภายใต้สถานการณ์ปกติเขาจะสนใจเพียงการหลอมอาวุธเท่านั้น”
“…”
พลังอันน่าสะพรึงกลัวทั้งสองชนิดปะทะเข้าด้วยกัน หลังจากนั้นก็ผละออก และฉงหมิงก็ตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ
“เจ้าจิ้งจอกบ้านั่นถือว่ามีสายตาที่เฉียบคมมากทีเดียว! แต่เจ้าก็เอาชนะข้าไม่ได้หรอก”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้าก็เอาชนะข้าไม่ได้เช่นกัน!”
ในเมื่อผสมผสานพลังธาตุทั้งสองชนิดนี้แต่ก็ยังไม่อาจจัดการเจ้าหมอนี่ได้ ตอนนี้มู่เฉียนซีจึงเก็บพัดวิหคเฟิงหลิงกลับไป และได้ให้มังกรเพลิงที่เงียบเหงาอยู่เป็นเวลานานแล้วลงมือแทน
“เพลิงสังหารซิวหลัว!”
“จิ่วหลงพิฆาต!”
นานแล้วที่ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้เช่นนี้ ซึ่งมันก็ทำให้มังกรเพลิงทั้งตื่นเต้นและดีใจเป็นอย่างมาก
ในตอนที่มู่เฉียนซีร่ายทักษะวิญญาณทั้งสอง มังกรเพลิงก็ได้ระเบิดพลังอำนาจที่แข็งแกร่งมากที่สุดออกมา!
และในตอนที่มู่เฉียนซีระเบิดพลังธาตุอัคคีออกมานั้น ฉงหมิงก็สัมผัสได้ว่าเปลวเพลิงของตนเองนั้นถูกควบคุมเอาไว้หมดแล้ว
เข้ากล่าวอย่างตื่นตระหนกว่า “ความรู้สึกเช่นนี้ หรือว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นราชันย์แห่งเปลวเพลิงอย่างนั้นหรือ!”
“ผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุสามธาตุ นางยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?”
“ยังมี…ยังมี…”
ฉงหมิงจ้องเขม็งไปที่กระบี่ในมือของมู่เฉียนซีเล่มนั้น และมันก็เป็นกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยเห็นมา ซึ่งจิตวิญญาณของเขาก็ได้ถูกกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณเล่มนี้ดึงดูดไปเสียแล้ว
มู่เฉียนซีก็ผงะไปเช่นกัน และไม่คิดเลยว่าฉงหมิงจะไม่หลบการโจมตีของนางเช่นนี้
เจ้าหมอนี่ที่จริงแล้วตกใจเรื่องที่นางเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุสามธาตุหรือว่าตกใจในแรงกดดันของเปลวเพลิงกันแน่ และมู่เฉียนซีที่ไม่มีทางเลือก ก็ทำได้เพียงแต่ให้มังกรเพลิงถอนพลังกลับคืนมาเท่านั้น
การโจมตีจากขั่วพลังทั้งสองได้หายวับไปทันที ซึ่งในเวลานี้ฉงหมิงที่ได้สติกลับคืนมา ก็กล่าวว่า “นางผู้หญิงบ้า เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่!”
ถึงจะถอนการระเบิดของพลังการโจมตีที่แข็งแกร่งเช่นนี้คืนกลับไป แต่ไม่ถูกสะท้อนกลับช่างถือเป็นเรื่องที่แปลกมากจริง ๆ
มู่เฉียนซีที่ทำท่าเหมือนไม่มีเป็นอะไรเกิดขึ้น กล่าวออกมาว่า “ก่อนหน้านี้คุณชายฉงหมิงยังตะโกนว่าจะตีข้าจะฆ่าข้าอยู่เลย ตอนนี้คงจะไปกินอะไรผิดสำแดงมา จนกลายเป็นคนที่เป็นห่วงข้าไปเสียแล้ว”
“ใครเป็นห่วงเจ้ากัน ข้าแค่กลัวว่าเจ้าจะตายอยู่ที่นี่ แล้วข้าจะถูกเจ้ากระเทยบ้านั้นด่าไม่หยุดไม่หย่อนต่างหาก!”
กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณเล่มนั้นได้ดึงดูกความสนใจของเขาไปจนหมด และมันก็ทำให้เขาไม่ต้องการจะต่อสู้กับมู่เฉียนซีต่อไปแล้ว
เข้าพุ่งมาอยู่เบื้องหน้าของมู่เฉียนซีและจ้องเขม็งไปที่กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณเล่มนั้นด้วยแววตาที่ลุกโชนโชติช่วงพลางกล่าวว่า “กระบี่เล่มนี้ของเจ้า! เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเจ้ามีกระบี่ที่ทรงพลังเช่นนี้ แล้วทำไมชอบใช้แต่มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเทพอันนั้นกัน”
แววตาที่ลุกโชติช่วงที่ดูน่ากลัวนั้น ทำให้มู่เฉียนซีผงะไปเล็กน้อย หรือว่าฉงหมิงจะรู้จักกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อย่างนั้นหรือ?
ฉงหมิงกล่าวว่า “นางผู้หญิงบ้า เอากระบี่เล่มนั้นมาให้ข้าดูหน่อย ให้ข้าดูแล้วข้าจะคุยเรื่องร่วมมือกับเจ้าและจะไม่ลงมือกับเจ้าแล้ว! นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นกระบี่ที่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้”
ในฐานะที่เป็นนักหลอมอาวุธคนหนึ่ง ทำให้สายตาของฉงหมิงมีความพิเศษมาก อีกทั้งยังมีสัญชาตญาณที่แข็งแกร่งมากด้วย และกระบี่เล่มนี้ต้องยอดเยี่ยมมากแน่
แววตานั้นราวกับกำลังจ้องมองสาวงามผู้ทำให้หัวใจหวั่นไหวมากที่สุดในโลกนี้อย่างไรอย่างนั้น และมู่เฉียนซีก็ได้รู้ว่าเจ้าหมอนี่ไม่รู้จักกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ เพียงแต่รู้สึกสนใจในความยอดเยี่ยมของมันเท่านั้น
ความจริงแล้วแววตาของเขานั้นร้อนแรงมาก ซึ่งมันก็ทำให้มังกรเพลิงอดที่จะตัวสั่นเทาขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้
มันพุ่งออกไปแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่อยากให้เจ้ามาแตะต้องข้า ไสหัวไปซะ! เจ้ามันคนโรคจิต!”
“กระซิก ๆ ๆ! เจ้านาย ท่านอย่าให้มันมาสัมผัสข้าเป็นอันขาดเลยนะ!”
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีเล็กน้อยของมังกรเพลิง ฉงหมิงก็รีบร้อนหลบหลีกอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าแววตาคู่นั้นกลับเปล่งประกายมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
“เป็นวิญญาณกระบี่ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีวิญญาณกระบี่ด้วย!”
แดนซวนเทียนนั้นมีปรมาจารย์ที่สามารถหลอมมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่ทว่ามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นยังคงไม่มีหนทางให้กำเนิดวิญญาณกระบี่ออกมาได้อยู่ดี
และความฝันของฉงหมิงก็คือการสร้างมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถให้กำเนิดวิญญาณอาวุธออกมาได้ ฉะนั้นแววตาที่กำลังลุกโชติช่วงเป็นอย่างมากของเขานั้นก็ยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก
มังกรเพลิงทำได้เพียงหลบอยู่ในอ้อมแขนของมู่เฉียนซีด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา มันกล่าวด้วยเสียงที่สั่นเครือว่า “เจ้านาย มนุษย์ผู้นี้โรคจิตเกินไปแล้ว ความโรคจิตของเขาเป็นรองแค่พิฆาตวิญญาณเท่านั้นเอง”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกยิ้มเล็กน้อย หากพิฆาตวิญญาณรู้ว่าเจ้ามังกรเพลิงนี้เอาเขาไปอธิบายเทียบกับมนุษย์คนหนึ่ง คาดว่ามันน่าจะถูกทุบจนตายเป็นแน่
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “มังกรเพลิงค่อนข้างขี้อาย เช่นนั้นก็ช่างมันเสียเถอะนะ!”
“เอาเถอะ! ข้าเคารพในวิญญาณกระบี่ ตอนนี้ข้ายังหลอมแม้แต่มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเทพออกมาไม่ได้ การไปศึกษาวิญญาณอาวุธอย่างมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นเรื่องที่ทะเยอทะยานมากเกินไปหน่อยจริง ๆ” ฉงหมิงกล่าวตอบ
มู่เฉียนซีให้มังกรเพลิงกลับไป พร้อมกับสีหน้าที่อาลัยอาวรณ์ของฉงหมิง
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกยิ้มเล็กน้อย ฉงหมิงผู้นี้เป็นคนที่มีอารมณ์บ้าคลั่ง แต่สำหรับเรื่องหลอมอาวุธนั้นกลับตั้งใจและทุ่มเทเป็นอย่างมาก ซึ่งเหมือนกับตอนที่นางทุ่มเทเรื่องการหลอมยาอย่างไรอย่างนั้นเลย
นางกล่าวว่า “คุณชายฉงหมิง ตอนนี้เจ้าใจเย็น ๆ แล้วมาปรึกษาหารือกับข้าได้หรือยัง? มาคุยเรื่องความร่วมมือกันเถอะ!”
.